NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 228

ตอนที่ 228

บทที่ 228 เงินสดที่กองเป็นภูเขา

“เรียกพวกเขามาทำไม”หลี่ฝางถาม

“ให้บทเรียนพวกเขาสักหน่อย แล้วให้พวกเขาดูสิว่า ใครกันแน่ที่เป็นคนรวยจริงๆ”หลี่ต๋าคางพูดกลั้วหัวเราะ

หลี่ฝางคิดในใจ จะทำให้มากเรื่องทำไม

ตัวเองได้พิสูจน์ไปแล้ว

ทั้งฐานะเจ้าของแบล็กการ์ด เจ้าของบาร์

แต่ว่าหลี่ต๋าคางได้พูดไปแล้ว หลี่ฝางก็ได้แต่ทำตาม เขาเกินไปยังรถนำชมบ้าน

พูดกับพวกเขาว่า “พ่อผมเรียกพวกคุณไปทางโน้นหน่อย”

“พ่อคุณมาเหรอ”เฉียนเป่าเอ๋อรีบกระโดดลงจากรถ มองหลี่ฝางอย่างสนอกสนใจ

เฉียนเป่าเอ๋อคิดดูแล้ว คนที่มีแบล็กการ์ด จะมีหน้าตายังไง

แต่จ้าวเสี่ยวตาวกลับรู้สึกกลัวอยู่บ้าง เพราะเขามองเห็นส้าวส้วย

ในปากของส้าวส้วยอมอมยิ้มอยู่ มองมาทางเขาอย่างมีรสชาติ

“ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง พ่อแนให้นายไปหา”หลี่ฝางจ้องจ้าวเสี่ยวตาว

จ้าวเสี่ยวตาวรู้ฐานะที่แท้จริงของหลี่ฝางแล้ว แน่นอนว่าไม่กลัวปะทะด้วย

เขาตอบรับเสียงเบา กระโดดลงจากรถ เดินไป

“ยังมีเธอ……”หลี่ฝางชี้ไปทางถิงถิง

ถิงถิงสีหน้าไม่น่าดู เพราะว่า ก่อนหน้านี้เธอดูถูกหลี่ฝางไว้มาก คิดว่าเขาเป็นยาจก

ถ้าเธอไป คงไม่มีผลดีแน่

แต่ตอนนี้หลี่ฝางคือลูกค้ารายใหญ่ของคฤหาสน์บ้านซาน สิ่งที่เขาพูด ถิงถิงไม่ฟังได้หรือ

แต่หวางจุนคนนั้น หลี่ฝางไม่ได้เรียกเขา แต่เขากลับเดินตามไปอย่างกระตือรือร้น

หลังจากคนทั้งหมดมาครบแล้ว หลี่ต๋าคางก็ส่งสายตาให้กับส้าวส้วยทีหนึ่ง

ส้าวส้วยรู้ความหมายของหลี่ต๋าคางทันที ชี้คนทั้งหมดแล้วพูดว่า “อย่าจับมั่วนะ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ต้องรับผิดชอบเองนะ”

อย่าจับ มีเรื่องแล้ว ต้องรับผิดชอบ

เฉียนเป่าเอ๋ออึ้ง นี่มันหมายความว่าไง

ส้าวส้วยพูดจบ ก็โดดขึ้นไปบนรถ จากนั้นก็จับพวงมาลัยแน่น สตาร์ทรถทันที ขับรถตรงมาทางพวกเขา

“บ้าเอ๊ย ไอ้นี่มันจะทำอะไรขอมัน เขาจะชนพวกเราตายหรือไง”จ้าวเสี่ยวตาวตกใจจนหัวใจจะกระเด็นออกมาแล้ว

เฉียนเป่าเอ๋อก็ตกใจไม่แพ้กัน จับมือจ้าวเสี่ยวตาวไว้แน่น

เฉียนเป่าเอ๋อรู้สึกว่า ร่างกายของจ้าวเสี่ยวตาว แข็งทื่อไปหมด

รถขับใกล้เข้ามาทุกที หลี่ฝางก็ตกใจเช่นกัน

ส้าวส้วยจะทำอะไรเนี่ย

พวกเขาก็แค่ดูถูกเขาไม่กี่คำ เจ้านายตัวเองก็ให้ส้าวส้วยชนพวกเขาตายกันหมดหรือไง

นี่มันทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่แล้ว

ห้าเมตร สามเมตร สองเมตร หนึ่งเมตร

ทุกคนต่างร้องเสียงหลง

ส้าวส้วยยิ้ม หักหัวรถกะทันหัน ขับรถวนรอบพวกเขา

ส้าวส้วยขับวนรอบพวกเขา เริ่มดริฟต์รถเป็นวงกลม

พอดริฟถึงรอบที่สาม รถยนต์ ก็เอียงไปข้างหนึ่งอย่างกะทันหัน ล้อข้างหนึ่งยกสูงขึ้น

เงินเป็นตั้งๆ ตกลงมาจากบนรถ

ผ่านไปหลายนาที ส้าวส้วยจอดรถ ลงมาจากรถ

ส้าวส้วยเดินไปตรงหน้าจ้าวเสี่ยวตาว ในปากยังอมอมยิ้ม พูดไม่ค่อยชัดเจนอยู่บ้าง“คืนนี้มีธุระอะไรหรือเปล่า”

“มี ติดธุระนิดหน่อย ”จ้าวเสี่ยวตาวตอบอย่างไม่ค่อยมั่นใจ เขาจะไปกินข้าวกับเฉียนเป่าเอ๋อ

“มีธุระ คุณมีธุระอะไร ”ส้าวส้วยได้ยินคำตอบ สีหน้าก็ขรึมลงทันที

“ไม่มี ไม่มีธุระอะไร พี่ชายมีอะไรหรือเปล่า ”จ้าวเสี่ยวตาวเคยเห็นฝีมือของส้าวส้วย รู้ว่าเขาคือยอดฝีมือ

ลูกเตะพิฆาตต่อเนื่องสามครั้งกลางอากาศของเขา ถูกส้าวส้วยโจมตีได้

ตอนนั้น จ้าวเสี่ยวตาวเข้าใจแล้วว่า แม้แต่อันดับหนึ่งของเทควันโดถ้ามาอยู่ต่อหน้าส้าวส้วย ก็ต้องพ่ายแพ้อยู่ดี

ส้าวส้วยผุดรอยยิ้มขึ้น หัวเราะอย่างพอใจ พูดว่า “ช่วยฉันนับเงินหน่อย”

“นับเงิน”มองไปยังเงินสดกองโต จ้าวเสี่ยวตาวสีหน้าซับซ้อนวุ่นวาย

เขาเชื่ออย่างสนิทใจแล้วว่า หลี่ฝางเป็นหลานของหลี่เจียเฉินจริงๆ ทายาทเศรษฐีที่รวยมาก

“ใช่แล้ว เจ้านาย ยังขาดเงินอีกเท่าไหร่”ส้าวส้วยมองหลี่ฝางและถามขึ้น

หลี่ฝางก็ไม่รู้ ทำได้เพียงถามหวางจุน “หวางจุน ฉันจะไม่ทำเรื่องผ่อนบ้านแล้ว ยุ่งยากเกินไป คิดว่าจะจ่ายครั้งเดียวเลย นายช่วยคำนวณให้หน่อย ยังขาดเงินอีกเท่าไหร่”

หวางจุนเปิดแอปฯเครื่องคิดเลขในมือถือ คิดคำนวณอยู่สักครู่ ก็พูดว่า “ยังขาดหนึ่งร้อยแปดสิบห้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นสองพัน”

ส้าวส้วยพยักหน้า พูดกับจ้าวเสี่ยวตาวว่า “ได้ยินหรือยัง”

“ช่วยฉันนับเงินจำนวนหนึ่งร้อยแปดสิบห้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นสองพันออกมา นับเสร็จเมื่อไหร่ ฉันจะเลี้ยงแฮมเบอร์เกอร์นาย ”ส้าวส้วยตบไหล่จ้าวเสี่ยวตาว พูดยิ้มๆ

“เลี้ยงนายสามชิ้นเลย อ้อใช่แล้ว แฟนนายด้วย เลี้ยงเธอหนึ่งชิ้น”ส้าวส้วยมองเฉียนเป่าเอ๋อ เอ่ยเสริมขึ้น

“ฉันไม่กินแฮมเบอร์เกอร์”เฉียนเป่าเอ่อพูด

“งั้นฉันก็ประหยัดได้หนึ่งอัน”ส้าวส้วยเอ่ยอย่างดีใจ

“ฉันก็ไม่อยากนับเงินให้นายด้วย”เฉียนเป่าเอ๋อกลอกตาให้ส้าวส้วย

คิดว่าเธอเป็นอะไร เครื่องนับเงินเหรอ

เฉียนเป่าเอ๋อรู้สึกโมโหอยู่บ้าง

ส้าวส้วยส่ายหน้า “ไม่ได้ ยังไงก็ต้องช่วยฉันนับเงิน อีกอย่างคือนับเสร็จเมื่อไร ก็กินข้าวเมื่อนั้น”

หลี่ฝางวิ่งเข้าไป จับไหล่ของส้าวส้วยแล้วพูดว่า “ช่างเถอะ เมื่อกี้เธอไม่ได้ดูถูกฉัน”

“ปล่อยเธอไปเถอะ”หลี่ฝางมองเฉียนเป่าเอ๋อ

ส้าวส้วยพยักหน้า พูดกับเฉียนเป่าเอ๋อว่า “งั้นคุณไปได้”

จ้าวเสี่ยวตาวรู้สึกอยากกลับใจ

เงินหนึ่งร้อยแปดสิบห้าล้านเก้าแสนเก้าหมื่นสองพัน ใช้มือนับ

ต้องใช้เวลาเท่าไหร่กัน

“รีบนับเข้าเถอะ ที่นี่มีทั้งหมดสองสามร้อยล้าน แต่ฉันจำตัวเลขแน่นอนไม่ได้แล้ว นายช่วยฉันนับที แล้วค่อยบอกฉันอีกที”ส้าวส้วยพูดกับจ้าวเสี่ยวตาว

จ้าวเสี่ยวตาวยิ้มๆ พูดว่า “พี่ชาย เอางี้นะ ฉันจะหาพนักงานธนาคารที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะมานับ ได้หรือเปล่า”

“ไม่ได้ ”ส้าวส้วยส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด

“งั้นช่วยรอผมอีกสักหน่อยได้ไหม ผมจะไปซื้อเครื่องนับเงิน”จ้าวเสี่ยวตาวพูดอีก

“ฉันไม่เชื่อเครื่องนับเงิน ผิดออกบ่อย”ส้าวส้วยส่ายหน้า ยิ้มกับจ้าวเสี่ยวตาว “ฉันเชื่อนายมากกว่า ”

จ้าวเสี่ยวตาวมีใจที่คิดอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอด

นี่มันต้องการจะแกล้งเขาชัดๆ

จ้าวเสี่ยวต้าวไม่ได้โง่สักหน่อย แค่นี้เขาจะไม่รู้ได้อย่างไร

“รีบนับเข้าเถอะ นับเสร็จไวๆ นายก็จะได้กินแฮมเบอร์เกอร์ไวไว”ส้าวส้วยเดินไปที่รถ หยิบเอาแฮมเบอร์เกอร์มาสามชิ้น พูดว่า “อีกวันหนึ่งก็จะหมดอายุแล้ว นายนับเร็วหน่อย ถ้ามันหมดอายุแล้ว จะไม่อร่อย”

“……”จ้าวเสี่ยวตาวหมดคำพูด อีกวันเดียวก็จะหมดอายุ แล้วทำไมยังไม่รีบโยนทิ้งไป

“ดูสายตานายสิ รังเกียจแฮมเบอร์เกอร์ฉันเหรอ”ส้าวส้วยมองท่าทีของจ้าวเสี่ยวตาว ก็รู้สึกโมโหขึ้นมาทันที

“แฮมเบอร์เกอร์นี้สอดไส้น่องไก่นะ ปกติฉันยังไม่กล้ากินเลย”ส้าวส้วยกลอกตาให้จ้าวเสี่ยวตาว แล้วพูดว่า “นายดูสิ ฉันดีกับนายแค่ไหน”

จ้าวเสี่ยวตาวแม้ว่าจะโมโหมาก แต่ใบหน้ากลับเห็นรอยยิ้มออกมา เอ่ยกับส้าวส้วยอย่างตื้นตัน “พี่ชาย ฉันขอบคุณพี่มากๆเลยนะ”

“ไม่ต้องเกรงใจ นายต้องช่วยฉันนับเงินนี่”

ส้าวส้วยหยิบมือถือออกมา เล่นเกมส์Honor of Kings “รีบนับเถอะ ฉันจะคอยดูนายอยู่ตรงนี้”

“อ้อใช่แล้ว ส่วนนายสองคน ”ส้าวส้วยชี้ไปที่ถิงถิงกับหวางจุน

ถิงถิงตอนนี้ ได้ถูกเงินที่กองเป็นภูเขาอยู่ตรงหน้า ทำเอาตะลึงงัน

เธอโตมาขนาดนี้ ไหนเลยจะเคยเห็นเงินสดมากมายก่ายกองขนาดนี้

เงินสดเยอะมากขนาดนี้ อย่างน้อยก็คงหนักสักสองสามตัน

เงินเป็นมัดเป็นมัดเหล่านี้ ความหนาก็ไม่สม่ำเสมอ เห็นอย่างนี้ จ้าวเสี่ยวตาวยิ่งรู้สึกไร้คำพูด

นี่มันไม่ใช่หมายความว่า ต้องนับทีละใบหรอกเหรอ

นี่คงต้องนับเป็นเดือนละมั้ง

จ้าวเสี่ยวตาวเตะถิงถิงหนึ่งที “ยังยืนบื้ออยู่ทำไม รีบนับเงินสิ”

ถิงถิงถึงได้สติกลับมา นั่งลงและเริ่มนับเงิน

หลี่ฝางเดินไป เตะจ้าวเสี่ยวตาวหนึ่งทีเช่นกัน “นายก็อย่ามัวชักช้า รีบนับเข้าเถอะ”

“พรุ่งนี้ผมก็จะซื้อบ้านแล้ว คืนนี้พวกนายก็ไม่ต้องกลับไปแล้ว นับเงินให้ฉันที่นี่แหละ ”หลี่ฝางพูดขึ้น

ถิงถิงกับจ้าวเสี่ยวตาว เงยหน้ามองหลี่ฝาง เงียบพร้อมกัน

มีเพียงหวางจุนที่ไม่บ่นสักคำ เพราะว่า ความรู้สึกในการนับเงินแบบนี้ มันดีจริงๆ

และอีกอย่างเขาก็กำลังจะได้เงินจากหลี่ฝางอีกกว่าหนึ่งล้าน จะให้นับกันทั้งคืนแล้วยังไง

“พวกเราไปกันเถอะ ”หลี่ฝางหันไปมอง พูดขึ้นกับหลินชิงชิง

เมื่อกี้ หลินชิงชิงก็ตกใจจนเกือบช็อก

หนึ่งคือความสามารถในการขับรถของส้าวส้วย สองคือเงินสดจำนวนมากขนาดนี้

ตอนนี้ เมี๋ยวชุ่ยเดินมาตรงหน้าหลินชิงชิง จับที่ข้อมือของเธอ

“ไป ลูก ไปนั่งรถแม่”

“แม่จะพาหนูไปกินของอร่อยๆกัน”

เมี๋ยวชุ่ยไม่สนใจหลี่ต๋าคาง จับมือของหลินชิงชิง ลากไปที่รถของตนเอง

พอขึ้นรถ เมี๋ยวชุ่ยก็ถามขึ้น “ใช่แล้ว ลูก หนูอายุเท่าไหร่แล้ว มีแฟนหรือยัง”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท