บทที่ 221 ผมมีบาร์มูลค่าสองพันล้าน
ถิงถิงบอกอย่างจนคำพูดว่า “มีสิ บ้านหมายเลขหนึ่งมีเนื้อที่กว่าหนึ่งพันสองร้อยตารางเมตรนะ ใหญ่กว่าที่นี่เป็นสามเท่า คุณจะซื้อเหรอ”
เพิ่งจะพูดจบ ถิงถิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ เป็นการหัวเราะแบบเยาะเย้ย
“บ้านใหญ่ขนาดนี้ คุณยังรู้สึกว่าเล็กไป ช่างน่าขันจริงๆ”ถิงๆส่ายหน้า “อย่าว่าบ้านนี้ที่มีเนื้อที่สี่ร้อยกว่าตารางเมตรเลย ถึงจะแค่สี่สิบกว่าตารางเมตร ก็ต้องใช้เงินสองล้านกว่านะ”
“สองล้านกว่า ฉันว่าพวกคุณก็ควักออกมาไม่ได้หรอก”ถิงถิงพูดอย่างดูแคลน จ้าวเสี่ยวตาวได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
จ้าวเสี่ยวตาวคิดในใจ เจ้าบ้านี่ ไม่มีเงินก็ช่างเถอะ แต่ยังคุยซะใหญ่โต
เมื่อกี้ที่จ้าวเสี่ยวตาวพูดสวนไป บ้านพักหลังนี้ใหญ่ไปหรือเปล่า
พอถึงปากของหลี่ฝาง กลับกลายเป็นว่าเล็กไปซะงั้น
นี่มันกำลังประชดตัวเองชัดๆ
จ้าวเสี่ยวตาวยิ้มเย็นพูดขึ้นว่า “หลี่ฝาง นายไม่มีเงินก็ยอมรับมาเถอะ จะเสแสร้งทำไม ยังรังเกียจว่าบ้านหลังนี้เล็ก นายอยากได้ใหญ่แค่ไหนกันเชียว”
“เมื่อกี้เธอบอกว่าบ้านหมายเลขหนึ่งหนึ่งพันสองร้อยกว่าตารางเมตร ผมรู้สึกว่า บ้านหมายเลขหนึ่งยังพอไหว”
หลี่ฝางมองจ้าวเสี่ยวตาว พูดอย่างเรียบเฉย “บ้านหมายเลขแปดก็ยกให้พวกคุณแล้วกัน ผมจะซื้อบ้านหมายเลขหนึ่งเอง”
“คำโบราณว่าไว้ เจ็ดขึ้นแปดลง เลขที่บ้านหลังนี้ มันไม่ค่อยมงคลเท่าไหร่”หยุดไปชั่วครู่ หลี่ฝางยังจงใจพูดขึ้นอีก
ตอนนี้เอง จ้าวเสี่ยวตาวทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาสบถคำหยายออกมาก “บ้าเอ๊ย นี่นายอยากทำให้ฉันกลัวงั้นเหรอ”
“แปดมีความหมายว่ารุ่งเรือง นายรู้หรือเปล่า”จ้าวเสี่ยวตาวใช้สายตาดุดันจ้องมองหลี่ฝาง ถิงถิงได้ยินคำพูดของหลี่ฝาง ก็โมโหเหมือนกัน
คำพูดของหลี่ฝาง เห็นได้ชัดว่าจงใจทำให้เสียเรื่องชัดๆ
ถิงถิงขมวดคิ้ว พูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ดูก็ดูแล้ว ฉันว่าคุณรีบออกไปดีกว่า”
“ถ้าคุณยังไม่ไป ฉันจะเรียกร.ป.ภ.แล้ว อย่ามาทำลายบรรยากาศการดูบ้านของคุณชายจ้าว”ถิงถิงพูดแกมข่มขู่
“ช่างเถอะ ให้พวกเขาอยู่นี่แหละ ”เฉียนเป่าเอ๋อพูดขึ้นในตอนนี้เอง
“เป่าเอ๋อ คุณให้พวกเขาอยู่ต่อทำไม ”จ้าวเสี่ยวตาวถลึงตามองไปยังเฉียนเป่าเอ๋อ
“ฉันก็ไม่รู้ แต่รู้สึกว่าเขามีอะไรบางอย่างน่าสนใจ”เฉียนเป่าเอ๋อมองไปยังหลี่ฝาง สายตามีแววซับซ้อนพูดขึ้นว่า “ฉันก็เคยเจอคนธรรมดาๆที่มันชอบอวดร่ำอวดรวยอยู่ไม่น้อย แต่คนธรรมดาอย่างนี้ พอถึงสังคมที่สูงกว่า ก็จะเปิดเผยฐานะเดิมออกมา”
“คุณดูเขาสิ ดูเป็นธรรมชาติมากนะ น้ำเสียงที่เขาพูดเมื่อกี้ เหมือนกับรังเกียจจริงๆที่บ้านนี้เล็กเกินไป ”
เฉียนเป่าเอ๋อเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “ฉันรู้ เขาคงกำลังคุยโม้ อาจเป็นแค่นักต้มตุ๋นคนหนึ่งก็ได้”
“แต่บนตัวเขา เหมือนมีเสน่ห์บางอย่าง ที่ดึงดูดคนโดยเฉพาะ”เฉียนเป่าเอ๋อมองหลี่ฝางอย่างรู้สึกสนใจ
ได้ยินคำนี้ สีหน้าของจ้าวเสี่ยวตาวก็เขียวคล้ำลง
ภรรยาในอนาคตของเขา กล้าพูดต่อหน้าเขาว่า ผู้ชายอีกคนมีเสน่ห์ดึงดูดกว่า
เฉียนเป่าเอ๋อชื่นชอบหนังรักเรื่องหนึ่งมากที่สุด นั่นก็คือไททานิค
และหลี่ฝาง ก็เหมือนกับพระเอกในเรื่องไททานิค แจ็ค
ในหนังเรื่องไททานิค ตอนที่พระเอกเข้าร่วมงานสังสรรค์ของพวกคนรวย ไม่ได้รู้สึกขี้ขลาดหวาดกลัวเลยสักนิด กลับคุยโวโอ้อวด ทำตัวได้เนียนมาก
แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่าง หลี่ฝางนั้นขี้โม้ แต่ก็โม้ได้เป็นธรรมชาติมาก
ในใจของจ้าวเสี่ยวตาวโมโหจนลุกเป็นไฟ แต่ก็ไม่กล้าใส่อารมณ์กับเฉียนเป่าเอ๋อ
เพราะการหมั้นหมายของทั้งสองตระกูลจ้าวเฉียน เป็นตระกูลจ้าวที่ทุ่มสุดกำลังเพื่อให้ได้มา ตระกูลจ้าวของพวกเขา เห็นได้ชัดว่าต้องการดองกับตระกูลที่มั่งคั่งกว่า
ทั้งทางด้านการเงินและฐานะ ได้บ่งบอกถึงสถานะของครอบครัว
แม้ว่าภายหลังจะแต่งงานกันแล้ว ก็ต้องฟังเฉียนเป่าเอ๋อ ทีหลัง จ้าวเสี่ยวตาวต้องทนดูสีหน้าของเฉียนเป่าเอ๋อไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ตาม
“พวกเราไปดูข้างบนกันเถอะ”เฉียนเป่าเอ๋อพูดขึ้น
ตอนที่พูด ยังมองไปยังหลี่ฝาง สายตานั้น เห็นได้ชัดว่ามีแววเชิญชวน
หลี่ฝางส่ายหน้า ปฏิเสธความหวังดีของเฉียนเป่าเอ๋อ “ช่างเถอะ ผมไม่ขึ้นไปดีกว่า”
“เป็นอะไรไป”เฉียนเป่าเอ๋อถามขึ้นอย่างอยากรู้ “ในเมื่อเข้ามาแล้ว ทำไมไม่ดูให้ทั่วล่ะ”
“ผมเพิ่งพูดไป บ้านหลังนี้ เล็กเกินไป ไม่เป็นอย่างที่ผมอยากได้ ฉะนั้นไม่ว่าข้างบนจะตกแต่งได้หรูหราแค่ไหน ผมก็ไม่สนใจ”หลี่ฝางพูดพลางส่ายหัว
“ไปกันเถอะ พวกเราออกไปเดินดูข้างนอกกัน”หลี่ฝางหมุนตัวกลับไป พูดกับหลินชิงชิง พูดจบ หลี่ฝางกับหลินชิงชิงก็เดินออกจากประตูบ้านไป
“เสแสร้งเก่งจริงๆ ผมโตมาขนาดนี้ ก็เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก”จ้าวเสี่ยวตาวรู้สึกทนไม่ได้
นี่มันยี่สิบกว่าล้านนะ บ้านสี่ร้อยกว่าตารางเมตร แต่หลี่ฝางรังเกียจบอกว่าเล็กเกินไป
“รังเกียจนั้นรังเกียจนี่ เหมือนกับว่าตัวเองจะมีปัญญาซื้อ ”จ้าวเสี่ยวตาวพูดด้วยน้ำเสียงโมโห
“ตอนแรกอารมณ์ก็ดีๆอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้ถูกเจ้าบ้านี่ทำลายบรรยากาศซะหมด”
เฉียนเป่าเอ๋อกลับรู้สึกไม่ถือสา “ข้าวชนิดเดียวเลี้ยงคนหลายประเภท สังคมนี้ ไม่มีคนประเภทไหนบ้างล่ะ ฉันว่านะจ้าวเสี่ยวตาว ใจของคุณมันคับแคบไปหน่อยแล้วมั้ง เขาก็แค่บอกว่าบ้านหลังนี้มันเล็กไปหน่อย ก็ทำให้คุณโมโหซะขนาดนี้ ”
“เป็นผู้ชายอกสามศอก ใจกว้างหน่อยได้หรือเปล่า”เฉียนเป่าเอ๋อตำหนิจ้าวเสี่ยวตาว
“เฉียนเป่าเอ๋อ ผมเป็นว่าที่เจ้าบ่าวของคุณนะ คุณอย่าพูดจาห่างเหินเหมือนผมเป็นคนนอก เอาแต่ว่าผมอย่างเดียว”
ในที่สุดจ้าวเสี่ยวตาวก็อดไม่ได้ “หลี่ฝางเขาขี้โม้ซะขนาดนี้ คุณกลับบอกว่าเขามีแรงดึงดูด”
“เหอะเหอะ ขี้โม้ยังเรียกว่าดึงดูดได้ เขาก็แค่ยาจก แม้แต่บ้านธรรมดาในตัวเมืองเอก ก็คงต้องซื้อด้วยความยากลำบาก แต่เขากลับบอกว่าจะซื้อบ้านหมายเลขหนึ่งที่มีเนื้อที่หนึ่งพันสองร้อยตารางเมตรเนี่ยนะ”
“ถ้างั้นผมคงซื้อเครื่องบินซื้อระเบิด ซื้อทั้งเมืองได้แล้วมั้ง”จ้าวเสี่ยวตาวเดือดปุดๆ พูดเรื่องที่ตนไม่พอใจต่อหลี่ฝาง ออกมาจนหมดในคราเดียว
“เขาชอบขี้โม้ แต่ว่า พอเขาโม้แล้ว ก็เหมือนจะเป็นจริง”
เฉียนเป่าเอ๋อหัวเราะออกมาอย่างอดไม่ได้ จากนั้นสมองก็ผุดภาพของหลี่ฝางที่โม้อย่างเป็นงานเป็นการ
ระหว่างพูด ก็ขึ้นไปถึงชั้นสองแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นวิวทิวทัศน์ หรือว่าการตกแต่งโดยรวม ล้วนทำได้เฉียนเป่าเอ๋อพอใจนัก
เฉียนเป่าเอ๋อพยักหน้า “เอาหลังนี้แหละ”
“คุณหนูเฉียน ความหมายของคุณคือ”ถิงถิงได้ยินคำนี้ อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น
“ซื้อ”เฉียนเป่าเอ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พูดว่า “ธรรมชาติสวยงาม ทิวทัศน์กว้างไกล ว่างๆไม่มีอะไรทำก็นั่งอ่านหนังสือชั้นบน จิบกาแฟ ก็ไม่เลว”
“เดี๋ยวก่อน ผมขอโทรหาพ่อผมก่อน ”จ้าวเสี่ยวตาวพูดขึ้นอย่างไม่ค่อยมีความมั่นใจในความสามารถที่จะซื้อนัก
ก่อนออกจากประตู จ้าวควนพ่อของจ้าวเสี่ยวตาวบอกว่า ตอนที่เลือกบ้าน ทางที่ดีอย่าให้เกินงบสิบล้าน
ตอนนี้บานปลายเป็นยี่สิบล้าน คิดแล้วก็มากกว่าเป็นเท่าตัว
จ้าวเสี่ยวตาวคำนวณให้จ้าวควนฟัง หากไม่ได้รับความเห็นชอบจากจ้าวควน จ้าวเสี่ยวตาวจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อบ้านแพงขนาดนี้
หลายนาทีผ่านไป
สีหน้าของจ้าวเสี่ยวตาวไม่สู้ดีนักเดินกลับไปตรงหน้าเฉียนเป่าเอ๋อ “เป่าเอ๋อ พ่อผมบอกว่าซื้อบ้านเป็นเรื่องใหญ่ ให้พวกเราดูหลายๆหลังไปก่อน หากไม่มีที่ถูกใจกว่านี้แล้ว พวกเราค่อยกลับมาซื้อหลังนี้ ”
“ดูบ้านนี่เหนื่อยจริงๆ และฉันก็ไม่ชอบเลือกไปมา ฉันจะกลับไปบอกพ่อเอง บ้านหลังนี้ ตระกูลเฉียนของฉันจะออกให้สิบล้าน”
เฉียนเป่าเอ๋อพูด “คุณวางใจได้ บนโฉนดที่ดิน จะเขียนแค่ชื่อคุณคนเดียว ”
เฉียนเป่าเอ๋อรู้ดีอยู่แก่ใจ ที่พ่อของจ้าวเสี่ยวตาวให้ดูหลายๆหลัง ก็เพราะว่าหลังนี้มันแพงเกินไป
ฉะนั้น เฉียนเป่าเอ๋อจึงขอแบกรับภาระครึ่งหนึ่งอย่างตรงไปตรงมา
จ้าวเสี่ยวตาวมองเฉียนเป่าเอ๋ออย่างรู้สึกอึ้งๆ ตระกูลเฉียน มีเงินมากขนาดนั้นเชียว
“ถ้างั้นผมขอถามพ่อผมดูอีกทีละกัน”จ้าวเสี่ยวตาววิ่งไปอีกฝั่ง โทรหาจ้าวควนพ่อของเขา
เฉียนเป่าเอ๋อส่ายหน้า รู้สึกผิดหวังในตัวจ้าวเสี่ยวตาวอยู่บ้าง
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องถามคนที่บ้าน ไม่มีความคิดเห็นของตนเองหรือตัดสินใจเองเลยสักนิด แล้วตัวเธอเอง จะต้องแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์แบบนี้จริงเหรอ
คิดดูแล้ว อารมณ์ของเฉียนเป่าเอ๋อ ก็เริ่มขุ่นมัวอีกครั้ง
เสียดาย คุณปู่ของเฉียนเป่าเอ๋อ เฉียนโตโตได้ตัดสินใจเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ไปแล้ว เธอเองก็ยากจะขัดคำสั่งได้
หลังจากที่จ้าวเสี่ยวตาวกลับมา ใบหน้ามีฉายแววยินดี
“เป่าเอ๋อ พ่อผมเห็นด้วยแล้วนะ”
จ้าวเสี่ยวตาวพูดขึ้น “อีกเดี๋ยว พ่อผมจะโทรหาผู้รับผิดชอบโครงการคฤหาสน์บ้านซาน ให้พวกเขาลดให้เราหน่อย”
เฉียนเป่าเอ๋อก็เพียงแต่ตอบรับเรียบๆ บนใบหน้าไม่ได้แสดงความดีใจอะไร
แต่ถิงถิงที่อยู่อีกฝั่งดีใจจนเนื้อเต้น บ้านหลังนี้ จะขายออกแล้ว ถ้าเป็นอย่างนี้ ค่าคอมฯหลายแสนของตน ก็คงจะถึงมือซะที
พวกถิงถิงเพิ่งออกจากบ้าน หลี่ฝางก็ถามถิงถิงว่า “พาผมไปดูบ้านหมายเลขหนึ่งได้หรือเปล่า ”
“หึหึ คุณรู้หรือเปล่าว่ามันราคาเท่าไหร่”
ถิงถิงกลอกตาให้กับหลี่ฝาง “ราคาของบ้านหมายเลขหนึ่ง แพงเป็นสามเท่าของราคาบ้านธรรมดา ต้องใช้หนึ่งแสนแปดหมื่นต่อตารางเมตร”
“หนึ่งพันสองร้อยตารางเมตร หนึ่งตารางเมตรหนึ่งแสนแปดหมื่นแปด ทั้งหมดต้องใช้เงินสองร้อยกว่าล้าน”
“บ้านราคาสองร้อยกว่าล้าน คุณคิดว่าจะเข้าไปดูก็ดูได้เลยเหรอ”ถิงถิงมองหลี่ฝางด้วยสายตาดุร้าย
หลี่ฝางได้ยินแล้ว ก็เพียงแต่ตอบรับเบาๆ พูดกลับไปว่า “สองร้อยกว่าล้าน ก็ไม่ได้แพงมากนี่นา”
“แต่ว่าตอนนี้ในมือผม ไม่ได้มีเงินสดมากขนาดนั้น ขอถามหน่อย บ้านที่นี่ วางเงินมัดจำก่อนได้หรือเปล่า ”หลี่ฝางมองถิงถิง ถามขึ้นอีกครั้ง
“หึหึ บ้านราคาสองร้อยกว่าล้าน วางมัดจำอย่างน้อยต้องใช้ร้อยละยี่สิบของราคาบ้าน นั่นก็คือสี่สิบกว่าล้าน”
“อีกอย่าง คุณต้องกู้อีกร้อยกว่าล้าน ต้องใช้ทรัพย์สินในการจำนองด้วย แล้วคุณมีทรัพย์สินที่จะมาจำนองหรือเปล่า ”ถิงถิงยิ้มเย็นอย่างดูถูก
“มีสิ ผมมีบาร์แห่งหนึ่ง มูลค่าประมาณสองพันล้าน แล้วยังมี……”ตอนที่หลี่ฝางกำลังจะพูดถึงรีสอร์ตกับสวนสนุกนั้น ก็รู้ตัวว่าได้พลั้งปากออกไปแล้ว หากพูดออกไป ก็เท่ากับเปิดเผยสถานะของตัวเองไม่ใช่เหรอ
ถิงถิงอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าในเมืองเอกจะมีบาร์มูลค่ามากกว่าสองพันกว่าล้านอยู่”