NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 266

ตอนที่ 266

บทที่ 266 เขาก็แค่คนกระจอกคนนึง

เงาที่คุ้นเคยนี้ จะเป็นใครเสียไม่ได้ นอกจากผู้หญิงชุดยีนส์คนนั้น โก่เอ๋อ

หลี่ฝางรีบเร่งฝีเท้าขึ้นเพื่อเดินไปยังด้านหน้าของเธอ “เธอก็มาเที่ยวที่สถานตากอากาศเหรอ”

“ใช่ เจอนายอีกแล้ว” โก่เอ๋อยิ้ม มองหลี่ฝางด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อนัก “บังเอิญจริงๆ”

“ใช่ไง บังเอิญจริงๆ”

เขาพยักหน้า มองไปที่เธอ “เธอมาคนเดียวเหรอ”

“ใช่น่ะสิ”

“เอางี้ไหม เดี๋ยวไปวางกระเป๋าเสร็จ เรามาเที่ยวด้วยกัน” หลี่ฝางชี้ไปที่พวกหวางเสี่ยวโก๋ “เรามากันตั้งหลายคนเลย”

“ได้สิ งั้นนายเอาเบอร์ไว้ให้ฉันหน่อย ฉันวางกระเป๋าเสร็จจะติดต่อไป” เธอตอบ

หยิบมือถือออกมา พวกเขาไม่เพียงแลกเบอร์ติดต่อกัน ยังแอดวีแชทกันด้วย

พอเดินกลับมา หลี่เสี่ยวเสี่ยวก็มองไปที่หลี่ฝาง พร้อมถามขึ้นว่า “หลี่ฝาง นายรู้จักเขาเหรอ”

“เพิ่งรู้จักกันเมื่อคืน” เขาพยักหน้า

“ผู้หญิงคนนี้ รวยเลยแหละ” หลี่เสี่ยวเสี่ยวพูด

“เมื่อวานบัตรวีไอพีใบสุดท้ายฉันเป็นคนขายให้เธอเอง” หลี่เสี่ยวเสี่ยวพูดด้วยสีหน้าซับซ้อน “ตั้งล้านนึง จ่ายเงินให้ฉันโดยไม่ได้คิดอะไรเลย”

หลี่ฝางยิ้ม ไม่พูดอะไรต่อ

ในเวลานั้น ผู้ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งนำลูกน้องตามติดมาด้วยจำนวนหนึ่ง เดินมาข้างหน้าหลี่ฝาง

“ขอโทษนะครับ คุณคือคุณชายหลี่ใช่ไหมครับ” ผู้ชายวัยกลางคนคนนั้นมองหลี่ฝางและถามขึ้น

หลี่ฝางชะงักไปซักพักก็พยักหน้าตอบรับ “ฉันแซ่หลี่นั่นแหละ แต่ไม่รู้ว่าใช่หลี่คนเดียวกับที่คุณตามหาไหม”

“ผมคือผู้ช่วยของพ่อบ้านเฉียน คุณเรียกผมว่าเสี่ยวจางก็ได้ครับ” ชายวัยกลางคนพูดด้วยความนอบน้อม

เขาเอารูปภาพของหลี่ฝางมาดูไม่รู้กี่ร้อยครั้ง จะจำไม่ได้ได้อย่างไรกัน

“เสี่ยวจาง?” หลี่ฝางมองชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้า แล้วหัวเราะขึ้นมา

นี่อายุจะ 40 แล้วไหม

หลี่ฝางตอบกลับไปว่า “ช่างเถอะ ฉันเรียกว่าพี่จางแล้วกัน”

“ไม่ได้ครับๆ…ถ้าคุรเรียกผมว่าพี่จาง ผมตายแน่ๆ” เสี่ยวจางได้ยินหลี่ฝางเรียกตัวเองว่าพี่จางก็รุกรนขึ้นมาทันที ตกใจจนหน้าซีดไปหมด

หลี่ฝางรู้สึกไม่รู้จะทำยังไง มันน่ากลัวขนาดนั้นเลยหรือ

“คุณชายหลี่ พวกเขาคือเพื่อนของคุณใช่ไหมครับ” เสี่ยวจางมองแวบไปทางหวางเสี่ยวโก๋และคนอื่นๆ เพื่อถาม

หลี่ฝางพยักหน้า

“พวกนายยังไม่รีบไปตอนรับแขกวีไอพีอีก” เสี่ยวจางหันหน้าขวับไปบอกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวด

คนที่อยู่ด้านหลังเสี่ยวจางต่างก็พากันพยักหน้า แล้วรีบนำหวางเสี่ยวโก๋และคนอื่นๆ เข้าพักในห้องพักของตัวเอง

แต่หลี่ฝาง กลับโดนเสี่ยวจางนำทางมาที่คฤหาสน์แห่งหนึ่ง

ข้างหน้ายังมีรถสปอร์ตคันนึงจอดอยู่

“มีรถด้วยเหรอ” หลี่ฝางยิ้มอย่างมีเลศนัย

“คุณขายครับ รถคันนี้คือเตรียมไว้ให้คุณโดยเฉพาะครับ ทั้งสถานตากอากาศมีแค่คันเดียวนี้แหละครับ” เสี่ยวจางตอบด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“จริงเหรอ”

เขาถามด้วยความไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่นัก “คนอื่นไม่มีเหรอ”

“ไม่มีครับ หน้าห้องของคนอื่นมีเพียงรถจักรยานและจักรยานยนต์ไฟฟ้าเท่านั้น มีเพียงคุณที่มีรถสปอร์ตคันนี้” เสี่ยวจางตอบ

หลี่ฝางหัวเราะแต่ไม่ได้ถามอะไรต่อ

เพราะในเมื่อนี่คือธุรกิจของตัวเอง พ่อแม่ให้สิทธิพิเศษบ้างก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

เวลานี้ หลี่ฝางโบกมือเรียกเสี่ยวจาง พร้อมพูดว่า “คุณไปทำอย่างอื่นของคุณเถอะ มีเรื่องอะไรเดี๋ยวฉันจะเรียกเอง”

“ครับ คุณชาย” เสี่ยวจางพยักหน้าตอบรับ

“อ่อใช่ ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณชายแล้ว” หลี่ฝางเกรงว่าฐานะของตัวเองจะถูกเปิดเผย จึงเอ่ยเตือน

“ถ้างั้นผมจะเรียกว่าอะไรครับคุณชาย”

“เรียกฉันว่า…เสี่ยวฝางเถอะ” หลี่ฝางคิดสักพักก็ตอบเขาไป

“ไม่ได้ครับ ผมเป็นคนรับใช้ จะเรียกชื่อจริงของคุณชายได้ยังไงกัน” เสี่ยวจางพูดพร้อมส่ายหัวไปมา

“งั้นเรียกฉันว่าคุณก็พอแล้ว”

หลี่ฝางขมวดคิ้วด้วยความสงสัย เสี่ยวทำไมถึงได้เหมือนอยู่ในระบบศักดินาเลย

เดี๋ยวก็คุณชายอย่างนั้นอย่างนี้ เรียกซะจนเขารู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่

“คุณชายหลี่…ไม่สิ คุณหลี่ ถ้าคุณมีอะไรที่ต้องการ โทรเรียกผมได้ตลอดเวลาเลยนะครับ นี่คือนามบัตรของผม พร้อมบริการตลอด 24 ชั่วโมงครับ” เสี่ยวจางยื่นนามบัตรของเขามาให้

หลี่ฝางหยอกล้อว่า “ทำไม นายไม่นอนหรือไง”

เสี่ยวจางได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อ

“โอเค ไปทำงานของนายเถอะ” หลี่ฝางคิดในใจว่า อยู่ในสถานตากอากาศแบบนี้ ตัวเองจะเจออะไรได้

“ครับคุณชาย” เสี่ยวจางตอบด้วยความเคยชิน

หลี่ฝางขมวดคิ้ว จ้องเสี่ยวจางเขม็ง

สีหน้าเสี่ยวจางเริ่มรุกรรขึ้นมาทันที เขารีบเปลี่ยนคำพูดว่า “ครับ คุณ”

หลี่ฝางถอนหายใจ แล้วเดินกลับเข้าคฤหาสน์ไป

บัตรห้อง ก็คือบัตรที่หลี่ต๋าคางเคยให้เขาไว้ก่อนหน้านั้น

หมายเลขบัตรสมาชิกคือ 001

หลังจากรูดบัตรเข้าไปในคฤหาสน์ เขาก็พบว่ามันใหญ่โตมากเกินไป

ถึงจะใหญ่ไม่เท่ากับคฤหาสน์หมายเลข 1 หลังเขาของตัวเอง แต่ก็ใหญ่กว่าคฤหาสน์หมายเลข 8 ที่จ้าวเสี่ยวตาวและ

เฉียนเป่าเอ๋อซื้อไว้เยอะมาก

ในคฤหาสน์ไม่เพียงมีเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ยังมีห้องรองเท้า ห้องครัวที่แยกออกมาโดยเฉพาะอีกด้วย

พอเดินเข้าไปในห้องรองเท้า หลี่ฝางก็ชะงัก ที่นี่มีรองเท้าวางถึง 100 กว่าคู่ ซึ่งมีทั้ง รองเท้าแตะ รองเท้าพื้นเรียบ นองเท้ากีฬา รองเท้าหนังชั้นสูงและอีกมากมายครบทุกรูปแบบ…

แทบจะเป็นเหมือนร้านรองเท้าขนาดเล็กเลยก็ว่าได้

พอเดินเข้าไปในห้องครัว ยิ่งโอเวอร์ไปกว่าอีก

พื้นที่กว่า 50 ตาราง ถูกวางเรียงด้วยชุด 100 กว่าชุด อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ดังต่าง ๆ ด้วย

หลากหลายไปหมด หลี่ฝางมองจนตาลาย

“นี่เตรียมไว้ให้ตัวเองหมดเลยเหรอ” หลี่ฝางพูดกับตัวเอง เขาตกใจเล็กน้อย

เขารีบหยิบมือถือขึ้นมา เพื่อที่จะโทรไปหาพ่อของตัวเอง

พอปลายสายรับ เขาก็ถามทันทีว่า “พ่อครับ พ่อโอเวอร์ไปไหมเนี่ย รองเท้า ถุงเท้า ชุดแบรนด์ เข็มขัดเยอะขนาดนี้…จะขายส่งหรือไงกัน”

“เป็นไง โอเคไหม” หลี่ต๋าคางเอ่ยถามพร้อมหัวเราะ

“โอเคอยู่แล้ว แค่รู้สึกว่าเสื้อผ้าเยอะขนาดนี้ ทั้งรองเท้าอีก มันสิ้นเปลืองไปไหม ต่อให้ผมเปลี่ยนวันละชุด ก็ต้องใช้ไปครึ่งปีเลยนะ” หลี่ฝางพูดด้วยความไม่รู้จะทำยังไง

“สิ้นเปลืองงั้นเหรอ เงินของบ้านเราจะใช้ไม่หมดกันอยู่แล้ว ลูกยังกลัวจะสิ้นเปลืองอีก”

“อีกอย่าง ก็แค่เสื้อผ้ารองเท้าพวกนั้น ไม่ได้มีราคาสูงอะไรเลย”

หลี่ต๋าคางหัวเราะ พร้อมพูดต่อว่า “ในห้องนอนลูก พ่อวางนาฬิกาไว้ให้ 3 เรือน ราคาเป็นล้านทั้งนั้น ลูกเข้าไปเลือกซักเรือนสิ”

“อีกอย่าง ตอนกลางคืนถ้าหิว ข้างๆ เตียงมีแท็บเล็ตอยู่ สั่งอาหารได้ ลูกอยากกินอะไร ก็สั่งอันนั้น” หลี่ต๋าคางพูดต่อว่า “กี่ปีมานี้ ลูกผอมจนไม่รู้จะผอมยังไงแล้ว”

“”นาฬิกาหลักล้าน…

หลี่ฝางกลืนน้ำลาย สีหน้างงงัน “นาฬิกาหลักล้าน 3 เรือนเหรอ”

“ใช่ไง” หลี่ต๋าคางตอบ “ลูกเลือกซักเรือน อีก 2 เรือนถ้าไม่ชอบก็ให้คนอื่นก็ได้”

นาฬิกาหลักล้าน ให้คนอื่น?

เขาเสียดายจะตาย

พอหลังจากวางสายเสร็จ เขาก็ได้รับข้อความจากหวางเสี่ยวโก๋ เรียกให้ตัวเองออกไปเที่ยวด้วยกัน

เขาถอดชุดสูทของตัวเองออก พร้อมเปลี่ยนเป็นชุดวอร์มสบายๆ เพื่อที่จะออกไปด้านนอก

“ไม่สิ ไปดูนาฬิกาก่อน”

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นของแบรนด์ โรเล็กซ์อะไรพวกนี้ เขาเคยเห็นหมด

สวีเถิงเฟยก็ใส่เรือนนึงนี่

ถึงจะโดนส้าวส้วยพวกนั้นแย่งไปก็เถอะ

เขาคิดในใจว่า นาฬิการาคาหลักล้าน จะหน้าตาเป็นยังไงนะ น่าจะเป็นนาฬิการาคาที่สูงมากแล้วใช่ไหม

เขาเดินมาที่ห้องนอนของตัวเอง เพื่อหานาฬิกานั้น

หนึ่งในเรือนนั้นเป็นนาฬิกาที่ถูกฝังด้วยเพชรเต็มเรือน แม้แต่สายนาฬิกาก็เต็มไปด้วยเพชรที่ประดับอยู่ นี่น่าจะมีเพชรอยู่ถึงพันเม็ดแล้วไหม?

ระดับสูงเกินไปหรือเปล่า ถ้าใส่แบบนี้ไป จะไปแยงหน้าใครเข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้

ยังมีอีกเรือน ที่รูปแบบมีความพิเศษสูงมาก

ข้างในเป็นฟันเฟืองกลไกอยู่ด้านหลัง ดูเหมือนว่าวิธีการทำจะซับซ้อนมาก

หลี่ฝางหยิบเรือนสุดท้ายขึ้นมา นาฬิกาเรือนนี้ถือว่าเป็นเรือนที่ดูธรรมดาที่สุดแล้ว

ซึ่งมันเป็นของแบรนด์ปาเต็ก ฟิลิปป์

หลังจากนั้นเขาก็ไปข้างนอกทันที

เขาออกไปข้างนอกได้ไม่นาน ก็โดนคนอื่นจ้องซะแล้ว

“เฮ้ย เป็นมันได้ไงกัน” สวีเถิงเฟยมองเห็นหลี่ฝาง ก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

ครั้งก่อนหยูเถิง จ้าวเสี่ยวตาว ตู้เฟยและอีกหลายคนก็ถูกลากเข้าแบล็กลิสต์ ไม่อนุญาตให้เข้ามาที่สถานตากอากาศนี้

ดีที่สวีเถิงเฟยออกไปก่อน ถึงหลบได้ทัน

สวีเถิงเฟยมองวัยรุ่นคนที่อยู่ตรงหน้า พูดขึ้นว่า “หวางเฉินวันนี้เอาเพื่อนมาด้วยหรือเปล่า”

“เอามาด้วยหลายคน ทำไมเหรอ” หวางเฉิน ตอบด้วยความสงสัย

“ไปเรียกพวกเขามาหน่อย เดี๋ยวฉันจะพาไปสั่งสอนไอ้หมอนั่น” สวีเถิงเฟยชี้ไปที่หลี่ฝางแล้วพูดขึ้น

หวางเฉินส่ายหน้าแล้วตอบไปว่า “พี่เฟย จะให้ฉันไปตายหรือไง”

“พี่ไม่เห็นหรือไง ไอ้หมอนั่นมันพักในคฤหาสน์เดี่ยว”

“พักคฤหาสน์แล้วยังไง” สวีเถิงเฟยถามด้วยความไม่พอใจ “ทำไม ค่าพักคฤหาสน์นี่มันแพงหรือไง”

“ไม่ใช่เรื่องแพงไม่แพง ที่สถานตากอากาศนี่มีแค่คฤหาสน์ 10 หลัง คนที่พักในคฤหาสน์แต่ละคนไม่ธรรมดาทั้งนั้น”

หวางเฉินพูดด้วยสีหน้าเกรงกลัว “ถ้าอยากเข้าไปพักในคฤหาสน์ ต้องมีฐานะด้วย”

“อย่างฉินจื่อยี่ มู่เสี่ยวไป๋พวกนี้ อย่างมากก็พักได้แค่ห้องหรู”

หวางเฉินพูดต่อว่า “ไอ้หมอนี่ได้พักในคฤหาสน์เดี่ยวแบบนี้ ฐานะเขาคงสูงกว่าพวกฉินจื่อยี่ มู่เสี่ยวไป๋แน่นอน”

“สูงบ้าบออะไร ฉันไปสืบมาแล้ว มันก็แค่ไอ้กระจอกคนนึง” สวีเถิงเฟยตอบด้วยความไม่เชื่อ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท