NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 285

ตอนที่ 285

บทที่285 การออมมือของส้าวส้วย

หลี่ฝางชัดเจนดี ผู้ชายคนนี้พุ่งเป้ามาที่ตัวเอง

แต่ตัวเองไม่รู้จักเขานี่

“คุณเป็นใครกันแน่?ไม่พูดผมจะเรียกคนมาแล้วนะ”หลี่ฝางขมวดคิ้ว พูดอย่างเย็นชา

ซุนจิ้นไม่พูดไร้สาระใดๆ ตอนที่รีบมาตรงหน้าของหลี่ฝาง จู่ๆเขาก็เร่งความเร็ว พุ่งมาที่หลี่ฝาง

“ห่าเอ๊ย!”

หลี่ฝางตระหนักได้ว่าผิดปกติ จะตะโกนให้ช่วยเหลือ

ยังไม่ทันร้องออกมา ซุนจิ้นก็เตะเข้ามา

หลี่ฝางล้มไปที่กำแพงทั้งตัว รู้สึกว่าที่หน้าอกของตัวเอง เหมือนจะฉีกขาด

“แม่เอ๊ย ไอ้ห่าคุณเป็นบ้าหรือไง เข้ามาตีผมแบบนี้?”หลี่ฝางมองซุนจิ้นอย่างเย็นชา ถามออกไป

ซุนจิ้นไม่พูด เคลื่อนไหวเข้ามา

แต่หลี่ฝางหาโอกาสได้ดี เขารีบลุกขึ้นมา พุ่งเข้าไปที่ ประตูของวิลล่า

“ส้าวส้วย……”

หลี่ฝางพุ่งเข้าไป ร้องเรียกส้าวส้วยเสียงดัง

และเวลานี้เอง ส้าวส้วยถือกางเกงวิ่งออกมา

พอเห็นซุนจิ้น สีหน้าของส้าวส้วย จึงเปลี่ยนไป

“คุณไม่เป็นไรใช่ไหม เจ้านาย?”ส้าวส้วยถือกางเกงไป พร้อมกับเข้ามาตรงหน้าหลี่ฝาง ถามอย่างเป็นห่วง

หลี่ฝางส่ายหน้า พูดว่า:“ดีที่ผมวิ่งมาไว ไม่อย่างนั้น ถูกผู้ชายคนนี้ทำร้ายตายห่าแน่”

หลี่ฝางหาโซฟา นอนลง แล้วตัวเองนวดที่หน้าอก

เปิดเสื้อของตัวเอง หลี่ฝางจึงพบว่าจุดที่โดนถีบเขียวหน่อยๆแล้ว

“คุณคือคนที่เอาชนะเหยโก่ว?”

มองส้าวส้วย ซุนจิ้นดูไม่ค่อยเชื่อเล็กน้อย

ยังไง อายุของส้าวส้วย ก็หนุ่มเกินไป ……

ส้าวส้วยพยักหน้า มองสายตาของซุนจิ้น รู้สึกคุ้นๆ ……

ก็แค่ เวลานั้น กลับคิดไม่ออกว่าเคยเจอที่ไหน ……

“โอเค งั้นผมก็ขอคำแนะนำจากคุณด้วย ……”

ซุนจิ้นมองส้าวส้วย แสดงความคารวะออกมา:“ผู้สืบทอดรุ่นสิบแปดของมวยสิงอี้ ซุนจิ้น ขอคำแนะนำด้วย”

“ส้าวส้วย ผมไม่เคยมีสำนัก”ส้าวส้วยพูดนิ่งๆ

“ไม่มีอาจารย์……”ซุนจิ้นดูไม่ค่อยเชื่อ

“ไม่พูดก็ช่าง”

ซุนจิ้นก็ไม่ได้ถามต่อ เขาเดินเข้ามาโดยตรง ปล่อยหมัดเข้าไป

มวยสิงอี้ รูปแบบหมัดเยอะมาก

การโจมตีของซุนจิ้นนี้ ใช้มวยผ้าว มวยผ้าวนั้นได้เปรียบมากที่สุด นั่นคือแรงของหมัดนั้นมากพอ

ส่วนส้าวส้วย ได้แต่ยิ้มนิ่งๆ พร้อมกับกำหมัดขึ้นมา เดินเข้าไป

“อยากตาย?”

ซุนจิ้นเห็นการสู้กลับของส้าวส้วย ตอนนั้นมุมปากก็พ่นคำออกมาสองคำ

มวยผ้าวของเขาทรงพลังมาก เมื่อมองไปรอบๆแล้ว ที่เมืองเอกมีปรมาจารย์ไม่กี่คนเท่านั้นที่กล้าเผชิญหน้าหมัดนี้ ทุกคนต่างเลือกที่จะหลี่กเลี่ยง

ซุนจิ้นคิดในใจ:ผู้ชายวัยรุ่นคนนี้ หยิ่งยโสมาก

เดิมที เขายังคิดว่าส้าวส้วยเอาชนะเหยโก่ว เป็นคู่ต่อสู้ที่หายาก วันนี้ก็จะได้สู้สนุกๆแล้ว

ใครจะไปรู้ว่า ส้าวส้วยจะไม่รู้จักเป็นตายร้ายดีได้ขนาดนี้

ซุนจิ้นคิดว่า หมัดนี้ ส้าวส้วยจะมีเปอร์เซ็นต์มากที่จะพ่ายแพ้

สองหมัดปะทะกัน เสียงดังตุบขึ้นมา

ซุนจิ้น ถอยหลังไปสามก้าว

ส่วนส้าวส้วย กลับยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับสักนิด

“อะไร?”

ซุนจิ้นรู้สึกว่ากำปั้นของตัวเอง ชาขึ้นมา

เขาคิดไม่ถึงว่า การเผชิญหน้าครั้งนี้ ตัวเองจะตกม้าตายได้

“จะเป็นไปได้ไง?”

ซุนจิ้นกลืนน้ำลาย มองซุนจิ้นที่มีสีหน้านิ่งเรียบ พร้อมกับความน่ากลัว

“มาอีกรอบ”

ซุนจิ้นไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เขาโจมตีไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ เขาไม่ได้ใช้มวยผ้าว

แต่ใช้มวยสิงอี้สิบสองท่า

ที่เรียกว่ามวยสิงอี้สิบสองท่า ก็เพราะมีสัตว์สิบสองอย่าง ร่วมกันสร้างท่าหมัดนี้ออกมา

มังกร งู เสือ นกกระเรียน……เป็นต้น

วิธีการของมวยนี้ไม่อาจคาดเดาได้ ถ้าเรียนได้จนสุดยอดแล้ว ก็มีคนไม่มากนักที่จะสามารถหยุดมันได้

ส่วนซุนจิ้น เรียนมาสามสิบปีเต็มๆ

เขาเกิดมาจากตระกูลมวยสิงอี้ ฝึกตั้งแต่เด็ก สามสิบปีที่ฝึกมาอย่างลำบาก ในที่สุดก็ทำให้เขาสำเร็จในมวยสิงอี้สิบสองท่าได้อย่างยอดเยี่ยม

มวยสิงอี้สิบสองท่า เขาทำได้อย่างคุ้นเคยดี

พอมาถึงตรงหน้าส้าวส้วย เขาก็เริ่มโจมตี

หมัดสิบสองชนิด ไม่หยุดเปลี่ยน หมัดมังกรสักพัก หมัดงูอีกสักพัก……

ส้าวส้วยหรี่ตา เขาจ้องหมัดซุนจิ้นเขม็ง ไม่กล้าละเลย

ตอนเริ่ม ส้าวส้วยได้แต่ป้องกัน

แต่ไม่ถึงหนึ่งนาที ความเร็วของซุนจิ้น ก็ช้าลง

เขาตื่นตระหนกขึ้นเรื่อยๆ เขาคิดไม่ถึงว่า……จะมีคนสามารถหยุดการโจมตีทุกอย่างของเขาได้

ทำให้ในใจของซุนจิ้น รู้สึกพลังทลายลงเล็กน้อย

ซุนจิ้นในตอนนี้ ในใจมีคำตอบแล้ว ตัวเอง ……ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ชายตรงหน้านี้เลย

แม้ว่า คู่ต่อสู้ของตัวเองจะอายุแค่ยี่สิบต้นๆเท่านั้น

แต่ ซุนจิ้นยังคงไม่ยอมแพ้การโจมตี ยังไง ตระกูลสวีก็เลี้ยงเขามาตั้งหลายปี เขาจะทำให้ตระกูลสวีผิดหวังได้ไง?

จู่ๆ ส้าวส้วยก็ขมวดคิ้ว เขายื่นมือออกไป แขนเหมือนงูตัวหนึ่ง จับแขนของซุนจิ้น วนไปรอบๆ

“จะสู้อีกไหม?”

วนไปรอบหนึ่งเสร็จ มือของส้าวส้วย จับคอของซุนจิ้นไว้ แล้วก็ปล่อยออกอีก

เวลานี้ ซุนจิ้นสูดหายใจลึกๆ

“คุณ……ทำไมคุณถึงออมมือกับผม?ที่จริง ถ้าคุณรีบลงมือหน่อย ผมแพ้ไปนานแล้ว”ที่จริงซุนจิ้นรู้ว่าพอตัวเองช้าลง สิ่งบกพร่องของตัวเองก็จะเปิดเผย

ซุนจิ้นรู้ดี:

จากการตอบสนองที่รวดเร็วของส้าวส้วย ในเมื่อเขาสามารถป้องกันการโจมตีทุกอย่างของตัวเองได้ในจุดสูงสุดของตัวเอง และก็ตอนที่ตัวเองเสียหลัก ช้าลง ก็สามารถโจมตีตัวเอง ทำตัวเองแพ้ได้

“เหอะๆ……ที่ผมไม่ได้โจมตีใส่คุณ ก็เพราะว่าผมเคารพพ่อคุณ……”ส้าวส้วยหัวเราะ พูด

“คุณรู้จักพ่อผม?”ซุนจิ้นตกใจหน่อยๆ ยังไงส้าวส้วยก็ยังยี่สิบต้นๆ ส่วนพ่อของตัวเอง ใกล้จะหกสิบแล้ว

“ใช่ ตอนนั้นที่ชีวิตผมตกอับใช้ชีวิตข้างถนน เคยผ่านสำนักศิลปะการต่อสู้ที่หนึ่ง ……ถึงแม้ธุรกิจของสำนักศิลปะการต่อสู้จะไม่ดีนัก แต่คนดูแลกลับใจดี มักจะให้ผมเข้าไปกินข้าว ……”

“ถึงจะเป็นแค่อาหารพื้นๆทั่วไป แต่ก็ช่วยให้ผมอุ่นอิ่มประทังชีวิตได้ ……”

“คุณหน้าเหมือนพ่อคุณมาก หลายวันก่อน ผมยังไปเยี่ยมเยียนเขา เขาเป็นผู้สืบทอดรุ่นสิบเจ็ดของมวยสิงอี้ ส่วนคุณ คือรุ่นสิบแปด”

“เขาเคยพูดถึงคุณกับผม เขาอยากให้คุณสืบทอดทักษะของเขาต่อไปมาก เอาสำนักมวยของมวยสิงอี้ เปิดต่อไป แต่คุณ เปิดไปได้แค่แป๊บเดียว ก็ไปเป็นที่ตระกูลสวีเป็นบอดี้การ์ดติดตัวของคนตระกูลสวี”ส้าวส้วยพูดนิ่งๆ

“พูดถึงแล้ว พวกเราก็ถือว่าเป็นพี่น้องกัน ตอนผมยังเด็ก ก็เคยเรียนกับพ่อคุณมาบ้างไม่กี่วัน”ส้าวส้วยหัวเราะ พูดไป

ซุนจิ้นจึงเข้าใจ ว่าทำไมส้าวส้วยถึงออมมือกับเขา

ที่แท้ก็เพราะว่าพ่อของตัวเอง

ได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของซุนจิ้น ก็ละอาย

ทำไมซุนจิ้นถึงไม่อยากเอามวยสิงอี้ของบรรพบุรุษตัวเอง มาพัฒนาเติบโตที่เมืองเอกล่ะ?

ก็แค่ ในสังคมตอนนี้ ยังจะมีใครเรียนมวยอีก?

เมื่อเทียบกับเทควันโดแล้ว มวยสิงอี้ค่อนข้างน่าเบื่อ และใช้เวลานาน

ถึงแม้จะเป็นผู้เรียนศิลปะการต่อสู้โบราณของจีน แต่ จะมีใครให้ความสนใจตรงส่วนนี้ล่ะ?

“สืบทอดทักษะต่อไป?เปิดสำนักศิลปะการต่อสู้?ผมไม่ต้องกินข้าว ไม่ต้องแต่งงานเหรอไง?ถ้าผมฟังพ่อ กลัวว่าตอนนี้ผมยังต้องโสดอยู่แน่ๆ”ซุนจิ้นพูดฟ้อง

“คุณรู้ไหมทำไมคุณสู้ผมไม่ได้?”ส้าวส้วยมองซุนจิ้น แล้วถามนิ่งๆ

“ก็แค่ด้อยไปกว่าคุณ ไม่มีอะไรต้องพูด”ซุนจิ้นพูดด้วยใบหน้าหดหู่

“ที่จริง มวยสิงอี้ของคุณ ทำได้ดีกว่าผม ก็แค่ ผมฝึกมวย ก็เพื่อเอามาฆ่าคน แต่คุณฝึกมวย เอามาเพื่อ ก็แค่ฝึกไปตามแบบนั้น ไม่มีความโหด หลายวันก่อนผมไปหาพ่อคุณ ก็พูดกับเขาเช่นนี้ สำนักศิลปะการต่อสู้ สามารถเปิดต่อไปได้ ก็แค่ ต้องปรับเปลี่ยนหน่อย”

“ที่เจี๋ยฉวนเต้าเป็นที่รู้จักไปทั้งโลก และได้รับชัยชนะไปทั่วโลก ก็เพราะว่าเขาลงมือได้เร็ว แม่นยำ โหดเหี้ยม และให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพ ……”

“มวยสิงอี้ ไม่ด้อยไปกว่าเทควันโด ก็แค่ ไม่ต้องไปสนใจความงามของท่า ……ต้องเรียนรู้ที่จะปลดปล่อยพลังของตัวเอง ท่าแบบไหน แรงที่ปล่อยไปนั้นแข็งแกร่งที่สุด แล้วจึงใช้ท่านั้นถึงจะถูก”

ส้าวส้วยพูด:“คุณกลับไปเถอะ”

“กลับไปหาพ่อคุณ ผมจะเงินพ่อคุณก้อนหนึ่ง ให้เขาตั้งสำนักกำลังภายในใหม่อีกครั้ง เขาแก่แล้ว คุณต้องไปช่วยเขา อย่าไปเป็นบอดี้การ์ดขี้หมูขี้หมาให้คนตระกูลสวีอีกเลย”

“ไม่อย่างนั้น……”

พูดไป จู่ๆหมัดของส้าวส้วยก็ทุบไปที่โต๊ะ ทำเอาโต๊ะหักออกเป็นสองครึ่ง:“นี่คือจุดจบของคุณ”

มองเห็นฉากนี้ สีหน้าของซุนจิ้น ซีดขาวทันที

เขายากที่จะจินตนาการ ถ้าตอนนั้นไม่ใช่ว่าพ่อมีเมตตา ให้ข้าวส้าวส้วยกิน จุดจบของตัวเอง จะเป็นยังไง

“แต่ตระกูลสวี……”

“ไม่ต้องสนใจตระกูลสวี……พวกเขาไม่สร้างปัญหาให้คุณแน่”

ส้าวส้วยยิ้มเรียบๆ:“เพราะว่าอีกแป๊บเดียว ตระกูลสวีก็จะไม่อยู่แล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท