NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 239

ตอนที่ 239

บทที่ 239 ทำเรื่องเลวทรามลับหลังจางกงหมิง

“เสือ ทำไมถึงเป็นเขา เขาไม่ใช่อยู่กลุ่มเดียวกับนายเหรอ?” หลี่ฝางมองจางกงหมิงอย่างแปลกใจ พร้อมเอ่ยถาม

“เสือสองตัวอยู่เขาเดียวกันไม่ได้ หลักการนี้ นายไม่เข้าใจหรือ?”

จางกงหมิงหัวเราะเฮอะเฮอะ ก่อนเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ฉันไม่มา ทรัพย์สินของมู่เสี่ยวไป๋ ทั้งหมดล้วนมอบให้เสือ ตอนนี้หลังฉันมา เสือจึงต้องแบ่งปันครึ่งหนึ่ง”

“สิ่งที่ทำกำไรมากที่สุดหลายแห่ง มู่เสี่ยวไป๋ให้ฉันจัดการ”

“เสืออยากให้ฉันตายตั้งนานแล้ว ตอนแรกที่ฉันไปจัดการห้าวหนาน เสือส่งข่าวไป เพื่อให้ ห้าวหนาน ซุ่มโจมตี”

“แต่ตอนนั้นฉันเดาเรื่องนี้ออก ดังนั้นจึงออกเดินทางเร็วครึ่งชั่วโมง เพื่อจัดการพวกห้าวหนาน” จางกงหมิงเอ่ยพลางหัวเราะเสียงเย็น

“แต่คิดไม่ถึง ครั้งนี้เขากลับสบคบคิดกับคนของห้าวหนาน ลงมือกับฉัน นี่เท่ากับว่าไม่เห็นมู่เสี่ยวไป๋อยู่ในสายตา”

หลี่ฝางเอ่ยว่า “มู่เสี่ยวไป๋ป่วยอยู่โรงพยาบาล ย่อมไม่เรื่องทั้งหมดนี้”

“รอเขาออกจากโรงพยาบาล นายก็ตายแล้ว แม้มู่เสี่ยวไป๋จะสงสัยเสือ แต่ไม่มีหลักฐาน เขาทำอะไรเสือไม่ได้?”

หลินชิงชิงพยักหน้า ก่อนเอ่ยว่า “นายตายแล้ว มู่เสี่ยวไป๋เหลือเพียงเสือคนเดียวเป็นผู้ช่วย แม้จะรู้ว่าเป็นฝีมือของเสือ หาหลักฐานพบ มู่เสี่ยวไป๋คงไม่คิดแก้แค้นให้นายแน่”

“เขาอาจแกล้งทำเป็นไม่รู้” หลินชิงชิงกล่าวยิ้มๆ

“เฮ้อ ที่ผ่านมาฉันกับเสือถือว่ามีความสัมพันธ์ที่ไม่เลว ฉันยังคิดว่าเขายอมรับฉันแล้ว” จางกงหมิงถอนหายใจ พร้อมเอ่ยขึ้น

“ก่อนมู่เสี่ยวไป๋ออกจากโรงพยาบาล ฉันยังกลับไปไม่ได้ ต้องหาที่หลบก่อน”

จางกงหมิงเอ่ย พลางมองหลี่ฝางแวบหนึ่ง “ฉันได้ยินว่านายคือสปอนเซอร์ของหวางเห้า เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่?”

“ข้อมูลนายมีประสิทธิภาพมากทีเดียว” หลี่ฝางพยักหน้า

“ฮ่าๆ ฉันเคยประมือกับเขา” จางกงหมิงหัวเราะเฮอะเฮอะ ก่อนเอ่ยชื่นชม “เขาร้ายกาจมากทีเดียว”

“นายให้เขารับมือฉัน ถือว่าหาได้ถูกคน”

หลี่ฝางไม่พูดอะไร

หลินชิงชิงเข้าใจความหมายของจางกงหมิง “พี่ พี่คิดไปหลบที่หวางเห้านั่นเหรอ?”

“ใช่ เสือรู้ว่าฉันกับหวางเห้าคือศัตรูกัน ดังนั้นที่พักของหวางเห้า สำหรับฉันถือว่าปลอดภัยที่สุด

จางกงหมิงเอ่ยกับหลี่ฝางว่า “หลี่ฝาง นายกล่อมหวางเห้าได้ไหม?”

“นี่ย่อมไม่ใช่ปัญหา เพราะเรื่องระหว่างนายกับหวางเห้า ฉันเป็นคนจัดฉากขึ้นมา”

หลี่ฝางพยักหน้า ก่อนพลันยิ้ม “แต่นายต้องบอกฉัน ทำไมนายถึงไปพึ่งมู่เสี่ยวไป๋?”

จางกงหมิงขมวดคิ้ว สีหน้าดูสับสน

“ฉันรู้ว่านายกับมู่เสี่ยวไป๋ ต้องมีเรื่องหนักใจแน่” หลี่ฝางมองจางกงหมิงอย่างเคร่งขรึม “ฉันเรียกนายว่าพี่ เห็นว่านายเป็นพี่ชาย นายมีเรื่องอะไรถึงบอกฉันไม่ได้?”

หลังเงียบงันไปหลายวินาที จางกงหมิงเอ่ยว่า “เพราะอู๋เฟย”

“พี่ตุ้มหู?” หลี่ฝางตะลึงงัน “ทำไมถึงเพราะเขา?”

“เขารับโทษฆ่าคนแทนฉัน จนถูกตัดสินโทษตาย แต่มู่เสี่ยวไป๋บอกฉันว่าเขารู้จักคนใหญ่โต สามารถไว้ชีวิตอู๋เฟยได้ แต่อันดับแรกฉันต้องถวายชีวิตให้เขา ช่วยเขาสกัดเสือ”

“หลายปีมานี้เสือไม่ซื่อสัตย์ ทำธุรกิจมืดใต้ดินไม่น้อย และเขาคิดว่ามู่เสี่ยวไป๋ไม่รู้”

“แต่เสือไม่มีใจคิดหักหลัง เพียงอยากแอบหาเงินเท่านั้น ไม่งั้นเสือคงถูกมู่เสี่ยวไป๋จัดการไปแล้ว”

“มู่เสี่ยวไป๋ ความจริงคือคนที่จิตใจโหดเหี้ยมคนหนึ่ง และคิดอ่านรอบคอบอย่างมาก”

“ต่อไปนาย ต้องระวังเขาให้ดี เสี่ยวฝาง” จางกงหมิงเอ่ยเตือนหลี่ฝาง

หลี่ฝางพยักหน้า แสดงถึงว่ารับทราบ

หลังเอ่ยจบ จางกงหมิงเอ่ยกับหลินชิงชิงว่า “ชิงชิง กลับห้องไปนอนเถอะ”

“ฉันกับเสี่ยวฝางจะนอนที่โซฟา”

จางกงหมิงยังไม่รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างหลี่ฝางและหลินชิงชิง

แน่นอนว่าแม้จะรู้ หลี่ฝางก็ไม่กล้าไปนอนกับหลินชิงชิง

เพราะไม่ได้เป็นคู่รักกัน เพียงมีความสัมพันธ์กันเท่านั้น

ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ฝางและหลินชิงชิง กลับดูคล้ายคู่ขาบางส่วน

หลังหลินชิงชิงกลับเข้าห้องนอน หลี่ฝางเอ่ยถามจางกงหมิงว่า “นายเชื่อว่ามู่เสี่ยวไป๋จะช่วยอู๋เฟยออกมาได้จริงเหรอ?”

“มู่เสี่ยวไป๋มีคนอยู่ด้านบน ฉันตรวจสอบมาแล้ว”

“และต้าเฉียงกับหลี่หลง ครอบครัวของพวกเขาสองคนต่างถูกมู่เสี่ยวไป๋ปลอบขวัญเอาไว้แล้ว แม้อู๋เฟยถูกปล่อยออกมา พวกเขาจะไม่ไปหาเรื่อง”

“เพียงพวกเขาไม่ซักไซ้ ไม่มีคนไถ่ถามความรับผิดชอบจากอู๋เฟย หลังออกมาส่งอู๋เฟยออกไปจากตงไห่พอแล้ว” จางกงหมิงเอ่ย

“กระทั่งฆาตกรฆ่าคนยังปล่อยออกมาได้” หลี่ฝางขมวดคิ้ว ดูแล้วความสามารถของมู่เสี่ยวไป๋ จะมีมากไม่น้อย

เมื่อนึกถึงความแข็งแกร่งของศัตรู หลี่ฝางอกกังวลใจไม่ได้

ตนและมู่เสี่ยวไป๋ ตอนนี้กลายเป็นศัตรูคู่แค้นกัน ดูแล้ววันหน้าชัยชนะตกอยู่ในมือใคร ไม่แน่นอนจริงๆ เสียแล้ว

“นอนเถอะ”

หลี่ฝางเอ่ยจบ เตรียมตัวเข้านอน

เพราะคิดมากไปก็ไร้ประโยชน์

ประมาณเที่ยงคืน หลี่ฝางถูกรบกวนจนตื่นขึ้น

เพราะจางกงหมิงกลับนอนกรน หลังหลี่ฝางถูกปลุกให้ตื่น ต่อมานอนไม่หลับ

ทันใดนั้น หลี่ฝางลุกจากโซฟาอย่างเงียบเชียบ ก่อนเดินไปที่ประตูห้องนอนของหลินชิงชิง

หลังผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือ หลี่ฝางสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มของหลินชิงชิง

“นายบ้าไปแล้วเหรอ?” หลินชิงชิงขมวดคิ้ว เอ่ยเสียงเบาด้วยความโมโห “พี่ชายฉันยังอยู่ข้างนอก”

“เธอยังไม่หลับเหรอ?”

“นอนไม่หลับ” หลินชิงชิงเอ่ย “ฉันกลัวว่าพี่ชายฉันจะเกิดเรื่อง”

“วางใจเถอะ” หลี่ฝางเอ่ยปลอบ “พรุ่งนี้ไปถึงที่ของหวางเห้า หวางเห้าจะปกป้องเขา”

“ที่หวางเห้านั่นก็ไม่ปลอดภัย” หลินชิงชิงเอ่ย

“งั้นที่ของใครปลอดภัย?”

“พ่อฉัน” หลินชิงชิงเอ่ยจบ ถอนหายใจออกมา “แต่เมื่อกี้ฉันบอกว่าจะโทรหาพ่อ จางกงหมิงไม่ยอม ไม่รู้เขาคิดอะไรอยู่”

หลี่ฝางคิดในใจเช่นเดียวกัน ทางลูกพี่หลินต้องปลอดภัยกว่าทางหวางเห้าแน่นอน

แม้เสือจะร้ายกาจ คงไม่กล้าไปฆ่าจางกงหมิงถึงตงไห่?

“พรุ่งนี้ถามจางกงหมิง” หลี่ฝางเอ่ย พร้อมกอดหลินชิงชิง

“นายทำอะไร?” หลินชิงชิงหันหน้าถลึงตาให้หลี่ฝาง

“ฉันอยากทำอะไร เธอยังไม่รู้อีกเหรอ?” หลี่ฝางเอ่ย แล้วถอดเสื้อผ้าของตนเอง

“วันนี้ไม่ได้ พี่ชายฉันอยู่ด้วย วันอื่นเถอะ” หลินชิงชิงเอ่ย

“เพราะพี่ชายเธออยู่ ฉันถึงรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษ วางใจเถอะ เจ้านั่นหลับเหมือนตาย แถมยังกรนอีก” หลี่ฝางเอ่ยจบ อดใจไม่ไหว

หลังจากนั้น หลินชิงชิงอดยินยอมไม่ได้

เพราะหลินชิงชิงไม่กล้าส่งเสียงดัง ทำได้เพียงปล่อยให้หลี่ฝางทำตามอำเภอใจ

หลังผ่านกิจกรรมอันเร่าร้อน หลี่ฝางสวมเสื้อผ้า กลับไปนอนที่โซฟา

นอนลงได้ไม่นาน ฟ้าสว่างพอดี

หลินชิงชิงตื่นขึ้นมา ถือชุดผู้หญิงมาให้จางกงหมิงหนึ่งชุด พร้อมวิกผม เพื่อให้เขาสวม

เมื่อเห็นจางกงหมิงแต่งกายเป็นผู้หญิง หลี่ฝางอดหัวเราะลั่นไม่ได้

“พี่ ทำไมมีวิกผมด้วยล่ะ?” หลี่ฝางถามอย่างแปลกใจ

“เพราะหลบมู่เสี่ยวไป๋ไง ตอนที่เพิ่งมาถึงเมืองเอก ฉันติดตามมู่เสี่ยวไป๋ตลอด แต่กลัวเธอรู้ตัว ดังนั้นจึงซื้อวิกผมมาชุดหนึ่ง ก่อนปลอมตัว”

หลินชิงชิงเอ่ยขึ้น พลางแต่งหน้าให้กับจางกงหมิง

ทันใดนั้น หลี่ฝางรู้สึกราวไม่รู้จักจางกงหมิง

“พี่หมิง หากหน้าอกมีใหญ่กว่านี้อีกนิด เป็นสาวดุ้นเปิดไลฟ์ได้เลยนะเนี่ย” หลี่ฝางเอ่ยแซว

“ถ้าฉันไม่บาดเจ็บ นายตายแน่” จางกงหมิงถลึงตาให้หลี่ฝาง

หลังจัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย

ทั้งสามคนเดินออกไปจากหมู่บ้าน ออกเดินทางไปที่พักของหวางเส้า

สุดท้ายเพิ่งถึงประตูของหมู่บ้าน หลี่ฝางเห็นส้าวส้วย

“ทำไมนายมาอยู่ที่นี่?” หลี่ฝางเอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“เถ้าแก่ ยังมีหน้าถามผมอีก เมื่อคืนคุณเรียกผมมา สุดท้ายมือถือกลับติดต่อไม่ได้ ผมรอคุณอยู่ทั้งคืน!” ส้าวส้วยเอ่ยด้วยสีหน้าโกรธเคือง

“ปิดเครื่องนะ ขอโทษด้วย” หลี่ฝางลูบศีรษะอย่างเก้อเขิน

“ผมรอคุณทั้งคืน คุณว่าควรทำเช่นไร?” ส้าวส้วยมองหลี่ฝางอย่างไม่พอใจ

“ฉันเข้าใจ แฮมเบอร์เกอร์ใช่ไหม ฉันจะซื้อให้นายสิบอัน” หลี่ฝางรีบเอ่ยขึ้น

เมื่อได้ยิน ในที่สุดใบหน้าของส้าวส้วยเผยรอยยิ้มเล็กน้อยออกมา

“เถ้าแก่ ผมมีบางอย่างให้คุณดู” ส้าวส้วยเลิกคิ้ว ก่อนพาหลี่ฝางมาที่ด้านหน้ารถเก่าคันหนึ่ง

เมื่อเปิดประตู ภายในรถมีคนนอนอยู่สองคน

เขาสองคนสวมเสื้อผ้าสีดำ ปิดบังใบหน้า มองรู้ว่าไม่ใช่คนดี

จางกงหมิงแทรกตัวเข้าไปในรถ ดึงผ้าปิดหน้าของพวกเขาลง ก่อนสีหน้าพลันเคร่งเครียดขึ้น “พวกเขาเป็นคนของเสือ”

จางกงหมิงหันกลับไปมองส้าวส้วย “นายตีพวกเขาจนสลบเหรอ?”

“ใช่” ส้าวส้วยพยักหน้าเบาๆ

สีหน้าของจางกงหมิง พลันหนักแน่นขึ้นมา “นายทำได้ยังไง?”

“นี่เรื่องง่ายๆ ไม่ใช่เหรอ ฉันใช้โอกาสช่วงที่พวกเขาไม่ระวัง เข้าไปตีท้ายทอยของพวกเขาเบาๆ ทีหนึ่ง พวกเขาก็สลบไป”

“นายรู้จักพวกเขาเหรอ ฉันยังคิดว่าพวกเขาเป็นขโมย กำลังเตรียมจะส่งพวกเขาไปที่สถานีตำรวจ เพื่อรับรางวัลพลเมืองดี” ส้าวส้วยกล่าวยิ้มๆ

“ฉันให้นายแสนหนึ่ง เอาตัวพวกเขาส่งให้ฉัน รางวัลพลเมืองดีมีประโยชน์อะไร” จางกงหมิงเอ่ย

“ฉันไม่ต้องการเงิน” ส้าวส้วยส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธ

“อีกเดี๋ยวฉันจะซื้อแฮมเบอร์เกอร์ให้นายเพิ่มอีกสองชิ้น” หลี่ฝางรีบเอ่ยขึ้น

“งั้นตกลง เถ้าแก่สองคนนี้เป็นของคุณแล้ว” ส้าวส้วยตอบรับอย่างดีใจ

จางกงหมิงชักใบหน้ากลับมา ก่อนโอบไหล่ของหลี่ฝาง แล้วเดินไปด้านข้าง “นี่คือใคร สมองมีปัญหาเหรอ แสนหนึ่งไม่เอา จะเอาแฮมเบอร์เกอร์สองชิ้น?”

หลี่ฝางยักไหล่ แล้วไม่พูดอะไร

“ฉันได้ยินเขาเรียกนายว่าเถ้าแก่ เป็นยังไงกันแน่?” จางกงหมิงซักถามต่อ

“ความจริง เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉัน เรียกฉันว่าเถ้าแก่ แค่ล้อเล่นกับฉันเท่านั้น” หลี่ฝางอธิบาย

“เพื่อนร่วมชั้นนาย?” จางกงหมิงขมวดคิ้ว “งั้นเพื่อนนายคนนี้ ต้องร้ายกาจมากแน่”

“ทำไม?” หลี่ฝางเอ่ยถาม

“สองคนที่ถูกตีจนสลบด้านในรถ เป็นพี่น้องของเสือ ต้าเป่าและเสี่ยวเป่า เขาสองคนมาจากวัดเส้าหลิน ฝีมือของเขาสองคน กระทั่งเสือยังไม่ใช่คู่มือของเขา”

“มีเสี่ยวโจว สามารถสู้กับพวกเขาสองคนได้”

จางกงหมิงเอ่ยตัดบทด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “เพื่อนนายคนนี้ อาจร้ายกาจแบบเดียวกับเสี่ยวโจว”

หลี่ฝางฟังจบเพียงหัวเราะเฮอะเฮอะ นี่คงไม่ใช่คำพูดไร้สาระ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท