NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 309

ตอนที่ 309

บทที่ 309 แกเป็นคุณชายหลี่?

เมื่อเสี่ยวจางได้ยิน “ฆ่าคนแล้ว” สามคำนี้ ก็รีบวิ่งมาอย่างตื่นเต้น

บวกกับทางนี้ก็เป็นวิลล่าของหลี่ฝาง เขาก็ยิ่งตื่นเต้นมากกว่าเดิม

เสี่ยวจางวิ่งมาอย่างรีบร้อน เขาจำฉินหยีหรันได้ รีบกล่าวขึ้น: คุณนายมู่หรง? ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”

หลังจากที่ฉินหยีหรันแต่งเข้าบ้านของมู่หรงฉางเฟิง ก็ถูกเรียกว่า : ‘คุณนายมู่หรง’

“เอาล่ะ อย่าสนใจว่าใครมาอยู่ที่นี่ยังไง นายรีบเข้าไปดู น้องชายฉันจะถูกทำร้ายจนตายแล้ว!” ฉินหยีหรันถลึงตาใส่เสี่ยวจางไปหนึ่งที แล้วกล่าวอย่างรีบร้อน

“เพียงแต่พวกนายต้องระวังตัวหน่อยนะ ฝ่ายตรงข้ามมีมีด อาจจะเป็นนักเลง” นิ่งไปสักพัก ฉินหยีหรันก็ได้พูดกล่าวเตือน

“อะไรนะ นักเลง คุณพระคุณเจ้า คุณชาย คุณชาย……..”

เสี่ยวจางได้ยินคำมีดและนักเลง ก็ตกใจจนหัวใจจะหลุดออกมาแล้ว

เสี่ยวจางไม่คิดอะไรเลย ก็วิ่งเข้าไปในวิลล่าโดยตรง เวลานี้ที่ห้องรับแขกของวิลล่า ในมือของหลี่ฝางถือมีดอยู่ ชี้ไปที่หน้าของฉินจื่อยี่แล้วกล่าว: “มา แกลองมาอวดดีกับฉันอีกครั้งซิ”

แม้ว่าหลี่ฝางก็เข้าใจ ฉินจื่อยี่ที่โกรธขนาดนี้ ก็เพราะตัวเองนอนกับน้องสาวของเขา

แต่แกไม่สนใจอะไรเลย แม้แต่คำอธิบายก็ไม่ยอมฟัง มาถึงก็ลงมือ ยังด่าอย่างเสียๆหายๆ นี่คือสิ่งที่แกทำไม่ถูก

บวกกับที่เขี่ยบุหรี่อันนั้น ปามาที่หัวของหลี่ฝางโดยตรง

แบบนี้ มันก็เกินไปมาก!

หลังจากที่เสี่ยวจางวิ่งเข้ามา หลี่ก็เก็บมีดให้เรียบร้อย

เดินไปที่โต๊ะ หลี่ฝางก็รินน้ำให้ตัวเองหนึ่งแก้ว ดื่มมันลงไป มองเสี่ยวจางอย่างรังเกียจแล้วกล่าว: “ทำไมนายเพิ่งมา?”

“คุณชาย ผมทำงานไม่ได้เรื่อง ขอให้คุณยกโทษให้ด้วย”

“คุณชาย หัวของคุณเลือดออกแล้ว ผมจะโทรตามหมอมาเดี๋ยวนี้เลย ให้เขามาทำแผลให้คุณ เสี่ยวจางหยิบโทรศัพท์ออกมา” ก็โทรไปหาคุณหมอ

“ช่างเถอะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว อย่าไปรบกวนเขาเลย”

“อีกอย่าง ฉันแค่บาดเจ็บเล็กน้อย ไม่หนักหนา แกลองถามไอ้หมอนั่นดูว่าต้องการหมอมั้ย” หลี่ฝางมองไปที่ฉินจื่อยี่แล้วกล่าว

ตอนแรกนั้น ฉินหยีหรันเข้าใจว่าคุณชายที่เสี่ยวจากเรียกนั้น เรียกน้องชายของตัวเอง

ฉินจื่อยี่ก็เข้าใจว่าเรียกตัวเอง

แต่ตอนนี้นับว่าพวกเขานั้นเข้าใจแล้ว คนเหล่านั้นเรียกหลี่ฝางต่างหาก

“นายเรียกเขาว่าคุณชาย?” ชี้ไปที่หลี่ฝาง ฉินหยีหรันมองไปที่เสี่ยวจางด้วยสีหน้าที่ตกใจ

“ใช่ครับ เขาก็คือคุณชายหลี่ เป็นเจ้าของรีสอร์ตแห่งนี้” เสี่ยวจางกล่าวอย่างเรียบเฉย

“อะไรนะ?”

ฉินจื่อยี่กับฉินหยีหรันตกตะลึงในเวลาเดียวกัน เขาทั้งสองได้กล่าวออกมาพร้อมกัน: “เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า?”

“เขา เขาเป็นหลานของคุณท่านหลี่หลี่เจียเฉิน?” ฉินหยีหรันไม่กล้าที่จะเชื่อเลย

ในสายตาของเขา หลี่ฝางมันก็เพียงยาจกคนหนึ่งเท่านั้น

ไม่ว่าจะมองยังไง หลี่ฝางก็ไม่เหมือนคุณชายของรีสอร์ตเลย

หลี่ฝางโบกมือ ให้เสี่ยวจางออกไป จากนั้นเขาจึงกล่าวขึ้น: “ยังไง แปลกใจมากใช่มั้ย?”

หลี่ฝางหัวเราะเห่อๆ นั่งลงตรงหน้าของฉินวี่เฟย จ้องไปที่ฉินหยีหรันแล้วถาม: :เธอยังจะแจ้งความจับฉันอีกมั้ย? หากจะแจ้งก็รีบแจ้งเลย”

“ยังมีนาย”

ตามมาด้วย หลี่ฝางก็มองไปฉินจื่อยี่ที่อยู่บนพื้น: “ยังอยากจะทำร้ายฉันอีกมั้ย? ตอนนี้ฉันจะไม่โต้ตอบแล้ว นั่งอยู่ตรงนี้ให้นายลงมือทำร้าย”

หลี่ฝางอ้าแขนออก พิงลงไปที่โซฟาโดยตรง

“หลี่ฝาง ทำไมนายไม่บอกแต่แรก?” ฉินจื่อยี่ตบก้นสองสามทีแล้วลุกขึ้นมา กล่าวด้วยสีหน้าที่ดูแย่เล็กน้อย

“ก็ใช่ไง นายเป็นคุณชายของตระกูลหลี่ ทำไมไม่บอกพวกเราตั้งแต่ตอนแรก?” บนใบหน้าของฉินหยีหรันก็คล้ำบ้างม่วงบ้าง

“เห่อๆ คนหนึ่งทันทีที่เข้าประตูมาก็ชี้หน้าด่าฉันและสาปแช่งเหมือนคนปากร้าย ยังจะแจ้งตำรวจอีก อีกคนเข้ามาก็ลงไม้ลงมือเลย ไอ้ฉันก็อยากจะบอก แต่ว่าพวกแกให้โอกาสฉันพูดเหรอ?” หลี่ฝางกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

มองพี่น้องสองคนนี้แวบหนึ่ง หลี่ฝางก็หัวเราะอย่างเย็นชา: “พวกเธอสองคนเหมาะที่จะเป็นพี่ชายพี่สาวของฉินวี่เฟยมั้ย?”

“พวกเธอปฏิบัติแบบนี้กับน้องสาวเหรอ? ฉินวี่เฟยไม่ชอบมู่เสี่ยวไป๋ พวกเธอดูไม่ออกเลยเหรอ?” หลี่ฝางถามอย่างเย็นชา

“จำเป็นที่จะต้องบีบบังคับฉินวี่เฟยไปสู่หนทางแห่งความตายด้วยเหรอ? ไอ้แก่พวกนั้นไม่มีหัวใจก็ช่าง แต่เธอสองคนเป็นคนที่เติบโตมาพร้อมกับฉินวี่เฟย ก็ทำเหมือนกับพวกผู้ใหญ่ ผลักฉินวี่เฟยลงเหวเหรอ?”

หลี่ฝางที่มองฉินจื่อยี่กับฉินหยีหรันทั้งสองคน เหมือนกำลังสอบสวนสั่งสอนนักโทษ

สีหน้าของฉินจื่อยี่ดูแย่เล็กน้อย เขากล่าวด้วยสีหน้าที่จำยอม: “หลี่ฝาง………ไม่ถูก ต้องเรียกว่าคุณชายหลี่”

“คุณชายหลี่ คุณไม่เข้าใจสถานการณ์ของตระกูลฉิน ตระกูลฉินอย่างเรา ต้องฟังคำพูดของคุณปู่เท่านั้น คุณปู่พูดอะไร คนในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นใคร แม้กระทั่งพ่อแม่ของผม ก็ไม่กล้าที่จะขัด คำพูดของท่าน เป็นเหมือนราชโองการ ท่านบอกให้วี่เฟยแต่งกับมู่เสี่ยวไป๋ เรื่องนี้ ก็ถือว่าได้กำหนดไปแล้ว”

“พ่อแม่ผมยังไม่กล้าขัดเลย ผมกับพี่สาวก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว?”

“เมื่อกี้ถึงได้วู่วามขนาดนั้น ลงมือทำร้ายคุณ ต้องขออภัยด้วย คุณก็อยากโทษผมเลย ถึงยังไง วี่เฟยก็เป็นน้องสาวฉัน คุณสองคนเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่กี่วัน ก็มีความสัมพันธ์กันแล้ว แบบนี้ไม่เร็วไปหน่อยเหรอ” ฉินจื่อยี่เบ้ปาก ก็ยังคงมีความโกรธอยู่ไม่น้อยแล้วกล่าว

พูดตามตรงเลย หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่ฐานะของหลี่ฝาง ฉินจื่อยี่ยังอยากที่จะทำร้ายหลี่ฝางอีกรอบ ต่อให้สู้ไม่ไหว ก็อยากที่จะหาคนมาจัดการหลี่ฝาง

ฉินจื่อยี่มองน้องสาวตัวเองกับหลี่ฝาง ก็รู้สึกเหมือนกับว่าน้องตัวเองจะถูกหลี่ฝางหลอก

จริงๆแล้ว หลี่ฝางก็ไม่ขี้เหร่ เพียงแต่ผิวค่อนข้างที่จะคล้ำไปหน่อย หน้าตาจัดว่าเป็นพวกยิ่งดูยิ่งหล่อ

แต่ฉินวี่เฟยหน้าตาถือว่าเป็นสาวสวยระดับประเทศ บวกกับรูปร่างที่เย้ายวน รวมทั้งฐานะทางสังคม พูดตามจริง หากไม่ใช่หลี่ฝางเป็นหลานของหลี่เจียเฉิน ฉินจื่อยี่ไม่มีทางที่จะให้พวกเขาคบกัน

“แบบนี้ไม่เท่ากับแก้ไขปัญหาที่ยุ่งยากได้อย่างรวดเร็วหรอกเหรอ?”

หลี่ฝางรู้สึกอายเล็กน้อย อยู่ต่อหน้าพี่ชายของฉินวี่เฟย พูดเรื่องแบบนี้ มันก็น่าอายและอึดอัดไม่น้อยเลย

แม้ว่า การคบหากับฉินวี่เฟยนั้น เป็นเรื่องไม่จริง

ฉินหยีหรันเวลานี้ได้พูดขึ้น: “ในเมื่อคุณเป็นคุณชายของตระกูลหลี่ ไม่ว่าจะเป็นฐานะ ก็เหมาะสมกับตระกูลฉิน”

“เป็นตระกูลฉินที่ฝ่ายสูงต่างหากละ?”

หลี่ฝางเงยหน้าขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดีไปหนึ่งประโยค หลี่ฝางนั้นไม่ชอบพี่สาวของฉินวี่เฟยอย่างมาก ตอนนี้สายตาหล่อน เต็มไปด้วยผลประโยชน์

นี่มันสมัยไหนแล้ว การแต่งงาน ยังต้องดูความเหมาะสมอีกเหรอ!

“เอาล่ะ ถือว่าตระกูลฉินของเรานั้น ฝ่ายสูงก็ได้ ตระกูลฉินของเราก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองเอก นายกับวี่เฟย หนึ่งยังไม่แต่งงานกัน สองยังไม่ได้หมั้นกัน แม้กระทั่งทางบ้านของทั้งสองฝ่ายยังไม่รู้สถานการณ์ ก็พาวี่เฟยมานอนค้างที่นี่ แบบนี้มันก็ไม่ค่อยจะเหมาะสมนะ”

ขณะที่พูด ฉินหยีหรันก็ถลึงตาใส่ฉินวี่เฟย: “วี่เฟย การอบรมสั่งสอนของบ้านเราเข้มงวดขนาดไหน เธอกลายเป็นคนที่ปล่อยเนื้อปล่อยตัวตั้งแต่เมื่อไหร่”

“เธอออกไปเร็วๆหน่อยได้มั้ย ฉันไม่ชอบฟังในสิ่งที่เธอพูดเลย วันหลังฉันจะไปตระกูลฉินเพื่อคุยเรื่องแต่งงาน แบบนี้ได้หรือยัง?” หลี่ฝางอยากที่จะไล่ฉินหยีหรันออกไป ก็เลยได้พูดประโยคนี้ออกไป ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก กลับคิดไม่ถึงว่ามันจะนำปัญหาที่ใหญ่หลวงมาสู่ตัวเอง

แน่นอน คำพูดเหล่านี้เป็นคำพูดสุดท้ายแล้ว

ฉินหยีหรันยังอยากจะพูดอะไรอีก เมื่อถูกหลี่ฝางจ้องมอง ก็ได้กล่าวลา

“โอเค งั้นฉันไปก่อนแล้วนะ”

ก่อนที่จะไปนั้น ฉินหยีหรันก็ได้เข้าไปกล่าวกับหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ ก่อนหน้านี้ที่เข้าใจคุณผิด หวังว่าคุณจะอภัย” “เรื่องมันผ่านไปแล้ว ถึงยังไงวันข้างหน้าเราก็จะเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน” หลี่ฝางกล่าวอย่างไม่แยแส

ไม่ว่ายังไงหลี่ฝางก็ยังรู้สึกว่าตัวเองนั้นติดค้างฉินวี่เฟย ดังนั้นเพื่อเห็นแก่หน้าของฉินวี่เฟย หลี่ฝางก็ไม่อยากที่จะกลั่นแกล้งฉินหยีหรันมากไปกว่านี้

หลังจากที่ฉินหยีหรันจากไปแล้ว หลี่ฝางก็ตบที่บ่าของฉินจื่อยี่ แล้วกล่าว: “เพื่อน ฉันมีเรื่องจะพูดกับนาย”

“นี่มันเวลาไหนแล้ว ยังเรียกเพื่อนอีก เรียกน้าได้แล้วมั้ง” ฉินจื่อยี่พูดอย่างอารมณ์ขัน

“เรียกเพื่อนดีกว่า”

หลี่ฝางหยิบบุหรี่ออกมา ยืนไปให้ฉินจื่อยี่หนึ่งมวน หลังจากที่จุดให้เขาแล้ว หลี่ฝางก็กล่าวขึ้น: “จริงๆแล้ว เรื่องของฉันฉินวี่เฟย เราโกหกพวกนาย”

“แฮ่มๆ!”

ฉินจื่อยี่ได้ยินคำพูดนี้ สำลักบุหรี่ที่กำลังสูบอยู่ทันที

“นายว่าไงนะ?” ฉินจื่อยี่จ้องมองหลี่ฝาง คุณชายหลี่ ไม่ถูก หลี่ฝาง นายนอนกับน้องสาวฉัน จะไม่รับผิดชอบใช่มั้ย?

“นายฟังฉันพูดให้จบก่อนได้มั้ย?” หลี่ฝางกลอกตาใส่ฉินจื่อยี่

“เรื่องมันเป็นอย่างนี้……..”

“ฟังแกพูดเหี้ยไรอีก ฉันแค่ถามแก แกได้นอนกับน้องสาวฉันหรือยัง!” ฉินจื่อยี่โมโหทันที ได้โยนบุหรี่ลงบนพื้นทันที จ้องมองหลี่ฝางแล้วถาม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท