NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 248

ตอนที่ 248

บทที่ 248 ความตกอับและเสียคนของถังหยู่ซวน

มูลค่าหนึ่งล้านในบอร์ด ได้รีเฟรชการบันทึกของtik tokโดยตรง

ในเวลานี้ หลี่ฝางรู้สึกยอมรับกับความใจใหญ่ของหมาป่าใหญ่

หมาป่าใหญ่คนนี้เป็นใครกันแน่?

กล้าใช้หนึ่งล้านเพื่อจีบสาว ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคนนี้มีค่าตัวอย่างน้อยร้อยล้าน

หรืออาจ มากกว่าร้อยล้าน… …

ก่อนหน้านี้ หลี่ฝางเคยสงสัยว่าหมาป่าใหญ่คือเฉินเสี้ยว แต่ตอนนี้ดูเหมือน จะเป็นไปไม่ได้แน่นอน

เพราะเฉินเสี้ยวเป็นครอบครัวชนชั้นกลาง เขาจะเอาเงินเป็นล้านเพื่อเปย์ของขวัญได้หรือ?

เป็นไปได้ไหมว่า หมาป่าใหญ่คนนี้เหมือนตัวเอง เป็นทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง?

ในเวลานี้ ห้องไลน์สดกำลังดุเดือดเต็มที่ และจำนวนคนยังคงทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ความสนใจของยูสนับหมื่น จุดสนใจไม่ได้อยู่ที่ตัวของลู่หลุ่ยอีกต่อไป พวกเขามาดูการเปย์เงิน

การใช้เงินแบบนี้ของเศรษฐี เห็นแล้วมันน่าตื่นเต้นมาก

พี่หมาป่านี่ยอดเยี่ยมมาก เขาเป็นเศรษฐีขั้นเทพอันดับหนึ่งบนแพลตฟอร์มtik tok!

“ไอ้เด็กเปรตคนนั้น เก่งไม่ใช่เหรอ? พี่หมาป่าใหญ่เปย์เป็นล้านแล้ว เห็นบอกว่าอยากท้าดวลสักครั้งไม่ใช่เหรอ? มาสิ!”

“ฮ่าฮ่า สงสัยกลัวจนหนีไปนานแล้ว”

“ใครจะกล้ามาแข่งเงินกับพี่หมาป่า นั่นเหมือนเป็นการหาที่ตายชัดๆ?”

ความคิดเห็นของยูส เอนเอียงไปหมด ทุกคนพูดเข้าข้างหมาป่าใหญ่

เพราะหมาป่าใหญ่เป็นยูสเก่าแก่ของแพลตฟอร์มtik tok และเจ้าตัวเองก็มีผู้สนับสนุนมากมาย

“ไอ้เด็กเปรต รีบออกมาและเรียกคุณปู่สิ!” หมาป่าใหญ่โห่ร้องออกมา

หลี่ฝางหัวเราะเบาๆ และเริ่มลงมือ

เรือยอชต์ทีละลำ ลอยอยู่ทั่วจอไลน์สด

“เขายังกล้าเปย์อีก ไม่อยากจะเชื่อเลย ลำดับรายชื่อบนบอร์ดของหมาป่าใหญ่ สูงถึงหนึ่งล้านแล้ว!”

“เขาจะเปย์เงินล้านเพื่อคว้าตำแหน่งสูงสุดที่อยู่ในบอร์ดของหมาป่าใหญ่จริงหรือ?”

“คุณดูดีๆนะ เขาไม่ได้ใช้บัญชีเดียวเพื่อเปย์ แต่ใช้สองบัญชีปย์… … ก็หมายความว่า เขาไม่ใช่จะเปย์หนึ่งล้าน แต่จะเปย์สองล้าน”

ทุกคนตกตะลึง

666 เต็มจอยอดเยี่ยม ว้าว

ภายในเวลาไม่ถึงสามนาที ทั้งสองบัญชีของหลี่ฝาง ในรายชื่อบอร์ดมีถึงหนึ่งล้าน

รายชื่อสามอันดับแรกนั้น เหมือนกันทุกประการ ซึ่งมีมูลค่าคนละหนึ่งล้าน

หมาป่าใหญ่เห็นว่าเขายังอยู่ในอันดับแรกของรายการ ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก

“หยุดทำไม?” ทุกคนตกใจ

“พี่หมาป่ายังคงอยู่ในอันดับแรกของรายการ!”

“หมาป่าใหญ่เป็นแค่น้องชาย แต่เขาเปย์เงินไปสองล้าน

หมาป่าใหญ่หัวเราะเยาะในห้องไลน์สด “เคยพูดไว้แล้ว ใครอยู่อันดับแรกของรายการ ใครชนะ!

“ตอนนี้ ฉันเป็นอันดับหนึ่ง ฉันชนะ… …”

ทันทีที่หมาป่าใหญ่พูดจบ ทั้งสองบัญชีของหลี่ฝาง ก็แจกอมยิ้มมูลค่าไม่ถึงบาทในเวลาเดียวกัน

? ?

ดวงตาของหมาป่าใหญ่ ลูกกะตาแทบกระเด็นออกมา

หมาป่าใหญ่จากอันดับแรกเปลี่ยนเป็นอันดับสามทันที อันดับแรกและอันดับที่สองมีมูลค่ามากกว่าเขาไม่ถึงหนึ่งบาทเท่านั้น!

ยั่วยุ!

ทุกคนสามารถเห็นได้ว่า นี่คือการยั่วยุหมาป่าใหญ่!

หมาป่าใหญ่โกรธจนอยากอาเจียนเป็นเลือด นายน่ามากกว่าฉันสักหนึ่งหมื่น ก็ยังจะดีกว่า!

หมาป่าใหญ่ในขณะนี้ ตอนแรกพอใจและเชื่อมั่นแล้ว

ตัวเองทุ่มไปหนึ่งล้าน หลี่ฝางทุ่มไปสองล้าน!

นี่แสดงให้เห็นว่า หลี่ฝางร่ำรวยกว่าเขามาก

ตรงจุดนี้ ทุกคนในห้องไลน์สด สามารถมองเห็นสิ่งนี้อย่างชัดเจน

หลี่ฝางไม่เพียงแต่ร่ำรวย แล้วยังชอบทำตามใจตัวเอง… …

ประเด็นคือ ทำไมมีคนที่ชอบยั่วยุแบบนี้

ชนะด้วยเงินไม่ถึงหนึ่งบาท นี่เป็นการดูถูกกันหรือเปล่า?

หมาป่าใหญ่ตกอยู่ในภาวะลำบากใจ ตัวเองจะเล่นต่อ หรือไม่เล่นต่อ?

ถ้าไม่เล่น ก็ต่างกันไม่ถึงบาท เพียงเพราะเงินไม่ถึงบาท ต้องเรียกคนอื่นว่าคุณปู่ มันอัดอั้นตันใจเกินไปหรือเปล่า?

พอเล่น อีกฝ่ายร่ำรวย ก็เหมือนกับสายลมที่พัดแรง ตัวเองทุ่มเท่าไหร่ อีกฝ่ายก็ต้องทุ่มตาม

ดังนั้น ถ้าเล่น ก็แพ้

ไม่เล่น ก็แพ้อย่างอัดอั้นตันใจ

“คุณปู่ ฉันแพ้แล้ว!”

หลังจากลังเลอยู่นาน หมาป่าใหญ่ก็พิมพ์คำสองคำในช่องแสดงความคิดเห็น และรีบถอนตัวออกจากห้องไลน์สดทันที

เมื่อค้นหาบุคคลนี้ หมาป่าใหญ่ก็ได้เปลี่ยนชื่อแล้ว และเปลี่ยนเป็นบุคคลที่เสียชีวิตแล้ว มีธุระก็เผากระดาษเงินไปให้

แม่งเอ้ย!

เมื่อเห็นชื่อนี้ หลี่ฝางก็ตกใจ

ดึกดื่นขนาดนี้ มาหลอกกันทำไม?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนต้นขาของหลี่ฝาง ยังมีเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับคนตาย!

หลี่ฝางตัวสั่น และลงจากรถ เดินเข้าไปในบาร์

สถานที่นี้ คุ้นเคยมาก!

เมื่อเห็นธุรกิจบาร์ของตัวเองกำลังเฟื่องฟู มุมปากของหลี่ฝาง มีความสุขมาก

เมื่อมาถึงตรงหน้าหวางเสี่ยวโก๋ หลี่ฝางมองเหล้าที่อยู่บนโต๊ะ และไอแห้งทีหนึ่ง “พวกคุณกำลังทำอะไร? ช่วยผมประหยัดเงินหรือไง ดูถูกผมเหรอ”

“พวกเราเก้าคน สั่งอาหารแค่สี่อย่าง ผลไม้หนึ่งจาน?” หลี่ฝางพูดด้วยความไม่พอใจ

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของเหยนเสี่ยวน่า ดูแย่เล็กน้อย

เพราะสิ่งเหล่านี้ เธอเป็นคนสั่ง

หลี่ฝางกวักมือเรียก และเรียกโหจื่อมา “โหจื่อ เอาเหล้าดีๆมาให้พวกเรา และ เอาอาหารมาเยอะหน่อย”

โหจื่อพยักหน้า และจากไป

เมื่อมองไปที่หลี่ฝาง เหยนเสี่ยวน่าก็ขมวดคิ้ว “ฉันขอถาม หลี่ฝางนายเป็นใครกันแน่?”

“ทำไมถึงรู้จักคุ้นเคยกับคนในบาร์นี้จัง นายไม่บอกชื่อเหล้า และขอให้เขาเอามาให้เลย?” เหยนเสี่ยวน่ามองหลี่ฝางอย่างสงสัย

“ถ้าผมบอกว่าผมเป็นเจ้าของบาร์นี้คุณเชื่อไหม?” หลี่ฝางพูดติดตลก

“นายเป็นคนใจกว้างขนาดนี้ พวกเราจะไม่เชื่อได้ไง” เหยนเสี่ยวน่าพูด

หวางเสี่ยวโก๋ก็พูด “นั่นสิ หลี่ฝาง ถ้านายบอกว่านายเป็นลูกเศรษฐี พวกเราก็เชื่อนาย”

หลี่ฝางยิ้มจางๆ “จริงๆแล้ว บาร์ร้านนี้ น้องชายของผมเป็นคนเปิด”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หลี่ฝางไม่เจอถังหยู่ซวนมาหลายวันแล้ว และไม่รู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

โหจื่อนำไวน์แดงมาหลายขวด และอาหารอีกหลายจาน ผลไม้… …

ในตอนนี้ หลี่ฝางถามโหจื่อว่า “ถังหยู่ซวนอยู่ที่ไหน? เขาอยู่ที่บาร์หรือไม่”

“กำลังดื่มเหล้ากับกลุ่มทายาทเศรษฐีรุ่นที่สอง” โหจื่อพูด และหัวเราะ

“ทายาทเศรษฐีรุ่นสอง?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว “มีใครบ้าง?”

“จะเป็นใครได้ โจวเจ๋ ส้งเสียง และอีกหลายคน… … ผมก็ไม่รู้จัก เจ้านาย น้องชายของคุณ ไม่ได้ใส่ใจอะไร นอกจากดื่มเหล้าจีบสาวแล้ว ไม่สนใจธุรกิจบาร์เลย”

“ลุงเฉียน ตั้งใจจะสอนวิธีบริหารบาร์ให้เขา แต่ว่า เขาไม่มีความตั้งใจที่จะเรียนรู้”

โหจื่อส่ายหัวและพูดว่า “ที่จริงแล้วก็ไม่ตำหนิเขา แต่เดิมเขาเป็นคนไม่เอาไหนอยู่แล้ว จะต้านทานสิ่งเย้ายวนเหล่านี้ได้ยังไง?” “เหล้าดี คนงาม ทุกคนต่างชื่นชมเขา ภายใต้สภาพแวดล้อมเช่นนี้ ทำให้เขาตกอับและเสียคน มันแน่นอนอยู่แล้ว”

คำพูดของโหจื่อ เหมือนเป็นการฟ้องหลี่ฝาง

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ไม่พอใจเล็กน้อย

ถังหยู่ซวนเป็นพี่น้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกับหลี่ฝาง ตอนนั้นหลี่ฝางใช้เงินหกล้านกว่าทดลองใจเขา เขาได้ผ่านการทดสอบแล้ว

เสียคน อย่างน้อยยังช่วยได้

ขอเพียงไม่คิดทรยศตัวเอง.

หลี่ฝางยิ้ม และตบไหล่โหจื่อ “นายไปทำงานเถอะ ถ้ามีอะไร ฉันค่อยเรียกนาย”

“โอเค” โหจื่อพยักหน้า และไปทำงาน

ขณะนี้ หลี่ฝางเดินไปที่โต๊ะวีไอพี

บนโซฟา มีใบหน้าที่คุ้นเคยนั่งอยู่หลายคน มีจางเชี่ยน โจวเจ๋ หลิวเฉียวเฉียว ส้งเสียง… … ถังหยู่ซวนเมาหนักมาก หน้าแดง ในอ้อมกอดเขา ไม่เพียงแต่มีสาวจางปิงปิง และยังมีอีกคนนอนอยู่

อันที่จริง หลี่ฝางไม่ได้ตำหนิเขามากนัก อย่างไรก็ตามผู้ชาย แทบจะไม่สามารถต้านทานความเย้ายวนของเหล้าดีและสาวงามได้… …

แน่นอน นี่แสดงให้เห็นว่า ถังหยู่ซวนไม่ใช่คนเก่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้

เดิมที หลี่ฝางวางแผนที่จะสนับสนุนถังหยู่ซวน แต่ตอนนี้ดูเหมือน มันน่าจะยากมาก

จางเชี่ยนนั่งอยู่อีกมุมของห้อง พร้อมกับบุหรี่ในมือ และแต่งหน้าเข้ม และไม่ทันสังเกตเห็นหลี่ฝางเข้ามา

หลิวเฉียวเฉียวเงยหน้าขึ้นและเห็นหลี่ฝาง และดึงแขนเสื้อของส้งเสียง

“โอ้ นึกว่าใคร นี่หลี่ฝางไม่ใช่เหรอ?”

“เห็นถังหยู่ซวนอยู่ที่นี่ เลยเข้ามาขอดื่มใช่ไหม?”

ส้งเสียงเงยหน้าขึ้นและมองหลี่ฝาง สายตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

“ช่างเถอะ ไม่ว่ายังไง เขาก็เป็นน้องชายของถังหยู่ซวน ให้เขานั่งลงเถอะ” โจวเจ๋เหลือบมองหลี่ฝาง ทำเหมือนไม่แยแส

“ไม่มีที่นั่งแล้ว?” ไม่นาน โจวเจ๋ก็พูดขึ้นมา

“ฮึฮึ หลี่ฝาง ถ้าอย่างนั้นนายก็ยืนดื่ม”โจวเจ๋ยิ้มเยาะ และผลักแก้วเหล้ามาฝั่งหลี่ฝาง

ในขณะนี้ ส้งเสียงก็นึกอะไรบางอย่างได้

“ฉันได้ยินเฉียวเฉียวพูดว่า เงินจากการขายที่ดินนายใช้จนหมดเกลี้ยง และตอนนี้ตกอับจนต้องมาเป็นวีเจ หรือว่า นายมาร้องเพลงให้พวกเรา หรือเต้นรำ”

“แสดงความสามารถของนาย ให้พวกเราได้เห็น เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ไม่ต้องกังวล พวกเราจะให้เงิน” พูดจบ ส้งเสียงหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา วางไว้บนโต๊ะเหล้า

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท