NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 315

ตอนที่ 315

บทที่ 315 คู่ชายหญิงหน้าไม่อาย

ชายหญิงหน้าไม่อายคู่นี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหลิวจินหยาง แฟนเก่าของเหมิงเหมิง และน้องสาวของหูเฟย

หลิวจินหยางหลังทุกขลาภได้รับแลมโบกินี่คันนั้นมาครอบครองโดยไม่คาดฝัน เขาจึงอวดเบ่งขึ้นมา ในมือยังหนีบกระเป๋า LV เข็มขัดคาดของ Gucci แบรนด์เนมไปทั้งตัว แต่กลับเชยอย่างมาก ดูแล้วคล้ายกับลูกชายหน้าโง่ของเจ้าของที่ดิน

“รีบยกเข้ามา ฉันเดินตั้งครึ่งวัน จนคอแห้งหมดแล้ว”

หลิวจินหยางนั่งลง ก่อนตบโต๊ะอย่างโมโหใส่เจ้าของร้าน

ภายในร้านถือว่าไม่ยุ่งมาก แต่ยังมีแขกหลายโต๊ะที่มาถึงก่อนหลิวจินหยาง เมื่อเจ้าของร้านยกโจ๊กเย็น ไปให้กับแขกคนอื่น หลิวจินหยางโมโหอย่างหนักขึ้น “แม่งมันเถอะ ไม่สนใจคำพูดของฉันหรือไง?”

“ฉันคอแห้งจะตายแล้ว ไม่ได้ยินหรือไง?”

“เอาโจ๊กเย็นในมือแกยกมาให้ฉัน ไม่งั้นฉันจะล้มโต๊ะของแก”

หลิวจินหยางก็บ้าพอตัว ไม่ดูว่าที่นี่คือถิ่นของใคร กล้าพูดจาโอหัง

เถ้าแก่ร้านกลับซื่อสัตย์ เขาเผยสีหน้าหนักใจออกมา ก่อนรีบเอ่ยขอโทษหลิวจินหยาง “เถ้าแก่ คุณโปรดรออีกไม่กี่นาทีนะครับ โจ๊กเย็นของเรา จะถูกยกมาให้คุณเร็วที่สุดครับ”

“ส่วนโจ๊กเย็นในมือผม เป็นของแขกสองท่านนั้น พวกเรามาก่อนคุณ ขอโทษด้วยนะครับ”

เถ้าแก่ร้านยิ่งเกรงใจ หลิวจินหยางนั้นยิ่งดูแคลน

“อย่ามาเพ้อเจ้อ ฉันไม่สนว่าเรื่องหลักการมาก่อนมาหลังอะไรนั้น ฉันรู้เพียง ฉันคอแห้ง ต้องการดื่มโจ๊กเย็นสองถ้วยในมือแกนั้น เข้าใจไหม?”

หลิวจินหยางเอ่ยจบ กำหมัดแน่น เสียงดังกร๊อบแกรบ

“เฮ้ เอาโจ๊กเย็นมาให้ฉัน พวกแกรอไปก่อน ได้ยินไหม?” หลิวจินหยางมองแขกสองคนนั้นด้วยสีหน้าร้ายกาจ พร้อมเอ่ยขึ้น

แขกสองคนนั้นเห็นหลิวจินหยางโอหังขนาดนี้ ไม่กล้ายุ่ง จึงเอ่ยยอมถอย “เอาให้พวกเขาก่อนเถิด พวกเราไม่ได้คอแห้งขนาดนั้น”

“ฮ่าๆ ดูเขาสิมีเหตุผลขนาดไหน อย่ามัวนิ่งอยู่นั้น รีบยกโจ๊กเย็นมา” หลิวจินหยางหัวเราะอย่างภูมิใจ

เถ้าแก่ร้านจึงขยับฝีเท้า ยกโจ๊กเย็นมาให้หลิวจินหยาง

หลี่ฝางทนดูไม่ไหว กำลังจะลุกขึ้น กลับถูกลู่หลุ่ยดึงไว้ ลู่หลุ่ยส่ายหน้าให้หลี่ฝาง พร้อมเอ่ยว่า “อย่ายุ่งเลย ไม่ใช่เรื่องของเรา”

หลี่ฝางจึงล้มเลิก

“แม่งมันเถอะ ทำไมโจ๊กเย็นหวานขนาดนี้ คิดให้ฉันเป็นโรคเบาหวานหรือไง?” หลังดื่มไปสองคำ หลิวจินหยางด่าทออย่างรุนแรงขึ้น

เถ้าแก่ร้านเพียงเข้ามาอธิบาย “ขอโทษครับ เมื่อครู่แขกสั่งเป็นพิเศษ ชอบทานหวาน จึงให้ทางเราเพิ่มน้ำตาล”

“น้ำตาลไม่คิดเงินหรือไง แม่งมันเถอะ หวานขนาดนี้ ฉันจะทานยังไง”

หลิวจินหยางขมวดคิ้ว ยกโจ๊กเย็นคืนให้กลับแขกคนนั้น “ฉันไม่ติดความใจดีของแก โจ๊กเย็นถ้วยนี้คืนให้แก”

“แต่คุณดื่มไปแล้ว”

“ดื่มแล้วยังไง ทำไม แกรังเกียจว่าฉันสกปรกเหรอ รีบดื่มเข้า ไม่ดื่มฉันจะยัดเข้าปากแก” หลิวจินหยางมองคนนี้อย่างร้ายกาจ เอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันอย่างยิ่ง

“เอามาให้พวกเราใหม่สองถ้วย เร็วๆ ด้วยล่ะ”

“แม่มันเถอะ เสียอารมณ์จริงๆ หวานขนาดนั้น คิดฆ่าฉันหรือไง ฉันมาดื่มแก้กระหาย ไม่ได้มาทานของหวาน”

“ใช่ไหม พี่เสี่ยวน่าว?”

ยามเอ่ย หลิวจินหยางเปลี่ยนสีหน้า มองหูเสี่ยวน่าว น้องสาวหูเฟยอย่างอ่อนโยนเอาใจ

ต่อหน้าหูเสี่ยวน่าว หลิวจินหยางคนนี้ไม่กล้าเหิมเกริม

ก่อนหน้านี้ หลิวจินหยางทำตัวลอยชายมาตลอด นอนกับคนหนึ่งเหยียบอีกคนหนึ่ง แต่สุดท้ายเมื่อพบกับหูเสี่ยวน่าว หลิวจินหยางไม่กล้าเหิมเกริม

หูเสี่ยวน่าวหน้าตาไม่ดี รูปร่างอวบอ้วนเล็กน้อย และบนใบหน้ายังมีปานสองแห่ง

ความจริงเทียบกับเหมิงเหมิงเพื่อนสนิทของลู่หลุ่ยไม่ติด เพียงหน้าอกใหญ่กว่า นอกจากข้อดีจุดนี้ ไม่มีอะไร

ตอนแรกที่หลิวจินหยางต้องตาหูเสี่ยวน่าว เพราะถูกใจหน้าอกคู่นี้ ความจริงคิดเพียงลิ้มลอง ใครจะรู้ ลิ้มลองครั้งเดียว ตนถูกผลักลงไปในหลุมแล้ว

หากหลิวจินหยางกล้าทิ้งหูเสี่ยวน่าว หูเฟยต้องจัดการเขาจนตายแน่

แต่หลิวจินหยางคิดแล้ว เหมิงเหมิงแม้จะสวย แต่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า แตกต่างจากหูเสี่ยวน่าว แม้จะหน้าตาธรรมดา แต่มีพี่ชายที่เก่งกาจ พี่สะใภ้ยังเป็นคนในตระกูลสวี

อาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับหูเสี่ยวน่าว หลิวจินหยางรู้สึกว่าหลังแต่งงาน อย่างน้อยตนไม่ต้องดิ้นรนถึงยี่สิบสามสิบปี

และด้วยสถานะของพี่ชายภรรยา หลิวจินหยางนับวันยิ่งบ้าคลั่ง ไม่เห็นใครอยู่ในสายตา

แขกคนนั้นขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ ก่อนยกโจ๊กเย็นที่หลิวจินหยางดื่มไปแล้ว เทลงถังขยะ

เมื่อเป็นมนุษย์ย่อมโมโห

ฉันให้แกดื่มก่อนไม่เป็นไร อย่างมากฉันรอนานอีกหน่อย

แต่แกให้ฉันดื่มของเหลือจากแก นั่นคือการดูหมิ่นฉัน

แขกคนนี้สีหน้าขรึมลง และเตรียมรับมือกับความโมโหของหลิวจินหยาง ไม่งั้นเขาคงไม่เทโจ๊กเย็นทิ้งต่อหน้าหลิวจินหยาง

แขกคนนี้เป็นวัยกลางคน ไอ้รองทรง ดูตรงไปตรงมาอย่างมาก

แต่คนตรงไปตรงมาผู้นี้ กลับถูกหลิวจินหยางบีบบังคับ

ฉันไม่ได้ล่วงเกินแก ทำไมแกต้องรังแกกันขนาดนี้? ชิบหาย

“นายรนหาที่ตายแล้ว เด็กน้อย เทโจ๊กที่ฉันกินลงขยะ แกรังเกียจฉันมากเหรอ?” หลิวจินหยางสีหน้าขรึมลง พร้อมมองไอ้รองทรง “ไม่รู้จักห้ามกินทิ้งกินขว้าง?”

“โจ๊กเย็นถ้วยเดียวเท่านั้น ฉันไม่เสียดาย อย่างมากโจ๊กเย็นถ้วยนี้ฉันจะจ่ายเงินเอง นี่ฉันขอเตือนแกประโยคหนึ่ง เราไม่ได้บาดหมางกัน แกอย่ารังแกคนอื่นเกินไปนัก”

“รังแกแกแล้วจะทำไม ดูท่าทางของแก ราวกับพวกคนทรยศ ยังชอบทานหวานขนาดนั้น เหมือนผู้หญิงแก่จริงๆ” หลิวจินหยางฮึมฮัมเอ่ยจบ ชี้หน้าของไอ้รองทรง ก่อนเอ่ยว่า “ฉันให้โอกาสแกไถ่โทษ โดยการกินโจ๊กเย็นถ้วยของเมียฉันให้หมด ไม่งั้นฉันจะให้แกกินจากในถังขยะ”

“อย่ายุ่งกับเขาเลย พวกเราไปกันเถอะ” แฟนสาวของไอ้รองทรงลุกขึ้น เพราะกลัวไอ้รองทรงจะชกต่อยกับหลิวจินหยาง จึงลากไอ้รองทรงจากไป

แต่หลิวจินหยางจะยอมหรือ?

เขาลุกขึ้น จับแขนของไอ้รองทรงไว้ ก่อนเอ่ยว่า “ไอ้หน้าอ่อน ไม่ได้ยินที่ฉันพูดหรือไง?”

“ฉันให้แกกินโจ๊กเย็นของเมียฉันให้หมด ได้ยินไหม?”

ไอ้รองทรงขมวดคิ้ว มองหูเสี่ยวน่าวแวบหนึ่ง ทันใดนั้น หูเสี่ยวน่าวเหิมเกริมมากขึ้น เธอยิ้มเย็นชาที่มุมปาก จากนั้นถุยโจ๊กเย็นในปากออกมา

สีหน้าของไอ้รองทรง นั้นจึงย่ำแย่มากขึ้น

เป็นคนแบบไหนก็คบคนแบบนั้นจริงๆ หลิวจินหยางเลวทรามก็ช่างเถอะ คิดไม่ถึงหูเสี่ยวน่าวคนนี้เลวทรามยิ่งกว่า

หูเสี่ยวน่าวยิ้มอย่างร้ายกาจ ก่อนผลักโจ๊กเย็นไปทางไอ้รองทรง “พ่อรูปหล่อ รีบดื่มสิ หากนายไม่ดื่ม แฟนฉันจะโมโหเอานะ”

“คนนุ่มนิ่มแบบแก แค่มองรู้ว่าต่อสู้ไม่เป็น”

“อาจไม่ใช่ก็ได้ ฉันว่าแค่หมัดเดียวมันร้องขอชีวิตแล้ว” หลิวจินหยางชูกำปั้นขึ้น พร้อมยิ้มอย่างเย็นชา

สีหน้าของไอ้รองทรงนั้น เคร่งขรึมลงอย่างที่สุด

“ฉันไม่อยากมีเรื่อง แกอย่าบังคับฉัน” ไอ้รองทรงข่มกลั้นมานาน พ่อคำพูดนี้ออกมา

“เฮอะ ฉันจะบังคับแก ทำไม?” หลิวจินหยางเอ่ยอย่างโอหัง

ทันใดนั้นเถ้าแก่ร้านเข้ามาเกลี้ยกล่อมหลายประโยค แต่ถูกหลิวจินหยางด่าทอกลับไป “ไสหัวไป ไม่ใช่เรื่องของแก อย่ายุ่งดีกว่า อีกเดี๋ยวของในร้านแกพัง ฉันจะชดใช้คืนให้”

เอ่ยจบ หลิวจินหยางยกโจ๊กเย็นที่หูเสี่ยวน่าวถุยออกมา วางจ่อที่ริมฝีปากของไอ้รองทรง “มา อ้าปาก ฉันจะป้อนแกเอง”

“ดูการต้อนรับที่มีให้แกสิ แทบจะเหมือนฮ่องเต้ในอดีตแล้ว มีคนคอยปรนนิบัติพัดวี” หลิวจินหยางเอ่ยค่อนแคะตนเอง

ประโยคนี้ของหลิวจินหยาง ไม่ใช่ด่าว่าตนเองเป็นขันทีเหรอ?

ทุกคนหัวเราะ หลิวจินหยางพลันรู้ตัวว่าตนพูดผิด

“หัวเราะอะไร หุบปากเดี๋ยวนี้” หลิวจินหยางด่าคนในร้านอาหาร

หลังจากนั้น เขายื่นมือกดไหล่ของไอ้รองทรง “รีบหน่อย อย่าให้ฉันต้องป้อนนาย!”

ไอ้รองทรงกัดฟัน ช่างอ่อนแอ ในสถานการณ์เช่นนี้ กลับยังไม่กล้าลงมือ

“ไม่ดื่มของจากปากเมียฉัน งั้นก็ดื่มจากในถังขยะแล้วกัน!” หลิวจินหยางนำโจ๊กเย็นคว่ำลงบนศีรษะของไอ้รองทรง จากนั้นกดคอเขาลงไปในถังขยะ

“ไอ้เด็กเปรต พูดดีๆ ไม่ชอบ ชอบให้บังคับ ให้กินของเมียฉันไม่ยอม จะกินของในถังขยะ” หลิวจินหยางยิ้มมุมปากอย่างชั่วร้าย

เพื่อนของไอ้รองทรงกำลังจะเข้ามา ถูกหลิวจินหยางเตะขาล้มลงบนพื้น

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท