NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 268

ตอนที่ 268

บทที่ 268 เป้าหมายของฉินวี่เฟย

พอปั่นจักรยานมาถึงหน้าประตูบ่อน้ำผุร้อน

ทุกคนก็ลงจากรถ กำลังจะเดินเข้าไป ก็โดนขวางเอาไว้

“พวกคุณ…มีชุดว่ายน้ำไหมคะ” พนักงานขายที่อยู่ตรงประตูถามขึ้นด้วยความสงสัย

“ลืมไปเลย…มาแช่น้ำร้อน แต่กลับลืมเอาชุดว่ายน้ำมาด้วย”

ทุกคนหัวเราะ หวางเสี่ยวโก๋เดินไปถามว่า “ชุดว่ายน้ำที่นี่ชุดละเท่าไหร่เหรอ”

“ให้ผม 6 ชุด” หวางเสี่ยวโก๋พูดจบก็ควักกระเป๋าเงินออกมา

“คุณผู้ชายถูกสุด 188 คุณผู้หญิงถูกสุด 288 รวมกับหมก 6 อัน…ฉันคำนวณให้ก่อนนะคะ ถูกสุดก็ 1608 หยวนค่ะ” พนักงานขายยิ้มตอบ

หวางเสี่ยวโก๋ยืนงงอยู่ตรงนั้น “ทำไมแพงจัง”

พนักงานขายได้แต่ยิ้มแต่ไม่พูดอะไรตอบ เพียงแต่สายตาที่มองหวางเสี่ยวโก๋เต็มไปด้วยความดูถูก

“ช่างเถอะ เอามาเลย”

หวางเสี่ยวโก๋กัดฟัน หยิบบัตรธนาคารของตัวเองออกมา

“ราคาถูกที่สุดใช่ไหมคะ” พนักงานขายถาม

หวางเสี่ยวโก๋สีหน้าเก้อเขิน ก็เลยถามต่อว่า “ถ้าแพงขึ้นมาหน่อยเท่าไหร่ครับ”

“588 ขึ้นค่ะ”

หวางเสี่ยวโก๋สูดหายใจเข้าอย่างแรง พร้อมพูดด้วยเสียงเบาว่า “พวกคุณปล้นกันหรือไงเนี่ย”

“ขอโทษนะคะ คุณผู้ชาย ฉันก็ขายตามราคาที่กำหนด” พนักงานขายตอบด้วยความเกรงใจ

เวลานี้ หลี่ฝางเดินเข้ามา “แพงสุดเท่าไหร่”

“แพงสุดเหรอคะ”

“1000-2000 ก็มีค่ะ” พนักงานขายเห็นว่าหลี่ฝางไม่ได้ดูดีอะไร จึงยิ้มตอบ “ที่แพงสุด จะราคา 3 พันกว่าหยวน เป็นชุดว่ายน้ำนาโนซิลเวอร์ จะไม่ได้รับผลกระทบกับเชื้อโรคค่ะ”

“งั้นเอามา 6 ชุดที่แพงสุด” หลี่ฝางตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมหยิบบัตร VIP ของตัวเองออกมา

“บัตรนี่รูดได้ไหม” หลี่ฝางทำเป็นลองถามไป

พอเห็นบัตรนั้น พนักงานขายคนนั้นสีหน้าก็เปลี่ยนทันที

เธอมองไปที่หลี่ฝาง สายตาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“คุณชาย…นี่คือชุดว่ายน้ำของคุณค่ะ”

พนักงานขายคนนั้นรีบหยิบชุดว่ายน้ำนาโนซิลเวอร์ที่ราคาแพงที่สุดออกมาทันที พร้อมพูดกับเขาด้วยความนอบน้อม

หวางเสี่ยวโก๋ชะงักไป มองไปที่หลี่ฝางแล้วถามว่า “หลี่ฝาง นี่มันบัตรอะไรเหรอ”

“เพื่อนฉันให้มา ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลี่ฝางตอบแบบขอไปที

“ใช่ เอากระเป๋ากันน้ำเข้ามือถือมาให้ผมอีก 6 อัน”หลี่ฝางพูดกับพนักงานขาย

พนักงานขายไม่กล้าที่จะช้าเลย เธอรีบไปเอากระเป๋ากันน้ำเข้ามือถือ 6 อันมาให้หลี่ฝางทันที

หลังจากทุกคนรับชุดว่ายน้ำไปคนละชุด ก็พากันแยกกันเข้าไปห้องน้ำ

เวลานี้ หวางเสี่ยวโก๋มองหลี่ฝาง มองด้วยความตกใจ “หลี่ฝาง ทำไมเมื่อกี้พนักงานขายถึงเรียกนายว่าคุณชายล่ะ”

หลี่ฝางหยิบบัตร VIP ของตัวเองออกมา พร้อมพูดว่า “ก็เพราะบัตรนี้ไง”

“ความจริง เพื่อนของฉันเป็นคุณชายของสถานตากอากาศนี่ เขาบอกฉันว่า บัตรนี้ก็บ่งบอกถึงฐานะของเขา” หลี่ฝางยิ้มแล้วพูดต่อว่า “ก็หมายความว่า ใครถือบัตรนี้ก็เท่ากับว่าเป็นคุณชายของสถานตากอากาศนี่”

หวางเสี่ยวโก๋ตาลุกวาว ถามต่อว่า “หลี่ฝาง นายเอาบัตรนี่ให้ฉันยืมบ้างได้ไหม ให้ฉันใช้หน่อยสิ ฉันก็อยากไปอวดบ้าง”

หลี่ฝางพยักหน้า เอาบัตรวีไอพีนั่นยื่นให้เขาทันที

หวางเสี่ยวโก๋กุมไว้ในมือของตัวเอง เหมือนเป็นของมีค่า “หลี่ฝาง พอมีบัตรนี้ ก็หมายความว่าฉันเดินกร่างอยู่ในสถานตากอากาศนี่ได้ใช่ไหม”

“ความจริง มันก็แบบนี้แหละ” หลี่ฝางพยักหน้าตอบ

เลี่ยวข่ายหลังจากอาบน้ำเสร็จก็รอไม่ไหวแล้ว

สีหน้าตื่นเต้น “เดี๋ยวอีกซักพัก ก็จะเห็นดาวมหาลัยอย่างฉินวี่เฟยใส่ชุดว่ายน้ำแล้ว”

พูดไปเขาก็เคลิบเคลิ้มไป

หวางเสี่ยวโก๋เองก็รอคอยไม่แพ้กัน

มีเพียงหลี่ฝาง ที่ไม่ได้รู้สึกอะไร

เพราะในเมื่อ ตอนที่ตื่นขึ้นมาเมื่อเช้า เขาก็เคยเห็นไปแล้ว

ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเองยังมีอะไรกับฉินวี่เฟยไปแล้วด้วย…

แม้ว่าตอนนั้นตัวเองจะสติเลอะเลือน แค่ก็พอจะนึกภาพเหตุการณ์ออกบ้างบางตอน

เหมือนว่าความฝันในฤดูใบไม้ผลิยังไงอย่างงั้น

หลังจากอาบน้ำ เปลี่ยนชุดว่ายน้ำเสร็จ ผู้ชายทั้ง 3 คนก็เดินออกมา

ชุดว่ายน้ำของผู้ชาย มีเพียงกางเกงตัวเดียวเท่านั้น

หวางเสี่ยวโก๋อดไม่ได้ที่จะบ่น “นายว่าสถานตากอากาศนี่มันเอาเปรียบคนจริงๆ เลย แค่ชุดว่ายน้ำชุดเดียว ก็ตั้ง 2 พันกว่า นี่มันขโมยเงินกันชัดๆ”

“มีอะไรให้บ่นอีก ไม่ได้ให้นายเสียงตังค์ซะหน่อย อีกอย่าง บ่อน้ำพ่อร้อนของเขาก็สร้างบนหน้าผา นายคิดว่าตอนสร้างมันง่ายหรือไง”

เลี่ยวข่ายกรอกตาใส่หวางเสี่ยวโก๋ พร้อมพูดต่อว่า “ฝีมือที่ชาญฉลาดขนาดนี้ ที่จีนคงมีไม่กี่ที่สินะ”

“ก็จริง”

หวางเสี่ยวโก๋คิดในใจ เลี่ยวข่ายพูดมีเหตุผล ตัวเองไม่ได้ใช้เงิน มีอะไรให้น่าบ่น

เพิ่งจะเดินออกมา ทั้งสามก็มองเห็นฉินวี่เฟยยืนอยู่ตรงนั้น

ชุดเปิดหลังเปิดให้เห็นเส้นโค้งบนตัวเธอได้อย่างเพอร์เฟค สายสีแดงพันรอบตั้งแต่คอจนถึงตัว ไม่ว่าผู้ชายคนไหนมอง เป็นต้องอดไม่ได้ที่จะคิดไปในทางอื่น

ยิ่งเป็นพวกอ้วนติดบ้านอย่างเลี่ยวข่ายด้วย

หวางเสี่ยวโก๋มองไปที่เลี่ยวข่าย พร้อมชี้บอกเขา “เลี่ยวข่าย นายนี่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ เลย…”

“รีบหยุดเลยนะ ถ้าให้ผู้หญิงพวกนั้นเห็นสายตาแบบนี้ จะได้รังเกียจนายให้”

เลี่ยวข่ายกระดกก้นไปข้างหลัง สีหน้าเต็มไปด้วยความเก้อเขินและความอึดอัด

เวลานี้ เหยนเสี่ยวน่าและโก่เอ๋อก็เดินออกจากห้องน้ำ

เหยนเสี่ยวน่ารูปร่างไม่เลวเลย

เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกันฉินวี่เฟย เธอสู้ไม่ได้เลย

แต่โก๋เอ๋อกลับหน้าเด็ก ดูเหมือนยังไม่บรรลุนิติภาวะด้วยซ้ำ

แต่เธอกลับเจริญเติบโตได้ดีทีเดียว

หลังจากหวางเสี่ยวโก๋เห็น ก็พูดยั่วเย้าว่า “หลี่ฝาง นี่ถือว่าเป็นหน้าเด็ก ใหญ่…”

หวางเสี่ยวโก๋ยังพูดไม่จบ ก็โดนโก่เอ๋อได้ยินเข้าให้

โก่เอ๋อวิ่งมาด้วยความไม่พอใจ ยกเท้าขึ้นมาเตะเข้าไปตรงเป้าของเขาทันที

หวางเสี่ยวโก๋นั่งลงด้วยความเจ็บปวดพร้อมสูดอากาศหายใจอย่างแรง

“ฉันเกลียดคนบอกว่าฉันหน้าเด็ก แต่…พกวนั้นที่สุดแล้ว ถ้านายยังกล้าพูดอีก ระวังฉันจะตัดลิ้นนายออกซะ” โก่เอ๋อพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หวางเสี่ยวโก๋เงยหน้าขึ้นมาดูโก่เอ๋อนิดนึง ฉัน…ฉันไม่ได้พูดชื่อเธอเลยไม่ใช่เหรอ”

“งั้นนายหมายถึงใคร” โก่เอ๋อขมวดคิ้วถาม

ทางนั้น มีแค่ผู้หญิง 3 คน

ฉินวี่เหยยืนหันหนัง ไม่ได้หันหน้ามาเลยสักนิด

แล้วเหยนเสี่ยวน่า ก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของหวางเสี่ยวโก๋…

“ฉันหมายถึงหลี่ฝาง” หวางเสี่ยวโก๋ชี้ไปที่หลี่ฝาง

โก่เอ๋อ ยกขาขึ้นถึงหวางเขาลงสระน้ำทันที “กล้าพูดไม่กล้ารับ แล้วยังจะมาปลิ้นปล้อนอีก เป็นผู้ชายภาษาอะไร!”

เธอสบถใส่เขาทนึง โก๋เอ๋อก็เดินไปหาเหยนเสี่ยวน่า แล้วพูดว่า “พี่เสี่ยวน่า เราไม่ต้องไปเล่นกับไอ้พวกผู้ชายบ้านี่หรอกเนอะ เราไปแช่ทางนู้นดีกว่า”

“ทำไมเหรอ” เหยนเสี่วน่าถาม

“พี่ดูเขาสิ” โก่เอ๋อชี้ไปที่กางเกงว่ายน้ำของเลี่ยวข่าย พูดอย่างไม่เคอะเขินว่า “บ้าบอมากเลยพี่ ไม่รู้ว่าในสมองเขาคิดอะไรบ้าง”

“ถ้าอยู่ในที่ของฉันนะ ฉันจะ…หาคนมาจัดทิ้งไปเลย!” โก่เอ๋อกัดฟันพูด

เหยนเสี่ยวน่ามองไปที่กางเกงว่ายน้ำของเลี่ยวข่าย สีหน้าแดงขึ้นมา

“โก่เอ๋อ วี่เฟย เราไปเล่นอีกทางเถอะ” เหยนเสี่ยน่ากล่าว

“พวกเธอไปก่อนเลย”

ฉินวี่เฟยส่ายหน้า พร้อมพูดว่า “ฉันคุยกับหลี่ฝางก่อน”

พอพูด เธอก็หันไปหาหลี่ฝาง ชี้ไปทางมุมที่ไม่มีคนอยู่ “เราไปแช่น้ำกันตรงนั้นเถอะ”

หลี่ฝางลังเลเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้ารับปาก

เรื่องที่ต้องเจอ ยังไงก็ต้องเจอ จะหลบไปไหนก็ไม่พ้นอยู่ดี

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่รู้ว่าเป้าหมายของฉินวี่เฟยคืออะไร ในใจเขารู้สึกว่าเหมือนมีก้อนหินใหญ่ทับอยู่ ทรมานมากเหลือเกิน

พูดให้มันชัดเจนก็ดีเหมือนกัน

เมื่อฉินวี่เฟยและหลี่ฝางเดินไปพร้อมกัน ทุกคนต่างก็มีสีหน้าชะงักไปในทันที

หวางเสี่ยวโก๋เสียอารมณ์ “นี่มันอะไรกันเนี่ย คุณดาวมหาลัยฉินวี่เหยไปอยู่กับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

“เขาคบกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ” สีหน้าเลี่ยวข่ายแสงดออกด้วยถึงทรมานจากความเสียใจ เหมือนว่าตัวเองอกหักไปแล้ว

เหยนเสียวน่าเองก็ตกใจไม่น้อย

รู้จักฉินวี่เฟยมาตั้งหลายปี ไม่เคยเห็นเธอไปประจบผู้ชายคนไหน

อย่าว่าแต่ไปเอาใจผู้ชายเลย…

หลายปีมานี้ มีผู้ชายคนแล้วคนเล่าตามจีบฉินวี่เฟย ฉินวี่เฟยเคยสนด้วยเหรอ? ไม่เคย

แม้แต่สนใจก็ไม่สนใจ

เหยนเสี่ยวน่าไม่เข้าใจ หลี่ฝางมีอะไรพลังอะไรกันแน่ ทำไมฉินวี่เหยถึงได้ยอมเข้าไปหา

มีเงินเหรอ

คนที่มาจีนฉินวี่เฟย เป็นเศรษฐีก็ไม่น้อย

เหยนเสี่ยวน่าคิดไม่ออกว่าทำไม เธอโดนโก่เอ๋อดึงไปข้างๆ

สุดท้ายเหลือแค่หวางเสี่ยวโก๋กับเลี่ยวข่ายสองคนยืนอยู่ตรงนั้น

เขาสองคนงงไปหมดแล้ว

ไม่ใช่นัดกันมาแช่น้ำร้อนเหรอ

พวกนายไปกันเป็นคู่แล้ว แล้วพวกเราจะทำไง

ทิ้งผู้ชายอย่างเราสองคนไว้ แล้วแช่น้ำนี่มันจะสนุกยังไง ต่างอะไรกับการอาบน้ำร้อนเนี่ย

หลี่ฝางกับฉินวี่เฟยมาที่มุมๆ นึง แล้วพากันนอนลง

ทั้งสองเงียบไปสักพัก เป็นหลี่ฝางเองที่เริ่มเอ่ยปากพูด

“เธอมีเรื่องอยากคุยกับฉันไม่ใช่เหรอ ใช่ไหม”

ฉินวี่เฟยกำลังจะพูด หลี่ฝางก็พูดต่อว่า “แต่ก่อนจะพูด ฉันจะเตือนเธอก่อนว่า ฉันไม่ใช่คนโง่ เธออย่ามาให้ฉันเป็นแพะรับปากเด็ดขาด”

“เธอเคยเรียนเทควันโด แล้วก็เก่งมากด้วย ถึงจะสู้คนที่เก่งมากๆ อย่างจ้าวเสี่ยวตาวไม่ได้ แต่แค่สู้กับไอ้โรคจิต นักเลง อย่างแบบฉันเนี่ย จิ๊บๆ มาก เพราะงั้นไม่มีทางที่ฉันจะเป็นคนขืนใจเธอ ถ้าเธอไม่ยินยอม เมื่อวานเรามีอะไรกันไม่ได้แน่”

“แล้วอีกอย่าง เมื่อคืนฉันไม่ได้ดื่มเหล้า…แค่ไวน์ครึ่งขวดแค่นั้น จะเมาจนไม่รู้เรื่องแบบนั้นได้ยังไง มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ”

หลี่ฝางมองไปที่ฉินวี่เหย พร้อมถามด้วยความสงสัยว่า “เธอทำอะไรกับแก้วของฉันหรือเปล่า”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรกับแก้วของนาย นายอย่าลืมนะว่าเมื่อคืนเราดื่มเหล้าอันเดียวกัน

“แน่นอนว่ากลังจากพวกเหยนเสี่ยวน่าไป ฉันเอาอะไรใส่ไปในแก้วทุกแก้ว ยกเว้นแก้วตัวเอง ที่ไม่มีปัญหาอะไร”

“เพราะงั้นเมื่อคืนไม่ว่านายจะใช้แก้วไหน ก็โดนกับดักของฉันอยู่ดี”

หลี่ฝางเห็นฉินวี่เฟยเปิดเผยขนาดนี้ ก็ไม่ค่อยกล้าที่จะเชื่อนัก

“ถ้าพูดแบบนี้ แสดงว่าเธอตั้งใจมีอะไรกับฉันเหรอ”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วถามต่อ “เธอต้องการอะไรกันแน่ จะให้ฉันรับผิดชอบเธอ แต่งงานกับเธอเหรอ”

“ฉันจะบอกให้นะ ฉันไม่มีทางแต่งงานกับเธอแน่นอน เธอเลิกล้มความคิดนี้ไปได้เลย”

ฉินวี่เหยส่ายหน้า พร้อมพูดว่า “ฉันรู้ว่านายไม่แต่งแน่นอน ฉันเองก็ไม่ได้คิดว่าเราจะต้องแต่งงานกัน”

“งั้นเธอยัง…” เขาเริ่มรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา

“เมื่อคืนเป็นครั้งแรกของเธอใช่ไหม ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันแต่งงานกับเธอ เรื่องนี้น่าจะสำคัญกับเธอมากไม่ใช่เหรอ” เขาถาม

ฉินวี่เฟยยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฉันมอบครั้งแรกให้นาย ไม่ใช่เพราะว่าฉันไม่รักตัวเอง”

“เพียงแค่ว่านอกจากนาย ฉันให้คนอื่นไปไม่ได้แล้ว”

“อีกไม่กี่วัน ฉันกับมู่เสี่ยวไป๋ก็จะประกาศหมั้นกันแล้ว พอถึงตอนนั้น ผู้ชายในวงทุกคนต่างก็รู้แล้วว่าฉันคือคู่หมั้นของมู่เสี่ยวไป๋ พอถึงตอนนั้น ใครจะกล้ามาแตะต้องฉันกัน”

“ฉันคงจะไปหานักเลง หรือคนธรรมดาอย่างหวางเสี่ยวโก๋หรอกนะ” ฉินวี่เฟยตอบ “ถ้าเป็นแบบนั้น ก็เท่ากับฉันไปทำร้ายพวกเขา”

“ไม่ว่าฉันจะมอบตัวเองให้ใคร เขาต้องรับแรงโกรธแค้นจากทั้งตระกูลมู่และก็ตระกูลฉิน”

“ทั้งเมืองเอก นอกจากนาย ไม่มีใครรับไหวทั้งนั้น”

หลี่ฝางเบ้ปาก ฉินวี่เฟยกำลังทำร้ายเขาชัดๆ

พอหยุดไปสักพัก ฉินวี่เหยก็พูดต่อว่า “มู่เจิ้งถังปู่ของมู่เสี่ยวไป๋ เป็นคนหัวโบราณมาก ตระกูลของเขา ไม่มีทางรับผู้หญิงที่ไม่บริสุทธิ์เข้าบ้านเด็ดขาด”

“เพราะงั้น ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนที่จะเข้าแต่งงานกับลูกหลานเขา คืนวันก่อนแต่ง จะต้องโดนตรวจร่างกายก่อนทั้งนั้น”

“ตรวจร่างกายเหรอ” พอได้ยินคำนี้ หลี่ฝางก็ขมวดคิ้วขึ้น “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”

“นี่มันดูถูกคนอื่นชัดๆ ตระกูลฉินของเธอก็ยอมให้ทำแบบนี้เหรอ” หลี่ฝางถามด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ไม่ใช่อย่างที่นายคิด…คุณปู่มู่เป็นแพทย์จีนที่เก่งมากๆ เขามีวิธีตรวจรางกายพิเศษของเขา แบบที่ไม่ต้องถอดเสื้อผ้า แค่เอาเข็มมาจิ้มบนตัวฉัน เขาก็รู้ได้เลยว่าฉันเป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์ไหม”

“ถ้าใช่ การแต่งงานก็ดำเนินการตามกำหนด ถ้าไม่ใช่ก็…”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมาว่า “ถ้าไม่ใช่ มันไม่ใช่แค่การยกเลิกงานหมั้น แต่ตระกูลมู่ยังต้องโกรธแค้นตระกูลฉินของเธอด้วย”

“ฉินวี่เหย เธอกำลังทำตระกูลฉินมีศัตรูนะ แล้วศัตรูนี่ก็เป็นศัตรูใหญ่ด้วย” เขามองไปที่ฉินวี่เฟย สูดหายใจอย่างแรง

ฉินวี่เฟยในฐานะคนของตระกูลฉิน แต่กลับจะทำร้ายตระกูลตัวเอง

เรื่องนี้เขาไม่อยากจะเชื่อนัก

“ใช่ ฉันกำลังแก้แค้นตระกูลฉิน เพื่อพี่สาวฉัน แล้วก็เพื่อตัวฉันเองด้วย พวกเขามีสิทธิ์อะไรที่จะเอาเรื่องแต่งงานของเราเป็นเครื่องมือในแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กัน”

หลี่ฝางหัวเราะ ผู้หญิงใจร้ายที่สุดแล้วจริงๆ

“วางใจเถอะ ต่อให้ฉันบอกว่าเป็นนาย ตระกูลฉินของเราก็ไม่ทำอะไรนายหรอก สำหรับตระกูลฉิน ตระกูลหลี่ของนายแกร่งกว่าตระกูลมู่อยู่แล้ว แค่สถานตากอากาศนี่ ฉันคิดว่าตระกูลมู่คงสร้างไม่ได้แน่นอน”

“สำหรับตระกูลมู่…นายกล้าแทงมู่เสี่ยวไป๋จนเข้าห้องวีไอพี เรื่องแบบนี้ที่นายทำ นายกังวลว่าคนอื่นจะมองว่านายทำเพื่อเอาตัวภรรยากลับมาเหรอ”

หลี่ฝางมองไปที่หลี่เฟย ชมเธอว่า “ฉินวี่เฟย เธอฉลาดมาก”

“ฉันกลายเป็นหมากรุกของเธอซะงั้น…ใช่เพื่อให้เธอเอามาเป็นตัวจัดการกับตระกูลฉินและตระกูลมู่…”

หลี่ฝางพูดไป ก็โอบฉินวี่เฟยเข้ามาหาตัวเอง “แต่เธอ ไม่คิดจะตอบแทนอะไรหน่อยเหรอ…”

“ฉันก็ให้ไปแล้วไง”

ฉินวี่เฟยหอบหายใจหนัก เธอเริ่มตึงเครียดขึ้นมาทันที

“เธอหมายถึงเมื่อคืนเหรอ” หลี่ฝางยิ้มร้ายถามเธอ

“ใช่ เมื่อคืนฉันให้นายไปแล้ว จะว่าไปฉันก็เป็นคนของนายแล้ว” เธอมองหลี่ฝางด้วยความกลัว แล้วถามเขาต่อว่า “นายจะทำอะไรฉันอีก”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท