NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 293

ตอนที่ 293

บทที่ 293 ฉันคือหนีเตีย

ชายผู้สง่างามคนนี้ กำหมัดแน่น เมื่อใกล้เข้าไปก็เตรียมชก… …

รองเท้าหนังคู่หนึ่ง บินมาจากไม่ไกล พุ่งไปที่หัว ฟาดใส่ทันที

ความเร็วของรองเท้าหนังนี้ เร็วกว่าความเร็วหมัด ที่ผู้ชายคนนี้ชกออกไป

ชายคนนี้ถูกรองเท้าหนังฟาดลงกับพื้น และไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้

“แม้งเอ้ย ใครโยนรองเท้า!”

หยิ่นเหล่ยมองไปข้างหลัง ก็ดุด่าต่อหน้าฝูงชน

หลังจากด่าเสร็จ รองเท้าหนังอีกข้างหนึ่ง พุ่งตรงมาที่ใบหน้าหยิ่นเหล่ย ฟาดไปหนึ่งที

หยิ่นเหล่ยถูกรองเท้าหนังฟาดเข้าที่ใบหน้า ถอยหลังไปหลายก้าว กว่าจะพยุงตัวเองไม่ให้ล้มลง

แต่ว่า ใบหน้าของหยิ่นเหล่ย มีร่องรอยของรองเท้า

จากนั้น ใบหน้าของหยิ่นเหล่ย ดูน่าเกลียดมาก

“ใครฟาดฉัน เดินออกมา!” หยิ่นเหล่ยถามอย่างเย็นชา

“คุณปู่ของนายฟาดเอง ทำไม?”

ส้าวส้วยค่อยๆเดินออกมา และเดินเข้าหาหยิ่นเหล่ยช้าๆ

“แก… …แกกำลังหาที่ตายเหรอ!”

ชี้ไปที่จมูกของส้าวส้วย หยิ่นเหล่ยด่าอย่างเย็นชา “แม่งเอ้ย แกกล้าขว้างรองเท้าหนังเหม็นๆใส่หน้าฉัน!”

“พวกแก… … พวกแกยืนโง่อยู่ทำไม รีบไปจัดการมัน!”

สำหรับรปภ.ของต้าหัวกรุ๊ป หยิ่นเหล่ยออกคำสั่งเสียงดัง

นี่คือคุณชายเหล่ย ลูกชายของท่านประธานต้าหัวกรุ๊ป !

คำพูดของเขา รปภ.กลุ่มนี้ จะกล้าขัดขืนเหรอ?

พวกเขามุ่งไปทางส้าวส้วย ตอบโต้ทันที

สำหรับส้าวส้วย ก้มตัวลง เก็บรองเท้าของเขาตัวเองขึ้นมา เมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มรปภ.เพี๊ยะๆๆ เอารองเท้าฟาดทีละคน ทุกคนล้มลงบนพื้น

เมื่อหยิ่นเหล่ยเห็นฉากนี้ ตกตะลึงจนอึ้งไปเลย

ไอ้ผู้ชายคนนี้ ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?”

แค่รองเท้าหนังเพียงข้างเดียว สามารถเอาชนะรปภ.มากมายขนาดนี้?

“จอมยุทธ์รองเท้า?”

ในเวลานี้ โก่เอ๋อกรีดร้องออกมา

“จอมยุทธ์รองเท้า?”

เมื่อโก่เอ๋อตะโกนอย่างนั้น หลายคนก็ร้องตาม

“จอมยุทธ์รองเท้า จอมยุทธ์รองเท้า” ทุกคนตะโกนเช่นนี้

จุดสำคัญ คือการลงมือของส้าวส้วย เท่ห์เกินไป

ด้วยรองเท้าเพียงข้างเดียว เอาชนะผู้คนจำนวนมาก จนทำให้คุณชายทั้งหลาย ต่างตกตะลึง

ส้าวส้วยขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ชอบชื่อเล่นนี้

ทำอะไรไม่ได้เพราะโก่เอ๋อเป็นคนริเริ่ม ทุกคนเริ่มโห่ร้อง เรียกจอมยุทธ์รองเท้า และดังขึ้นเรื่อยๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในงานปาร์ตี้ สาวน้อยหลายคน เริ่มหลงใหลในตัวส้าวส้วย

แต่เดิมส้าวส้วยนั้นก็หล่อเหลา ใบหน้าคมเข้ม และระหว่างคิ้ว แฝงไว้ด้วยความสง่าผ่าเผยของชายหนุ่ม

บวกกับฝีมือของเขา หนักแน่นแม่นยำ ไม่มีการลังเลใจ

ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาหล่อเท่ห์สุดๆ

แม้แต่ผู้กำกับหลายคน มองไปที่ส้าวส้วย ก็อึ้งจนไม่ขยับตัว

ด้วยทักษะเช่นนี้ หน้าตาเช่นนี้ ถ้าไม่เข้าวงการบันเทิงเป็นดาราแอ็คชั่น มันน่าเสียดายแย่!

ขณะที่ส้าวส้วยเดินบีบเข้ามาทีละก้าว หยิ่นเหล่ยตกใจจนหน้าซีด

“ฉันเป็นถึงลูกชายแท้ๆของท่านประธานต้าหัวกรุ๊ป หยิ่นเหล่ย พวกแก… …พวกแกทำร้ายฉันไม่ได้” หยิ่นเหล่ยพูดด้วยสีหน้าลุกลี้ลุกลน

ในเวลานี้ ลุงเฉียนมาถึงตรงหน้าชายสุภาพอ่อนโยน และถามเขาว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“คุณชายของบริษัทผม กับคุณชายของสถานตากอากาศแห่งนี้ ดูเหมือนจะมีความเข้าใจผิดบางอย่าง… …” ชายสุภาพอ่อนโยนรีบพูดอย่างรวดเร็ว

“ที่แท้ก็แบบนี้… …”

ลุงเฉียนพยักหน้า จากนั้นพูดว่า “ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว”

“เป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด”

“ส้าวส้วย พาคุณชายเหล่ย ไปที่ห้องรักษาความปลอดภัย”

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปแล้ว ลุงเฉียนก็เหลือบมองไปที่หลี่ฝาง และพูดว่า “คุณชาย ท่านก็ตามมาด้วย”

“คุณชาย?”

เมื่อลุงเฉียนเรียกหลี่ฝางว่าคุณชาย ทุกคนต่างตกใจ

หวางเสี่ยวโก๋ เลี่ยวข่าย ต่างนิ่งอึ้งไปเลย

“หลี่ฝาง เมื่อกี้ลุงเฉียนเรียกนายว่าอะไร?” หวางเสี่ยวโก๋กลืนน้ำลาย และถามด้วยสีหน้าตกใจ

“เขาเรียกฉันว่าคุณชาย มีอะไรเหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะเบาๆ

“คุณชาย… … ที่แท้นายก็คือคุณชายสถานตากอากาศแห่งนี้ โอ้พระเจ้า ถ้าเช่นนั้น นายก็คือหลานชายของหลี่เจียเฉินคนนั้นหรือ?”

“ว้าว นายก็คือทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองที่มีค่าตัวแสนล้าน?”

“แพลตฟอร์มถู่โต้ว นายเป็นคนซื้อใช่ไหม?”

“วิลล่าหมายเลข1 นายเป็นคนซื้อเหรอ?”

“แม้แต่บาร์ที่พวกเราไปเที่ยวเมื่อคืน ก็ยังเป็นของนาย?”

เมื่อมองไปที่หลี่ฝาง หวางเสี่ยวโก๋ก็ตกตะลึง

หลี่ฝางพยักหน้า และพูดว่า “ใช่สิ ข่าวของนาย ค่อนข้างแม่นยำนี่”

หลังจากได้รับการยืนยันจากหลี่ฝาง หวางเสี่ยวโก๋ก็หายใจหอบ และเกือบจะเป็นลมด้วยความตกใจ

“ฉันได้ติดตามทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองที่มีค่าตัวหลายแสนล้าน และเป็นเพื่อนร่วมห้อง… …” หวางเสี่ยวโก๋ไม่อยากจะเชื่อ

หลังจากนั้นไม่นาน หวางเสี่ยวโก๋ก็ขมวดคิ้วทันที มองไปที่หลี่ฝางและถามว่า “ไม่ใช่นี่ เขาเรียกหนีเตียไม่ใช่เหรอ?”

“ใช่สิ ฉันก็คือหนีเตีย!” หลี่ฝางพยักหน้า

“นายก็คือหนีเตีย?” หวางเสี่ยวโก๋พูดซ้ำ

“ฉันก็คือหนีเตีย!” หลี่ฝางตอบอีกครั้ง

“ชื่อหนีเตียนี้ เป็นชื่อที่ฉันตั้งขึ้นมาเอง” หลี่ฝางยิ้มและพูดว่า “มันเป็นตัวปลอมๆของฉัน!”

“แม่ง!”

หวางเสี่ยวโก๋พึ่งตั้งสติขึ้นมาได้

“ไอ้บ้า นายเอาเปรียบฉัน!” หวางเสี่ยวโก๋พุ่งไปข้างหน้า และบีบคอของหลี่ฝางโดยตรง

… …

หลังจากผ่านการทะเลาะวิวาท หลี่ฝางและคนอื่นๆ ก็มาที่บ้านหลังเล็กๆ

นั่นคือห้องรักษาความปลอดภัย

ห้องรักษาความปลอดภัย อยู่ห่างจากวิลล่า เพียงสิบเมตร

หลังจากเข้าไปแล้ว ใบหน้าของหยิ่นเหล่ย ในที่สุดก็ไม่มีความเย่อหยิ่งปรากฏ

ตั้งแต่ตอนที่เขารู้ถึงตัวตนของหลี่ฝาง หยิ่นเหล่ยก็รู้ว่าเขาแพ้แล้ว

ต้าหัวกรุ๊ปของตัวเอง เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมของหลี่เจียเฉิน อีกอันเหมือนอยู่บนฟ้า อีกอันอยู่บนพื้นดิน

มันเทียบกันไม่ได้เลย

“ผมขอโทษ… …”

ทันทีที่ลุงเฉียนกำลังจะพูด หยิ่นเหล่ยก็พูดขึ้นมาทันที “ผมขอโทษคุณชายหลี่”

“ฉันคือหนีเตีย!” หลี่ฝางพูดแก้ไข

“คุณคือพ่อของฉัน!” หยิ่นเหล่ยรู้สึกตกตะลึง จนในเวลานั้นพูดอย่างเลอะๆเลือนๆ

เมื่อไห่เย่นเห็นฉากนี้ ก็ขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจ

แฟนหนุ่มของฉัน ช่างต่ำต้อยเหลือเกิน… …

ไห่เย่นไม่เคยเห็นหยิ่นเหล่ยแสดงด้านที่น่าอับอายเช่นนี้ และอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า ตัวตนของหลี่ฝาง มีพลังอำนาจเพียงใด? ถึงกับทำให้หยิ่นเหล่ยหวาดกลัวเช่นนี้

หยิ่นเหล่ยเดินเข้ามา โค้งคำนับและขอโทษหลี่ฝาง “คุณชาย ขอโทษ เป็นเพราะผมมีตาหามีแวว ทำให้ท่านขุ่นเคือง หวังว่าท่านจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ใจกว้าง ครั้งนี้ก็ยกโทษให้ผม”

“ฮ่าฮ่า นายไม่ใช่ด่าพวกเราว่าสวะไม่ใช่เหรอ?” หลี่ฝางหัวเราะ และถามด้วยความเย่อหยิ่ง

“ผมเป็นสวะ พวกเราเป็นสวะ ท่านจะเป็นสวะได้อย่างไร?” หยิ่นเหล่ยรีบก้มหัวและยิ้มทันที

ต้องบอกว่า หยิ่นเหล่ยคนนี้ เป็นปรมาจารย์ที่สามารถพลิกแพลงสถานการณ์ได้

สิ่งที่เรียกว่าไม่ทำร้ายคนที่สำนึกผิด ในเมื่อหยิ่นเหล่ยคนนี้ทั้งก้มหัว ทั้งขอโทษ หลี่ฝางจึงไม่สามารถทำอะไรเขาได้

หลี่ฝางมองไปที่หยิ่นเหล่ย และพูดว่า “นายควรจะขอโทษหลี่ซ่วยซ่วย”

“หลี่ซ่วยซ่วย ผมขอโทษ ก่อนหน้านี้มันเป็นความผิดของผมทั้งหมด ผมไม่ดีเอง… …”

ในขณะพูด หยิ่นเหล่ยก็เงยหน้าขึ้น และหันไปมองไห่เย่น “อันที่จริง ต้องโทษผู้หญิงคนนี้ เพราะผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ข้างกายผม ยุยงให้ผิดใจกัน พูดกับผมตลอด ยุให้เรื่องใหญ่โต และสิ่งนี้ทำให้สร้างความเข้าใจผิดต่อกัน”

ในขณะที่พูด หยิ่นเหล่ยก้าวไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็ว ดึงผมของไห่เย่น และลากไปที่ด้านหน้าของหลี่ซ่วยซ่วย “นางแพศยา ยังไม่รีบขอโทษหลี่ซ่วยซ่วย!”

“คุณชายเหล่ย คุณทำฉันเจ็บ!” ไห่เย่นสีหน้าเจ็บปวด และดิ้นรนเสียงดัง

“นางแพศยา เธอไม่ได้ยินที่ฉันพูดเหรอ? รีบขอโทษหลี่ซ่วยซ่วย!” หยิ่นเหล่ยใบหน้าเย็นชา และพูดซ้ำ

“ขอโทษเขา… … หยิ่นเหล่ย คุณบ้าหรือเปล่า?”

ไห่เย่นมองไปที่หลี่ซ่วยซ่วย พูดอย่างหมดปัญญา

“นางแพศยา!”

มีเสียงเพี๊ยะทีหนึ่ง หยิ่นเหล่ยยกแขนขึ้น และตบลงหน้าเธอ ตบหน้าเธอหนึ่งครั้ง “ถ้าไม่ใช่เธอ ฉันจะไปหาเรื่องหลี่ซ่วยซ่วยได้อย่างไร!”

“ฉันให้เธอขอโทษ ได้ยินหรือเปล่า?” หยิ่นเหล่ยพูด พร้อมกับยกแขนขึ้น และจะตบไห่เย่นอีกครั้ง

ในเวลานี้ หลี่ซ่วยซ่วยยื่นมือออกไปจับแขนของหยิ่นเหล่ย และพูดว่า “พอแล้ว หยิ่นเหล่ย เธอเป็นแฟนของนาย ไม่ใช่คนที่ต้องมารับโทษแทนนาย!”

“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันไม่ต้องการคำขอโทษของเธอ” หลี่ซ่วยซ่วยพูด

หลี่ซ่วยซ่วยมองไปที่หยิ่นเหล่ยอย่างเหยียดหยาม “ไห่เย่นคบนาย เหมือนคนตาบอดจริงๆ”

“ใช่ๆๆ ไห่เย่นเป็นผู้หญิงที่สวยเช่นนี้ เหมาะกับคุณมากกว่า”

“หรือว่า ผมจะเอาเธอคืนให้กับคุณ” หยิ่นเหล่ยดึงมือของไห่เย่น ลากไปด้านหน้าหลี่ซ่วยซ่วย

สีหน้าของหลี่ซ่วยซ่วยซับซ้อนเล็กน้อย แต่ไม่ได้จับมือของไห่เย่น

“ช่างมันเถอะ พวกเราไปกันเถอะ”

หลี่ฝางยิ้มอย่างเหยียดหยาม ตบไหล่หลี่ซ่วยซ่วย และพูด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท