NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 261

ตอนที่ 261

บทที่ 261 ส้งเสียงที่อัปยศอดสู

รอยยิ้มของหลี่ฝางดูเหมือนว่าจะไม่มีพิษมีภัยอะไร แต่จริงๆ แล้วกลับซ่อนความน่ากลัวเอาไว้อยู่ในนั้น

หากส้งเสียงไม่รับปาก หลี่ฝางจะต้องจัดการกับเขาแน่นอน เพราะในเมื่อหลี่ฝางมีทั้งพยานและหลักฐาน เพียงแค่แจ้งตำรวจ ตระกูลส้งจะต้องเดือดร้อนหนักแน่นอน

ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ฝางยังรู้จักกับสวีจื่อโห้อีกด้วย เรื่องนี้ส้งเสียงรู้ดีตั้งแต่แรก

หากสวีจื่อโห้มายุ่งกับเรื่องนี้ เช่นนั้นตระกูลส้ง สิ่งที่ต้องเจออาจจะไม่ต่างกับที่ตู้ต้าไห่เจอเลย

“ฉันให้เวลา 30 วินาที นายคิดให้ดีๆ” หลี่ฝางพูดจบก็ยกนาฬิกาบนแขนขึ้นมาดู

หลี่ฝางดูไปก็พูดเวลานั้นไป

“30 29…18…10 9 8 7 6 5 4 3 2 1”

หลี่ฝางอ่านเวลาจบก็มองไปที่ส้งเสียงด้วยสายตาราบเรียบ “ทำไม ยังตัดสินใจไม่ได้เหรอ”

ส้งเสียงเงียบไป

“ดูท่านายจะปฏิเสธ?” หลี่ฝางยิ้มเยาะ หันหลังแล้วเดินจากไป

แต่เวลานั้น ส้งเสียงกลับหมอบคลานลงไป แล้วเริ่มคลานไปข้างหน้า

หลี่ฝางส่ายหน้า ดูเหมือนว่าชื่อเสียงเงินทอง จะสำคัญมากกว่าศักดิ์ศรีสินะ

“เฮ้ย คุณชายส้งทำอะไรเนี่ย คลานหาของข้างล่างเหรอ”

“ไม่ใช่ เขากำลังเลียนแบบหมาคลานต่างหากล่ะ!”

“อะไรกันเนี่ย ไอ้นั่นมันเป็นใครกันแน่ ถึงได้บังคับให้คุณชายส้งคลานเลียนแบบหมาแบบนี้” ทุกคนมองไปที่หลี่ฝางด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ

“นั่นสิ เขาเป็นใครกัน ดูๆ แล้วเหมือนคุณชายส้งจะกลัวเขามากเลย”

หลี่ฝางเดินผ่านผู้คนมากมาย เขาทำให้คนเหล่านั้นจำเขาได้ดี

เพียงแค่เขาไปคุยกับส้งเสียงแค่ไม่กี่คำ ส้งเสียงก็ยอมที่จะมอบคลานไปตามพื้นเลียนแบบหมาแบบนี้

มีคนสายตาแหลมคมบางคน ก็เห็นว่าส้งเสียงเดินไปที่ฟลอร์เต้นรำ ก็เป็นเขาเองที่แอบผลักให้ไป

“นักข่าวมาแล้วๆ”

ตงไห่มีสถานโทรทัศน์เล็กๆ อยู่ 1 ช่อง ซึ่งเลี้ยงดูนักข่าวอยู่ไม่กี่คน

แล้วนักข่าวเหล่านี้ ปกติก็ไม่มีข่าวอะไรให้เขียนอยู่แล้ว หลังจากมีข่าวการลงทุนหลายอย่างของหลี่ต๋าคาง นักข่าวเล็กๆ พวกนี้ถึงได้พอมีตัวตนอยู่บ้าง

ตอนนี้นักข่าว 2 คนได้มาที่ Recalling the past แล้วเห็นส้งเสียงกำลังเลียนแบบหมาคลานอยู่บนพื้น

ทั้งสองต่างก็ตกใจเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นสีหน้าก็ตื่นเต้นกันขึ้นมาทันที

รียยกกล้องมาและทำการถ่ายรูปทันที

แต่การถ่ายรูปของพวกเขาทำด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้ส้งเสียงเห็นเด็ดขาด

พวกเขารู้ดีว่าส้งเสียงเป็นคนยังไง ถ้าหากส้งเสียงเห็นจะต้องทุบกล้องของพวกเขาเป็นแน่

“นี่มันไอ้ผู้ชายเลวที่ตีผู้หญิงเมื่อกี้ใช่ไหม”

“ใช่ เขานี่แหละ!”

คนที่มาเที่ยวที่ Recalling the past มีเพียง 30% ที่เป็นคนในพื้นที่ของตงไห่

อีก 70 % เป็นนักท่องเที่ยวที่มาจากพื้นที่อื่นทั้งนั้น

เพราะงั้นพวกเขาไม่รู้ว่าส้งเสียงคือใครด้วยซ้ำ แต่เห็นส้งเสียงตีหลิวเฉียวเฉียวเมื่อครู่ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกไม่ดีกับเขามาก

“พนักงาน เอาไข่ไก่ดิบมาให้ฉัน 2 ฟอง”

ผู้หญิงที่ใส่ชุดยีนส์คนนึงกวักมือเรียกพนักงาน พร้อมพูดว่า “เอามาจานนึงเลย อย่าลืมว่าฉันเอาแบบดิบ”

“ครับ”

หลี่หงเทาพยักหน้ารับ พร้อมรีบไปที่ครัว แล้วหยิบไข่ไก่สดมา 1 จาน

การที่ Recalling the past มีไข่ไก่สด แน่นอนว่ามีสาเหตุของมัน

เพราะว่าลูกค้าชอบเล่นเกมอย่างนึง ก็คือใครแพ้ คนนั้นก็ต้องเอาไข่ไก่สดเทลงในเหล้า แล้วดื่มให้หมด

ระหว่างที่ส้งเสียงคลานมา ก็ถูกสายตาหลายคู่มองมาด้วยความดูถูก แล้วยังโดนโจมตีด้วยอะไรบางอย่าง

อย่างเช่น หลายคนนำผลไม้ที่อยู่ในจานโยนใส่บริเวณหัวเขาเต็มๆ

แล้วมีบางคนเอาแชมเปญเขย่าอย่างแรง แล้วเปิดฝ้าหันปากขวดไปที่หัวของส้งเสียงอย่างจัง

ส้งเสียงไม่กล้าที่จะเงยหน้าขึ้น เขาทำได้แค่ก้มหน้าแล้วเดินต่อไป

ผู้ชายชาตรีแข็งแกร่งได้ก็อ่อนข้อได้ ส่งเสียงพยายามอดกลั้นเอาไว้

แต่ในเวลานั้น ไข่ไก่ดิบ 2 ฟอง โยนมาที่กัวจองเขาอย่างแรง

เมื่อรับรู้ได้ถึงของเหลวที่อยู่ในไข่ไก่ไหลลงมา ส้งเสียงหันขวับขึ้นมาดูว่าใครกันแน่ที่เป็นคนทำ เพื่อที่เขาจะได้แก้แค้นในภายหลังได้

สุดท้าย เมื่อเขาเตรียมจะเงยหน้าขึ้น ไข่ไก่ 2 ฟองก็ถูกโยนมาที่ตาเขาอีกครั้ง

เขารีบปิดตา จนมองไม่เห็นอะไร

ต้องยอมรับว่า เทคนิคการโยนของผู้หญิงที่สวมชุดยีนส์คนนั้นดีมาก สองมือโอบไว้ด้านล่าง แล้วเอาไข่ไก่ทั้งจาน โยนไปใส่ส้งเสียงทั้งหมด

หลังจากที่โยนเสร็จหมดแล้ว ผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงรู้สึกว่ายังไม่พอใจนัก

ส้งเสียงมาถึงบริเวณด้านหน้าของหลิวเฉียวเฉียว จางเชี่ยนจึงถามขึ้นว่า “เฉียวเฉียวเราก็เอาด้วยจักจานไหม”

หลิวเฉียวเฉียวคิดสักพักก็ส่ายหน้า พร้อมกับพูดว่า “ช่างมันเถอะ”

ถึงแม้ว่าหลิวเฉียวเฉียวจะเกลียดส้งเสียง แต่เธอเองกลัวว่าส้งเสียงจะกลับมาแก้แค้นเช่นกัน

ถ้าหากตอนนี้โยนไข่ไก่ใส่เขาแบบนั้น ต่อไปจะต้องโดนเขาแก้แค้นคืนเป็นสองเท่าแน่นอน

ไม่ว่ายังไง เขาก็ได้รับโทษในสิ่งที่เขาทำไว้แล้ว

ผู้หญิงชุดยีนส์คนนั้นก็แก้แค้นให้เธอไปแล้วไม่ใช่หรือ

พอคิดแบบนี้ หลิวเฉียวเฉียวก็ยิ้มออกมา

วินาทีนั้น หลิวเฉียวเฉียวก็รู้สึกว่าบาดแผลบนตัวของเธอหายเจ็บไปแล้ว

“น้อง เอาเหล้ามา 2 กอง” หลิวเฉียวเรียกพนักงานด้วยสีหน้ามีความสุข

“จางเชี่ยน วันนี้นี้เธอเมาเป็นเพื่อนฉันหน่อย” หลิวเฉียวเฉียวพูดกับจางเชี่ยน

จางเชี่ยนพูดกับหลิวเฉียวเฉียวว่า “เฉียวเฉียว เธอไม่เสียใจเหรอ”

“เสียใจ? ทำไมฉันต้องเสียใจด้วย วันนี้ฉันต้องขอบคุณหลี่ฝางจริงๆ ถ้าไม่ใช่เขา ฉันคงไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของส้งเสียงแน่ๆ”

“แล้วอีกอย่าง ไอ้ผู้ชายคนนี้เดี๋ยวก็ใส่บีกินนี่เต้นรูดเสาให้เราดู เดี๋ยวก็คลานเลียนแบบหมาให้เราดู เราไม่ควรจะฉลองกันหน่อยเหรอ” หลิวเฉียวเฉียวพูดไปยิ้มไป

“แน่นอนสิ”

จางเชี่ยนได้ยิน ก็พยักหน้า “โอเค วันนี้ฉันจะเมาเป็นเพื่อนเธอเอง”

พอส้งเสียงคลานครบรอบเขาลุกยืนขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น

ผู้ชายที่สวมเสื้อสีแดงกับเสี่ยวสานรีบวิ่งเข้ามาพร้อมเอาเสื้อให้เขา

ส้งเสียงใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ก็พูดกับเสี่ยวสานว่า “เมื่อกี้ใครโยนไข่เน่านั่นมาใส่ฉัน พวกแกเห็นชัดไหม”

“เห็นแล้วครับ ผู้หญิงคนนั้น”

เสี่ยวสานชี้ไปยังผู้หญิงชุดยืนคนนั้น ซึ่งในตอนนี้เธอกำลังจิบเหล้าอย่างไม่สนใจอะไร

“คนเดียว?”

ส้งเสียงขมวดคิ้ว พร้อมพูดด้วยความสงสัยว่า “เมื่อกี้ฉันรู้สึกว่ามี 2 คนโยนใส่ฉัน!”

“เธอใช้สองมือโยนครับ”

“จะว่าไป เธอเทคนิคดีมากเลยนะครับ โดนเข้าไปเต็มๆ ไม่พลาดเลยซักครั้ง” เสี่ยวสานพูดใบสีหน้าชื่นชมไป

“ไอ้บ้าเอ้ย!” ส้งเสียงใช้ทแตะไปที่ก้นของเสี่ยวสานอย่างจัง พร้อมด่าว่า “แกชมมันอยู่งั้นเหรอ!”

เสี่ยวสานรีบเม้มปาก ไม่กล้าพูดอะไร

เพราะฐานะบ้านของเสี่ยวสาน ต่างจากส้งเสียงเหลือเกิน

เขาทำอะไรให้ส้งเสียงไม่พอใจไม่ได้ เพราะงั้นเมื่อโดนส้งเสียงตี เขาก็ทำได้แค่อดทน

เวลานั้น ชายเสื้อแดงก็เดินเข้ามา พูดกระซิบข้างๆ ส้งเสียงว่า “พี่เสียง เมื่อกี้คนของสถานีโทรทัศน์มาด้วย พวกเขาแอบถ่ายรูปพี่”

“ไอ้บ้าเอ้ย รนหาที่ตายหรือไง!” ส้งเสียงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็เริ่มไม่ดุร้ายขึ้นมาทันที

“ถ้ามันเอาคลิปที่ฉันคลานเลียนแบบหมาไปออกอากาศที่สถานีโทรทัศน์เมื่อไหร่ งั้นชื่อเสียงของฉัน…” แค่คิด ส้งเสียงก็รับไม่ได้แล้ว

ความจริง ในเวลานี้ส้งเสียงยังเหลือชื่อเสียงอะไรอีกกัน

ผู้ชายที่สวมเสื้อสีแดงยิ้มแล้วพูดว่า “พี่เสียง พี่ไม่ต้องกังวล ผมให้เสี่ยวสานโทรไปแล้ว ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่หน้าประตูร้านแล้ว”

“นักข่าวสองคนนั่น หนีไปไหนไม่รอดหรอก”

“แล้วก็ผู้หญิงที่โยนไข่ดิบใส่พี่ด้วย…เดี๋ยวอีกซักพัก ก็ไม่รอดเหมือนกัน”

ส้งเสียงหันไปมองผู้ชายที่สวมเสื้อสีแดงคนนั้น “เสี่ยวจวิน แกนี่ทำงานเป็นจริงๆ”

พูดจบ เขาก็หันขวับไปจ้องเสี่ยวสาน

“อ่อใช่ พี่เสียง ถังหยู่ซวนไอ้หมอนั่นจะเอาไงครับ เราจะจัดการยังไง” ผู้ชายที่สวมเสื้อสีแดงพูดกับส้งเสียง

ส้งเสียงกัดฟันกรอด ถึงในใจเขาจะรู้สึกไม่ยอมแค่ไหน แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยไป

“มันมีหลี่ฝางคอยคุ้มกะลาหัว เราอย่าเพิ่งไปทำอะไรมัน”

ส้งเสียงครั้งนี้คงโดนหลี่ฝางจัดการอยู่แล้ว

หลี่ฝางไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เขาแสดงออกมา

เขาไม่ใช่ลูกเศรษฐีธรรมดาทั่วไป แต่เป็นคนที่อันตรายมาก แถมยังมีทรัพย์สมบัติมากมายมหาศาล

และเวลานั้น ผู้หญิงชุดยีนส์นนั้นก็ยืนขึ้น หลังจากที่จ่ายเงินเสร็จ เธอก็เตรียมจะออกไป

เหมือนว่า เธอเองก็กลัวว่าส้งเสียงจะมาแก้แค้นเธอเช่นกัน

“มันจะออกไปแล้ว รีบตามไป”

เมื่อเห็นว่าผู้หญิงชุดยีนส์คนนั้นจะออกจากบาร์ไป ส้งเสียงก็พูดขึ้นทันที

พอเห็นเหตุการณ์นั้น หลี่ฝางก็ลุกขึ้นและตามออกไป

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท