NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 319

ตอนที่ 319

บทที่ 319 ฮ่องเต้แห่งเมืองเอก

“ท่านจวน เขาคือใคร?” หลี่ฝางถามพร้อมขมวดคิ้ว

แม้ท่านจวนในปีนั้นจะชื่อเสียงสะท้านฟ้าในเมืองเอก แต่หลังถอนตัวไปหลายปี ไม่มีผู้คนพูดถึงอีก

ตอนนี้คนรุ่นใหม่กินดื่มเหล้าเสร็จ ก็ล้วนคือคนใหม่ที่เข้ามาในเมืองเอก หรือนั่งอยู่ข้างกายพี่ใหญ่

ล้วนพูดคุยกันถึงเรื่องราวของคนเหล่านี้

หลี่ฝางได้ยินถึงชื่อเสียงของหมีดำ เสือ ห้าวหนาน กระทั่งหวางเห้า และได้ยินจากปากของทุกคนมาหลายครั้ง แต่มีเพียงท่านจวนคนนี้ที่หลี่ฝางกลับไม่คุ้นหูอย่างมาก

ลุงเฉียนดูดบุหรี่อย่างหนัก เผยท่าทางล้ำลึกออกมา “นี่ต้องย้อนไปสามปีก่อนหน้านี้ คนแก่ชราเตรียมเข้าโลงในเมืองเอก ไปจนถึงเด็กน้อยที่เพิ่งรู้เรื่อง ไม่มีใครไม่รู้จักท่านจวน”

“ลุงเฉียน ทำไมลุงยังขี้โม้แบบคนอื่นด้วย ทำไม เขาคือฮ่องเต้เหรอ ใคร ๆ ก็รู้จักเขา?” หลี่ฝางยกมุมปากหัวเราะออกมา

ลุงเฉียนอายุปานนี้แล้ว ใครจะรู้ว่าพูดจายังไม่น่าเชื่อถือราวกับเด็กอย่างหวางเสี่ยวโก๋คนนั้น

หวางเสี่ยวโก๋ทุกครั้งที่พูดถึงคนมีอิทธิพลในเมืองเอกพวกนี้ ล้วนพูดเรื่องราวของพวกเราอย่างเกินจริง

ทุกครั้งหลังหลี่ฝางฟังจบ มักให้หวางเสี่ยวโก๋รีบไปเขียนเป็นนิยายออนไลน์ เด็กคนนี้แต่งเรื่องได้ยอดเยี่ยมเสียจริง

ใครจะรู้ ลุงเฉียนยิ่งหนักมากกว่า

ลุงเฉียนถลึงตาให้หลี่ฝางแวบหนึ่ง ก่อนเอ่ยว่า “เสี่ยวฝาง ลุงเคยพูดโม้กับแกเหรอ?”

“ลุงจะบอกแกให้ ท่านจวนคนนี้สามปีก่อน คือฮ่องเต้ของเมืองเอก สมัยก่อนใครไม่รู้จักฮ่องเต้ในรัชสมัยนั้น ต้องถูกตัดหัว และท่านจวนก็คือคนแบบนั้น ไม่ว่าบนดินหรือใต้ดิน หากบอกว่าไม่รู้จักท่านจวน นั่นเท่ากับต้องตาย”

หลี่ฝางยิ่งฟังยิ่งสงสัย จึงกล่าวยิ้ม ๆ ตัดบทลุงเฉียนว่า “งั้นทุกคนเห็นท่านจวน ต้องหมอบโขกหัวให้หรือเปล่า?”

“นั่นไม่จำเป็น แต่หากยั่วโมโหท่านจวนแล้ว โขกหัวไม่มีประโยชน์”

ส้าวส้วยเอ่ยคล้อยตามว่า “เถ้าแก่ ลุงเฉียนไม่ได้โม้ คุณถามใครก็ได้ ถามว่ารู้จักท่านจวนไหม พวกเขาต้องล้วนพูดว่ารู้จัก”

“เฮอะ เฮอะ ทำให้พวกลุงพูดเยินยอขนาดนี้ได้ ผมอยากเห็นว่าท่านจวน ผู้ที่ศักดิ์สิทธิ์นี้เสียแล้ว”

หลี่ฝางเม้มปากยิ้ม พลันเกิดความสนใจต่อท่านจวนอย่างหนัก

คนที่ร้ายกาจขนาดนี้ หวางเสี่ยวโก๋กลับไม่เคยพูดถึงมาก่อน

นี่ทำให้หลี่ฝางรู้สึกคาดไม่ถึง

แต่ส้าวส้วยกับลุงเฉียน ไม่คล้ายล้อเล่นกับตน

“ลุงเฉียน ถ้าท่านจวนร้ายกาจขนาดที่ลุงพูดจริง ทำไมตอนนั้นเขาต้องถอนตัวด้วย ตอนนี้ทำไมจะกลับมาอีกครั้งด้วย?” หลี่ฝางถามพลางขมวดคิ้ว

“เกี่ยวกับพ่อผมใช่ไหม?” หลี่ฝางไม่ใช่คนโง่ คนยิ่งใหญ่เพียงถอนตัว น้อยมากที่จะหวนกลับมา

นอกจากมีความแค้นบัญชีเลือดต้องการจัดการ

คล้ายท่านจวนนี้ ฟังจากชื่อน่าจะอายุมากระดับหนึ่งแล้ว ยังมีความแค้นใหญ่หลวงอะไรที่ละทิ้งไม่ได้อีก

ลุงเฉียนพยักหน้า ก่อนเอ่ยว่า “เกี่ยวกับพี่ใหญ่ แต่ลุงไม่รู้ว่าคือเรื่องอะไร”

“ตอนแรกท่านจวนถอนตัว ถือว่าไร้หนทางแล้ว”

“หมดหนทาง” หลี่ฝางขมวดคิ้ว “หมายถึงอะไร คนที่ร้ายกาจขนาดนี้ ยังหมดหนทาง?”

“เสี่ยวฝาง คนเราไม่รู้จักพอ เขาลูกนี้สูงแล้วยังมีอีกลูกที่สูงกว่า แต่หากวันหนึ่ง คนคนนี้อยู่บนยอดเขาเอเวอเรสต์ ยังมีเขาที่สูงกว่าเอเวอเรสต์หรือเปล่า ไม่มีสินะ งั้นต่อจากนี้ต้องท้องฟ้าแล้ว ท่านจวนร้ายกาจยังไง สุดท้ายคือคนธรรมดา เมื่อขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้ เพียงถอนตัวไป”

“ตอนนี้เขาหวนคืนกลับมา เพราะเขาน่าจะเจอเขาที่สูงกว่าแล้ว”

ลุงเฉียนลูบท้ายทอยหลี่ฝาง ก่อนเอ่ยว่า “ลุงเดาว่าพี่ใหญ่น่าจะคุยกับท่านจวนถึงเย็น เสี่ยวฝาง ไปหาที่เดินเล่นที่อื่นกับส้าวส้วยก่อนเถอะ”

เห็นชัดว่าลุงเฉียนกำลังปิดบังตน

พูดมาครึ่งวัน ล้วนไม่เอ่ยถึงความเกี่ยวข้องของท่านจวนและบิดาตน

หลี่ฝางเป็นคนอยู่เป็น เมื่อลุงเฉียนออกปากไล่ งั้นตนไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่เป็นเพื่อนเขาแล้ว

นั่งต่อไป เกรงว่าลุงเฉียนคงม่พูดข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไร

เมื่อดับบุหรี่ หลี่ฝางลุกขึ้น ก่อนกำชับลุงเฉียนประโยคหนึ่ง “ลุงเฉียน ถ้าพ่อคุยกับเทพคนนั้นเสร็จแล้ว ลุงบอกเขาด้วยล่ะ”

“ไม่ว่าผมหรือส้าวส้วย ไม่ควรเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้น” หลี่ฝางเอ่ย

ส้าวส้วยได้ยินคำนี้ เอ่ยอย่างซาบซึ้งว่า “ขอบคุณเถ้าแก่ที่ห่วงใย”

“ส้าวส้วย นายอย่าคิดมากล่ะ น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่าเข้าใจไหม หากนายถูกยิงหัวไป ต่อไปใครจะคุ้มครองฉันเล่า โหจื่อเหรอ เด็กนั้นไม่ค่อยเชื่อฟังเท่าไหร่ ฉันไม่ค่อยถูกชะตากับเขา” หลี่ฝางกอดไหล่ส้าวส้วย พร้อมเอ่ยขึ้น

“เอาล่ะ ลุงจะบอกพี่ใหญ่เอง แกก็ระวังตัวด้วยถึงจะถูก หากส้าวส้วยโดนกำจัดง่ายขนาดนั้น ถือว่ามันไม่ใช่บอดี้การ์ดที่มี่ความสามารถ” ลุงเฉียนเอ่ยด้วยสีหน้าราบเรียบ

ดูแล้ว ลุงเฉียนคล้ายไม่ได้กังวลเกี่ยวกับส้าวส้วย

แม้ฝีมือจะเก่งกาจ แต่ไม่อาจประมาท ยิ่งไปกว่านั้นคือปืน

ส้าวส้วยแม้จะเก่งกาจ แต่จะหลบกระสุนปืนได้หรือ?

หลี่ฝางเอียงหน้า มองส้าวส้วยอย่างจริงจัง ก่อนเอ่ยถามว่า “ส้าวส้วย ฉันถามนาย นายเร็วกว่าลูกปืนไหม?”

“ไร้สานะน่าเถ้าแก่ ผมอย่างมากแทงไม่เข้า แต่หลบลูกปืนไม่ได้”

หลังชะงัก ส้าวส้วยหัวเราะขึ้น “แต่เถ้าแก่อย่าห่วงผมเลย มู่เสี่ยวไป๋แม้หามือปืนมา ก็ฆ่าผมไม่ได้หรอก”

“เขาจะไปหามือปืนที่ไหน มือปืนมืออาชีพนี้หาไม่ได้ง่าย ๆ มือปืนทั่วไปปลอมตัวไม่เนียน และอาจถูกผมมองออก ผมไม่ได้โม้ แต่บนตัวใครมีปืน ผมมองแวบเดียวก็รู้แล้ว” ส้าวส้วยเอ่ยอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม

“นี่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ถือปืน” หลี่ฝางเอ่ยหยอกเย้าขึ้น

ส้าวส้วยหัวเราะอย่างหมดคำพูด

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของส้าวส้วย หินก้อนใหญ่ในใจหลี่ฝาง ร่วงหล่นลงไป

“เถ้าแก่…”

ขณะกำลังสนทนากัน สีหน้าส้าวส้วยพลันเคร่งเครียดลง

“อะไร ดูสีหน้านายสิ เสียสติหรือไง เห็นใครพกปืนมาจริงๆ เหรอ?” หลี่ฝางถามอย่างไม่สนใจ

ใครจะรู้ ส้าวส้วยพลันพยักหน้าจริง

“แม่ง มีคนพกปืนจริง?” หลี่ฝางเพิ่งโล่งใจ พลันเครียดขึ้นมา

หลี่ฝางเอ่ยถามด้วยสีหน้ากังวลว่า “ตรงไหน?”

ส้าวส้วยชี้ไปที่สองเมตรด้านหน้า พร้อมเอ่ยว่า “เถ้าแก่ ดูทางนั้น”

หลี่ฝางมองตามทิศที่ส้าวส้วยชี้ไป “ไม่เห็นมีอะไร”

สายตาหลี่ฝาง มองระยะไกลไม่ได้ดีกว่าส้าวส้วย แต่ผ่านไปหลายสิบวินาที หลังคนกลุ่มนั้นเดินมาทางนี้ หลี่ฝางหรี่ตาลง ก่อนเห็นท่าทางของคนกลุ่มนั้นชัดเจน

สีหน้าหลี่ฝาง พลันเคร่งเครียดขึ้นมา

“ไหนบอกว่ามู่เสี่ยวไป๋เดาสถานะฉันออกแล้วไง ทำไมยังกล้ามาอีก?”

หลี่ฝางเอ่ยเสียงเข้มกับส้าวส้วยว่า “ส้าวส้วย นายมั่นใจว่าคนพวกนั้นมีปืน?”

“ไม่แน่ใจ แต่เป็นไปได้เจ็ดถึงแปดส่วน”

ส้าวส้วยส่ายหัว ก่อนเอ่ยว่า “คนนั้นด้านซ้ายมู่เสี่ยวไป๋ ไม่ใช่คนดี แม้ไม่ได้พกปืน ก็ยากจะจัดการ”

มู่เสี่ยวไป๋มาแล้ว

ข้างกายเขามีคนสองคนยืนขนาบซ้ายขวา

ด้านซ้ายคือเจ้าหัวแบน ด้านขวาคือชายผมยาว ทรงเดียวกับเจิ้งอีเจี้ยนราวคนเดียวกัน หลังเดินเข้าไปใกล้ หลี่ฝางเห็นหางตาเขา ยังมีรอยแผลจากคมมีด

ฝีมือมีดใครที่ร้ายกาจขนาดนี้ เฉือนบนดวงตา แต่ไม่ทำร้ายดวงตา กลับทิ้งรอยแผลไว้บนหนังตา?

ทำขึ้นเอง หรือถูกตัด?

หลี่ฝางแปลกใจ

มู่เสี่ยวไป๋เดินเข้ามาหาหลี่ฝาง สีหน้าเขาซีดเหลือง ไร้เลือดฝาด

แม้มู่เสี่ยวไป๋คนนี้จะลงจากเตียงเดินได้แล้ว แต่ร่างกายยังอ่อนแออย่างมาก

มู่เสี่ยวไป๋เดินช้าอย่างมาก เสี่ยวโจวและมือปืนคนนั้น ผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงตาม

หลี่ฝางลังเลชั่วขณะ ก่อนเดินเข้าไปต้อนรับ

มู่เสี่ยวไป๋คนนี้เห็นชัดว่ามาหาตน หากตนหมุนตัวหนีไป น่าอายมากแน่?

ไม่สู้เดินเข้าไปต้อนรับ ดูวว่าไอ้คนนี้จะทำอะไร!

หลี่ฝางเดินมาถึงด้านหน้ามู่เสี่ยวไป๋ กล่าวยิ้มๆ ว่า “มู่เสี่ยวไป๋ นายบาดเจ็บยังไม่หายดี จะรีบร้อนออกจากโรงพยาบาลทำไม ทำไม คิดถึงฉัน ต้องการพบฉันเหรอ?”

มู่เสี่ยวไป๋เลียริมฝีปาก มองสำรวจหลี่ฝาง ก่อนส่ายหน้า ดวงตาดูคล้ายสงสัย

“ฉันไม่ใช่สาวสวย นายมองฉันทำไม”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกไม่พอใจ

ถูกผู้ชายมองอย่างละเอียดแบบนี้ หลี่ฝางมักรู้สึกแปลกประหลาด

“เฮอะ เฮอะ ฉันแค่ไม่อยากเชื่อ”

มู่เสี่ยวไป๋ยกมุมปากขึ้น สบตาหลี่ฝางตรงๆ พร้อมเอ่ยว่า “ไม่รู้ตอนนี้ควรเรียกนาย หลี่ฝาง หรือควรเรียกนายว่าคุณชายหลี่ดี”

ประโยคเดียว ทำให้หลี่ฝางขมวดคิ้ว

ดูท่ามู่เสี่ยวไป๋คงรู้สถานะของตนแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท