NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 278

ตอนที่ 278

บทที่ 278 ยาจกในบ้านพักตากอากาศ

ที่จริงแล้ว หลี่ฝางไม่กล้าที่จะแชร์รูปของสวีเถิงเฟยกับตู้เฟยเข้ากลุ่มหรอก

เพราะถ้าทำแบบนั้น นั่นก็ผิดกฎหมายแล้ว

พี่เขยของสวีเถิงเฟยหูเฟย เป็นผู้บัญชาการตำรวจนะ

หลี่ฝางไม่ได้โง่ทำผิดให้สวีเถิงเฟยเอาผิด และจับเขาได้หรอก

ที่จริงหลี่ฝางแค่อยากทำให้สวีเถิงเฟยกลัวเฉยๆ

เขารู้ ว่าสวีเถิงเฟยไม่กล้าเล่น ถึงยังไงรูปพวกนั้น สามารถทำให้ชีวิตเขาพังได้

หลี่ฝางมองสวีเถิงเฟย ถาม: “ทำไม ตกลงล่ะ?”

สวีเถิงเฟยทำหน้าบึ้ง: “นายจะนั่งนานแค่ไหน? คงจะไม่นั่งแล้วไม่ลุกหรอกนะ”

“ถ้านั่งแป๊บๆ ก็โอเค” สวีเถิงเฟยพูดอย่างไม่เต็มใจ

ในตอนนี้ส้าวส้วยก็พูดขึ้น: “เจ้านาย ให้ผมนั่งดีกว่าครับ”

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูดอย่างไม่สนใจ: “โอเค”

เป้าหมายของหลี่ฝาง คือทำให้สวีเถิงเฟยอับอาย

ส่วนใครจะเป็นคนทำให้เขาอับอาย จะเป็นใครก็ได้

เมื่อมาถึงมุมๆ นึง สวีเถิงเฟยค่อยๆ ย่อตัวลงนั่ง แล้วพูด: “ฉันพูดแล้วนะ ว่าให้นั่งแค่แป๊บเดียว”

“นั่งแป๊บเดียวฉันก็ลุก” สวีเถิงเฟยพูด

ส้าวส้วยไม่พูดอะไร แล้วนั่งลงไปดื้อๆ

“แม่ง ทำไมหนักแบบนี้?” สวีเถิงเฟยพูดด้วยสีหน้าทรมาน

สวีเถิงเฟยพูดจบ ก็เตรียมจะลุกขึ้น

แต่ไม่ว่าเขาจะใช้แรงขนาดไหน ก็ลุกไม่ขึ้น

ส้าวส้วยราวกับภูเขาลูกใหญ่ ที่นั่งทับหลานชายสวีเถิงเฟย

หลี่ฝางหยิบนิยายมาสองเล่ม แล้วยื่นให้ส้าวส้วยหนึ่งเล่ม

ส่วนเล่มของหลี่ฝาง มีชื่อว่า《ปู่ฉันเป็นคนที่รวยเป็นอันดับหนึ่งดูไบ》หลี่ฝางอ่านไปแล้วหลายบท รู้สึกสนุกดี

หวางเฉินได้เห็นภาพนี้ ก็มีสีหน้าตกใจ

ในมือของหลี่ฝาง กุมอะไรของสวีเถิงเฟยไว้กันแน่……

ถึงกับทำให้สวีเถิงเฟยยอมจำนนนั่งลงเป็นเก้าอี้ให้เขานั่ง?

สวีเถิงเฟยที่อยู่บนพื้น ก็ร้องโอดโอย เขาอยากจะลุกขึ้น แต่ก็ถูกส้าวส้วยนั่งทับไว้อยู่

สวีเถิงเฟยที่หมดความอดทน ทำได้แค่มองหวางเฉิน ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ

หวางเฉินพยักหน้า และจะออกไปทันที

“นายจะไปไหน?” ขณะที่หวางเฉินกำลังจะออกจากห้องสมุด ก็ถูกหลี่ฝางขว้างไว้

หวางเฉินมองหลี่ฝาง แล้วหัวเราะเหอะๆ : “ทำไม ไม่ให้ฉันออกไปเหรอ? ”

“หลีกไป!”

พูดจบ หวางเฉินก็ยื่นมือขึ้นมา แล้วผลักหลี่ฝางออกไปอีกข้าง และตนก็วิ่งออกไป

หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วพูด: “ไอ้หมอนั่น ต้องไปเรียกคนมาช่วยแน่ๆ ”

ส้าวส้วยทำสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว: “ปล่อยให้มันเรียกไป”

“ฉันล่ะอยากจะรู้ว่าไอ้หมอนั่นมันจะไปตามใครมา”

หลี่ฝางรู้ฐานะของหวางเฉิน เหยสง

ทางฝั่งเหนือของเมืองเอก เป็นพื้นที่ของเหยสงคนเดียว

มีอิทธิพลมาก มีพื้นที่มากกว่าเสือ ห้าวหนานและคนอื่นๆ ทั้งหมดมารวมกันมากกว่าเกินเท่า

หลี่ฝางคิดๆ ก็ปวดหัว

หวางเฉินคนนี้ก็มีส่วนร่วมที่ต้องการฆ่าเขา หลี่ฝางไม่อยากปล่อยเขาไป แต่ก็ไม่อยากไปยั่วบุคคลที่มีอิทธิพลอย่างเหยสง

ในขณะนั้น ก็มีคนเดินผ่านมาทางนี้

“โห นี่มันสถานการณ์ไหนเหนี่ย เขาไม่ยอมนั่งเก้าอี้ แต่ไม่นั่งบนคน?” หลังจากเห็นส้าวส้วยนั่งอยู่บนสวีเถิงเฟย ทันใดนั้นก็ทำให้คนหลายคนสนใจ

“พี่คนมีตังค์ เพื่อนพี่นี่เจ๋งจริงๆ มีเก้าอี้ไม่นั่ง นั่งบนคนเฉย?”

เมื่อเห็นหลี่ฝาง ผู้คนก็เข้ามาทักทายเขา

“ก็งั้นๆ แหละ ใช่แล้ว เรียกเพื่อนพวกนาย มาให้หมด ฉันจะสร้างกลุ่มใหม่ แล้วจะแจกอั่งเปาอีกสองหมื่น” หลี่ฝางพูด: “แต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช้รหัสเข้ากลุ่มนะ แต่จะสแกนคิวอาร์โค้ดเข้า”

“ให้ทุกคนมาสแกนคิวอาร์โค้ดเข้ากลุ่มแชทกับฉัน แต่ว่าจำกัดแค่ร้อยคนนะ”

เมื่อพูดออกไป ผู้คนก็หลั่งไหลเข้ามาไม่หยุด

พวกเขานอกจากจะมาสแกนคิวอาร์เข้ากลุ่มแชทแย่งอั่งเปา สิ่งที่น่าสนใจยิ่งมาก ก็คือส้าวส้วยกับสวีเถิงเฟย

สวีเถิงเฟย ก้มหน้าต่ำมาก กลัวว่าคนอื่นจะเห็นหน้าเขา

แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนจำเขาได้

“นี่……คนที่คลานอยู่ที่พื้น เหมือนกับคุณชายของบริษัทสวีซื่อเลย”

“ไม่ใช่มั้ง? นายมองผิดแล้ว คุณชายสวีเหนี่ยนะจะมาเป็นเก้าอี้ให้คนอื่นนั่ง ล้อเล่นอะไรน่ะ”

“ไม่เชื่อนายก็ดูเอง ปกติแล้วคุณชายสวีชอบอวดรวย อวดรถเบนท์ลีย์ อวดชีวิตของเขาบนโซเชียล บนTikTok”

“นายดูสิ แม้แต่ชุดยังใส่เหมือนกันเลย!”

ในเวลานี้ สวีเถิงเฟยไม่มีที่ให้หลบแล้ว

สวีเถิงเฟยถูกคนอื่นจำได้แล้ว

“โห มีอะไรผิดพลาดเปล่าเหนี่ย นี่คุณชายสวีนะ ทำไมถึงมาเป็นเบาะรองนั่งให้คนอื่นล่ะ?”

“งั้นเขาเป็นใครล่ะ? ถึงกลับกล้านั่งบนตัวคุณชายสวี กล้ามากไปมั้ยเหนี่ย” ทุกคนมองส้าวส้วย และสงสัยถึงฐานะของเขา

ถึงยังไง ทั้งเมืองเอกนี้ มีกี่คนที่กล้าทำแบบนี้กับสวีเถิงเฟยกัน?

“อยากถ่ายแล้วเอาไปลงโซเชียลจัง แต่ก็ไม่กล้า หากทำให้คุณชายสวีเดือดร้อน เดี๋ยวจะซวย”

……

ห่างออกไปไม่ไกล

หลี่ซ่วยซ่วยกับผู้หญิงใส่แว่นคนนึงกำลังอ่านหนังสืออยู่เงียบๆ

หญิงสวมแว่นอ่านเรียนรู็วิทยาการข้อมูล ส่วนหลี่ซ่วยซ่วยอ่านความลับในโลกที่ยังคำอธิบายไม่ได้

ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกัน……เป็นภาพที่กลมกลืนกันมาก แต่ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญอยู่ในห้องสมุดเป็นจำนวนมาก ทำให้วุ่นวาย

“ดูนั่น นั่นมันหลี่ซ่วยซ่วยไม่ใช่เหรอ? เขาก็มาที่บ้านพักตากอากาศเหมือนกันเหรอเหนี่ย”

“หลี่ซ่วยซ่วย นายไปเอาบัตรเข้าบ้านพักตากอากาศมาจากไหนกัน? ขโมยมาเหรอ?”

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่คนจนๆ อย่างนายควรจะมาหรอกนะ แหมๆ คนในนี้ แต่งตัวดูดี สวมเสื้อผ้าแบรนด์เนม ดูนายสิ ใส่เสื้อผ้าที่ซื้อจากข้างทางมากี่ปีแล้ว ยังทิ้งไม่ลงสินะ?”

“หลี่ซ่วยซ่วย นายนี่อกตัญญูจริงๆ เลย พ่อนายลำบากทำงาน วันๆ นึงหาเงินได้แค่ร้อยเหรียญ บัตรผ่านเข้าบ้านพักตากอากาศ อย่างต่ำก็ใบละสามพัน ออกมาเที่ยวครั้งนึง ก็ต้องใช้เงินเดือนทั้งเดือนของพ่อนายเลยนะ นายไม่รู้สึกว่าตัวเองแย่บ้างเหรอ?”

“ให้พูด ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่นายควรจะมา ฉันว่านายรีบไสหัวไปเถอะ”

“แล้วก็รู้จักหาแฟนแล้วนะ?”

คนกลุ่มนี้เอาหญิงสวมแว่นมาพูดว่าเป็นแฟนของหลี่ซ่วยซ่วย และพูดถากถาง: “เห็นที่แฟนนายก็ไม่ใช่คนมีเงินอะไรนี่น่า? ”

“ฉันว่า พวกนายสองคนคงไม่ใช่ปีนเขาขึ้นมาจากด้านหลังหรอกนะ?”

หญิงสวมแว่นลุกขึ้น แล้วพูดปฏิเสธความสัมพันธ์ระหว่างหลี่ซ่วยซ่วย: “ฉันไม่ใช่แฟนเขา พวกนายอย่าเข้าใจผิด”

พูดจบ หญิงสวมแว่นก็เดินไปอีกทาง แล้วนั่งลงอ่านหนังสือต่อ

สีหน้าของหลี่ซ่วยซ่วย ค่อยๆ เข้มขึ้น

เขาคิดไม่ถึง ว่าจะมาเจอคนบ้านเดียวกันที่บ้านพักตากอากาศ

เขาว่ากันว่าเจอคนบ้านเดียวกัน ทั้งสองน้ำตาจะไหล แต่ถึงคราวหลี่ซ่วยซ่วย ทำไมถึงเป็นภาพแบบนี้?

ที่จริงแล้ว ทั้งหมดนี้เป็นเพราะหลี่ซ่วยซ่วยเคยคบกับผู้หญิงคนนึง ชื่อว่าไห่เย่น

เขาคบกับไห่เย่นอยู่หลายวัน จากนั้นไห่เย่นก็ไม่ชอบที่เขาจนเกินไป แม้แต่โทรศัพท์ก็ให้ไม่ไหว ก็เลยเลิกกับเขา

หลังจากนั้น ไห่เย่นก็ไปคบกับลูกคนรวย

และคนกลุ่มนี้ ก็คือเพื่อนของลูกคนรวยคนนั้น

เพราะว่าเรื่องของไห่เย่น ดังนั้นพวกเขาจึงรังแกหลี่ซ่วยซ่วยไว้ไม่น้อย

“เอาล่ะ ไม่ต้องดูแล้ว คิดว่าในจักรวาลนี้มีมนุษย์ต่างดาวอยู่จริงๆ หรือไง? ปัญญาอ่อนหรือเปล่า รีบไสหัวไป!”

ผู้ชายคนนึงพูดขึ้น พลางหยิบหนังสือในมือของหลี่ซ่วยซ่วย เขวี้ยงลงพื้น

ในตอนนั้น หลี่ฝางก็เดินเข้ามา เห็นฉากนั้นพอดี

“ซ่วยซ่วย เกิดอะไรขึ้น?” หลี่ฝางเดินมาข้างหน้าหลี่ซ่วยซ่วย แล้วถามขึ้น

“อั๊ยย่ะ เพื่อนนายเหรอ?”

“หลี่ซ่วยซ่วย คิดไม่ถึงแหะ ว่านายจะมีเพื่อนด้วย”

“นี่ ไอ้น้อง ฉันจะบอกนายให้ หลี่ซ่วยซ่วยมันเป็นขโมย ชอบขโมยของ นายต้องระวังเอาไว้นะ”

ชายสวมแจ็คเก็ตสีดำคนนึง พูดเตือนหลี่ฝาง

หลี่ซ่วยซ่วยเงยหน้าขึ้น แล้วรีบพูดกับหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง ฉันไม่ใช่ขโมยนะ นายอย่าไปเชื่อพวกเขา พวกนั้นใส่ร้ายฉัน”

“นายบอกว่านายไม่ใช่ขโมย งั้นนายไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อบัตรเข้าบ้านพักตากอากาศห้ะ?”

“เงินแต่ละเดือนของนาย อย่างมากก็สามร้อยถึงห้าร้อย นี่เพิ่งจะเปิดเทอมได้แค่ไม่กี่วัน บ้านนายจำให้เงินนายสามพันกว่าเหรียญได้ยังไง?”

“หรือว่า นายไม่ยอมจ่ายค่าเทอม แล้วเอามาซื้อบัตรเข้าบ้านพักตากอากาศเหรอ?”

ชายสวมแจ็คเก็ตสีดำคนนั้นหัวเราะอย่างดูถูก

ในตอนนั้น สีหน้าของหลี่ฝาง ก็ค่อยๆ เข้มขึ้น

หลี่ฝางขมวดคิ้ว แล้วมองชายสวมแจ็คเก็ตสีดำ: “นายมีเงินเยอะเหรอ? ”

“ก็ธรรมดา อย่างน้อยที่บ้าน ก็มีอยู่หลายล้าน”

ชายสวมแจ็คเก็ตสีดำคนนี้สวมรองเท้าAJ แจ็คเก็ตท่อนบน ก็ยี่ห้อJack&Jones

หลี่ฝางหัวเราะอย่างดูถูก: “ตอนนี้ที่บ้านมีอยู่ไม่กี่ล้าน ก็กล้ามาหัวเราะเยาะคนอื่นแล้วเหรอ? ”

“น่าขำสิ้นดี”

หลี่ฝางควักโทรศัพท์ออกมา แล้วโทรหาเสี่ยวจาง

“มานี่หน่อย ที่บ้านพักตากอากาศมียาจกปนเข้ามา ไล่พวกมันออกไปที” หลี่ฝางพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ

“นายเป็นใคร? เมื่อกี้นายโทรหาใคร?” ชายสวมแจ็คเก็ตดำมองหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน