NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 237

ตอนที่ 237

บทที่ 237 เกิดเรื่องกับหลินชิงชิง

หลี่ฝางยังคิดหลอกเอาเงินแทนลู่หลุ่ยอีกสักเล็กน้อย!

เทพสายเปย์ที่ตกลงกันไว้?

ตกใจจนหนีไปแล้ว?

หลี่ฝางรีบส่งข้อความหาหมาป่าเป็นการส่วนตัว “แสนหนึ่งนี้ของฉัน หากนายจัดการฉันได้ ฉันจะออกจากไลฟ์”

“แม่แกสิ บัตรเครดิตฉันมีวงเงินจำกัด หากมีแน่จริง พวกเรามาแข่งกันใหม่” หมาป่าใหญ่ส่งกลับมา

“ตกลง ใครแพ้ คนนั้นคือหลานชาย” หลี่ฝางมีสีหน้าดีใจ

หมาป่าใหญ่คนนี้ถูกตนทำให้ตกใจจนหนีไปแล้ว น่าเสียดายจริงๆ

ตอนนี้ดูแล้ว หมาป่าใหญ่ยังถือว่ามีความสามารถพอตัว

เมื่อกลับเข้าไปในไลฟ์ หมาป่าใหญ่อธิบายขึ้นประโยคหนึ่ง จากนั้นหายไปอย่างไร้ร่องรอย

“ฉันว่าแล้ว หมาป่าใหญ่วิ่งหนีหางจุกตูดไปแล้ว!”

“อันดับหนึ่งคือแฟนของเจ้าของไลฟ์?”

“แม้จะไม่ใช่แฟน แต่ยืนยันได้ว่าคือนกต่อ มาหลอกเงินของหมาป่าใหญ่โดยเฉพาะ”

“พวกนายมันโง่ นกต่อกดไปแสนกว่า หมาป่ากดแค่ไม่กี่หมื่น บริษัทหักไปครึ่งหนึ่ง เจ้าของยอมเสียเงินจ้างนกต่อ ไอคิวของพวกนาย?”

“เจ้าของไลฟ์ อันดับหนึ่งคือแฟนเธอเหรอ?”

“พวกโง่เอ้ย เจ้าของไลฟ์บอกแล้วไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เธอโสด”

ใครจะรู้ ลู่หลุ่ยไม่มีแม้คำอธิบาย หลังร้องเพลงของตนจบ ปิดไลฟ์ไป

กระทั่งคำขอบคุณยังไม่มี

เย็xแม่งนี้ หยิ่งเกินไปแล้ว

การมีอยู่ของลู่หลุ่ย ถือเป็นสิ่งที่งดงามในโลกของการไลฟ์

ผู้ชมไม่น้อยชินตากับการดีดดิ้นวุ่นวาย ยั่วยวน จึงลองมาดูความสดใสมีชีวิตชีวาของลู่หลุ่ย จนทำให้เกิดความรู้สึกที่แตกต่างออกไป

เมื่อเห็นภาพนี้ ในใจของหลี่ฝางโล่งอกหลายส่วน

เมื่อครู่หลี่ฝางยังกังวล

กังวลว่าลู่หลุ่ยจะเป็นแบบเน็ตไอดอลหญิงคนอื่น ทำตัวกำกวมเพื่อให้พวกสายเปย์กดส่งของขวัญให้ไม่หยุด

ตอนนี้เห็นแล้ว กลับรู้สึกว่าตนคิดมากเกินไป

“นายรักลู่หลุ่ยเสียจริง กดให้เธอตั้งแสนกว่า ไม่ปวดใจเลยเหรอ?” หลี่เสี่ยวเสี่ยวมองหลี่ฝางแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยถามขึ้น

“เฉยๆ” หลี่ฝางยักไหล่พลางตอบ

“แสนกว่ายังเฉยๆ หลี่ฝาง นายมีเงินเท่าไหร่กันแน่?” หลี่เสี่ยวเสี่ยวจ้องหลี่ฝาง ก่อนถามขึ้นอย่างแปลกใจ

“ฉันบอกเธอไม่ได้ว่ามีเงินมากเท่าไหร่ ที่ฉันสามารถบอกเธอได้คือ เงินแสนกว่าสำหรับฉัน ไม่ถือว่าเป็นการใช้จ่ายด้วยซ้ำ” หลี่ฝางเอ่ยเรียบๆ

ตอนแรกหลี่ต๋าคางบอกว่ารายได้ของบาร์ ถือเป็นเงินใช้จ่ายของเขา

ตอนนี้ที่บาร์เดือนหนึ่งได้กำไรอย่างน้อยสามถึงห้าล้าน

เงินแสนกว่าสำหรับหลี่ฝาง จึงไม่ถือว่าคือแม้กระทั่งการใช้จ่าย

“เฮ้อ คำพูดนี้หากเป็นคนอื่น ฉันต้องไม่เชื่อแน่ เพราะมันคล้ายเรื่องที่เป็นไปไม่ได้”

“แต่หากเป็นนาย ฉันเชื่อ”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวมองหลี่ฝาง ก่อนเอ่ยด้วยสีหน้าอิจฉา

หลี่เสี่ยวเสี่ยวแม้จะไม่รู้สถานะจริงๆ ของหลี่ฝาง แต่รู้ว่าเขาคือเถ้าแก่ของ Recalling the past

เพียงแค่เรื่องนี้ สามารถทำให้หลี่ฝางผลาญเงินได้อย่างไม่รู้จบ

ชอบเปรียบเทียบกับคนอื่น ช่างน่าโมโหนักจริงๆ หลี่เสี่ยวเสี่ยวเอ่ยอย่างหมดแรง “จริงสิ ยังมีเรื่องอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีฉันจะกลับไปนอนต่อ”

หลี่ฝางควักตั๋วของรีสอร์ตหลายใบออกมา ก่อนส่งให้หลี่เสี่ยวเสี่ยว “ให้เธอ”

“นี่คืออะไร?”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวรับมา ก่อนก้มลงมอง

จากนั้นสีหน้าของหลี่เสี่ยวเสี่ยว เปี่ยมด้วยความตื่นเต้น “เย็x นี่ตั๋วของรีสอร์ทเหรอ?”

“ใช่” หลี่ฝางพยักหน้า

“ทำไมเธอต้องดีใจขนาดนั้น แค่ตั๋วไม่กี่ใบเอง?” หลี่ฝางมองหลี่เสี่ยวเสี่ยว ก่อนเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

หลี่ฝางเห็นมือที่จับตั๋วของหลี่เสี่ยวเสี่ยว กลับสั่นเทิ้มขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น

“ไอ้x พี่ชาย นายรู้หรือเปล่าว่าตั๋วนี่ตอนนี้ราคาแพงขนาดไหน?” หลี่เสี่ยวเสี่ยวหันไป เบิกตากว้างมองหลี่ฝาง

หลี่ฝางจึงเอ่ยถามขึ้น “แพงแค่ไหน?”

“ใบหนึ่งสามพันกว่า!” หลี่เสี่ยวเสี่ยวสะดุ้งเฮือก “และตอนนี้ถึงมีเงินก็ซื้อไม่ได้”

“ทำไมแพงขนาดนั้น?” หลี่ฝางได้ยินถึงราคานี้ รู้สึกเหลือเชื่อ

ตั๋วใบเดียวเท่านั้น กลับราคาถึงสามพันกว่า?

“นายไม่รู้เหรอ ดาราคนดังมากมายต่างมาพัก และยังมีโจวเจ๋หลุน ตั๋วคอนเสิร์ตโจวเจ๋หลุน ครั้งหนึ่ง อย่างน้อยหกร้อยกว่าขึ้น และยังเป็นที่นั่งที่ไม่ดีที่สุด”

“อีกอย่าง ยังมีหลี่เหลียนเจ๋ ดาราดังระดับโลก เจ้าชายแห่งวงการบันเทิงโจวซิงฉือ พวกเขาต่างไปพักที่รีสอร์ต”

“คล้ายยังมีดารามากมายไปพัก ตอนนี้ยังไม่ประกาศ แต่ต้องยาวเป็นหางว่าวแน่”

“นี่มันเท่ากับงานเลี้ยงของดาราดังเลยนะ”

“นายว่าสามพันคุ้มค่าไหม?” หลี่เสี่ยวเสี่ยวฮึขึ้นคำหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “ตอนนี้ตั๋วใบนี้ ราคาไร้ขีดจำกัดแล้ว”

“ในท้องตลาดไม่มีตั๋วเถื่อน และคนที่มีตั๋ว ความจริงตัดใจขายตั๋วต่อไม่ได้ แม้ขายแล้ว จะได้ราคาสูงก็ตาม”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวเอ่ยว่า “คิดไม่ถึง ในมือนายกลับมีเยอะขนาดนี้”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวลองนับ หลี่ฝางให้เธอมาห้าใบ

ราคาเท่ากับหนึ่งหมื่นห้าเลยนะ

หลี่เสี่ยวเสี่ยวนำตั๋ววางไว้บนหน้าอก ก่อนมองบนฟ้าอย่างตื่นเต้น “ในที่สุดจะได้เห็นโจวเจ๋หลุนแล้ว”

ก่อนหลับตาลงอย่างลุ่มหลงอยู่สักพัก แล้วจู่ๆ หลี่เสี่ยวเสี่ยวลืมตาขึ้น “หลี่ฝาง นายได้ตั๋วเยอะแยะพวกนี้มาจากไหน?”

“ตั๋วพวกนี้ ต้องใช้ซื้อจริงในการซื้อ แต่ละคนซื้อได้เพียงใบเดียว แม้มือจะเร็ว มากสุดแย่งมาได้แค่ใบเดียว”

“นายให้ฉันมาตั้งหลายใบ คงไม่ใช่ตั๋วปลอมหรอกนะ?”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวเอ่ยอย่างกังวล

“เธอคิดว่าไง?” หลี่ฝางส่ายหน้าอย่างจนใจ

“ฉันมีรวยขนาดนี้ จะให้ตั๋วปลอมเธอ?” หลี่ฝางกลอกตาให้หลี่เสี่ยวเสี่ยว “ตั๋วที่ฉันให้เธอ คือให้เธอให้ลู่หลุ่ยใบหนึ่ง นัดเธอไปด้วยกัน”

“หากฉันให้เธอ เธอต้องไม่ไปแน่”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวยิ้มอย่างเก้อเขิน “ฉันเข้าใจความหมายของนายแล้ว”

“ยังให้เพิ่มมากอีกสามใบ ดีจริงๆ” เวลานี้หลี่เสี่ยวเสี่ยวดีใจเป็นที่สุด

หลี่เสี่ยวเสี่ยวจับตั๋ว ก่อนจุมพิตหนึ่งครั้ง

แต่จากนั้น หลี่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกถึงความผิดปกติบนตั๋ว

“เดี๋ยวก่อน!”

จู่ๆ หลี่เสี่ยวเสี่ยวขมวดคิ้วขึ้น มองหลี่ฝางด้วยสีหน้าผิดปกติ

“หลี่ฝาง ตั๋วนี่นายได้มายังไง?” หลี่เสี่ยวเสี่ยวมองหลี่ฝางอย่างเคร่งเครียด

หลี่ฝางจึงเอ่ยถามว่า “ทำไม?”

“ตั๋วนี่มีอะไรผิดปกติเหรอ?” หลี่ฝางขมวดคิ้วเช่นกัน

ท่าทางนี้ของหลี่เสี่ยวเสี่ยว เห็นได้ชัดว่าตั๋วมีปัญหา

“ฉันเคยเห็นตั๋วของรีสอร์ต เพื่อนฉันมีใบหนึ่ง แต่ตั๋วของเขา ไม่มีรหัส”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวชี้ที่รหัสบนตั๋ว ก่อนเอ่ยว่า “ส่วนตั๋วของนาย ทุกใบจะมีรหัส”

“วางใจเถอะ ตั๋วของฉันไม่ใช่ของปลอม” หลี่ฝางยิ้มอย่างดูแคลน

ล้อเล่นอะไรกัน รีสอร์ตแห่งนี้เป็นกิจการของเขา บิดาของตนจะให้ตั๋วปลอมกับเขาได้ยังไง

“ใช่ ตั๋วนี้อาจจะไม่ใช่ของปลอมก็ได้”

“แต่ตั๋วพวกนี้ คือตั๋ววีไอพี มีเพียงคนใหญ่โตในเมืองเอก ตงไห่ คนมีชื่อเสียงทั่วประเทศเท่านั้น ถึงจะมีคุณสมบัติได้รับตั๋วประเภทนี้”

“คนที่มีตั๋วประเภทนี้เข้าไปในรีสอร์ต จะรวมทั้งกิน พัก เล่นสนุก ไม่ว่าจะทำอะไรด้านใน ไม่จำเป็นต้องจ่ายเงิน”

“ตั๋วประเภทนี้ไม่มีขายที่ข้างนอก มีแต่ส่งเท่านั้น”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวมองหลี่ฝางด้วยสีหน้าสับสน “แม้จะเป็นครอบครัวเดียวกัน มากสุดมีเพียงสามใบ”

“นาย…ทำไมมีเยอะขนาดนี้?” หลี่เสี่ยวเสี่ยวสงสัยขึ้นมา

หลี่ฝางตะลึงงัน

ตั๋วใบเดียวเท่านั้น ทำไมต้องพูดมากขนาดนี้

“ทำไมเธอต้องถามให้เยอะด้วย ยังไงตั๋วใบนี้คือของจริง” หลี่ฝางขี้เกียจอธิบาย

เพราะไม่อาจบอกหลี่เสี่ยวเสี่ยวตรงๆ ว่ารีสอร์ตแห่งนี้เป็นกิจการของครอบครัวตน?

หลี่เสี่ยวเสี่ยวรู้ก็ไม่มีอะไร แต่หลี่ฝางกลัวเธอจะบอกลู่หลุ่ย เช่นนั้นลู่หลุ่ยอาจรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ

และทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของหลี่ฝางก็ดังขึ้น

เป็นหลินชิงชิงโทรเข้ามา

หลังมองหลี่เสี่ยวเสี่ยวแวบหนึ่ง หลี่ฝางเอ่ยขึ้น “อย่าถามอีกเลย รอให้ถึงรีสอร์ตแล้ว ฉันจะบอกเธอว่าได้ตั๋วมาจากที่ไหนเอง”

โอเค”

หลี่เสี่ยวเสี่ยวพยักหน้า ก่อนลงจากรถ

ขณะลงจากรถ หลี่เสี่ยวเสี่ยวพลันเห็นว่าในกระเป๋าของหลี่ฝาง ยังมีตั๋วซ่อนอยู่อีกปึกหนึ่ง

หลี่เสี่ยวเสี่ยวกลืนน้ำลายอย่างตกตะลึง พร้อมคิดในใจ รีสอร์ตนี้คงไม่ใช่กิจการของครอบครัวหลี่ฝางหรอกนะ?

ไม่งั้น ทำไมเขาถึงมีตั๋วพักวีไอพีเยอะขนาดนี้?

เพราะตั๋วพักวีไอพี มีเพียงเจ้าของรีสอร์ตเท่านั้นที่มี

หลังหลี่เสี่ยวเสี่ยวลงจากรถ หลี่ฝางจึงรับโทรศัพท์ของหลินชิงชิง

“พี่ พี่โทรมามีอะไรหรือเปล่า?” หลี่ฝางเอ่ยถาม

หลินชิงชิงเอ่ยอย่างร้อนใจว่า “ตอนนี้นายมาหาฉันได้หรือเปล่า?”

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลี่ฝางรู้ดีว่าหากหลินชิงชิงไม่มีเรื่องสำคัญ คงไม่โทรหาตน

“จางกงหมิงอยู่กับฉัน”

ประโยคเดียว กลับทำให้หลี่ฝางใจเต้นเร็วขึ้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท