NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 325

ตอนที่ 325

บทที่ 325 จุดอ่อนของเจ้าหัวแบน

ตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋จะอ่อนแออยู่บ้าง หากเหยนเสี่ยวน่ากล้าที่โต้กลับจริงๆ มู่เสี่ยวไป๋ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้แน่

แต่ประเด็นสำคัญคือ…

เหยนเสี่ยวน่ากลับไม่กล้าลงมือนี่สิ ดังนั้นจึงได้แต่ปล่อยให้มู่เสี่ยวไป๋รังแก

มู่เสี่ยวไป๋ถือเข็มขัดGucciอยู่ในมือและฟาดมันลงบนตัวของเหยนเสี่ยวน่า

เหยนเสี่ยวน่าใช้แขนปิดใบหน้าของตนอย่างสุดชีวิต กลัวว่ามู่เสี่ยวไป๋จะทำให้ใบหน้าของตนเสียโฉม

“แม่งเอ้ย กล้าตีเพื่อนฉัน?”

หลี่ฝางเลิกคิ้ว จากนั้นจึงตรงดิ่งเข้าไปในห้องและยกเท้าขึ้นเตะมู่เสี่ยวไปลงไปกับพื้นทันที

มู่เสี่ยวไป๋ร่างกายอ่อนแออย่างยิ่ง จนแทบจะเรียกได้ว่าทนลมทนฝนไม่ไหว หลี่ฝางเตะเขาโดยไม่ได้ใช้แรงอะไรมากมาย แต่กลับทำเอามู่เสี่ยวไป๋ลุกไม่ขึ้นแล้ว

แน่นอนว่า ต่อให้ร่างกายของมู่เสี่ยวไป๋จะได้รับการฟื้นฟู แต่ยังไม่มากพอที่จะเผชิญหน้ากับหลี่ฝาง

“เธอโง่หรือไง ไม่รู้จักตอบโต้? นับถือเธอเลยจริงๆ”

หลี่ฝางช่วยประคองเหยนเสี่ยวน่าขึ้นมาจากพื้น บนแขนของเหยนเสี่ยวน่า เต็มไปด้วยรอยแผลที่เกิดจากเข็มขัด

เมื่อเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งถูกมู่เสี่ยวไป๋รังแกขนาดนี้ ในใจของหลี่ฝางก็โมโหจนเก็บไม่อยู่ เขาเอื้อมมือไปแย่งเข็มขัดของมู่เสี่ยวไป๋มา และฟาดลงไปที่ใบหน้าของเขาสองครั้ง

มู่เสี่ยวไป๋ร้องเสียงหลงขึ้นมา จากนั้นจึงรีบตะโกนเรียกชื่อเสี่ยวโจวที่อยู่ห้องข้างๆ

ในตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ ราวกับเด็กที่ถูกรังแกแล้วตะโกนเรียกหาพ่อของตน มองดูแล้วน่าอับอายอย่างยิ่ง

หลังจากยืนขึ้นมา เหยนเสี่ยวน่าก็เบะปากอย่างน่าสงสาร เธอมองไปที่แขนสองข้างที่เต็มไปด้วยรอยแผล คิ้วขมวดแน่น ดวงตาทั้งสองข้างมีหยาดน้ำตาไหลรินลงมา

“เจ็บจะแย่แล้ว หลี่ฝาง นายว่ามันจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรือเปล่า?” เหยนเสี่ยวน่าร้องไห้และถามอย่างเป็นกังวล

หลี่ฝางพูดไม่ออกอยู่บ้าง ผู้หญิงคนนี้ให้ความสวยความงามมาเป็นอันดับแรกจริงๆ

แขนของเหยนเสี่ยวน่าถูกฟาดจนเป็นรอยเลือดขึ้นมาหลายเส้น หลี่ฝางเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าทิ้งรอยแผลเป็นไว้หรือไม่เขาเอ่ยอย่างไม่แน่ใจ “ฉันจะรู้ได้ยังไง ไม่เคยถูกฟาดแบบนี้สักหน่อย”

“เธอก็เหมือนคนโง่ไปได้ มู่เสี่ยวไป๋ฟาดเธอ เธอไม่รู้จักหนีหรือไง?” หลี่ฝางกลอกตาใส่เหยนเสี่ยวน่าดู

หลี่ฝางเองก็รู้ว่าสถานะของมู่เสี่ยวไป๋นั้นสูงกว่าเหยนเสี่ยวน่าหลายเท่า จะให้เหยนเสี่ยวน่าโต้กลับมู่เสี่ยวไป๋ เธอย่อมไม่กล้าทำแน่

ต่อให้พ่อของเหยนเสี่ยวน่าจะมาที่นี่ด้วยตนเอง ก็ไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับคุณชายตระกูลมู่เช่นกัน

ช่องว่างด้านสถานะนั้นใหญ่จนเกินไป

แต่ว่าการวิ่งหนีไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่?

เหยนเสี่ยวน่าเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยท่าทีจนใจ “จะให้ฉันวิ่งไปไหนล่ะ คุณชายมู่รู้จักฉัน ถ้าฉันวิ่งหนี เขาคงไปฟาดฉันถึงบ้าน ถึงตอนนั้น คนทั้งครอบครัวฉันคงพลอยซวยไปด้วย”

“คุณชายมู่ไม่พอใจ ให้เขาฟาดไม่กี่ที ระบายอารมณ์ก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องมาล้างแค้นกันในอนาคต” เหยนเสี่ยวน่าเอ่ย

หลี่ฝางแสยะยิ้ม เขามองไปที่เหยนเสี่ยวน่าและถาม “ถ้าอย่างนั้นนี่ฉันมายุ่งไม่เข้าเรื่องรึเปล่า หรือว่าฉันควรจะทำเป็นมองไม่เห็นดี ให้เขาฟาดเธอต่อไป?”

เหยนเสี่ยวน่าเอนตัวพิงแขนของหลี่ฝางและพูดว่า “ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันซาบซึ้งที่นายช่วยฉันอย่างแน่นอน เพียงแต่… เฮ้อ จะพูดยังไงดี..”

เหยนเสี่ยวน่าขมวดคิ้วและคิดอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยออกมาประโยคหนึ่ง “วงการนี้ก็เป็นแบบนี้ ไปทำให้คนใหญ่คนโตขุ่นเคืองเข้า คนตัวเล็กก็ได้แต่ยอมรับความเจ็บปวดไป”

หลี่ฝางพยักหน้า เขาเข้าใจความหมายของเหยนเสี่ยวน่าไม่น้อย

ในกลุ่มวงการลูกเศรษฐี พอสื่อสารกันจริงๆ ก็ยากอย่างยิ่ง

หากเกิดไปเจอตอแข็งเข้า ให้คุณคุกเข่า คุณก็ต้องคุกเข่า

ไม่งั้น ครอบครัวของคุณก็จะแตกสลายลงไปได้อย่างง่ายดาย

อย่างเช่นคนอย่างมู่เสี่ยวไป๋ เขามีอำนาจมากพอที่จะทำแบบนั้น

หากตระกูลมู่จะจัดการกับตระกูลเหยนจริง อย่างนั้นโรงกลั่นเหล้าของตระกูลเหยน จากนี้ไปจะขายไม่ออกสักขวด

เสี่ยวโจวได้ยินเสียงเรียกของมู่เสี่ยวไป๋ ก็รีบวิ่งออกมาจากห้องของฉินวี่เฟยและมาด้านนี้ทันที

หลังจากมองดู เสี่ยวโจวก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

เสี่ยวโจวมองไปที่หลี่ฝางด้วยความซับซ้อน เขาขมวดคิ้ว จากนั้นจึงเข้าไปพยุงมู่เสี่ยวไป๋

คนอื่น ๆ เสี่ยวโจวลงมือได้ แต่กับหลี่ฝาง เสี่ยวโจวตัดใจลงมือไม่ลงจริงๆ

เพิ่งจะวางมู่เสี่ยวไป๋ให้นั่งลงไปที่เตียง มู่เสี่ยวไป๋ก็ด่าเสียงเหี้ยมขึ้นมาทันที “หูของแกมันหนวกหรือไงวะ? ฉันเรียกแกตั้งค่อนวัน ตอนนี้ถึงเพิ่งจะมา?”

“ไอ้สารเลวเอ้ย อยากให้ฉันตายก่อนใช่ไหมแกถึงมีความสุข?” มู่เสี่ยวไป๋มีสีหน้าบูดบึ้งและด่าว่าเสี่ยวโจว

เสี่ยวโจวมีสีหน้านิ่งสงบ ราวกับไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น

ตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เจ้าหัวแบนแพ้ให้กับโหจื่อและทำให้มู่เสี่ยวไป๋ต้องเสียหน้า มู่เสี่ยวไป๋ก็มักจะใช้คำพูดด่าว่าเจ้าหัวแบนทุกวัน

ตอนแรกเจ้าหัวแบนก็ยังไม่ชินอยู่บ้าง แต่ต่อมาพอหลายๆ ครั้งเข้า เจ้าหัวแบนก็ทำตัวเข้าหูซ้ายทะลุหูขวากับคำด่าของมู่เสี่ยวไป๋

“แกจะมายืนโง่อยู่กับฉันตรงนี้ทำไม ยังไม่เข้าไปแก้แค้นให้ฉันอีก? อย่างกับไอ้โง่ ไม่รู้จริงๆ ว่าคุณปู่รั้งขยะอย่างแกเอาไว้ในตระกูลเราไปทำไม”

ตั้งแต่ที่หมาทิเบตันมายังบ้านตระกูลมู่ มู่เสี่ยวไป๋ก็รังเกียจเจ้าหัวแบนอย่างยิ่ง

เจ้าหัวแบนยังยืนนิ่งอยู่ตรงหน้ามู่เสี่ยวไป๋และไม่ได้ทำอะไร

มู่เสี่ยวไป๋ยกเท้าขึ้นและเตะใส่หน้าแข้งของเจ้าหัวแบน “ฉันให้แกไปแก้แค้น แกหูหนวกหรือไงวะ!”

มู่เสี่ยวไป๋เตะเท้าเจ้าหัวแบน แต่เจ้าหัวแบนกลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย ในขณะที่มู่เสี่ยวไป๋หลับเจ็บจนต้องสูดปาก

เมื่อกี้ตอนที่เขาถูกหลี่ฝางเตะลงบนพื้น รอยแผลจากมีดบนหน้าท้องก็ปริแตกออกมาสายหนึ่ง

บวกกับเมื่อครู่ที่เขาเตะออก ยิ่งทำให้หน้าท้องถูกกระทบกระเทือนจนปากแผลปริแตกขึ้นอีกครั้ง

“คุณชาย ในห้องมีสองคน เป็นใครที่ตีคุณ?” เจ้าหัวแบนถามอย่างจงใจ

“แกคิดว่าไอ้เวรนั่นกล้าตีฉันหรือไง?”

มู่เสี่ยวไป๋ถลึงตาใส่เจ้าหัวแบน “แกจะมาแกล้งโง่กับฉันทำไม หลี่ฝางตีฉัน ได้ยินรึยัง?”

“แกรีบไปจัดการไอ้ขยะนั่นซะ!”

เจ้าหัวแบนลังเลอยู่บ้าง เขาเตือนมู่เสี่ยวไป๋ “คุณชาย คุณลืมไปแล้วรึเปล่า หลี่ฝางเป็นถึงเจ้าของรีสอร์ตนี้ เป็นหลานของหลี่เจียเฉิง ถ้าผมจัดการเขา แบบนี้คงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่?”

“ไม่งั้น คุณลองโทรหาปู่ของคุณดู ขอคำแนะนำจากท่านสักหน่อย?” เจ้าหัวแบนเลิกคิ้วถาม

“เวรเอ้ย เอาคุณปู่มากดดันฉันใช่ไหม? เสี่ยวโจว ฉันถามแก ตอนที่ปู่ของฉันส่งแกมาติดตามฉัน เขาบอกแกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าต้องฟังฉันทุกเรื่อง?”

“ทำไม ตอนนี้คำพูดของฉันมันใช้การไม่ได้แล้ว? แกอย่าลืมล่ะ ว่าอาการป่วยของแม่แกยังต้องอาศัยตระกูลมู่ของพวกเราให้อยู่รอด หรือแกอยากจะให้ฉันไล่แม่แกออกไป?”

“ถ้าไม่มีปู่ของฉัน แม่เฒ่านั่นก็คงอยู่ต่อได้อีกไม่กี่วัน”

มู่เสี่ยวไปหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาขู่ด้วยสีหน้าตึงเครียด “เวรเอ้ย ฉันหมดปัญญาจะรักษาแกแล้ว”

“ฉันจะโทรเดี๋ยวนี้ ให้คนไปทิ้งแม่เฒ่านั่นที่ข้างถนน ลองคำนวณดูแล้ว วันนี้เป็นวันที่แม่เฒ่านั่นต้องกินยาพอดี ถ้าไม่ได้กินยาขึ้นมา ฉันเกรงว่าคงจะอยู่ไม่พ้นคืนนี้แน่”

“หึหึ แต่ว่าเห็นแก่ที่แกรับใช้ตระกูลของเรามาหลายปี เรื่องหลังจากนี้ของแม่เฒ่านั้น คุณชายอย่างฉันจะจัดการให้อย่างเต็มที่ รับรองว่าจะจัดการกับเธออย่างชัดเจน…”

มู่เสี่ยวไป๋พูดไปพร้อมกดหมายเลขโทรออก

สีหน้าของเจ้าหัวแบนค่อยๆ มืดมนลง

ในตอนนี้ เจ้าหัวแบนกัดฟันแน่น เขาแทบจะอยากเข้าไปกระชากหัวของมู่เสี่ยวไป๋มาเตะเป็นลูกบอล

แต่ความเป็นความตายของแม่ของเขาอยู่ในมือของปู่ของมู่เสี่ยวไป๋ ดังนั้น เจ้าหัวจึงได้แต่ต้องเลือกการประนีประนอม ต้องเลือกที่จะเชื่อฟังคำสั่งของมู่เสี่ยวไป๋เท่านั้น

กล่าวคือ มู่เสี่ยวไป๋ให้เจ้าหัวแบนทำอะไร เขาก็ต้องทำอย่างนั้น!

ถ้ากล้าฝ่าฝืน อย่างนั้นชีวิตแม่ของเจ้าหัวแบน ก็จะตกอยู่ในอันตราย

“คุณชาย ผมจะทำตามที่คุณบอก” เสียงของเจ้าหัวแบนเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและไร้เรี่ยวแรง

“แล้วยังไม่รีบไปจัดการอีก?”

หลี่ฝางขมวดคิ้วอย่างเย็นชาและเอ่ย “มาดูกันหน่อยเถอะว่านายมีคุณธรรมแค่ไหน? ตอนลงมือก็อย่าไปรุนแรงนัก ให้เขากับฉันพอๆ กันก็ได้แล้ว”

เจ้าหัวแบนเอ่ยถามอีกประโยค “หากต้องทำจริงๆ หลี่ฝางเป็นคุณชายของรีสอร์ตนี้ ถ้าทำให้เขาพิการขึ้นมา พวกเราเกรงว่าแม้แต่ออกจากรีสอร์ตก็หมดสิทธิ์แล้ว”

“ฉันให้แกทำอะไรก็ทำ จะมีปัญหาอะไรมากมายนักวะ ผลที่ตามมา ฉันรับเอง”

เจ้าหัวแบนไม่เอ่ยต่อ เขาหันเดินไปทางหลี่ฝาง ฝีเท้าหนักอึ้งอย่างยิ่ง ด้านหนึ่งคือแม่ของตนเอง อีกด้านหนึ่งคือหลี่ฝาง…

เจ้าหัวแบนย่อมต้องรู้ว่าสิ่งใดสำคัญกว่า

ในขณะที่เจ้าหัวแบนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เหยนเสี่ยวน่าก็ผลักแขนหลี่ฝางครั้งหนึ่ง “หลี่ฝาง นายรีบวิ่งหนีไปเร็วเข้า”

หลี่ฝางไม่ได้โง่ อาศัยฝีมือของเจ้าหัวแบน เขาไหนเลยจะหนีรอด?

นอกเสียจากว่าเจ้าหัวแบนจะจงใจอ่อนข้อให้ แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้น มู่เสี่ยวไป๋จะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟแน่ ถึงตอนนั้น คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานไม่ใช่แม่ของเจ้าหัวแบนหรอกหรือ?

แม้หลี่ฝางจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่ก็ถือว่าเป็นคนมีคุณธรรมหนักแน่น เจ้าหัวแบนไม่ว่าจะต่อตนเอง หรือกับหลินชิงชิง ล้วนถือว่าช่วยเหลือมาไม่น้อย

ในตอนนี้ หลี่ฝางไม่อยากให้เจ้าหัวแบนต้องลำบากมากเกินไป

หลี่ฝางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ เขาเอ่ยกับเจ้าหัวแบน “ฉันไม่โทษนาย”

“เป็นหนี้ต้องจ่าย เป็นคนชั่วต้องชดใช้กรรม ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่นายตั้งใจให้เกิด”

