NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 300

ตอนที่ 300

บทที่ 300 ลุงเฉียนก็เป็นคนมีอารมณ์ฉุนเฉียวได้

บุคคลที่พูดนี้มีชื่อว่าจางเฉียงแม้ว่าครอบครัวของจางเฉียงจะไม่ได้ทำธุรกิจใหญ่โต แต่ปู่ของเขา เป็นผู้นำคนเก่าแก่ที่เกษียณอายุ

แม้ว่าจะเกษียณอายุไปแล้ว แต่ก็มีความกว้างขวาง

อย่าว่าแต่หูเฟย แม้จะเป็นเจ้านายของหูเฟยมา ก็ไม่กล้าทำอะไรจางเฉียง

ในเมื่อ จางเฉียงไม่ได้สร้างปัญหาใหญ่

ก็แค่ตีสวีเถิงเฟยเอง?

ไม่ใช่แค่จางเฉียง คนเดียวที่ตี ยังมีส้งเคอ หวงเจ๋ เฝิงจื่อหลินและคนอีกมากมาย ที่ได้ลงมือตีสวีเถิงเฟย…

หรือว่าคุณจะจับพวกเขาให้หมดเหรอ?

ล้อเล่นหรือเปล่า!

นี่เป็นเรื่องของเด็กๆตีกัน ถ้าสวีจื่อเม่ยได้โทรหาสามีของตัวเอง เรียกหูเฟยมาจับ ผลของมัน ก็คงจะร้ายแรง

นั่นหมายความว่าในเวลาเดียวกันได้ทำให้ตระกูลส้ง ตระกูลหวง ตระกูลเฝิงตระกูลจาง… …และอีกหลายตระกูลขุ่นเคือง

พูดตรงไปตรงมา ตระกูลสวียังไม่กล้าที่จะรุกราน

อย่าว่าแต่ตระกูลสวี แม้แต่ตระกูลมู่ ก็ไม่กล้าที่จะมารุกรานตระกูลเหล่านี้ในเวลาเดียวกัน

สวีจื่อเม่ยขมวดคิ้ว เมื่อเห็นรปภ.ของสถานตากอากาศ และอยากเรียกพวกเขามาหา

“ที่นี่มีคนตีกัน สถานตากอากาศของพวกคนายไม่สนใจเลยเหรอ?” ขณะที่สวีจื่อเม่ยเดินเข้าไป ก็ตะโกนเสียงดัง

รปภ.คนนั้นก็ฉลาด เขารู้ว่า เรื่องนี้ ตัวเองเข้าไปวุ่นวายไม่ได้

ดังนั้นก่อนที่สวีจื่อเม่ยจะมาถึง รปภ.คนนั้นก็วิ่งหนีไปก่อน วิ่งเข้าไปในห้องน้ำของผู้ชาย โดยอ้างว่าปวดท้อง

สวีจื่อเม่ยโมโหมาก รปภ.เหล่านี้ โดนยาพิษหรือ?

ทำไมเดินไปเรียกใคร คนนั้นก็ปวดท้อง!

สวีจื่อเม่ยก็ไม่ยอมแพ้ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และโทรหาซุนจิ้นหลายครั้ง หลังจากนั้นไม่นานสวีจื่อเม่ยก็พบว่าซุนจิ้นได้บล็อคตัวเองแล้ว

ทำให้สวีจื่อเม่ยโมโหมาก โกรธจนแทบจะกัดฟันจนหัก

หลายปีมานี้ ตระกูลสวีของตัวเอง ยังไม่เคยโมโหขนาดนี้มาก่อน!

“ซุนจิ้นไอ้สารเลวคนนี้ เขาไปทำบ้าบอที่ไหน? ไม่ใช่ตายแล้วเหรอ!” สวีจื่อเม่ยบ่นด่ากับตัวเอง และกลับไป

หาน้องชายของเธอ

ส้งเคอหวงเจ๋และคนอื่นๆ ตีจนหมดเรี่ยวแรง แล้วจึงหยุด

หลายคนล้มลงบนโซฟา และหันไปทิศทางที่หลี่ฝางอยู่ พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

หลี่ฝางเห็นฉากนี้ ก็พอใจมาก

ในเวลานี้ ชายสุภาพอ่อนโยนวิ่งมาอย่างลุกลี้ลุกลน โดยมีรปภ.สองสามคนอยู่ข้างหลังเขา

“คุณชายสวี คุณชายสวีคุณเป็นไรไหม?” ชายสุภาพอ่อนโยนมองไปที่สวีเถิงเฟย แสร้งทำเป็นเป็นห่วงและถาม

ในเวลานี้สวีเถิงเฟย รู้สึกแย่มาก

ไม่เพียงแต่จะมีรอยรองเท้าอยู่ทั่วร่างกาย แม้แต่บนใบหน้า ยังมีรอยรองเท้าหลายแห่งอีกด้วย

แต่ว่าสวีเถิงเฟยจะถูกตีจนจมูกฟกช้ำและใบหน้าบวม ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของสวีเถิงเฟย หรงหรงที่อยู่ข้างๆ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม คิดในใจ สมน้ำหน้า ใครให้นายมาแต๊ะอั๋งฉัน!

พูดตามตรง สำหรับทายาทเศรษฐีรุ่นที่สองเช่นนี้หรงหรงเห็นมาเยอะ

ไม่อยากเสียเงินแม่ง(ก็อยากมีดาราไว้ครอบครอง) มันน่าขยะแขยงที่สุด

นักแสดงหญิงที่อยู่บนหน้าจอทีวี ราคาเริ่มต้นก็หนึ่งหมื่นบาท ยิ่งกว่านั้น ตัวเองก็เพิ่งได้รับความนิยมอย่างมากจากละครออนไลน์?

ไม่ทุ่มเงินสักสามหมื่นห้าหมื่นหรือแสน ก็ยังอยากมีความสัมพันธ์กับตัวเอง คิดว่าตัวเองเป็นผู้กำกับหรือ หรือผู้อำนวยการสร้าง?

หลังจากที่หรงหรงทตาเหลือกให้สวีเถิงเฟย จากนั้นสายตาก็จับจ้องไปที่ร่างของหวงเจ๋

บริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ต้ามู่ แม้ว่าจะไม่ใช่บริษัทภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงในวงการบันเทิง แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ก็สร้างละครออนไลน์ยอดนิยมสองเรื่อง… …

“คุณชายหวง เมื่อกี้ท่านเท่ห์มาก”

เอาสะโพกนั่งลงข้างๆหวงเจ๋ หรงหรงก็เริ่มยั่วหวงเจ๋

เธอจงใจดึงอกเสื้อลงมา และจงใจก้มต่ำ หวงเจ๋ที่อยู่วงการมานาน ก็ย่อมจะเข้าใจความหมาย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หวงเจ๋ไม่สนใจดาราเล็กเหล่านี้ที่มายั่ว และไม่มีอารมณ์ หลังจากพูดเอาตัวรอดไม่กี่คำ ก็เพิกเฉยต่อพวกเธอ

เป็นนานกว่าสวีเถิงเฟยจะลุกขึ้นนั่ง เขาเหลือบมองไปที่ชายสุภาพอ่อนโยน มีแสงเย็นชาแวบเข้ามาในดวงตาของเขา “ตอนที่กูโดนตี พวกแกไปอยู่ไหน?”

“ตอนนี้พวกมันตีเสร็จแล้ว แกวิ่งมาถามว่าเป็นไรไหม? แม่งเอ้ย!” สวีเถิงเฟยโมโหมากและตะโกนใส่ชายสุภาพอ่อนโยนโดยตรง

ชายสุภาพอ่อนโยนยังอารมณ์ดี แม้ว่าจะถูกดุ เขาก็ไม่ได้มีความโกรธแม้แต่น้อย แต่ถามอย่างใจเย็น “คุณชายสวี ต้องการส่งคุณไปห้องพยาบาลหรือไม่?”

“ฉันคิดว่านายควรส่งฉันไปนอนบนเตียงของภรรยานายจะดีกว่า!” ใบหน้าของสวีเถิงเฟยเย็นชา และพูดคำหยาบออกมา

คนที่อยู่ใกล้ๆได้ยิน ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

“คุณชายตระกูลสวี ทำไมถึงมีคุณภาพต่ำขนาดนี้!”

“อ้าปากก็แม่ง คนเช่นนี้ สมควรถูกตี” ฝูงชนต่างบ่นพึมพำใส่สวีเถิงเฟย

สวีจื่อเม่ยยิ่งบ้าอำนาจ เธอสวมรองเท้าส้นสูง และเดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงตรงหน้าชายสุภาพอ่อนโยน และตบไปหนึ่งที ตบบนใบหน้าของชายสุภาพอ่อนโยนโดยตรง

“แกมัวไปทำอะไรมา? ตอนที่น้องชายของฉันถูกตี นายไปทำอะไร?”

ยังมีพวกแก… …แต่ละคน วิ่งหนีเร็วมาก กลั่นแกล้งฉันคิดว่าฉันไม่กล้าเข้าห้องน้ำผู้ชายใช่ไหม?”

ชี้ที่รปภ.ที่อยู่ด้านหลังของชายสุภาพอ่อนโยน ดุด่าอย่างแรง

อันที่จริง ชายสุภาพอ่อนโยนเห็นตั้งแต่แรกแล้ว และอยากจะเข้ามาห้าม แต่พ่อบ้านเฉียนไม่ให้มา เขาจะทำอย่างไรได้?

ตอนนี้ถูกตบ ชายสุภาพอ่อนโยนจึงได้แต่อดกลั้นไว้

“คนที่รับผิดชอบ! ออกมาให้หมด!”

“คนที่มีนามสกุลเฉียนอยู่ที่ไหน?”

สวีจื่อเม่ยเห็นสวีจื่อเฟยโดนตีขนาดนี้ รู้สึกเจ็บปวดใจ

ในขณะนี้ เธอไม่สนใจว่าตระกูลหลี่แข็งแกร่งเพียงใด อาละวาดขึ้นมาทันที

“คุณหนูสวี คุณเรียกหาฉันเหรอ” ลุงเฉียนยืนอยู่ตรงหน้าหลี่ฝาง เมื่อได้ยินเสียงเรียก ก็รีบเดินมาทันที

“พ่อบ้านเฉียน นี่คือท่าทีของสถานตากอากาศของคุณหรือ? เฝ้าดูน้องชายของฉันถูกทุบตี ไม่ยอมถามไถ่ พวกคุณหมายความว่าอย่างไร?”

“ยังมีอีก น้องชายของฉันถูกทุบตีเช่นนี้ ตระกูลหลี่ ควรให้คำอธิบายกับตระกูลสวีของเรา?”

สวีจื่อเม่ยมองลุงเฉียนอย่างเย็นชา และถามไถ่

“ฉันรู้ว่าตระกูลหลี่ของคุณไม่ได้ขาดแคลนเรื่องเงิน แต่ว่า ตระกูลสวีของเราไม่ใช่จะถูกรังแกได้ง่ายๆ” สวีจื่อเม่ยไม่ใช่คนโง่ รปภ. ที่นี่ จงใจหลบเขาอย่างเห็นได้ชัด

เห็นได้ชัดว่าต้องมีปัญหาอะไรแน่

และปัญหานี้ ก็เกี่ยวข้องกับเจ้าของที่นี่

ถ้าไม่ใช่ทำตามคำแนะของพ่อบ้านเฉียน รปภ.เหล่านี้ จะหนีไปหรือ?

ต้องขอบอกเลยว่า สมองของสวีจื่อเม่ย ค่อนข้างฉลาด ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น

ลุงเฉียนยิ้มอย่างเหยียดหยาม “คุณหนูสวี คุณกำลังข่มขู่ฉันหรือเปล่า?”

“คุณโทรไปถามคุณปู่ของคุณ คุณมาหาเรื่องก่อกวนที่นี่ ได้รับอนุญาตจากเขาหรือยัง?”

“ทำไม ตระกูลสวีของพวกคุณไม่ใช่จะรังแกได้ง่ายๆ แล้วตระกูลหลี่ของพวกเรารังแกได้ง่ายๆใช่ไหม?”

“ถามน้องชายของคุณ ว่าเขาทำสิ่งที่น่าเกลียดอะไรไว้ ทำไมเขาถึงถูกตี ให้เขาหาเหตุผลด้วยตัวเอง”

“ยังมีอีก สถานตากอากาศของเรา ไม่ได้เรียกเก็บเงินแม้แต่บาทเดียวจากตระกูลสวีของคุณ ดังนั้น จึงไม่มีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องคุณๆๆใดๆ น้องชายของคุณทำให้เกิดปัญหา และถูกทุบตี นี่เป็นปัญหาส่วนตัว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับสถานตากอากาศของเรา ได้ยินชัดเจนและเข้าใจหรือยัง?”

หลังจากที่ลุงเฉียนพูดจบ เขาก็ยกแขนขึ้น และตบที่ใบหน้าของสวีจื่อเม่ย

สวีจื่อเม่ยถูกตบจนอึ้ง

ทุกคนในเหตุการณ์ ต่างก็ตกตะลึงเช่นกัน

นี่คือคุณหนูใหญ่ของตระกูลสวี และถูกพ่อบ้านตบต่อหน้าสาธารณะ

การตบครั้งนี้ ไม่เพียงแต่ตบบนใบหน้าของสวีจื่อเม่ยเท่านั้น เหมือนตบหน้าตระกูลสวีทั้งหมดด้วย

การตบหน้าครั้งนี้ หมายความว่า ตระกูลหลี่และตระกูลสวี กลายเป็นศัตรูกัน

สวีจื่อเม่ยเบิกตากว้าง มองลุงเฉียน “แก… …แกกล้าตบฉันหรือ?”

“แกไอ้แก่ แกกล้าตีพี่สาวของกู กูขอสู้ตาย” สวีเถิงเฟยเห็นพี่สาวของตัวเองถูตบ รีบลุกขึ้นมา ไปหาลุงเฉียน และพุ่งเข้าไป

แต่ระหว่างนั้น โดนลูกน้องของชายสุภาพอ่อนโยนจับเอาไว้

“ทำไมจะไม่กล้า?”

ลุงเฉียนยิ้มอย่างเหยียดหยาม “คุณกล้าตบคนของฉันในเขตของฉัน ฉันก็กล้าตบปากคุณ”

“พวกเขาเป็นพนักงานที่ฉันเชิญมาก็จริง แต่พนักงาน ก็มีสิทธิมนุษยชนเช่นกัน คุณพูดจาดูหมิ่น ก็แล้วไป แต่นี่คุณยังกล้าลงไม้ลงมืออีก คงคิดว่าตระกูลสวีของคุณยอดเยี่ยมจริงๆใช่ไหม

“ดูให้ดี ตรงนี่คือสถานตากอากาศ ไม่ใช่ตระกูลสวีของคุณ ถ้าอยากหาเรื่อง ไปหาเรื่องที่ตระกูลสวีคุณของคุณ” ลุงเฉียนมองสวีจื่อเม่ยด้วยสายตาเย็นชาและพูด

สวีจื่อเม่ยเอามือปิดใบหน้าของเธอ ในใจของเธอโกรธมาก

เธอกัดฟันและมองไปที่ลุงเฉียน และพูดว่า “โอเค แค้นนี้ ฉันจะจำไว้”

“น้อง ไปกันเถอะ!” หันไปและดึงแขนของสวีเถิงเฟยย สวีจื่อเม่ยลากเขาเดินออกไป

สวีจื่อเม่ยรู้ดีว่า นี่คือเขตของตระกูลหลี่ ถ้ายังวุ่นวายต่อไป ก็คงไม่ได้เปรียบแม้แต่น้อย

ทางที่ดีกลับไปที่ตระกูลสวีดีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมด เล่าให้คุณปู่ของตัวเองฟัง

“เดี๋ยวก่อน พี่สาว!”

ในเวลานี้สวีเถิงเฟยได้พูดขึ้นมา “ฉันอยากถามพวกส้งเคอ พวกเขาตีผมทำไม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท