NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 275

ตอนที่ 275

บทที่ 275 ส้าวส้วยทนไม่ไหวแล้ว

หลี่ต๋าคางพ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วพูดขึ้นอย่างนิ่งๆ :“ไม่มีอะไรยาก ฉันแค่เดินเรื่องนิดหน่อย”

“แต่ว่าเดินเรื่องครั้งนี้ ฉันจะพาแกไปด้วย” หลี่ต๋าคางพูด พลางหัวเราะ

ที่จริงในใจของหลี่ต๋าคาง รู้คำตอบอยู่แล้ว

เมื่อหลี่ต๋าคางเห็นหลี่ฝางนั่งดื่มกาแฟราวกับคนไม่เป็นอะไรเลย หลี่ต๋าคางก็รู้ว่าลูกชายของตน ได้เก็บซ่อนความแค้นเอาไว้แล้ว

เมื่อเห็นแบบนี้ หลี่ต๋าคางก็ชื่นชมเป็นอย่างมาก ลูกชายของตน ในที่สุดก็โตขึ้นแล้ว รู้เรื่อง เข้าใจสถานการณ์โดยรวม คิดถึงส่วนรวม

แต่ในขณะเดียวกัน ในใจลึกๆ ของหลี่ต๋าคาง ก็เจ็บปวดเล็กน้อย

หลี่ต๋าคางคิด สามปีที่ผ่านมา ลูกชายเขาต้องเจอกับอะไรมาบ้าง?

ประสบการณ์แบบไหน ที่ทำให้หลี่ฝางสามารถอดกลั้นความแค้นต่อคนที่อยากฆ่าได้……

หลี่ฝางนิ่งเกินไปแล้ว นิ่งจนหลี่ต๋าคางรู้สึกผิด

เด็กอายุราวๆ ยี่สิบ ควรที่จะเปี่ยมไปด้วยพลัง และชอบเอาชนะไม่ใช่เหรอ?

“อดทนไว้ก่อนเถอะ พ่อ ถึงยังไงตระกูลหลี่ของพวกเราก็ลงทุนไปกับบ้านพักตากอากาศนี้เยอะอยู่ ไหนยังจะมีไนต์คลับ สวนสนุก……กิจการตั้งเยอะตั้งแยะ หากพวกเราลงมือ ธุรกิจพวกนี้ ก็ลงทุนเสียเปล่าน่ะสิ?” หลี่ฝางยิ้มอ่อนๆ แล้วพูดขึ้น

“ถ้าหากพ่อบอกแกว่า พ่อไม่ได้สนใจกิจการพวกนั้นเลยล่ะ?” หลี่ต๋าคางหัวเราะเบาๆ พลางพูด

“ถ้าหากฉันบอกว่า สำหรับตระกูลหลี่กิจการพวกนี้ ไม่คุ้มค่าเลยล่ะ……แกจะเลือกทางไหน?” หลี่ต๋าคางยิงคำถามต่อ

“เสี่ยวฝาง ลูกไม่ต้องคิดถึงภาระใดๆ จำไว้ พ่อกับแม่ลูก จะไม่สร้างภาระให้ลูก พวกเราจะเป็นที่พึ่งให้แก ไม่ว่าแกอยากทำอะไร ก็ทำแบบเปิดเผยไปเลย วางใจเถอะ ฉันจะเช็ดล้างให้แกเอง”

หลี่ฝางได้ยินประโยคนี้ ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ

“พ่อ พ่อพูดอะไรเหนี่ย ถ้าวันนึงมันเกินกรอบกฎหมายกรอบฟ้าจะทำยังไง? หากวันนึงผมทำฟ้าถล่ม พ่อจะซ่อมให้ผมได้เหรอ?” หลี่ฝางพูดพลางหัวเราะเหอะๆ

“ขอแค่แกมีความสามารถทำให้ฟ้าถล่มได้ ฉันก็สามารถซ่อมได้” หลี่ต๋าคางมองหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

หลี่ฝางเงียบอยู่หลายวินาที จึงพูดขึ้น: “ผมทนได้”

“การแก้แค้นของคนแมน สิบปีก็ยังไม่สาย……ยิ่งไปกว่านั้น ผมต้องรอแค่สองอาทิตย์เอง”

หลี่ต๋าคางพยักหน้า ไม่ได้พูดอะไรต่อ

หลังจากนั้น หลี่ต๋าคางกับลุงเฉียนก็ออกไป

พวกเขายุ่งกับการจัดสถานที่ จัดสถานที่สำหรับงานปาร์ตี้คืนนี้……

ครั้งนี้ที่บ้านพักตากอากาศมีดาราหลายคนมา อีกทั้งยังมีเศรษฐี……แม้แต่นักข่าวก็ตามมาด้วย

หลี่ต๋าคางในฐานะผู้จัดการ นี่เป็นครั้งแรก ที่เขาลงมือออกหน้าด้วยตัวเอง

แน่นอนว่า หลี่ต๋าคางออกหน้าขนาดนี้ ก็เพื่อที่จะโฆษณาให้กับหลี่ฝาง

ขณะนั้น ส้าวส้วยก็เดินมายังเบื้องหน้าของหลี่ฝาง: “เจ้านาย พวกเราไปหาสวีเถิงเฟยกัน”

หลี่ฝางเงยหน้าถาม: “ไปหามันทำไม?”

หน้าของส้าวส้วย เต็มไปด้วยความโมโห: “ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าเจ้านายคุยอะไรกับลูกพี่ใหญ่ แต่ว่าความโมโหนี้ ผมอดทนไม่ไหวจริงๆ”

“แม่งเอ้ย ไอ้หมอนั่น มันรนหาที่ตาย!”

ส้าวส้วยตอนแรกคิดว่า รอให้หลี่ต๋าคางมาถึง ก็จะเล่นสวีเถิงเฟยให้ตาย แม้กระทั่งกวาดล้างตระกูลสวีให้สิ้นซาก

ถึงยังไงในสายตาของส้าวส้วย หลี่ต๋าคางเป็นคนที่ปกป้องลูกชายตนเองสุดๆ

แต่เขาไม่นึกเลย……

หลี่ต๋าคางคุยกับหลี่ฝางไม่กี่นาที จากนั้นก็พาลุงเฉียนไปจัดงานแล้ว……

เล่นอะไรกันเหนี่ย?

เขาจะฆ่าลูกชายตัวเองอยู่แล้ว ลูกพี่ใหญ่ยังจะมีอารมณ์จัดงานอยู่อีกเหรอ?

เมื่อครู่ส้าวส้วยเห็นหลี่ต๋าคางเดินออกไป ก็ถึงกับงง นี่คือลูกพี่ใหญ่ของตนจริงๆ เหรอ?

เมื่อตอนที่อยู่เมืองนอก ไม่ว่าตนกับโหจื่อจะน้อยใจเล็กน้อยขนาดไหน หลี่ต๋าคางก็จะออกหน้า แทนตนกับโหจื่อตลอด

คนอื่นตบเขาหนึ่งที หลี่ต๋าคางตบมันกลับไปสิบที

ถ้าคนอื่นชกเขาหนึ่งที หลี่ต๋าคางก็จะชกมันกลับไปสิบที

สำหรับลูกน้องคนนึง ก็ปกป้องขนาดนี้ ทำไมพอถึงคราวลูกชายของตน ทำไมถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนกันนะ?

ส้าวส้วยคิดไม่ตกเลย

แต่ว่าส้าวส้วยก็รู้อยู่เรื่องนึง ก็คือบุญคุณต้องทดแทน

เมื่อตอนที่อยู่ต่างประเทศ หลี่ต๋าคางปกป้องเขายังไง ในตอนนี้ ตนก็จะปกป้องหลี่ฝางแบบนั้นเช่นกัน

ส้าวส้วยคว้าแขนหลี่ฝาง แล้วไปหาสวีเถิงเฟย

ใครจะรู้ว่าเดินไปได้แค่ไม่กี่ก้าว ก็บังเอิญเจอเหยโก่วกับเซี่ยลู่

หลี่ฝางขมวดคิ้ว สองคนนี้ไม่ได้สนิทกัน พวกเขาทำไมถึงอยู่ด้วยกันนะ?

เซี่ยลู่มองหลี่ฝาง แล้วรีบวิ่งเข้ามาหา

“หลี่ฝาง นายเป็นอะไรเหนี่ย นายบอกว่าวันนี้จะขับรถมารับฉันไม่ใช่เหรอ? สุดท้ายวันนี้ฉันโทรหานายสามสิบกว่าสาย นายไม่รับเลยสักสาย” เซี่ยลู่มองหลี่ฝางอย่างโมโหเล็กน้อย พลางพูด

หลี่ฝางเพิ่งจะนึกขึ้นได้

ว่าเมื่อวานตนสัญญากับเซี่ยลู่ไว้ ว่าวันนี้จะไปรับเธอ

สุดท้ายวันนี้ก็ดันลืมจนหมดเลย

พูดขึ้นมา หลี่ฝางก็รู้สึกผิด: “ขอโทษนะ ฉันลืมน่ะ”

เซี่ยลู่ได้ยินคำตอบนี้ สีหน้าก็บึ้ง ตอนนี้เธอเพิ่งได้รู้ ว่าในใจของหลี่ฝาง ไม่ได้มีตนอยู่เลยแม้แต่น้อย

ถ้าไม่งั้น คำสัญญาที่ให้ไว้เมื่อวาน วันนี้จะลืมมันได้ยังไง?

ไม่ใช่ว่าผ่านไปนานสักหน่อย……

“ช่างเถอะ ดีที่มีพี่เหยโก่ว ฉันเรียกรถอยู่ตั้งนานก็ไม่มีรถว่าง ดีที่พี่เหยโก่วมาทางเดียวกัน พี่เขาก็มาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศนี้ เพราะงั้นพี่เขาเลยให้ฉันติดรถมาด้วย”

“หลี่ฝาง นายอย่าเข้าใจผิดนะ” นิ่งอยู่ครู่ เซี่ยลู่ก็พูดขึ้นพลางกัดริมฝีปาก

หลี่ฝางหัวเราะอย่างดูแคลนในใจ จำเป็นต้องมาอธิบายกับฉันด้วยเหรอ? เธอไม่ใช่แฟนฉันสักหน่อย

ถึงแม้เซี่ยลู่จะคบกับเหยโก่วแล้ว ในใจของหลี่ฝาง ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย

อย่างมากก็แค่รู้สึกขยาด

ถึงยังไงเหยโก่วคนนี้ ก็เป็นชายวัยกลางคนแล้ว รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูดุ……

หลี่ฝางคิดว่า ถ้าเซี่ยลู่จะนอนกับเหยโก่ว ไปนอนกับตาแก่หัวล้านยังดีกว่าอีก!

เหยโก่วคนนั้นมองส้าวส้วย ก็สะดุ้งโหยง

ตอนนี้ ในใจลึกๆ ของเหยโก่ว คงจะเกลียดเซี่ยลู่เอามากๆ

เมื่อกี้ตอนที่เหยโก่วเห็นส้าวส้วยกับหลี่ฝางเดินมาแต่ไกล เขาก็เตรียมตัวหันหลังกลับ แล้วออกไปจากตรงนี้อย่างเงียบๆ ……

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเซี่ยลู่ยัยผู้หญิงคนนี้ กลับเรียกหลี่ฝางซะเสียงดัง แถมยังวิ่งเข้าไปคุยกับเขาอีก

ในตอนนี้ ทำเอาเหยโก่วรู้สึกเลิ่กลั่กเป็นอย่างมาก

ตั้งแต่วันนั้นที่ภูเขาหมาป่า ส้าวส้วยก็กลายเป็นฝันร้ายของเหยโก่ว

ทุกวันก่อนที่เหยโก่วจะออกจากบ้าน จะสวดมนต์ก่อนออก ภาวนาว่าไม่ให้ตนพบเจอกับส้าวส้วย……

คิดไม่ถึง ว่ายังจะมาเจอ

เหยโก่วทำสีหน้าเลิ่กลั่ก ไม่ได้เข้ามาทักทายส้าวส้วย เขากลัวว่าส้าวส้วยจะจำความเกลียดชังนั้นได้

แต่จะให้เข้าไปทักทาย เขาก็ไม่รู้ว่าจะทักทายยังไง

หรือว่าจะต้องเรียกแบบที่ภูเขาหมาป่า เอ่ยปากเรียกเขาว่าท่านปู่?

ลังเลอยู่ครู่ สุดท้ายเหยโก่วก็ยังเสนอหน้าเข้ามา ทักทายกับส้าวส้วย

“ลูกพี่……ลูกพี่ก็มาเที่ยวที่บ้านพักตากอากาศเหรอครับ” เหยโก่วพูดขึ้นอย่างเคารพ

“ใครเป็นลูกพี่นาย?”

ส้าวส้วยไม่พูดคำที่สอง ก็ง้างมือตบเขาไปหนึ่งที

เมื่อได้ยินเสียงตบดังเพี๊ยะ เซี่ยลู่ก็ตกใจ

ในเมืองเอกเหยโก่วเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากๆ คนแบบนี้ เดินไปที่ไหนไม่มีใครให้เกียรติกัน?

แต่ต่อหน้าส้าวส้วย เหยโก่วกลับกลายเป็นหมาตัวนึงไปแล้วจริงๆ

“ทำไม ไม่เจอกันไม่กี่วัน ลืมผู้อาวุโสไปแล้วหรือไง?” ส้าวส้วยทำหน้าเย็นชาแล้วถามขึ้น

สีหน้าของเหยโก่ว อับอายเล็กน้อย

ดีที่ตรงนี้มีคนอยู่ไม่เยอะ ถ้าหากโดนคนอื่นเห็น งั้นต่อไปตนจะทำกร่างได้ยังไงล่ะ?

“ปู่ ท่านปู่” เหยโก่วโค้งตัว ก้มหัวพลางพูด

ส้าวส้วยถึงจะพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วตอบรับ

ต่อมา ส้าวส้วยก็ยื่นมือออกไป แล้วเคาะหัวของเหยโก่ว อย่างแรงสองที: “ต่อไป จำให้ขึ้นใจ”

“ได้ยินมั้ย?” ส้าวส้วยพูดอย่างเย็นชา

“ได้ยินแล้วครับ ได้ยินแล้วครับ” เหยโก่วพยักหน้ารัวๆ

หลี่ฝางเห็นแบบนี้ ก็หัวเราะขึ้นมาอย่างหมดคำจะเอ่ย

คนนึงกดอีกคนนึงจริงๆ ด้วย เหยโก่วคนนี้แข็งแกร่งมาก กลับโดนส้าวส้วยจัดการซะอยู่หมัด

ถ้าหากไม่ได้มาเห็นด้วยตัวเอง หลี่ฝางก็ไม่อยากจะเชื่อ

ส้าวส้วยคนนี้ ก็แค่แบกตัวเหยโก่วขึ้นมา แล้วโยนลงจากภูเขาหมาป่าเองไม่ใช่เหรอ?

เหยโก่วคนนี้ ทำไมถึงได้กลัวส้าวส้วยขนาดนี้นะ!

“ไสหัวไป” ส้าวส้วยเพิ่งพูดขึ้น

เหยโก่วได้ยินคำนี้ จึงรีบคว้าแขนของเซี่ยลู่ แล้วรีบหนี

ถึงแม้เซี่ยลู่ไม่อยากจะจากหลี่ฝาง แต่ด้วยแรงของเธอ จะไปเยอะกว่าเหยโก่วได้ยังไง?

หลี่ฝางมองออก เหยโก่วคนนี้ เป็นคนที่อยู่ในสายตาของเหยโก่ว

แต่ว่าหลี่ฝางก็ไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วย ถ้าหากในใจของเซี่ยลู่อยากจะไปกับเหยโก่วจริงๆ ล่ะ?

งั้นตนก็กลายเป็นคนไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้านเขาน่ะสิ?

ถึงยังไงในสังคม มีผู้หญิงมากมาย ที่อยากจะเป็นผู้หญิงของพวกลูกพี่

บ้านพักตากอากาศนี้จะบอกว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ บอกว่าเล็กก็ไม่เล็ก

หาอยู่สิบกว่านาที ในที่สุดส้าวส้วยกับหลี่ฝาง ก็หาสวีเถิงเฟยกับหวางเฉินเจอ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท