NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 283

ตอนที่ 283

บทที่283 เหยสงมาแล้ว

เวลานี้ ก็มืดค่ำแล้ว

ภายใต้ต้นหลิวขนาดใหญ่ของสถานตากอากาศ ผู้ชายคนหนึ่งที่กำยำล่ำสัน ยืนอยู่ตรงนั้น ในปากเขาคีบบุหรี่หนึ่งมวน ใบหน้าเย็นชา

เขาก็คือเหยสง พี่ชายของเหยโก่ว พ่อของหวางเฉิน

บุหรี่ในปากของเหยสง ค่อยๆหดสั้นลง……

ทันทีที่ก้นบุหรี่ตกลงไปตอนนั้น ร่างคนๆหนึ่งก็มาตรงหน้าเขา

“พี่ใหญ่……”

เหยโก่วมาแล้ว เสียงของเขาหนักแน่นมาก

เหยโก่วทำร้ายหลานชายตัวเองจนเป็นแบบนั้น ตอนนี้ จะมีหน้าไปเผชิญหน้ากับพี่ชายแท้ๆตัวเองได้ไง?

เหยสงหันหน้าไป เขามองเหยโก่วแวบหนึ่ง

เหยโก่วในตอนนี้ ก้มหน้าลง

“เงยหน้ามามองผม”เหยสงพูดอย่างเย็นชา

เหยโก่วลังเลเล็กน้อย ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา

ตอนที่เหยโก่วเงยหน้าตอนนั้นเอง เหยสงยกขาขึ้น เตะไปที่น้องชายแท้ๆของตัวเอง

ได้ยินแต่เสียงดังปัง

ทั้งตัวของเหยโก่ว ลอยออกไป ล้มลงไปชนต้นหลิวด้านหลัง

ต้นหลิวสั่นเล็กน้อย มีใบหลิวพัดปลิวสองสามใบ

เหยสงจึงถาม:“ทำไม?”

ฮีโร่สมัยก่อน ปกติแล้วต่างปกป้องคนของตัวเอง

เหยสงคิดว่า ลูกชายของตัวเอง แค่ไม่หักหลังตัวเอง งั้นจะทำอะไร ก็ถูกทั้งนั้น

ถึงลูกชายตัวเองผิด เหยโก่วที่เป็นอา ก็ไม่ควรลงมือหนักขนาดนั้น

หวางเฉินก็ไม่ได้นอนกับภรรยาของเหยโก่ว คุณลงมือหนักขนาดนั้น สรุปเพราะทำไมกันแน่?

เหยสงคิดไม่ออก……

เหยโก่วปากสั่น ไม่รู้จะตอบอย่างไร

หรือว่าบอกว่า เพราะว่าตัวเองกลัวส้าวส้วยเหรอ?

เหยสงถามต่อ ครั้งนี้ เขาถามตรงไปตรงมามากขึ้น:“ทำไมต้องทำหลานชายตัวเอง ได้รุนแรงขนาดนั้น?”

เหยโก่วตอบไม่ได้จริงๆ

เขาเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง

“คุณคิดว่าเป็นน้องชายแท้ๆของผมแล้ว ผมจะไม่กล้าลงมือกับคุณ?”เสียงของเหยสงเย็นชา ใบหน้ามีความเดือดดาลพร้อมฆ่ายิ่งขึ้น

เตะเมื่อกี๊ แม้จะหนัก

แต่ไม่ใช่แรงที่แท้จริงของเหยสง

ถ้าเหยสงออกแรงทั้งหมด หรือเหยโก่วไม่ใช่น้องชายของเหยสง เตะเมื่อกี๊ น่าจะทำเอากระดูกช่วงซี่โครงอกของเหยโก่วแตกละเอียด

เหยโก่วมีสีหน้าลำบากใจ เงยหน้ามองเหยสง:“พี่ พี่ก็รู้จักผม ถ้าไม่ได้โดนบังคับ ผมจะลงมือกับเฉินเฉินแรงขนาดนั้นได้ไง?”

“พี่……พี่ดูหน้าผมสิ ……”

เหยโก่วชี้หน้าตัวเองที่ถูกส้าวส้วยตบ พูดว่า:“นี่อีกฝ่ายทำ”

จากนั้น เหยโก่วก็ยกแขนเสื้อตัวเองขึ้น พูด:“แล้วพี่ดูแขนผมอีกสิ ……ตอนที่ฝ่ายตรงข้ามตบผม ผมใช้แขนบัง หลายปีนี้ถ้าไม่ใช่ว่าผมฝึกกังฟู มือข้างนี้ กลัวจะจะหักไปแล้ว?”

แขนของเหยโก่ว ล่ำกว่าคนทั่วไปเล็กน้อย

ตอนนี้ เขียวม่วงแล้ว

ห่างกับเสื้อผ้า ยังถูกส้าวส้วยตีจนเป็นรอยนิ้วมือ

มองเห็นฉากนี้ สีหน้าของเหยสง จู่ๆก็เปลี่ยนไป

เขาจึงเข้าใจว่า ได้ไปยุ่งกับตัวละครโหดๆแล้ว

“เมืองเอกมีคนฝีมือดีแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”เหยสงขมวดคิ้ว พูดอย่างซีเรียส

พอเหยสงเห็นบาดแผลที่หน้าของเหยโก่ว รอยแผลที่แขน ก็เข้าใจทันที

“แรงแบบนี้ถ้าตีไปที่หน้าของเฉินเฉิน สันนิษฐานว่า ตอนที่ผมเจอเฉินเฉิน คำพูดหวาดกลัวของเขาจะต้องพูดออกมาอย่างยาก”เหยสงพูดนิ่งๆ

เหยสงคือคนฝึกกำลังภายใน เกี่ยวกับความแข็งแรง เขาวิเคราะห์ได้เฉียบมาก

ผ่านระดับความบาดเจ็บที่ได้รับมา เหยสงก็เดาออกว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากแค่ไหน

“ไปขัดใจเขาได้ไง?”เหยสงเริ่มถาม

เวลานี้ น้ำเสียงของเหยสง อ่อนโยนสุดๆ

“ที่จริงเรื่องนี้ ไม่เกี่ยวกับเฉินเฉิน แต่เป็นสวีเถิงเฟย คุณชายสวีไปขัดใจผู้ชายคนนั้น แต่เฉินเฉินกลับมาหาผม ให้ผมไปช่วย ไปช่วยคุณชายสวี”

“ตอนเริ่มต้น ผมคิดว่าแค่คนไม่เอาไหนรังแกคุณชายสวี ก็รีบตามไป ใครจะไปรู้ว่า ดันเป็นเขา”พูดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเหยโก่ว ก็ปรากฏความซีเรียสสุดๆ

เหยสงภาม:“ทำไม คุณรู้จักเขา?”

“หลายวันก่อนที่เขาหมาป่า ผมเคยเจอผู้ชายคนนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง และก็เป็นคุณชายสวีมาหาผม ให้ผมไปช่วยเขาจัดการคนๆหนึ่ง ดูเหมือนจะชื่อหลี่ฝางอะไรนั่น”

“คนฝีมือดีคนนี้ ดูเหมือนจะเป็นคนที่อยู่ข้างกายหลี่ฝาง”

“ผมแค่สบตากับคนฝีมือดีนี้ท่านั้น ก็รู้สึกเยือกเย็นไปหมด สายตาเขา มีความพร้อมฆ่าลึกๆ ผมไม่เคยเห็นสายตาที่เย็นชาเช่นนั้น เวลานั้น ผมก็ตื่นตระหนก……ผมจึงรู้ว่าตัวเองไปกระตุกหนวดเสือเข้าให้แล้ว จึงคิดหนีทันที”

“แต่ใครจะไปรู้ ฝ่ายนั้นกลับไม่ปล่อยผม คนฝีมือดีคนนี้ มือหนึ่งดึงผมขึ้นมา โยนผมไปที่เขาหมาป่า”

เหยโก่วถอนหายใจ พูด:“พอลงจากเขาหมาป่า ฝีมือดีคนนี้ ก็กลายเป็นฝันร้ายของผม ทุกครั้งที่คิดถึงสายตาที่เขามองผม ขนของผมก็ลุกขึ้นทั้งตัว”

“ทำไมไม่เคยได้ยินคุณพูดถึง?”เหยสงขมวดคิ้ว พูดตำหนิเล็กน้อย

“เจอคนฝีมือดีแบบนี้ คุณน่าจะบอกผมเร็วๆหน่อยถึงจะถูก”เหยสงพูดอย่างไม่พอใจ

“ยังไงเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องขายขี้หน้า ผมจะไปป่าวประกาศบอกทั่วได้ไง อีกอย่าง ผมก็ไม่เคยคิดเอาคืน ดังนั้น จึงปิดบังพี่ไปด้วย”เหยโก่วเบะปาก พูด

เงียบไปสักพัก เหยโก่วก็พูดที่มาที่ไปของเรื่องต่อ

“วันนี้ ผมกับเฉินเฉิน เจอคุณชายสวี คิดอยากช่วยคุณชายสวี แต่คิดไม่ถึงว่า อีกฝ่ายจะเป็นคนฝีมือดี ผมก็เลยบอกเฉินเฉิน เรื่องนี้ยุ่งด้วยไม่ได้”

“แต่เฉินเฉินไม่ฟัง เข้าใจผมผิด คิดว่าผมต้องการผลประโยชน์จากคุณชายสวี จึงไม่ยอมลงมือ”

“สุดท้าย เฉินเฉินก็ตัดสินใจเอง ลงมือกับฝีมือดีคนนั้น เขาเตะขาออกไป……สุดท้ายกลับถูกหมัดของฝีมือดี ตัดขาออก”

ได้ยินคำนี้ สีหน้าของเหยสง จู่ๆก็เกร็ง

“คุณพูดอะไร?ขาของเฉินเฉินถูกหมัดของผู้ชายคนนั้นตัด?”ใบหน้าของเหยสง มีความหวาดกลัวปรากฏ

“เฉินเฉินเตะออกไป คนฝีมือดีปล่อยหมัดไปที่ฝ่าเท้าของเฉินเฉิน ……ขาของเฉินเฉิน จากนั้นจึงหัก”เหยโก่วย้อนถึงฉากตอนนั้น

“หมัดปล่อยไปที่ฝ่าเท้า ตัดขาของเฉินเฉิน?”เหยสงสูดหายใจลึกๆ

“ดูเหมือน พวกคุณจะไปมีเรื่องกับตัวละครโหดแล้วจริงๆ”เหยสงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง

“ใช่ พอเฉินเฉินเห็นขาของตัวเองหัก ก็ด่าคนฝีมือดีนั่นไปหลายคำ และไม่หยุดร้องเอะอะใส่คนฝีมือดีนั่น สุดท้าย ก็ทำคนฝีมือดีนั่นโมโหสุดๆ”

“ผมตบเฉินเฉินไปหนึ่งที ให้เขาหุบปาก ……แต่เขาไม่ฟัง สุดท้ายคนฝีมือดีจึงให้ผมจัดการเฉินเฉิน”

“พี่ใหญ่ พี่ว่าตอนนั้นผมควรทำอย่างไร?”

“เจอคนฝีมือดีเช่นนี้ ผมสู้ไม่ได้อยู่แล้ว ถ้าไม่ยอมประนีประนอม กลัวว่าผลลัพธ์จะแย่จนไม่กล้าคิด”

“ดังนั้น ผมจึงทำร้ายเฉินเฉิน ตอนแรกแรงไม่พอ คนฝีมือดีนี้ก็ให้ผมตบอีกที ให้ผมออกแรง ……ผมหมดหนทาง”เหยโก่วพูดอย่างทำอะไรไม่ได้

เหยสงตบไหล่ของเหยโก่ว พูดว่า:“พี่เข้าใจคุณผิดไปเอง”

“พี่ ที่พี่เตะผมไปนี้ ผมไม่โกรธพี่หรอก พูดตรงๆนะ ผมทำร้ายเฉินเฉินไป ในใจก็รู้สึกลนลานมาก ให้พี่ทำผมบ้าง ในใจของผม ก็สบายใจขึ้นมาหน่อย”เหยโก่วพ่นลมหายใจออกมายาวๆ พูด

เหยสงไม่พูด จุดบุหรี่ให้ตัวเองอีกครั้ง

“คนฝีมือดีนั่น ดูแล้วน่าจะอายุเท่าไหร่?เทียบกับผม?”เหยสงถามออกไป

เหยโก่วกลืนน้ำลาย พูด:“พี่ใหญ่ พูดแล้วอาจจะไม่เชื่อ ฝีมือดีคนนั้น อายุยังน้อยกว่าเฉินเฉิน”

“อะไรนะ?”

เหยสงหันหน้าไป ตาทั้งคู่ ก็จ้องไปที่เหยโก่วเขม็ง:“อายุน้อยขนาดนี้?”

เหยสงไม่ค่อยเชื่อนัก เขาคิดว่า คนฝีมือเช่นนี้ อย่างน้อยน่าจะสี่สิบกว่า

ใครจะไปชื่อ แค่วัยรุ่นอายุยี่สิบคนหนึ่ง?

คนอายุน้อยขนาดนี้……เขาทำได้อย่างไร?

เหยสงสูดหายใจลึกๆ:“คนๆนี้ เบื้องหลังจะต้องมีคนฝีมือดีชี้นำแน่ ไม่มีทางที่อายุน้อยขนาดนั้น จะเดินมาได้ถึงวันนี้หรอก”

“ผมฝึกกำลังภายในที่วัดเส้าหลินมาตั้งหลายปี ไม่เคยเห็นวัยรุ่นที่เก่ากล้าแบบนี้หลายคน”

เหยสงพูด:“คนๆนี้……ปล่อยไว้ไม่ได้”

ตอนที่พูดคำนี้ ที่หน้าของเหยสง ก็ปรากฏความอาฆาตแรงๆ

“พี่ใหญ่ พี่อยากกำจัดเขา?”เหยโก่วมองเหยสง ถามไปหนึ่งประโยค

“ไร้สาระ คนแบบนี้ไม่กำจัดเขา แล้วผมจะนอนหลับสบายไหม?”เหยสงพูดอย่างโกรธๆ

เหยโก่วไม่พูด ที่จริง จากความหมายของเหยโก่ว ฝีมือดีแบบนี้ ทางที่ดีไม่ควรไปกระตุ้นมากนัก

ยังไง ก็ไม่ง่ายเลยที่ได้เป็นลูกพี่ ความหรูหรามั่งคั่งก็ยังไม่ทันได้สนุกไปกับมัน แล้วทำไมต้องไปมีปัญหากับศัตรูที่แข็งแกร่งด้วย?

ถ้าลากตัวเองเข้าไป……

งั้นชีวิตนี้ ก็ไม่ใช่ว่าดิ้นรนมาเปล่าๆเหรอไง?

แต่เหยโก่วเข้าใจพี่ชายตัวเอง ในเมื่อพี่ชายตัวเองตัดสินใจ ตัวเองจะโน้มน้าวอย่างไร ก็ไม่มีประโยชน์

ส่วนอีกด้าน

หลี่ฝางได้รับข่าวว่า เหยสงมาแล้ว และยังนัดพบเหยโก่วลับๆด้วย

หลี่ฝางหันหน้าไปมองส้าวส้วย พูดว่า:“เหยสงมาแล้ว กลัวว่า อีกไม่นานเขาจะมาหาคุณ แก้แค้นแทนลูกชาย”

แต่ที่หน้าของส้าวส้วย กลับชิลสุดๆ

ดูเหมือนว่าจะไม่เอาเหยสงไว้ในสายตาเลย

“เจ้านาย คุณเคยรับปากผม รอผมจัดการเหยสง คุณจะเปิดร้านแฮมเบอร์เกอร์ให้ผม จริงไหม?”ส้าวส้วยมองหลี่ฝางอย่างดีใจ

หลี่ฝางนิ่งไป มองส้าวส้วย อดไม่ได้ที่จะถาม:“ทำไมคุณชอบแฮมเบอร์เกอร์ขนาดนั้น?”

“นี่มันไปถึงไหนกันแล้ว คุณสนใจประเด็นหลักหน่อยได้ไหม ผมเคยถามจางกงหมิง เขาบอก เหยสงคนๆนี้ อย่าขัดใจเด็ดขาด”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท