NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 314

ตอนที่ 314

บทที่ 314 ลู่หลุ่ยใจแคบ

สีหน้าส้าวส้วยเปลี่ยนไปเล็กน้อย คล้ายหนักใจ

“หากนายไม่มั่นใจ งั้นเรียกโหจื่อมาด้วย ฉันเห็นฝีมือโหจื่อไม่เลวเลย ครั้งก่อนนายไม่มา เขากับชนะเจ้าหัวแบน” หลี่ฝางเอ่ยพลางเลิกคิ้ว

หลี่ฝางรู้ว่าโหจื่อก็มาด้วย เขากำลังคุ้มครองโจวซิงฉือ แต่ยืมตัวเขาจากข้างกายโจวซิงฉือไม่นาน น่าจะไม่ใช่เรื่องยาก

วันนี้ ดาราดังหลายคนมาถึงแล้ว

ในสถานตากอากาศ ประดับโปสเตอร์ ป้ายโฆษณาของบริษัทถู่โต้วไว้เต็มไปหมด

เมื่อคืนโจวหยางยังส่งข้อความมาว่า จำนวนการดาวน์โหลดของถู่โต้วกำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ที่แท้โจวซิงฉือ โจวเจ๋หลุน หลี่เหลียนเจ๋และดาราดังหลายคน รวมตัวกันใช้งานถู่โต้ว

การเข้าใช้งานของพวกเขา ไม่เพียงชักจูงเหล่าแฟนคลับ ยังชักจูงความสนใจของเหล่าดาราดังเข้ามา

การเป็นที่รู้จักของถู่โต้ว จึงเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าตัว

เพราะคนที่มีอิทธิพลเช่นพวกเขา เกรงว่าแค่พรีเซนเตอร์ ต้องสิบล้านขึ้นไป

และซูเปอร์สตาร์เช่นโจวซิงฉือ แม้จะร่ำรวย ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเชื้อเชิญมาได้

เขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านสินเชื่อบ้าน ในปีนั้น เงินที่เขาได้รับ เกรงว่าหลายภพหลายชาติล้วนใช้ไม่หมด

บนหน้าของส้าวส้วย เผยความดูถูกออกมา “เถ้าแก่ ผมไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”

“จัดการเหยสง ถือเป็นความโชคดีของผม ทำไมต้องเรียกโหจื่อ คนไร้ความสามารถนั่นด้วย”

ทันใดนั้นหลี่ฝางถูกคำพูดของส้าวส้วย ทำให้ตะลึงงัน “นายว่าโหจื่อคือ คนไร้ความสามารถ?”

“ใช่ หากไม่ใช่ไร้ความสามารถจะเป็นอะไรได้ เรื่องในสถานตากอากาศวันนั้น ผมได้ยินทั้งหมด โหจื่อเกือบเสมอกับเขา แต่เขาว่อกแว่ก โหจื่อจึงโชคดีชนะ คิดแล้วผมยังรู้สึกอายแทน” ส้าวส้วยส่ายหน้า พร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าผิดหวัง

หลี่ฝางกลอกตามองส้าวส้วย ก่อนเอ่ยพลางเดาะลิ้น “นายแค่ไม่กี่หมัดสินะ เสี่ยวโจวคือยอดฝีมือ นายเจอคนพวกนั้น ล้วนทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นชนะถือว่าโชคช่วย หากนายเจอเสี่ยวโจว ฉันคิดว่านายอาจจะไม่ชนะ”

“อืม ผมต่อให้เขามีสองแขนสองขา ยากที่จะชนะ” ส้าวส้วยพยักหน้า

หลี่ฝางหมดคำพูด ปกติทำไมมองไม่ออกว่าส้าวส้วยคนนี้ขี้โม้ขนาดนี้

“รอฉันเจอโหจื่อ ฉันจะเอาคำพูดเมื่อกี้ของนาย บอกเขาให้หมดทุกคำ ถึงตอนนั้น เขาต้องประลองกับนายแน่ เวลานั้นนายอย่าเสียหน้าล่ะ” หลี่ฝางกล่าวยิ้มๆ

“ไม่ต้องให้เถ้าแก่พูด วันหน้าหลังเจอโหจื่อ ผมจะด่าเขาเอง เด็กคนนี้ฝีมือตก” ส้าวส้วยเอ่ย

หลี่ฝางเอ่ยตัดบทการคุยโม้ของส้าวส้วยว่า “นายอย่าเพิ่งโม้ได้ไหม เมื่อนายคิดว่าไม่ต้องให้โหจื่อช่วย งั้นนายไปกำจัดเหยสงเถอะ ทางฉันตอนนี้ไม่จำเป็นรับการคุ้มครองจากนาย”

“เถ้าแก่ เหยสงหนีไปแล้ว” ส้าวส้วยเอ่ยอย่างจนใจ

“หนีแล้ว?”

“ใช่ เมื่อคืนเขาไปจากสถานตากอากาศแล้ว” ส้าวส้วยเอ่ย “ไม่เพียงพวกเสยหง พวกสวีเถิงเฟย และพวกหยิ่นเหล่ยล้วนหนีไปหมดแล้ว”

“แม่ง ฉันยังคิดไประบายอารมณ์กับไอ้เด็กหยิ่นเหล่ยอยู่เลย”

หลี่ฝางกัดฟันอย่างโมโห

เมื่อครู่เห็นหลี่ซ่วยซ่วยดื่มเหล้าราวกับคนโง่ จนแทบเอาชีวิตตนเป็นเดิมพัน หลี่ฝางคิดทวงความยุติธรรมให้กับเขา โดยลากหยิ่นเหล่ยและพวกสวะเหล่านั้นออกมา สั่งสอนอย่างหนักสักยก!

หยิ่นเหล่ยและพวกสวะเหล่านั้น เลวทรามถึงโคตรเหง้าจริงๆ กระทั่งทำเรื่องพรรค์นั้นต่อหน้าหลี่ซ่วยซ่วย!

แม่งมันเถอะ กลับห้องทำไม่ได้หรือไง?

ต้องทำเรื่องกระทบจิตใจหลี่ซ่วยซ่วยขนาดนั้น

“ช่างเถอะ หนีไปแล้วก็ช่างมัน ยังไงวันหน้ามีโอกาส” หลี่ฝางเอ่ยอย่างจนใจ

ส้าวส้วยอืมรับคำ ยังคิดว่าเอ่ยถึงเหยสง จึงตบอกเอ่ยรับประกันว่า “วางใจเถอะครับ เถ้าแก่ เหยสงผมจะรีบกำจัดมันให้เร็วที่สุด มันคือภัยเงียบ”

เรื่องนี้ ส้าวส้วยและหลี่ฝางต่างรู้ดี

หลี่ฝางพบเจอผู้คนมามากมาย มีความกล้าหาญ ป่าเถื่อนที่สุด คือเหยสงคนนี้

กระทั่งมู่เสี่ยวไป๋ยังต้องขอโทษหลี่ฝาง แต่เหยสง กลับดูถูกสถานะของหลี่ฝาง

นี่คือเหตุผลที่หลี่ฝางหวาดกลัว

และคือเหตุผลที่ให้ส้าวส้วยรีบร้อนกำจัดเขา

เมื่อหันกลับไปยืนตรงหน้าลู่หลุ่ย เธอเอ่ยถามอย่างอยากรู้ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมนายต้องมีบอดี้การ์ดด้วย?”

“เขาเป็นเพื่อนฉัน ไม่ใช่บอดี้การ์ด กินเที่ยวดื่มอยู่กับฉัน เลยตามติดฉันมาด้วย” หลี่ฝางเอ่ยอย่างขอไปที จะกล้าเอ่ยความจริงกับลู่หลุ่ยอย่างไร

ความจริงสถานะของหลี่ฝาง ลู่หลุ่ยคาดเดาได้เจ็ดแปดส่วน

หลี่ฝางเองก็รู้ถึงเรื่องนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างไม่คิดเปิดเผยเท่านั้น

หลี่ฝางและลู่หลุ่ยรักกัน เป็นความรักที่ใสบริสุทธิ์ ไม่คำนึงถึงฐานะครอบครัว ไม่พูดถึงความเหมาะสมของฐานะ แตกต่างจากฉินวี่เฟย

พูดแล้ว ระหว่างทางยังเจอเข้ากับฉินวี่เฟย

ฉินวี่เฟย โก่เอ๋อ เหยนเสี่ยวน่า หญิงสาวทั้งสามรวมตัวกัน ทานอาหารว่างอยู่บนถนนสายอาหารในสถานตากอากาศ

เมื่อเห็นหลี่ฝาง เหยนเสี่ยวน่าตะโกนเรียกเขา

“เพื่อนนายเหรอ?” ลู่หลุ่ยขมวดคิ้วถามขึ้น

หลี่ฝางอืมรับคำ

“ทำไมนายมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงเยอะขนาดนี้ และแต่ละคนสวยๆ ทั้งนั้น” ลู่หลุ่ยรู้สึกถึงอันตราย

พูดตามจริง หากพูดถึงหน้าตา ลู่หลุ่ยอาจชนะฉินวี่เฟยหลายส่วน แต่เทียบกับเหยนเสี่ยวน่า ลู่หลุ่ยยังดูดีกว่าหนึ่งส่วน

แต่ลู่หลุ่ยน้อยเนื้อต่ำใจ เพราะเธอเกิดในครอบครัวที่ยากจน จึงมักรู้สึกว่าแตกต่างจากเหล่าคนรวย

หลี่ฝางขบคิด แต่ยังดึงมือลู่หลุ่ยเข้าไป

เพราะพวกเหยนเสี่ยวน่า ล้วนคือเพื่อนสนิทของตน

เมื่อเขาเห็นตน ยังตะโกนเรียกชื่อตน ตนเองก็ได้ยิน แม้ตนจะตกอยู่ในสภาวะที่ลำบาก ก็ควรเข้าไปทักทาย

ไม่งั้นวันหน้ากระทั่งเพื่อนไม่มีคนคบหา

บนใบหน้าลู่หลุ่ย เห็นชัดว่าไม่พอใจ เธอหวังว่าหลี่ฝางจะไม่มีเพื่อนผู้หญิง โดยเฉพาะคนที่หน้าตาดี

เมื่อนั่งลง เหยนเสี่ยวน่าเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร “สั่งอีกชุดไหม อร่อยมากเลยนะ”

“กำลังหิวพอดี สั่งมาสองชุด” หลี่ฝางเอ่ยทักขึ้น

“ไม่ต้อง ฉันกับเหมิงเหมิงทานมาระหว่างทางแล้ว” ลู่หลุ่ยเอ่ยเสียงเบา

“เฮ้ หลี่ฝาง ไม่แนะนำหน่อยเหรอ?” เหยนเสี่ยวน่าเลิกคิ้ว ยิ้มอย่างลับลมคมใน

“ต้องแนะนำอีกเหรอ เรียกพี่สะใภ้ก็พอ” หลี่ฝางยิ้ม ก่อนชี้ไปที่เหยนเสี่ยวน่าพลางเอ่ยว่า “เธอคือเหยนเสี่ยวน่า เป็นพี่สาวของหวางเสี่ยวโก๋ โก่เอ๋อมาจากต่างเมือง เพิ่งรู้จักกัน ฉินวี่เฟยเพิ่งเจอกันเมื่อกี้ เธอรู้จักแล้ว”

ลู่หลุ่ยเพียงยิ้มบางๆ ให้ฉินวี่เฟย ส่วนโก่เอ๋อและเหยนเสี่ยวน่า กลับไม่ใส่ใจ

โก่เอ๋อที่เดิมทีเป็นมิตร ยังคิดจับมือกับลู่หลุ่ย สุดท้ายเห็นลู่หลุ่ยก้มหน้าเล่นมือถือตนเอง พลันเผยความไม่พอใจออกมา

“ทำไมต้องทำหน้าไม่พอใจ พวกเราไม่ได้แย่งแฟนเธอสักหน่อย”

โก่เอ๋อแม้จะอายุไม่มาก แต่ความคิดความอ่านกลับเป็นผู้ใหญ่ สายตาก็ร้ายกาจ เธอมองเพียงแวบเดียวรู้ความคิดของลู่หลุ่ย

เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ สีหน้าของลู่หลุ่ยพลันเปลี่ยนไปดูไม่ดี ความจริงเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่ชอบตอบโต้ โมโหอย่างมาก แค่ก้มหน้าลงเล่นมือถือ เพื่อรักษาความเงียบสงบ

แน่นอนว่านี่ค่อนข้างไม่ให้เกียรติผู้อื่น

หลี่ฝางกลับไม่โทษลู่หลุ่ย ก่อนคิดในทางกลับกัน หากลู่หลุ่ยลากตนไปแนะนำกับเพื่อนผู้ชายของเธอ

หลี่ฝางคิดว่าตนต้องโมโหแน่

เพราะคู่รัก ทั้งสองฝ่ายต่างไม่อาจทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้

หลี่ฝางหากอยู่ต่อไป ทั้งสองฝ่ายอาจไม่พอใจกันมากยิ่งขึ้น จึงรีบลุกขึ้นพลางเอ่ยว่า “พวกเธอคุยกันเถอะ พวกเราขอตัวก่อน”

ขณะลุกขึ้น หลี่ฝางถือโอกาสที่ลู่หลุ่ยไม่ทันสังเกต ประกบมือ โค้งตัวขอโทษสาวสาวทั้งสามคน

เหยนเสี่ยวน่าส่ายหน้าพลางยิ้มขมขื่น “ดูไม่ออกเลยว่า นายจะกลัวเมียขนาดนี้”

“โจ๊กเย็นและเกี๊ยว มาถึงแล้ว นายทานก่อนไปเถอะ” เหยนเสี่ยวน่าเอ่ย พร้อมลุกขึ้น

“ควรไปเป็นพวกเรามากกว่า พวกเราทานเสร็จแล้ว ควรไปสถานีต่อไปแล้ว”

โก๋เอ๋อฮึคำหนึ่ง ถลึงตามองหลี่ฝางอย่างไม่พอใจ “เห็นผู้หญิงดีกว่าเพื่อน!”

หลี่ฝางพึมพำขึ้นเสียงเบาประโยคหนึ่ง “เธอก็เหมือนกันแหละ?”

หลังทั้งสามคนจากไป ลู่หลุ่ยเงยหน้าขึ้น มองหลี่ฝางอย่างโมโห “นายไม่ช่วยลดคบเพื่อนที่เป็นผู้หญิงได้ไหม หากวันหนึ่งนายคิดอะไรกับพวกเธอขึ้นมาจะทำยังไง?”

“จะเป็นไปได้ยังไง เพื่อนก็คือเพื่อน ฉันแบ่งแยกชัดเจน”

“หากวันหนึ่งเมาขึ้นมา หรือนานไปเกิดความรู้สึกล่ะ ฉันไม่อยากกลายเป็นเหมิงเหมิงอีกคน หรือมีจุดจบแบบเพื่อนนายนะ”

หลี่ฝางลูบผมของลู่หลุ่ย ก่อนเอ่ยว่า “วางใจเถอะ ฉันไม่ทำหรอก”

ทันใดนั้น ชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกมา

“เถ้าแก่ โจ๊กเย็นสองที่”

ลู่หลุ่ยขมวดคิ้ว พร้อมดึงแขนหลี่ฝางแล้วเอ่ยว่า “ไปกันเถอะ”

“เธอกลัวพวกเขาทำไม!” หลี่ฝางเอ่ยอย่างไม่พอใจ เอ่ยจบยังมองชายหญิงหน้าไม่อายอย่างยั่วยุ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท