บทที่ 218 โลกนี้แคบจริงๆ
เมี๋ยวชุ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย: “ทำไมพวกเขากลับรถล่ะ?”
“พวกเขากลับรถ พวกเราก็กลับรถเถอะ” หลี่ต๋าคางพูดขึ้น
“คุณเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นมั้ย? เด็กคนนี้สวยดีนะ อีกอย่างเมื่อกี้ตอนที่ลูกชายเราตกอยู่ในอันตราย เด็กคนนี้ก็ออกมา ปกป้องอยู่ข้างหน้าลูกชายของเรา” เมี๋ยวชุ่ยพูด ใบหน้าแสดงให้เห็นถึงรอยยิ้มที่พอใจ: “ลูกชายพวกเรา ก็ใกล้จะยี่สิบแล้วสินะ”
“ถึงแม้เด็กคนนั้นดูแล้วจะโตกว่าลูกชายเรา แต่ตามสุภาษิต หญิงแก่กว่าชายสามปี ถึงจะมั่งคั่ง สงสัยลูกชายของพวกเรา คงจะได้มั่งคั่งแล้วแหละ” เมี๋ยวชุ่ยพูดพลางหัวเราะคิกๆ
สีหน้าของหลี่ต๋าคาง เหมือนจะไม่ค่อยแฮปปี้
ยังไง ในใจของหลี่ต๋าคาง ก็ได้ตัดสินใจว่าจะให้ลู่หลุ่ยเป็นลูกสะใภ้มาตั้งนานแล้ว
หลี่ต๋าคางพูดเสียงเรียบ: “เธอมองไม่ออกเหรอ ที่ลูกชายพวกเราไปมีเรื่องกับตระกูลมู่ ทั้งหมดก็เพราะผู้หญิงคนนั้น?”
“ฉันได้ยินมานานแล้ว ว่าผู้หญิงคนนี้ ชื่อว่าหลินชิงชิง เป็นลูกสาวลูกพี่หลินแห่งตงไห่ หล่อนมีคู่หมั้นอยู่แล้ว ก็คือมู่เสี่ยวไป๋ ครั้งก่อนที่โรงเรียนลูกชายเราโดนแทง สืบความไปมา เหตุผลก็มาจากหลินชิงชิง” ”
หลี่ต๋าคางพูดอย่างรังเกียจเล็กน้อย: “แม่ตัวต้นเหตุ”
“ชิชิชิ ตัวต้นเหตุอะไรกัน ที่มู่เสี่ยวไป๋นั่นมาหาเรื่องลูกชายเรา ก็ไม่ใช่เพราะเด็กคนนั้นสั่งสักหน่อย คุณอย่ามองคนในแง่ร้ายนักสิ ฉันว่านะ แม่หนูคนนี้ใช้ได้ อีกอย่างก็เข้ากับฉันได้ดีแน่” ในหัวของเมี๋ยวชุ่ย ก็นึกถึงภาพที่หลินชิงชิงต่อยตี ทันใดนั้นก็รู้สึกว่ามีส่วนคล้ายกับตัวเองมาก
เมี๋ยวชุ่ยรีบขับตามหลังรถเบนซ์G-Class แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะแซง
“พวกเขาจะไปไหนกันแน่เหนี่ย?” เมี๋ยวชุ่ยพลางเอ่ยปาก และถามขึ้น
“ส้าวส้วยบอกแล้วไม่ใช่เหรอ? ว่าลูกชายเราไปซื้อบ้าน” หลี่ต๋าคางพูด
“เสี่ยวฝางคงจะไม่ได้ซื้อบ้านเก็บไว้ เอาไว้ขายหรอกนะ? ธุรกิจอสังหา ฟองสบู่แตกไปนานแล้วนะ” เมี๋ยวชุ่ยขมวดคิ้ว และพูดอย่างไม่ค่อยแฮปปี้
“ถ้าลูกอยากจะซื้อเก็บไว้ ก็ซื้อไปเถอะ ถึงยังไงเงินของพวกเรา ก็เยอะจนใช้ไม่หมดแล้ว” หลี่ต๋าคางพูดขึ้นอย่างไม่รู้สึกรู้สา
“ก็จริง ลูกอยากจะซื้อ ก็ให้ลูกซื้อไปเถอะเนอะ” เมี๋ยวชุ่ยพยักหน้า แล้วพูดตาม
ขับรถตามหลี่ฝางมา จนมาถึงบ้านบนแนวเขา
เมื่อมาถึงสำนักงานขาย ก็เกือบจะหกโมงแล้ว
เวลานี้ ก็ใกล้เวลาเลิกงานของพวกเขาแล้ว
ในตอนนั้นที่สำนักงานขาย ก็เหลือแค่พนักงานขายสาวที่ชื่อว่าถิงถิงอยู่คนเดียว
เมื่อหลี่ฝางกับหลินชิงชิงเข้าไป ก็แสดงถึงเจตนาชัดเจน
ถิงถิงมองหลี่ฝางกับหลินชิงชิงอย่างละเอียด สายตาดูแคลนอย่างเห็นได้ชัด
บ้านแนวเขา แต่ละหลังราคามากกว่าสิบล้าน คนธรรมดา จะซื้อไหวเหรอ?
และลักษณะของหลี่ฝางกับหลินชิงชิง ก็คือคนธรรมดาชัดๆ เสื้อผ้าที่พวกเขาใส่ ยังดีไม่เท่าที่ถิงถิงใส่เลย
เพราะงั้น ในตอนนี้ ถิงถิงจึงหมดความสนใจที่จะต้อนรับแล้ว
“ขอโทษนะคะ พวกเราเพิ่งจะเลิกงานค่ะ รบกวนทั้งสองท่านมาวันอื่นนะคะ” ถิงถิงยิ้ม อยากจะรีบๆ ไล่ให้หลี่ฝางกับหลินชิงชิงออกไป
หลินชิงชิงผิดหวังเล็กน้อย: “ทำไมเลิกงานเร็วจัง ยังไม่หกโมงเลยนะ?”
“ใช่ค่ะ พวกเราเลิกงานห้าโมงครึ่งค่ะ” ถิงถิงพูดพลางยิ้ม
“งั้นพวกเราค่อยมาพรุ่งนี้เถอะ” หลี่ฝางก็ไม่ได้โวยวายอะไร พูดพลางหันหลังกลับ
แต่ในตอนนั้น ก็มีชายหนึ่งหญิงหนึ่งเดินเข้าประตูมา
“คุณชายจ้าว คุณมาได้ยังไงคะ?” ถิงถิงมองไปที่พวกเขา แล้วเข้าไปหาอย่างเป็นมิตร
“จ้าวเสี่ยวตาว?” หลี่ฝางมองไปที่ผู้ชายคนนั้น พลางขมวดคิ้ว
คิดไม่ถึงว่าจ้าวเสี่ยวตาวคนนี้จะฟื้นตัวได้เร็วแบบนี้ เพิ่งโดนส้าวส้วยอัดจนกระอักเลือด วันนี้ก็มาซื้อบ้านซะแล้ว
“คุณหนูใหญ่เฉียน คุณก็มาด้วยเหรอ ได้ยินมาว่าคุณจะแต่งงานกับคุณชายจ้าวในเร็วๆ นี้ ยินดีกับพวกคุณด้วย จริงๆ ” ถิงถิงเยินยอ ผู้หญิงคนนั้นเช่นกัน
ผู้หญิงคนนี้ ไว้ผมสั้น สวมชุดออกกำลังกายของNike มองเผินๆ ก็ไม่เหมือนกับคุณหนูใหญ่
หล่อนคล้องแขนจ้าวเสี่ยวตาวไว้แน่น ดูยังไงก็คือแฟนกันอย่างไม่ต้องสงสัย
“ข้อมูลเธอดีนี่” คุณชายจ้าวมองถิงถิง แล้วยิ้มอ่อน
“งานหมั้นของคุณชายจ้าวกับคุณหนูใหญ่เฉียน ในเมืองเอกนี้มีใครที่ไม่รู้ล่ะ!” ถิงถิงพูดอย่างประจบสอพลอ: “นี่เป็นข่าวใหญ่ในเมืองเอกเลยนะคะ”
จ้าวเสี่ยวตาวเม้มปาก แล้วยิ้มอย่างภูมิใจ: “ใช่แล้ว ใกล้จะหมั้นแล้ว เลยมาดูคฤหาสน์บ้านซานของพวกเธอ เตรียมตัวจัดบ้าน”
“บ้านแนวเขาใกล้เขาใกล้น้ำ ก็ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ล้ำค่าของเมืองเอกเลย” จ้าวเสี่ยวตาวพูดแสดงความคิดเห็น
“จะไม่ใช่ได้อย่างไรคะ เมื่อครู่คุณท่านตระกูลมู่ทั้งสองท่าน เพิ่งจะมาจองไปหนึ่งหลังค่ะ” ถิงถิงพูด พลางยิ้ม
“อ่อ จริงเหรอ? พวกเขาจองบ้านหลังที่เท่าไหร่ไปล่ะ?” หลังจากที่จ้าวเสี่ยวตาวได้ยิน ก็ถามกลับทันที
“หลังที่หกค่ะ”
“งั้นหลังที่ห้ากับหลังที่เจ็ดยังว่างมั้ย?” จ้าวเสี่ยวตาวเลิกคิ้วขึ้น
สังคมคนรวย ก็มีแบ่งชนชั้นอยู่
อันดับหนึ่ง คือตระกูลฉิน ตระกูลมู่สองตระกูลนี้ ยกตัวอย่างเช่นฉินวี่เฟย มู่เสี่ยวไป๋ ล้วนแต่เป็นตระกูลที่โดดเด่น
อันดับสอง คือตระกูลของสวีถึงเฟย หยูถึงไม่กี่คนนี้
ส่วนจ้าวเสี่ยวตาว ก็แค่อันดับที่สาม
แต่ว่าคู่หมั้นของจ้าวเสี่ยวตาว เฉียนเป่าเอ๋อ อยู่ในชนชั้นที่สอง
จะให้พูด ฐานะชนชั้นของเฉียนเป่าเอ๋อคนนี้ สูงกว่าจ้าวเสี่ยวตาวเล็กน้อย
“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ หลังที่ห้ากับเจ็ด มีคนจองล่วงหน้าไว้แล้วค่ะ ยังเหลือหลังที่แปดอยู่ค่ะ คุณว่าเป็นยังไงคะ?” มองไปที่จ้าวเสี่ยวตาว ถิงถิงเอ่ยถามอย่าลังเล
“ฉันจะเตือนเธอไว้นะ เล่นแง่ให้มันน้อยๆ หน่อย พวกเธอขายบ้าน ชอบพูดไปเรื่อย บอกว่าหลังนี้ขายไปแล้ว หลังนั้นก็ถูกคนจองไปแล้ว เหลืออยู่แค่หลังเดียวแล้ว จากนั้นก็สร้างภาพว่าขายดิบขายดี” จ้าวเสี่ยวตาวหึออกมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงโมโหเล็กน้อย: “พวกเราคนตระกูลจ้าว ก็ลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เพราะงั้นวิธีการขายแบบพวกเธอ ฉันรู้ดีกว่าพวกเธออีก”
“บอกฉันมาตามตรง หลังที่ห้ากับเจ็ด ยังว่างอยู่มั้ย?” จ้าวเสี่ยวตาวมองถิงถิงอย่างเย็นชา แล้วถามขึ้น
“คุณชายจ้าว คุณคิดว่า พนักงานขายต๊อกต๋อยอย่างดิฉัน จะกล้าใช้วิธีเล่นแง่แบบนี้ กับคนฐานะอย่างคุณเหรอ? ลูกค้าที่มาซื้อคฤหาสน์บ้านซาน มีใครไม่ใช่คนมีเงินมีทอง จะมีเหรอที่คุณชายจ้าวจะไม่รู้จัก?”
“ถ้าวันนี้ดิฉันปิดบังคุณ พรุ่งนี้ถูกคุณจับได้ งั้นดิฉันไม่ซวยหรอกเหรอ?” ถิงถิงหัวเราะเหอะๆ พลางพูด
จ้าวเสี่ยวตาวได้ฟัง ก็คิดอยู่ครู่ ก็มีเหตุผล
ในเมืองเอกคนที่สามารถซื้อคฤหาสน์บ้านซานได้ โดยส่วนใหญ่จ้าวเสี่ยวตาวก็สามารถติดต่อได้
“งั้นเธอบอกฉันมา ว่าบ้านหลังที่ห้ากับเจ็ด ถูกใครซื้อไป?” จ้าวเสี่ยวตาวเค้นถาม
ถิงถิงพูดขึ้น: “ข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า ดิฉันไม่สะดวกที่จะบอกคุณค่ะ คุณชายจ้าว”
“แต่ว่าที่ดิฉันสามารถบอกได้ คือเจ้าของบ้านหลังที่เจ็ด ฐานะของเขา ไม่ได้ด้อยไปกว่าคุณชายทั้งสองของตระกูลมู่เลยค่ะ”
ถิงถิงเลิกคิ้ว แล้วพูดล่อลวงจ้าวเสี่ยวตาว: “เพราะงั้น ดิฉันแนะนำให้ท่านจองบ้านหลังที่แปดเลยดีกว่าค่ะ”
“ในเมืองเอกนี้ คนที่มีฐานะสูงกว่าตระกูลมู่ มีไม่กี่คน” จ้าวเสี่ยวตาวขมวดคิ้ว: “เธอรีบบอกฉันมา เขาชื่ออะไร?”
ถิงถิงทำหน้าลำบากใจ
“คุณชายจ้าว ไม่ใช่ว่าดิฉันไม่พูด ลูกค้ามีความต้องการให้เก็บเป็นความลับ ไม่ให้ดิฉันพูดให้คนนอกฟังค่ะ” ถิงถิงขมวดคิ้ว แล้วทำหน้าลำบากใจ
“ถ้าเธอบอกฉัน ฉันจะซื้อทันที” จ้าวเสี่ยวตาวพูดลวกๆ
“แบบนี้โอเคใช่มั้ย?” จ้าวเสี่ยวตาวพูดโน้มน้าว
“คุณชายจ้าว ดิฉันสามารถบอกได้แค่ว่า เธอมาจากเมืองทิศตะวันออกเฉียงใต้ คนตระกูลแซ่มีสองพยางค์ค่ะ” ถิงถิงทำเสียงเบา แล้วพูด
“แซ่สองพยางค์?” จ้าวเสี่ยวตาวตาเป็นประกาย แล้วพูดขึ้นทันที
“คุณชายจ้าว ฉันไม่ได้พูดอะไรเลยนะคะ” ถิงถิงพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ
“ฮ่าๆ ฉันเข้าใจสิ่งที่เธอจะสื่อ ไปเถอะ พาฉันไปดูบ้านหน่อย ถ้าหากบ้านไม่มีปัญหาอะไรละก็ ฉันจะวางเงินมัดจำทันที”
“ใช่แล้ว บ้านแนวเขานี้ตารางวาละเท่าไหร่นะ?” จ้าวเสี่ยวตาวถามขึ้น
“ถ้าเป็นบ้านหลังที่แปด ราคาถือว่าถูกอยู่ค่ะ ตารางวาละหกหมื่นกว่าค่ะ แต่ว่าหากคุณชายจ้าวต้องการ ดิฉันสามารถถามฝั่งเจ้านายดู ว่าสามารถลดให้คุณได้มั้ย” ถิงถิงพูด
“ตารางวาละหกหมื่นกว่า?” จ้าวเสี่ยวตาวหน้าซีดอยู่ครู่: “งั้นบ้านหลังที่แปด ใหญ่ขนาดไหนเหรอ?”
“สี่ร้อยกว่าตารางวาค่ะ” ถิงถิงบอก
“โห นั่นไม่ใช่ยี่สิบสี่ล้านกว่าเลยเหรอ?” จ้าวเสี่ยวตาวกลืนน้ำลาย เห็นได้ชัดว่าตกใจกับราคา
นับเงินในมือของจ้าวเสี่ยวตาว อาจจะมีแค่สิบล้านกว่าๆ เท่านั้นเอง
ขณะนั้นเฉียนเป่าเอ๋อก็ขมวดคิ้ว: “แค่ยี่สิบกว่าล้านไม่ใช่เหรอ? ตระกูลจ้าวของพวกคุณจ่ายไม่ไหว ตระกูลเฉียนของพวกเราก็จ่ายได้”
“เงินที่ซื้อบ้าน จะให้ตระกูลเฉียนของพวกเธอออกได้ยังไงล่ะ ถ้าหากฝ่ายหญิงเป็นคนซื้อบ้าน งั้นเท่ากับว่าฉันเป็นอะไร? ลูกเขยแต่งเข้าบ้านเหรอ?” เมื่อจ้าวเสี่ยวตาวได้ยินคำพูดนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะโมโห
ถ้าหากต้องให้ตระกูลเฉียนออกเงินให้จริงๆ งั้นเขาคงจะโดนคนอื่นล้อจนตายเลย
เพราะงั้นเงินที่จะเอามาซื้อบ้าน ยังไงก็จะให้ตระกูลเฉียนออกไม่ได้เด็ดขาด
ก็แค่ยี่สิบสี่ล้านไม่ใช่เหรอ? ตระกูลจ้าวใช่ว่าจะจ่ายไม่ไหว แค่ต้องกลับไปบ้านหารือกันนิดหน่อยเท่านั้น
“พาฉันไปดูบ้านเถอะ ถ้าหากบ้านโอเค ฉันก็จะจองไว้” จ้าวเสี่ยวตาวพูด
สีหน้าของถิงถิง ก็ตื่นเต้นขึ้นมาในทันที หากขายบ้านได้หนึ่งหลัง เธอก็ทำเงินได้เยอะมากๆ
อย่างต่ำก็ต้องได้หลายแสนจากการขายนี้
“ค่ะ คุณชายจ้าวรอสักครู่นะคะ ดิฉันขอไปหยิบกุญแจก่อนค่ะ” ถิงถิงพูด
เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่ฝางก็ไม่แฮปปี้ เขาขวางทางถิงถิงไว้ แล้วพูดด้วยความโมโหเล็กน้อย: “เธอเลิกงานแล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังพาลูกค้าไปดูบ้านได้ล่ะ!”
“นั่นสิ แบบนี้หมายความว่าไง?” หลินชิงชิงจ้องถิงถิงตาเขม็ง