“ฉันจะคิดบัญชีครั้งนี้ที่มู่เสี่ยวไป๋”

หลี่ฝางกัดฟัน เขาตัดใจและคิดอยู่ในใจ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เจ้าหัวแบนก็ไม่ได้จะฆ่าตัวเองสักหน่อย อย่างมากก็แค่ทำให้ตนบาดเจ็บเหมือนกับมู่เสี่ยวไป๋

ผลลัพธ์ที่เลวร้ายที่สุดก็แค่นอนบนเตียงผู้ป่วยไม่กี่วัน

“ขอโทษ”

เจ้าหัวแบนเอ่ยอย่างจนปัญญา จากนั้นจึงพุ่งเข้ามาอย่างแรง

ส่วนหลี่ฝาง ในตอนนี้กำลังหลับตาลงแน่น

“ไอ้เชี้ยโหจื่อ ตอนนี้ทำไมยังไม่มาอีก!” ในเวลานั้น มุมปากของหลี่ฝางก็ก่อนด่าออกมา

“เจ้านายน้อย ใครบอกว่าผมไม่มา ผมมาตั้งนานแล้ว!”

โหจื่อจู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น อีกทั้งยังอยู่ตรงหน้าหลี่ฝาง และกำลังหยุดกำปั้นของเจ้าหัวแบนเอาไว้

โหจื่อแสยะยิ้ม “ฮีโร่ ก็มักต้องมาในเวลาคับขันไม่ใช่หรือ? คุณว่าไหม เจ้านาย?”

“ไอ้เวรเอ๊ย ฉันตกใจจะตายแล้ว” หลี่ฝางยังคงด่าต่อ

ความน่าเชื่อถือของโหจื่อสู้ส้าวส้วยไม่ได้เลยจริงๆ

โหจื่อหัวเราะฮี่ฮี่ จากนั้นจึงมองไปที่เจ้าหัวแบนตรงหน้า เขาเอ่ยอย่างเลือดพล่าน “ทำไม อยากจะสู้กันอีกยก?”

“ครั้งที่แล้วถูกไอ้ขยะนั่นทำไขว้เขวไป ไม่งั้น คุณลองมาตั้งใจสู้กับผมอีกสักที มาดูกันอีกครั้งว่าใครจะชนะ?” ไอ้ขยะที่โหจื่อพูดถึงก็คือมู่เสี่ยวไป๋

ครั้งที่แล้ว ที่เจ้าหัวแบนแพ้ ส่วนหนึ่งมาจากที่เขาต้องแบ่งความสนใจไปให้มู่เสี่ยวไป๋ด้วย

เจ้าหัวแบนเก็บหมัดกลับมา เขาส่ายหัว “แพ้ก็คือแพ้ ต่อให้สู้กันอีกครั้ง ก็เป็นเพียงแค่ความอัปยศ”

เจ้าหัวแบนถอยหลังไปกี่ก้าว จากนั้นจึงมาถึงตรงหน้ามู่เสี่ยวไป๋และประคองเขาขึ้นมา “คุณชาย พวกเราไปกันเถอะ”

“แกว่าอะไรนะ?”

“แม่งเอ๊ย นี่แกคิดอยากจะเห็นศพแม่แกจริงๆ ใช่ไหม?”

มู่เสี่ยวไป๋ชี้ไปที่โหจื่อและเอ่ยอย่างเย็นชา “เสี่ยวโจว ฉันให้โอกาสแกอีกครั้ง ถ้าแกเอาชนะมันได้ ฉันรับรองว่าแม่ของแกจะปลอดภัย แต่ถ้าแกแพ้ แกเชื่อไหมว่าฉันจะส่งคนไปฆ่าแม่แกซะตั้งแต่ตอนนี้?”

ครั้งนี้มู่เสี่ยวไป๋โหดเหี้ยมขึ้นมาจริงๆ ถึงกับใช้ชีวิตแม่ของเจ้าหัวแบนขึ้นมาข่มขู่

เจ้าหัวแบนมีสีหน้ามืดลงถึงขีดสุด เขามองมู่เสี่ยวไป๋ แววตาฉายประกายสังหารออกมา

“มาถลึงตาใส่ฉันทำไมวะ? คิดจะขู่ฉันหรือไง?”

มู่เสี่ยวไป๋กดโทรออกทันที “พ่อ จัดการโยนตัวอมโรคนั่นออกไป!”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท