NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 231

ตอนที่ 231

บทที่ 231 หลี่ต๋าคางโกรธ

เจ้าพานตกใจอย่างหนัก

หลังบุตรชายของเจ้าพานเกิดอุบัติเหตุจนเสียชีวิต หลิงหลิงหลานสาวคือญาติเพียงคนเดียวของเขา

“พี่หน้าบาก ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถอะ หลิงหลิงยังเล็ก เธอต้องเรียนหนังสือ ต้องกินข้าว เงินสามแสนนั้น ผมคิดเก็บไว้ให้เธอเรียนมหาวิทยาลัย”

“หากคุณแย่งมันไป คุณจะให้ผมกับหลิงหลิงใช้ชีวิตต่อไปเช่นไร?” เจ้าพานมองไอ้หน้าบากอย่างน่าสงสาร พร้อมเอ่ยอ้อนวอน

ไอ้หน้าบากหัวเราะเฮอะเฮอะ “เจ้าพาน ทำไมแกต้องให้หลานสาวของแกสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วย?”

“สังคมในสมัยนี้ นักศึกษามีมากมายราวขนวัว แม้จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ จะมีประโยชน์อะไร ไม่สู้ส่งตัวเธอไปที่นั่นของพี่ฮัว ให้พี่ฮัวอบรมสั่งสอน ฉันเชื่อว่าไม่เกินสองปี หลานสาวของแกต้องกลายเป็นสาวสังคมที่โด่งดังที่สุดของเมืองแน่”

เจ้าพานแม้ไม่รู้ว่าพี่ฮัวเป็นใคร แต่สาวสังคมมีความหมายเช่นไร เจ้าพานรู้เป็นอย่างดี

สีหน้าของเจ้าพานพลันซีดขาว “หลิงหลิงยังเด็ก จะไปสถานที่แบบนั้นได้อย่างไร!”

“หยุดพูดซ้ำซากได้แล้ว รีบเอาเงินชดเชยจากการรื้อถอนมาให้ฉัน!” ไอ้หน้าบากใช้เท้าข้างหนึ่ง เหยียบลงบนหน้าอกของเจ้าพาน

เจ้าพานอายุมากแล้ว จะทนต่อการทุบตีเช่นนี้ของไอ้หน้าบากได้อย่างไร? จึงพลันแทบหมดสติไป

“คุณปู่!” หลิงหลิงสะบัดมือหลินชิงชิงออก ก่อนพุ่งตรงเข้าไปกอดแขนเจ้าพานเอาไว้

“คุณปู่ รีบลุกขึ้นเร็ว!”

“แกมันคนเลว ทำไมต้องทำร้ายคุณปู่ฉันด้วย!” หลิงหลิงประคองเจ้าพานลุกขึ้นไม่ไหว จึงยืนขึ้นแล้วกระโจนเข้าใส่ไอ้หน้าบาก

หลิงหลิงตัวเตี้ยอย่างมาก เมื่อชกหมัดออกไป จู่โจมได้เพียงหน้าท้องของไอ้หน้าบากเท่านั้น

“เด็กน้อย ต่อยต่ำลงกว่านี้อีกสิ” ไอ้หน้าบากเอ่ยยิ้มๆ อย่างลามก

“แกมันสารเลว!”

หลินชิงชิงขมวดคิ้วแน่น กัดฟันมองไอ้หน้าบาก

“นังสำส่อน ประเดี๋ยวฉันจะทำให้แกรู้ว่าความเลวที่แท้จริงเป็นยังไง!”

“มัวตะลึงอะไรอยู่ รีบเก็บเสื้อผ้าของนังกะหรี่นี่ แล้วโยนไว้ในรถซะ” ไอ้หน้าบากมองหลินชิงชิง พร้อมเอ่ยยิ้มๆ

ครั้งก่อนหลังไอ้หน้าบากถูกหวางเห้ารีดไถ่เงินไปสามแสน เริ่มติดการพนัน

ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ ไอ้หน้าบากเสียเงินไปกว่าหนึ่งล้าน และทั้งหมดล้วนมีดอกเบี้ยสูง

ไอ้หน้าบากรู้ว่าตนชดใช้เงินครั้งนี้ไม่ไหว ดังนั้นจึงคิดหลบหนีออกจากเมือง

ดังนั้น เวลานี้ไอ้หน้าบากจึงไม่ได้กลัวเกรงหลินชิงชิง และคิดข่มขืนเธอ

เมื่อเผชิญกับการห้อมล้อมของคนกว่าสิบคน หลินชิงชิงรู้ว่าตนไม่ใช่คู่ต่อสู้

หลี่ฝางหลังเห็นภาพนี้ ร้อนใจดุจไฟแผดเผา

ขอความช่วยเหลือจากหวางเห้าเห็นชัดว่าไม่ทันการณ์ บอกบิดาของตน บิดาตนไม่ใช่ยอดมนุษย์ จึงเป็นไปไม่ได้

ทันใดนั้น จู่ๆ ไอ้หน้าบากหรี่ตาลง มองกวาดมา

“มารดามันเถอะ วันนี้โชคดีจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะวิ่งหนี ยังมาเจอกับไอ้เด็กเวรนี้อีก!” เมื่อเห็นหลี่ฝาง ไอ้หน้าบากตาเป็นประกาย

หากไม่ใช่เพราะหลี่ฝาง ไอ้หน้าบากจะอับจนหนทางขนาดต้องหลบหนีอย่างไร?

พูดไปแล้ว ไม่ใช่เพราะถูกหวางเห้าและหลี่ฝางทำร้ายหรือ!

“ไปจับไอ้เด็กนั้นมาให้ฉัน!” ไอ้หน้าบากชี้นิ้วออกไป ลูกน้องสองคนวิ่งไปทางหลี่ฝาง

หลี่ฝางเห็นท่าไม่ดี วิ่งลงบันไดไปที่ชั้นสอง

หลี่ฝางก้มหน้าก้มตาวิ่งไป ก่อนชนเข้ากับหลี่ต๋าคางเข้าพอดี

“วิ่งรีบร้อนเช่นนี้ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือลูก?” หลี่ต๋าคางมองหลี่ฝาง พลางเอ่ยถามอย่างสงบ

หลี่ฝางยังไม่ทันตอบกลับ ชายสองคนปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าหลี่ต๋าคาง

“พ่อ”

หลี่ฝางมองหลี่ต๋าคาง พลางเอ่ยขึ้น “ด้านล่างเกิดเรื่องแล้ว มีคนมาทุบห้องของเจ้าพาน และยังจะฆ่าผมด้วย!”

หลี่ต๋าคางขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกมันทำไมต้องฆ่าแก?”

“พูดแล้วเรื่องมันยาว” หลี่ฝางไม่มีเวลาอธิบาย

เพราะชายสองคนนี้พุ่งขึ้นมาที่ชั้นสองแล้ว และอยู่ด้านหน้าหลี่ต๋าคาง

ชายคนหนึ่งเห็นเมี๋ยวชุ่ย เผยสายตาหื่นกามออกมา “ผู้หญิงคนนั้นสวยจริงๆ!”

“ดูแล้วมีคลาสจริงๆ!”

“มารดามันเถอะ ยังไงคืนนี้จะหนีไปแล้ว รีบจัดการเธอดีกว่า” ชายคนนี้จ้องเมี๋ยวชุ่ย พร้อมยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา

“ได้ แกไปเถอะ พ่อลูกคู่นี้มอบให้ฉันจัดการ รอแกสนุกจนเสร็จสมแล้ว ข้าก็จะไปสนุกด้วย!” ชายอีกคนเอ่ยขึ้น

เมื่อได้ยินสองคนนี้ดูถูกเมี๋ยวชุ่ย สีหน้าหลี่ต๋าคางพลันมืดครึ้มลง

“เสี่ยวฝาง หลับตา!” หลี่ต๋าคางเอ่ยน้ำเสียงเยือกเย็น

“หลับตา?” หลี่ฝางมึนงงชั่วขณะ ไม่เข้าใจความหมายของบิดาตน

“เร็วเข้า!” หลี่ต๋าคางเอ่ยขึ้นอีกครั้ง

หลี่ฝางไม่เคยเห็นบิดาตนดุร้ายเช่นนี้มาก่อน จึงหลับตาลงทันที

ทันใดนั้น หลี่ต๋าคางลงมือ

ร่างของเขาราวกับปีศาจ

เวลาเพียงกะพริบตาเดียว หลี่ต๋าคางเข้ามาอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม ก่อนบีบลำคอเอาไว้

ชายคนนี้จึงมองหลี่ต๋าคางอย่างหวาดกลัว ยังไม่ทันได้กรีดร้อง ถูกหักคอเสียก่อน

หลี่ฝางได้ยินเสียงสิ่งของหักโค่น แต่ไม่กล้าลืมตา

ชายอีกคน เพิ่งเดินไปถึงด้านหน้าเมี๋ยวชุ่ย หันกลับมาตะลึงงัน

พี่น้องของตน ถูกคนจัดการล้มกองอยู่บนพื้นอย่างฉับพลัน

“ต้าจ้วน!” เขาตะโกนชื่อพี่น้องของตน แต่กลับไร้เสียงตอบรับ

“แกทำอะไรพี่น้องของฉัน?” ชายคนนี้มองหลี่ต๋าคางอย่างตกตะลึง

หลี่ต๋าคางไม่ตอบ โถมตรงเข้าหาชายคนนี้

ชายหนุ่มล้วงมีดออกมา ยกขึ้นต้อนรับ

เห็นเพียงหลี่ต๋าคางยื่นนิ้วสองนิ้วทิ่มออกไป ชายหนุ่มหลบหลีกไม่ทัน จึงถูกสองนิ้วนั้นทิ่มเข้าที่ดวงตาสองข้าง

เสียงร้องโหยหวน ดังออกมาจากปากของชายหนุ่ม

สองนิ้วของหลี่ต๋าคาง เปื้อนเต็มไปด้วยรอยเลือด “สายตาของแกไม่เลว แต่ผู้หญิงบางคน ไม่ใช่คนที่แกจะมาดูถูกได้”

ชายผู้นี้ราวกับเสียสติ เขาหยิบมีดกวาดไปมาสะเปะสะปะ

หลี่ต๋าคางยิ้มมุมปาก ก่อนกุมแขนข้างที่ถือมีดของเขาเอาไว้ พลิกมือผลักออกไป มีดแทงเข้าไปที่หัวใจของเขา

เสียงปังดังขึ้น ชายหนุ่มผู้นี้ก็ล้มลงบนพื้น ก่อนสิ้นลมหายใจ

หลี่ต๋าคางเช็ดนิ้วมือของตนบนเสื้อผ้าของเขา จากนั้นหมุนตัว มาที่ด้านหน้าของหลี่ฝาง

“ไปกันเถอะ เสี่ยวฝาง” หลี่ต๋าคางเอ่ยเสียงเบา

หลี่ฝางจึงลืมตาขึ้น

ขณะเตรียมจะหันไปมองว่าเกิดอะไรขึ้น หลี่ต๋าคางรีบเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องดู ลงไปกันเถอะ”

หลี่ฝางแม้จะแปลกใจ แต่ก็ไม่กล้าหันกลับไป

หลังวิ่งลงมาชั้นล่าง ไอ้หน้าบากก็เดินขึ้นมาจากบันได

เห็นชัดว่าเสียงร้องเมื่อครู่ดึงดูดความสนใจของไอ้หน้าบาก

“ทำไมถึงเป็นพวกแก พี่น้องของฉันสองคนล่ะ!” ไอ้หน้าบากมองหลี่ต๋าคางและคนอื่นๆ ก่อนเอ่ยถามขึ้นอย่างเย็นชา

“พวกมันนอนอยู่ชั้นบน” หลี่ต๋าคางเอ่ยขึ้นเบาๆ

“พูดไร้สาระอะไร พี่น้องของฉันจะหลับได้ยังไง!”

ไอ้หน้าบากมองหลี่ต๋าคางอย่างเย็นชา “แกฆ่าพี่น้องของฉันใช่ไหม?”

“เสี่ยวฝาง แกออกไปก่อน” หลี่ต๋าคางเอ่ยกับหลี่ฝาง “พาพี่สาวแก ไปรอฉันที่รถ!”

“พ่อ ผม…”

“ฉันให้แกออกไปก่อน” หลี่ต๋าคางเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

หลี่ฝางมองภาพด้านหน้าแวบหนึ่ง ไอ้หน้าบากกลุ่มนี้ขวางอยู่ด้านหน้า ตนจะไปได้อย่างไร?

แต่คำพูดของหลี่ต๋าคาง หลี่ฝางไม่กล้าขัดคำสั่ง

หลี่ฝางลังเลอยู่หลายวินาที เพียงยืดอกเดินออกไป

น่าแปลกก็คือ ไอ้หน้าบากไม่สนใจหลี่ฝาง

ไอ้หน้าบากมองหลี่ต๋าคาง ยิ้มด้วยสีหน้าร้ายกาจ “แกคือพ่อของไอ้เด็กนั้น?”

“แกคงรวยมากสินะ?”

ไอ้หน้าบากสนใจหลี่ต๋าคางขึ้นมา

หลี่ฝางอายุน้อยขนาดนี้ ยังขับเมอร์เซเดสเบนซ์ G

ไอ้หน้าบากคิดในใจ หลี่ต๋าคางคนนี้ต้องเป็นเถ้าแก่ใหญ่แน่

หากจับตัวมันไว้ได้ อย่างน้อยสามารถเรียกเงินได้หลายล้าน!

หลี่ฝางเดินมาที่หน้าหลินชิงชิง ก่อนเอ่ยว่า “พี่สาว พ่อผมให้พวกเราไปรอที่รถ”

“ทิ้งพ่อกับแม่นายไว้ที่นี่?” หลินชิงชิงมองหลี่ฝางอย่างไม่เชื่อสายตา

หลินชิงชิงรู้ว่าหลี่ฝางเป็นเด็กกตัญญูและมีน้ำใจ แต่เหตุใดในช่วงคับขันกลับทิ้งบิดามารดาของตน?

“พวกเราไปรอที่รถก่อนเถอะ”

อารมณ์ของหลี่ฝางจริงจังอย่างมาก เขาดึงแขนของหลินชิงชิงออกไปจากร้านปิ้งย่าง

ขณะเดินไป ยังช่วยปิดประตูของร้านปิ้งย่าง

“เสี่ยวฝาง นายไม่สนใจพ่อแม่ของนายจริงเหรอ?” หลินชิงชิงมองหลี่ฝาง ก่อนเอ่ยถามอย่างสงสัย

“พี่สาว เมื่อครู่พี่ได้ยินเสียงร้องไหม?” หลี่ฝางถามเสียงเบาๆ ขึ้นประโยคหนึ่ง

“ได้ยิน” หลินชิงชิงพยักหน้า “จริงสิ สองคนที่ไล่ตามนายไปเมื่อครู่ ทำไมพวกเขาถึงไม่ลงมา?”

“พวกเขาอาจตายแล้ว” หลี่ฝางลังเลชั่วครู่ จึงเอ่ยปากขึ้น

เมื่อครู่ขณะลงบันได หลี่ฝางใช้สายตาเหลือบมองแวบหนึ่ง

หลี่ฝางเห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่บนพื้น ภายในดวงตาไร้ความมีชีวิตชีวา

“หากสองคนนั้นยังมีชีวิต จะปล่อยให้ผมลงจากตึกยังไงกัน?” หลี่ฝางหัวเราะอย่างสับสน พร้อมเอ่ยขึ้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท