NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 282

ตอนที่ 282

บทที่282 คิดทบทวนไปมาอย่างหนักของส้าวส้วย

ก่อนหน้านี้ ในใจของหวางเฉิน ไม่พอใจส้าวส้วยเต็มร้อย ไม่พอใจเป็นพัน และไม่พอใจเป็นหมื่น ……

แต่พอเห็นอาเหยโก่วของตัวเองถูกส้าวส้วยตบจนหน้าคว่ำลงพื้น เขาก็ตกใจ

เวลานี้ ในที่สุดหวางเฉินก็เข้าใจทันที อาเหยโก่ว ทำไมต้องกลัวส้าวส้วยขนาดนั้น

ฝ่ามือหนึ่งฉาดถูกตบจนพลิกลงพื้น เหยโก่วลุกขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก เขากัดฟัน ที่จริงอยากระบายออกมา แต่สุดท้าย ก็ได้แต่เอาความโกรธเก็บไว้ในใจ

ส้าวส้วยในตอนนี้ มองเหยโก่วด้วยรอยยิ้ม

มีคนประเภทหนึ่งบนถนน ที่น่ากลัวที่สุด

นั่นก็คือคนที่เอามีดแทงคุณทั้งที่ยิ้มได้

คนแบบนี้ นิสัยจิตใจผิดปกติกว่าคนทั่วไป

ส้าวส้วยเป็นคนแบบนี้ ถึงแม้เขาจะฆ่าคุณ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มให้ที่ใบหน้า ……

“เหยโก่ว คุณไม่ได้กินข้าวเหรอ?”

มองเหยโก่ว ส้าวส้วยจึงหัวเราะออกมา:“ตบคนแต่ไม่มีแรง แล้วยังบอกว่าตัวเองเป็นคนสังคมมืดอีก?น่าขายขี้หน้าไหมเนี่ยคุณ”

เหยโก่วหน้าบูดบึ้ง แต่พูดไม่ออก

น้อยมากที่เหยโก่วจะได้รับความละอายเช่นนี้……

แต่เขา ไม่สามารถทำอะไรได้

ที่ตัวส้าวส้วย มาพร้อมกับอำนาจที่ดูน่าเกรงขาม ทำให้เหยโก่วไม่กล้าลงมือ

แน่นอน เหยโก่วเข้าใจดี ถ้าลงมือ ตัวเองแพ้แน่

แต่ถ้าเป็นคนอื่น แพ้ก็ต้องสู้ แพ้ก็ต้องลงมือ

แต่เผชิญหน้ากับส้าวส้วย เหยโก่วก็ปลุกความกล้าไม่ได้

ส้าวส้วยพูดต่อ:“ตบแรงๆตามที่ผมเพิ่งตบคุณเมื่อกี๊ไป……ถ้าคุณตบเบา ผมก็จะตบคุณต่อไป”

พูดไป สีหน้าของส้าวส้วย ก็ค่อยๆเย็นชาลง

หวางเฉินกลัวแล้ว

เมื่อครู่ส้าวส้วยตบใส่เหยโก่วไปฉาดนั้น หวางเฉินเห็นกับตาชัดเจนดี

ฝ่ามือนั้นร้ายกาจมาก หวางเฉินรับรู้ได้

นี่ถ้าตบใส่หน้าตัวเอง……หวางเฉินไม่อยากจะเชื่ออีกเลย

“อาเหยโก่ว……อย่าสิ”

มองเห็นเหยโก่วยกแขนขึ้น หวางเฉินตกใจจนหน้าซีด สองมือของเขาส่ายไปมา ส่วนปากก็ร้องขอ

แต่ เหยโก่วไม่สนใจคำขอร้องของหวางเฉินสักนิด แต่ยังตบลงไป

ฝ่ามือนี้ ทำเอาหัวของหวางเฉินหมุน

ส้าวส้วยขมวดคิ้ว ส่ายหน้า พูดว่า:“เหยโก่ว ฉาดนี้ ห่างไกลความแรงจากเมื่อกี๊ที่คุณโดนตบมาก ทำไม แม้แต่แรงก็รวบรวมไม่ได้เหรอไง?”

“ดูเหมือน ผมต้องสอนคุณอีกแล้ว”

ส้าวส้วยลงมืออีกรอบ เขายกแขนขึ้น ตบไปที่เหยโก่ว

ส่วนเหยโก่วตระหนักได้ ก็ยกแขนขึ้นมาบัง

สุดท้าย ทั้งตัวของเหยโก่ว ก็ถูกตีออกไปไกลหนึ่งเมตร

ฝ่ามือนี้ ถึงแม้ไม่ได้ตบไปที่หน้าของเหยโก่ว แต่ทำให้เหยโก่ว ตัวสั่นขึ้นมาทันที

แขนของเหยโก่ว จนตอนนี้ก็ยังสั่นอยู่

ถึงจะไม่ขาด แต่ก็ปวดชา รู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง

“เหยโก่ว ครั้งนี้ คุณน่าจะเข้าใจว่าลงมือหนักแค่ไหนแล้วสินะ?”มองเหยโก่ว ส้าวส้วยก็หัวเราะ

เหยโก่วพยักหน้า กลับไปตรงหน้าของหวางเฉินอีกครั้ง

เวลานี้ หวางเฉินตกใจกลัวจนสั่นทั้งตัว

ผู้ชายคนนี้ ยังเป็นคนอยู่ไหม?

แค่ฉาดเดียว ก็ตบอาเหยโก่วออกไปไกลเป็นเมตรได้

ถึงเป็นพ่อตัวเอง ก็ยากที่จะทำแบบนี้?

หวางเฉินกลืนน้ำลาย ตอนนี้เขาเสียใจมาก เสียใจที่ยุ่งเรื่องของสวีเถิงเฟย แล้วไปสะกิดต่อมของส้าวส้วยปีศาจร้ายตัวนี้

เหยโก่วกัดฟัน ใบหน้าปรากฏความร้ายกาจ

เวลานี้ เหยโก่วก็ไม่สนว่าหวางเฉินจะเป็นหลานชายแท้ๆของตัวเองอีก

ถ้ายังสนใจเรื่องความเป็นญาติ ก็กลัวว่า ตัวเองกับหวางเฉินก็คงจะถูกจัดการอยู่ที่นี่

เสียงดังแปะขึ้น แขนของเหยโก่ว หล่นลงจากอากาศ ตบเข้าไปที่หน้าของหวางเฉิน

ส่วนหัวของหวางเฉิน ก็กระแทกเข้าพื้น

ฝ่ามือนี้ ตีจนหวางเฉินมึนๆ

หวางเฉินออกแรงสะบัดหัว ถึงทำให้สติของตัวเอง ฟื้นคืนได้

“ไม่เลว แรงฉาดนี้ยังใช้ได้ แต่ ยังเพิ่มแรงได้อีก ผมว่าหลานชายของคุณ ยังรับไหว”

“โอเค ยังเหลืออีกสองที”ส้าวส้วยพูดเรียบๆ

“จะเหลืออีกสองได้ไง?”สีหน้าของหวางเฉิน ดูแย่สุดๆ

เหยโก่วพูดไม่ออกเล็กน้อย:“ท่าน ผมตบไปแล้วสองที เหลือแค่ทีเดียว”

“ทีแรกนับด้วยเหรอ?คุณช่วยหลานชายคุณแก้คันนี่?”

ส้าวส้วยกลอกตาใส่ทั้งสอง พูด:“ฉาดนั้นแรงไม่พอ ไม่ผ่าน ดังนั้นจึงไม่นับ”

“โอเค เริ่มตบฉาดที่สองได้ อย่าถ่วงเวลาผม ผมหิวหมดแล้ว”ส้าวส้วยลูบท้องของตัวเอง พูดด้วยท่าทีรังเกียจ:“รีบตบให้เสร็จ ผมก็จะรีบกินข้าว”

เหยโก่วนิ่งไป แล้วตบหวางเฉินไปอีกที

ฝ่ามือนี้ตบไป หัวของหวางเฉินชนไปที่พื้น จนทำให้เป็นตุ่มขนาดใหญ่

เหยโก่วในเวลานี้ ทรมานมาก

ถ้าไม่ใช่การบังคับ เขาจะตบหลานชายแท้ๆของตัวเอง แรงขนาดนั้นได้ไง?

ตอนที่เหยโก่วจะตบไปครั้งที่สาม หวางเฉินยืนขึ้นทันที

เขาเดินกะเผลก และเริ่มวิ่งหนี

ฝ่ามือนี้แรงมาก หวางเฉินเริ่มรับไม่ไหว

หน้าซ้ายและขวาของเขา ตอนนี้บวมขึ้นมา

แต่เหยโก่ว กลับรีบเดินไป คว้าไหล่ของหวางเฉินไว้ แล้วดึงเขามา

“อาเหยโก่ว อาปล่อยผมเถอะ ผมเป็นหลานชายแท้ๆของอานะ”หวางเฉินหันหน้าไป มองเหยโก่วด้วยใบหน้าขอร้อง

เหยโก่วมองหวางเฉิน สีหน้าสับสน:“เฉินเฉิน คุณคิดว่าอาอยากทำคุณเหรอ?”

“อาไม่ทำคุณ อากับคุณ ก็หนีไม่พ้น”

“อาหมดหนทางแล้ว”

“อดทนหน่อยนะ นี่เป็นตบสุดท้ายแล้ว”

“ตบฉาดสุดท้ายนี้จบ พวกเราสองคนอาหลาน ก็จะหลุดพ้น”เหยโก่วพูดด้วยใบหน้าที่หนักอึ้ง

เหยโก่วพูดไป ก็จะลงมือ แต่หวางเฉินชิงไปก่อน เริ่มเผ่นหนี

แต่ขาของหวางเฉิน ถูกส้าวส้วยตัดไปข้าง วิ่งไปได้ไม่เร็ว

เหยโก่วก้าวไปก่อน มาตรงหน้าของหวางเฉิน ตบใส่หน้าของหวางเฉินทันที

และก็เป็นตบสุดท้าย

ตบฉาดนี้ ทำเอาหวางเฉินลอยออกไป

ทั้งตัวหวางเฉิน ตกไปที่โต๊ะหนังสือ ทำเอาโต๊ะหนังสือ พลิกคว่ำลง

มองเห็นฉากนี้ ทุกคนต่างสูดลมหายใจ

ในห้องสมุด มีคนตั้งมากมาย

แน่นอนว่า เวลานี้ ไม่มีใครมีอารมณ์อ่านหนังสือมากแล้ว พวกเขาต่างกำลังดูฉากเด็ด

ใครจะไปคิดว่า ปกติห้องสมุดที่น่าเบื่อ จะมีฉากที่ยอดเยี่ยมแบบนี้ได้

“นี่มันโหดมากๆเลย!”

“ผู้ชายคนนี้ คืออาแท้ๆของคนที่ได้รับบาดเจ็บจริงๆเหรอ?ทำไมลงมือได้โหดขนาดนี้ นี่มันเป็นจังหวะจะฆ่าคนเลยนะเนี่ย”

คนที่อยู่รอบๆ ถกเถียงกันเบาๆ

ส่วนหวางเฉิน ล้มลงที่พื้น กลิ้งพลิกอย่างเจ็บปวด ในปากร้องเสียงโอ๊ยออกมา

แปะแปะแปะ

ส้าวส้วยตบมือ มองเหยโก่ว หัวเราะเหอะๆพูดว่า:“ไม่เลว ไม่เลว ฝ่ามือนี้ตบไป แรงกว่าที่ผมตบคุณอีก”

หวางเฉินที่อยู่ที่พื้นได้ยินคำนี้ ก็ส่งสายตาอาฆาต ให้อาของตัวเอง

หวางเฉินกัดฟันมองเหยโก่ว พูดอย่างเย็นชา:“เหยโก่ว ตั้งแต่นี้ไป ผมไม่ใช่หลานชายคุณอีก คุณก็ไม่ใช่อาผมอีก!”

หวางเฉินค่อยๆลุกขึ้นมา เขาเดินออกไปจากห้องสมุดทีละก้าวๆ

ระหว่างนั้น เหยโก่วอยากจะมาประคองเขา แต่ถูกหวางเฉินปฏิเสธอย่างเย็นชา

เหยโก่วมองส้าวส้วยแวบหนึ่ง คำพูดส้าวส้วยเมื่อกี๊ ชัดเจนว่ากำลังยุให้รำตำให้รั่ว

แต่ เหยโก่วก็ไม่กล้าเข้าไปตำหนิส้าวส้วยอีก ได้แต่นิ่งเป็นใบ้จากความเสียหายที่ได้รับ แล้วกลืนคำพูดลงไป

“เฮ้อ นี่จะทำไง?”

ออกมาจากห้องสมุด อารมณ์ของเหยโก่ว ก็หดหู่สุดๆ

หวางเฉินเป็นลูกชายของเหยสงพี่ใหญ่ตัวเอง ตัวเองตบหวางเฉินจนกลายเป็นแบบนี้ ถ้าพี่ชายตัวเองเห็น จะปล่อยตัวเองไปไหม?

เหยโก่วรู้นิสัยพี่ใหญ่ของตัวเองดี

คิดๆดู เหยโก่วก็รู้สึกขนลุก

เหยโก่วกับหวางเฉินออกไปจากห้องสมุด สวีเถิงเฟยก็ถือโอกาสที่ส้าวส้วยไม่สังเกต รีบออกไปจากห้องสมุด

เวลานี้ หลี่ฝางที่หลบดูฉากเด็ดในฝูงคน ก็ค่อยๆมาตรงหน้าส้าวส้วย

“เล่นแรงเกินไปหรือเปล่า?ผมได้ยินมาว่า เหยสงนี้ ไม่ใช่นักเลงธรรมดา เหมือนกับเสือหรือห้าวหนานพวกนั้น พอเห็นเหยสง ต่างเรียกกันว่าพี่สง”

“สันนิษฐานว่า เหยสงจะไม่ใช่ตัวละครธรรมดาๆ”

“ให้น้องชายของเหยสง ตบลูกชายของเหยสงจนเป็นแบบนี้ รอเหยสงมา เขาจะต้องมาหาเรื่องคุณแน่”หลี่ฝางเตือนส้าวส้วยไปประโยคหนึ่ง

“ผมรู้”

ส้าวส้วยพยักหน้าอย่างไม่สนใจสุด พูดว่า:“ผมจงใจทำแบบนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อให้เหยสงมาหาผม”

“ทำไม?”

มองไปที่ส้าวส้วย หลี่ฝางถามอย่างไม่เข้าใจ:“คุณกับเหยสงก็ไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมคุณต้องทำแบบนี้ล่ะ”

“ทำไม ได้ยินว่าเหยสงเป็นคนฝีมือดี ดังนั้น อยากเอาแบบเขา?”หลี่ฝางถาม

ส้าวส้วยส่ายหน้า มองหลี่ฝางแล้วพูด:“เพราะว่าคุณ เจ้านาย”

“เพราะว่าผม?”หลี่ฝางช้ำไปที่ตัวเอง สงสัยหน่อยๆ

“ใช่ ก็เพราะว่าคุณ”

ส้าวส้วยหัวเราะ พูด:“ผมได้ยินลุงเฉียนบอก เรื่องที่ฆ่าคุณนี้ หวางเฉินก็ร่วมด้วย ในเมื่อต้องการแก้แค้น สวีเถิงเฟยกับหวางเฉิน แค่คนเดียวก็ปล่อยไปไม่ได้”

“หวางเฉินคือลูกชายของเหยสง ถ้าคุณฆ่าหวางเฉิน ก็ต้องผ่านด่านเหยสงไปก่อน ดังนั้นไม่ช้าก็เร็วเหยสงจะต้องกลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตของคุณ”

ส้าวส้วยหัวเราะ พูดว่า:“ดังนั้นก็หาโอกาส ผมช่วยคุณจัดการเหยสง ไม่เท่ากับว่าช่วยเจ้านายแก้ปัญหาใหญ่เหรอไง?”

หลี่ฝางได้ยินเสร็จ จึงหัวเราะเหอะๆออกมา:“ได้ คุณต้องช่วยผมจัดการเหยสง แล้วผมจะเลี้ยงแฮมเบอร์เกอร์คุณไปทั้งชีวิต”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท