NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 222

ตอนที่ 222

บทที่ 222 พนันกับจ้าวเสี่ยวตาว

อย่าว่าแต่เซล์สาวถิงถิงเลย แม้แต่จ้าวเสี่ยวตาว ก็ไม่เคยได้ยินว่ามีบาร์ไหนจะมีมูลค่ากว่าสองพันล้านมาก่อน

ตัวเมืองเอกไม่ใช่เมืองหลวงอย่างเซี่ยงไฮ้สักหน่อย ใครจะกล้าลงทุนสร้างบาร์มูลค่ากว่าสองพันล้านกัน

เฉียนเป่าเอ๋อเองก็ไม่อยากเชื่อ นางรู้สึกเพียงแต่ว่าหลี่ฝางคุยโม้เก่งเหลือเกิน

“นี่ ฉันถามคุณหน่อย คุณทำได้ยังไง”เฉียนเป่าเอ๋อหัวเราะ อดไม่ได้ที่จะถามหลี่ฝาง

“ทำอะไรเหรอ”หลี่ฝางไม่เข้าใจความหมายของเฉียนเป่าเอ๋อ จึงถามกลับไป

“คุยโม้ไง ตอนที่คุณโม้ สีหน้าดูเป็นปกติ ถ้าไม่ใช่ว่าสิ่งที่คุณพูดยิ่งพูดยิ่งเลยเถิด ฉันก็เกือบจะเชื่อคุณไปแล้ว”เฉียนเป่าเอ๋อหัวเราะและเอ่ยขึ้น

“เพราะว่าผมไม่ได้คุยโม้ไง ที่ผมพูดเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ”หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

หลี่ฝางรู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูด ไม่มีใครเชื่อ

แต่แล้วยังไงล่ะ

สักวันหนึ่ง พวกเขาจะรู้สถานะตัวตนของเขา

พอถึงวันนั้น พวกเขาคงงงเป็นไก่ตาแตก

“คุณชายจ้าว คุณหนูเฉียน ฟ้ามืดแล้ว ฉันจะส่งพวกคุณลงเขานะคะ”ถิงถิงไม่ได้สนใจคำร้องขอของหลี่ฝาง พูดกับจ้าวเสี่ยวตาวกับเฉียนเป่าเอ๋อ

ตอนที่เดินผ่านหลี่ฝาง ถิงถิงพูดขึ้นเบาๆว่า “ประสาทจริงๆ”

ทำงานมาหลายปี นี่นับเป็นครั้งแรกที่ถิงถิงเจอกับคนอย่างหลี่ฝาง

ช่างเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

เฉียนเป่าเอ๋อหัวเราะ พูดขึ้นว่า “ในเมื่อบ้านหมายเลขหนึ่งก็อยู่ไม่ไกล ไม่สู้พวกเราไปดูสักหน่อยดีกว่า”

“พูดตามจริง ฉันเองก็อยากจะเห็นบ้านหมายเลขหนึ่งของคฤหาสน์บ้านซานเหมือนกัน”

ขณะพูด เฉียนเป่าเอ๋อก็หันกลับมา มองไปยังถิงถิง ถามขึ้นว่า “ได้หรือเปล่า”

“ถ้าคุณหนูเฉียนอยากดู ก็ย่อมได้ พอดี ในมือฉันมีกุญแจของบ้านหมายเลขหนึ่งอยู่ ”ถิงถิงพูดขึ้นยิ้มๆ

แม้ถิงถิงจะรู้ว่า เฉียนเป่าเอ๋อก็แค่อยากจะชมดูบ้านหมายเลขหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้ต้องการจะซื้อ

ไปครั้งนี้ ถือว่าเสียเที่ยวก็ว่าได้

แต่หากปฏิเสธละก็ อย่างนั้นคงทำเฉียนเป่าเอ๋อเคืองแน่ๆ

จะว่าไป เงินจองบ้านหมายเลขแปดก็ยังไม่ได้รับการชำระ หากทำให้เฉียนเป่าเอ๋อโกรธขึ้นมา จนไม่สามารถขายบ้านได้ ถ้าอย่างนั้นค่าคอมหลายแสนของตน ก็คงมลายหายไปหมด

“เป่าเอ๋อ ฟ้าก็มืดแล้ว ผมว่าเรารีบลงเขาดีกว่า ”จ้าวเสี่ยวตาวพูดขึ้น

อันที่จริง จ้าวเสี่ยวตาวก็อยากจะดูบ้านหมายเลขหนึ่งเหมือนกัน

บ้านที่มีมูลค่าการขายกว่าสองร้อยล้าน ข้างในของมันจะตกแต่งได้เลิศหรูอลังการแค่ไหนกันเชียว

แต่ที่เฉียนเป่าเอ๋อบอกว่าอยากดูบ้านหมายเลขหนึ่ง ดูแล้วเหมือนจะเปิดทางให้กับหลี่ฝางมากกว่า นี่ทำให้จ้าวเสี่ยวตาวรู้สึกรับไม่ได้

หลี่ฝางคนนี้อยากดู เธอก็อยากดู พวกคุณสองคนช่างใจตรงกันจริงๆ

“ทำไม คุณกลัวว่าจะมืดก่อนเหรอ”เฉียนเป่าเอ๋อหันกลับมา มองจ้าวเสี่ยวตาวอย่างดูแคลน

“ถ้าคุณกลัวมืดละก็ คุณก็ลงเขาไปก่อน”เฉียนเป่าเอ๋อพูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์

ได้ยินอย่างนี้ สีหน้าของจ้าวเสี่ยวตาว ก็ขรึมลงทันที

นี่ว่าที่ภรรยาของตัวเอง ทำไม่จ้องแต่จะตั้งป้อมกับตัวเอง

จ้าวเสี่ยวตาวถอนหายใจยาว อดกลั้นเอาไว้

จนถึงตอนนี้ แม้แต่มือของเฉียนเป่าเอ๋อก็ยังไม่เคยได้จับ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องขึ้นเตียงเลย

จ้าวเสี่ยวตาวคิดในใจ รอวันที่ได้แต่งงานกัน เข้าเรือนหอ มีลูกของตัวเองแล้ว

ดูสิว่าเธอยังจะกล้าโวยวายกับฉันอีกหรือเปล่า

จ้าวเสี่ยวตาวฝืนยิ้มอย่างแกนๆ พูดว่า“ผมเป็นผู้ชายอกสามศอก จะกลัวความมืดทำไม ล้อเล่นหรือเปล่า ”

“พวกเราเดินขึ้นไปกันเถอะ ไม่ต้องนั่งรถแล้ว ยังสามารถดูทิวทัศย์ระหว่างทางได้อีกด้วย”เฉียนเป่าเอ๋อพูด

ตอนที่เฉียนเป่าเอ๋อพูดคำนี้ ถิงถิงกับจ้าวเสี่ยวตาว ได้ขึ้นไปนั่งบนรถนำชมบ้านเรียบร้อยแล้ว

ใบหน้าของจ้าวเสี่ยวตาว ขรึมลงอีกครั้ง

ถิงถิงมองจ้าวเสี่ยวตาวแวบหนึ่ง สายตามีแววดูถูก แต่เพียงแค่ครู่เดียวเท่านั้น

อย่าว่าแต่ถิงถิงเลย แม้แต่หลี่ฝางกับหลินชิงชิงยังรู้สึกอยากจะขำอยู่บ้าง

ผู้ชายอกสามศอกคนหนึ่ง ถูกว่าที่ภรรยาตบหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ช่างไม่มีเกียรติเอาซะเลย

หากเป็นหลี่ฝาง คงระเบิดอารมณ์ไปนานแล้ว

แต่ว่าจ้าวเสี่ยวตาว กลับไม่กล้าใส่อารมณ์เลยสักนิด

เฉียนเป่าเอ๋อก็แอบถอนหายใจเสียงเบา ที่เธอคอยแต่จะจิกกัดเป็นปรปักษ์กับจ้าวเสี่ยวตาวตลอด ที่จริงก็อยากจะทดสอบจ้าวเสี่ยวตาว ดูสิว่าจะมีอารมณ์ร้อนบ้างหรือเปล่า

ตอนนี้ดูแล้ว จ้าวเสี่ยวตาวคนนี้ ช่างไม่มีทัศนคติเหมือนผู้ชายเลยสักนิด

แต่งให้ผู้ชายคนนี้ ก็เหมือนแต่งกับคนอ่อนแอไร้ประโยชน์ แล้วมันแตกต่างกันตรงไหน

อีกหน่อยหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ผู้ชายคนนี้ จะไปยืนอยู่ตรงหน้าของเธอ เพื่อบังลมฝนให้กับเธอหรือเปล่า

ในใจของเฉียนเป่าเอ๋อ เกิดรู้สึกอยากยกเลิกงานแต่งซะแล้ว

ทั้งหมดเดินไปด้วยกัน มุ่งไปทางยอดเขา

ตอนที่เดินอยู่ระหว่างทาง จ้าวเสี่ยวตาวอดไม่ได้ที่จะถามหลี่ฝางว่า“หลี่ฝาง พ่อแม่ของนายปีหนึ่งมีรายได้เท่าไหร่”

“คุณถามเรื่องนี้ทำไม”หลี่ฝางมองจ้าวเสี่ยวตาวอย่างไม่ชอบใจ

สำหรับเรื่องรายได้ของหลี่ต๋าคาง หลี่ฝางไม่รู้เลยสักนิดเดียว

แต่หลี่ฝางรู้ว่า พ่อของตัวเองหลี่ต๋าคาง ไม่เคยเดือดร้อนเรื่องเงิน

ใช้เงินกว่าสิบเจ็ดล้านเพื่อซื้อบทเรียนให้กับเขา เอาหยกมูลค่ากว่าห้าหกสิบล้าน มอบให้คนอื่นไปอย่างง่ายดาย

เจ้านายแบบนี้ อย่างน้อยปีหนึ่งก็คงจะมีรายได้หลายพันล้านละมั้ง

ถ้าเป็นอย่างนั้น ตัวเองจ่ายเงินซื้อบ้านสองร้อยล้าน คงไม่กระเทือนอะไร

“ฉันรู้สึกว่า ทุกคนรู้จักกินนั้นเพราะโชคชะตา พ่อแม่นายเป็นชาวไร่ในชนบท ไม่น่าจะมีรายได้มากเท่าไหร่”จ้าวเสี่ยวตาวหัวเราะขึ้นมา

“เมื่อกี้ ฉันโทรหาพ่อฉันแล้ว พวกเราได้จองบ้านหมายเลขแปดไว้แล้วด้วย แต่ปกติแล้ว ฉันกับเป่าเอ๋อก็ไม่ได้มีเวลาไปมามากนัก”

“เอาอย่างนี้ เรียกพ่อนายมาเป็นร.ป.ภ.ที่บ้านฉันสิ ช่วยฉันเฝ้าบ้าน ส่วนแม่นาย ก็มาเป็นแม่บ้าน ทำความสะอาด ดีมั้ย”

ใบหน้าจ้าวเสี่ยวตาวเต็มไปด้วยแววล้อเล่นกับหลี่ฝาง

ได้ยินคำพูดนี้ คิ้วของหลี่ฝาง ก็ขมวดขึ้นทันที

หลี่ฝางไม่ได้โง่ จ้าวเสี่ยวตาว กำลังดูถูกพ่อแม่ของเขาอยู่ชัดๆ

หลี่ฝางรู้ จ้าวเสี่ยวตาวก็หน่วยก้านดี ส้าวส้วยไม่ได้อยู่ด้วย หากลงไม้ลงมือกันขึ้นมา สุดท้ายคงต้องแบกรับความอับอายไว้เอง

หลินชิงชิงทนฟังไม่ไหวแล้ว เธอเหมือนจะลงมือกับจ้าวเสี่ยวตาว แต่ถูกหลี่ฝางขวางเอาไว้

“พี่ อย่าลงมือ เขาเป็นนักเทควันโดสายดำนะ”หลี่ฝางลดเสียงต่ำ พูดกับหลินชิงชิง

หลี่ฝางมองไปทางจ้าวเสี่ยวตาว แววตาของเขาอันตรายมาก

เห็นได้ชัดว่า คำพูดของเขาเมื่อกี้ จงใจแหย่หลี่ฝางให้โมโห

เขาคิดจะให้หลี่ฝางลงมือก่อน จากนั้นเขาค่อยตอบโต้ จะได้ตีหลี่ฝางให้หนักๆ

เมื่อกี้หลี่ฝางกับหลินชิงชิงเกือบจะทนไม่ไหวแล้ว เข้าทางของจ้าวเสี่ยวตาวพอดี

หลี่ฝางสงบสติอารมณ์ของตัวเอง ถามขึ้นเรียบๆ “ไม่รู้ว่าคุณชายจ้าวจะจ่ายเดินเงินพ่อแม่ผมเท่าไหร่”

“ฉันประมาณการว่า พ่อแม่นายทำไร่ปีหนึ่งก็คงจะได้สักสามหมื่น เอาอย่างนี้ ฉันให้พวกเขาปีละห้าหมื่น เป็นไง”จ้าวเสี่ยวตาวเลิกคิ้ว

ปีละห้าหมื่น สองคน เฉลี่ยแล้วคนหนึ่งได้เดือนละสองพันกว่า จ้าวเสี่ยวตาวคนนี้ ขี้เหนียวซะจริง

หลี่ฝางหัวเราะ “เอาอย่างนี้ดีกว่า รอให้ผมซื้อบ้านหมายเลขหนึ่งแล้ว คุณเรียกพ่อกับแม่คุณมาเป็นร.ป.ภ. กับแม่บ้าน ผมจะให้พวกเขาปีละหนึ่งล้าน เป็นไง”

“นาย นายกล้าดูถูกพ่อแม่ฉันเหรอ”จ้าวเสี่ยวตาวไม่มีความอดทนอดกลั้นเหมือนหลี่ฝาง จึงได้กำหมัดแน่น พุ่งเข้าไปทันที

“หยุดนะ”

เฉียนเป่าเอ๋อเดินฉับเข้ามา หยุดอยู่ข้างหน้าของหลี่ฝาง “จ้าวเสี่ยวตาว คุณทำอะไรน่ะ”

“คุณหาเรื่องก่อนเองชัดๆ คุณยังจะมีหน้าลงมืออีกเหรอ”เฉียนเป่าเอ๋อมองจ้าวเสี่ยวตาสายตาเย็น “ทีตัวเองทำได้ แต่คนอื่นกลับทำไม่ได้”

“อยู่ดีๆก็จะลงไม้ลงมือ คุณเสพติดความรุนแรงเหรอ อีกหน่อยเราสองคนแต่งงานกันแล้ว ฉันพูดอะไรผิดไป ทำให้คุณโมโห คุณก็จะตบตีฉันเหมือนกันใช่มั้ย“

เฉียนเป่าเอ๋อจ้องมองจ้าวเสี่ยวตาวด้วยสายตาดุดัน

“เป่าเอ๋อ ผมจะตีคุณลงได้ยังไง ”

จ้าวเสี่ยวตาวเห็นเฉียนเป่าเอ๋อโมโห ก็รีบเผยรอยยิ้มทันที “ผมก็แค่ล้อเล่นกับหลี่ฝางเท่านั้นเอง”

“ล้อเล่นเหรอ มีที่ไหนเขาเอาพ่อแม่คนอื่นมาล้อเล่นกัน คุณรู้จักมารยาทหรือเปล่า”เฉียนเป่าเอ๋อตำหนิจ้าวเสี่ยวตาว

“ขอโทษ ผมผิดไปแล้ว เป่าเอ๋อ”จ้าวเสี่ยวตาวพูด

“คุณมาขอโทษฉันจะมีประโยชน์อะไร คุณน่าจะขอโทษหลี่ฝางมากกว่า ”เฉียนเป่าเอ๋อพูด

“เขา ผมไม่ขอโทษเขาหรอก”จ้าวเสี่ยวตาวขมวดคิ้ว “อีกอย่าง เมื่อกี้เขาก็พูดถึงพ่อแม่ผม”

“จ้าวเสี่ยวตาว ทางที่ดีคุณอย่าเอาแต่ว่าคนอื่นเป็นชาวไร่เลย บรรพบุรุษของเรา ใครบ้างไม่ใช่ชาวไร่ชาวนา ”เฉียนเป่าเอ๋อพูด “ถ้าคุณยังดูถูกชาวไร่ชาวนาอีก ฉันจะไม่สนใจคุณอีก”

จ้าวเสี่ยวตาวพยักหน้า แสดงให้เห็นว่าจำได้แล้ว

ตอนนี้เอง หลี่ฝางเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว มองจ้าวเสี่ยวตาว พูดอย่างเรียบๆว่า“ไม่ต้องขอโทษแล้ว เอาอย่างนี้ พวกเรามาพนันกันเป็นไง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท