NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 304

ตอนที่ 304

บทที่ 304 พาฉินวี่เฟยไปที่วิลล่า

“ฉันจะอะไรน่ะเหรอ โง่หรือไงแก แค่นี้ยังดูไม่ออกเหรอ?”

มองไปที่เหยสง ส้าวส้วยหัวเราะเห่อๆแล้วกล่าว: “ฉันก็จะบีบคอมันให้ตายไง”

“เขาเป็นน้องชายแก ใช่มั้ย?”

สำหรับเหยโก่วกับเหยสง ส้าวส้วยเคยตรวจสอบประวัติของพวกเขานานแล้ว

เหยสงขมวดคิ้ว มองส้าวส้วยด้วยสายตาที่เย็นชา: “แกกล้าฆ่าคนตรงนี้?”

“ทำไมจะไม่กล้า ทำไม แกไม่เคยฆ่าคนเหรอ? หรือว่า แกคิดว่าฉันไม่เคยฆ่าคนมาก่อน? ส้าวส้วยหัวเราะอย่างดูถูก ถ้าหากแกคิดว่าฉันไม่มีความกล้านี้ แกก็สามารถลองดูได้”

“หากแกรู้สึกว่าฉันมีความกล้าละก็ งั้นเราก็มาตกลงแลกเปลี่ยนกัน” ส้าวส้วยกล่าว

“แลกเปลี่ยนอะไร?” เหยสงถาม

“แกปล่อยเจ้านายฉัน ฉันจะปล่อยน้องชายแก” ส้าวส้วยกล่าว

เหยสงมองส้าวส้วยไปครู่หนึ่ง ก็ได้ปล่อยหลี่ฝาง

ส้าวส้วยมีดวงตาที่ฆ่าคน เห็นดวงตาคู่นี้ ทำให้เหยสงเชื่อ

คนนี้เป็นถึงน้องชายของตัวเอง

ชีวิตของน้องชายตัวเอง แลกกับแขนข้างหนึ่งคนอื่น มันช่างไม่คุ้มค่าเสียเลย

เหยสงปล่อยมือ หลี่ฝางก็ดึงแขนของฉินวี่เฟย รีบวิ่งไปด้านหลังของส้าวส้วยทันที

เวลานี้ ส้าวส้วยจึงได้ปล่อยคน ปล่อยเหยโก่วไป

เหยสงมองส้าวส้วย แววตาเต็มไปด้วยความกลัว

เหยโก่วกับหลี่ฝางไม่เหมือนกัน หลี่ฝางเป็นเพียงเด็กธรรมดาคนหนึ่ง แต่เหยโก่วนั้น แม้ว่ายังไม่ถึงขั้นยอดฝีมือ แต่ก็เคยฝึกฝนวิชาการต่อสู้มาบ้าง

เมื่อกี้ความว่องไวในการลงมือของส้าวส้วย มันคล่องตัวมาก กลับทำให้เหยโก่วไม่รู้ตัวเลย เมื่อเขารู้ตัวอีกที คอก็ถูกส้าวส้วยล็อกไว้แล้ว

อีกอย่าง คนที่เหยสงจะหา ก็คือส้าวส้วย

ในเมื่อส้าวส้วยมาแล้ว เป้าหมายของเหยสง ก็บรรลุแล้ว

ก่อนที่จะหักแขนของหลี่ฝางนั้น เหยสงก็แค่อยากจะสั่งสอนส้าวส้วยเท่านั้นเอง

เพียงแต่การสั่งสอนนี้หากต้องแลกด้วยชีวิตของน้องชายตัวเอง มันก็ใหญ่เกินไป!

“พวกเราไป” เหยสงชำเลืองมองส้าวส้วยไปแวบหนึ่ง ก็ได้พูดกับเหยโก่วน้องชายของตัวเอง

“ไป?” เหยโก่วอึ้งไปชั่วขณะ

ไปได้ไง?

พวกเรามาหาส้าวส้วยไม่ใช่เหรอ?

ในเมื่อส้าวส้วยมาแล้ว แล้วเราจะไปทำไม?

เหยโก่วไม่เข้าใจ หรือว่า พี่ใหญ่ของตัวเองปอดแหกเสียแล้ว?

เหยโก่วกำลังคิด เหยสงนั้นได้ก้าวเท้าเดินแล้ว ไปแล้ว

เหยโก่วรีบวิ่งตามไปติดๆ พี่ใหญ่ไม่อยู่แล้ว ตัวเองยังจะยืนอยู่ข้างกายปีศาจอย่างส้าวส้วย ไม่เท่ากับหาที่ตายหรอกเหรอ?

เพิ่งจะตามเหยสงทัน เหยโก่วก็อดไม่ได้ที่จะถาม: “พี่ใหญ่ ทำไมพวกเราต้องไปด้วย?”

“แกไม่ได้ยินเหรอ? คนที่ชื่อหลี่ฝาง เป็นคุณชายของรีสอร์ต ก็เท่ากับว่า ตรงนี้เป็นถิ่นของพวกเขา เรามาก่อเรื่องในถิ่นของเขา แกคิดว่ามันจะง่ายเหรอ? เราก็ไม่ได้พาคนมาด้วย รีสอร์ตทั้งรีสอร์ต ล้วนเป็นคนของพวกมัน”

สำหรับแค้นของ เฉินเฉิน พี่ไม่มีทางลืมหรอก

“นี่มันไม่ใช่เมื่อก่อนแล้ว เมื่อก่อนพี่ชอบต่อสู้ฆ่าคน เพราะพี่ไม่มีอะไรเลย ต้องอาศัยหมัดเหล็กคู่นี้ในการก่อร่างสร้างตัว แต่ปัจจุบันนี้ พี่มีครอบครัวมีลูก และมีถิ่นของตัวเอง ไม่อย่าใช้ชีวิตที่มันเสี่ยงอันตรายแบบนั้นอีกแล้ว” เหยสงขมวดคิ้วแล้วกล่าว

แม้ว่าส้าวส้วยอายุยังไม่มาก แต่ว่าเหยสงก็ไม่มีความมั่นใจที่จะชนะเขาได้ ดังนั้น จึงอยากจะใช้เล่ห์กลสักหน่อย

“อยู่ในสังคมนี้ มันต้องใช้สมอง” เหยสงชี้ไปที่หัวของตัวเอง แล้วกล่าว

เหยโก่วฟังที่เหยสงอธิบายแล้ว ทำได้เพียงเบ้ปาก กลับไม่ได้พูดอะไรเลย

พูดไปพูดมา ก็ปอดแหกนั่นแหละ

เป็นครั้งแรกที่เหยโก่วเห็นพี่ชายตัวเองปอดแหก

ในเวลานี้ จู่ๆส้าวส้วยก็ลุกขึ้น วิ่งไปข้างหน้า วิ่งไล่ตามเหยโก่วกับเหยสงทั้งสองคน

เวลานี้ เหยโก่วรีบตั้งท่าอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการทำร้ายจากส้าวส้วย

และเหยสง ก็ได้แผ่รังสีความโหดบนตัวออกมา กำหมัดอย่างแข็งแกร่ง จ้องมองส้าวส้วยอย่างเย็นชา

เหยสงมองส้าวส้วย จากนั้นสถานการณ์ก็ตึงเครียดขึ้นมาทันที

“นายหาเรื่องเหรอ?”

มองส้าวส้วยแล้ว ใบหน้าของเหยสง นอกจากจะระวังตัวแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือ พลังชนิดหนึ่ง

เวลานี้ เหยสงเต็มไปด้วยพละกำลัง เตรียมตัวเพื่อจะต่อสู้ครั้งใหญ่

แม้ว่าเหยสงไม่อยากจะลงมือในรีสอร์ต แต่ว่าส้าวส้าวบีบบังคับอย่างไม่ยอมหยุด เขาก็ไม่ยอมที่จะเป็นคนขี้ขลาด

ใครจะไปรู้ ส้าวส้วยกลับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา หัวเราะ” พี่เหยสงใช่มั้ย? ต่อไปพี่อยากจะหาฉันละก็ ก็โทรมาหาฉันเลย นี่คือเบอร์โทรของฉัน พี่บันทึกไว้หน่อย อีกอย่าง วีแชทของฉัน พี่ก็เพิ่มมันด้วย ฉันน่ะ นอกจากเวลาตีหนึ่งถึงเจ็ดโมงเช้า ยินดีต้อนรับการก่อกวนของพี่ตลอดเวลา”

สีหน้าของเหยสง จู่ๆก็อึ้งไปทันที

ไอ้หมอนี่ ดูยังไงก็ไม่เหมือนยอดฝีมือ เหมือนเด็กที่กวนตีนคนหนึ่ง

จู่ๆในระหว่างนี้ สีหน้าของส้าวส้วย ก็เปลี่ยนไปกะทันหัน กลายเป็นสีหน้าที่เยือกเย็นมาก: “พี่เหยสง ไม่ว่าจะทำอะไร ต้องมีหลักการของตัวเอง มีเรื่องอะไร ก็มาหาฉัน อย่าไปสร้างความวุ่นวายให้กับเจ้านายของฉัน”

“หากพี่ยอมทำตามกติกา ฉันก็จะทำตามกติกา ไม่อย่างนั้น หากพี่เหยสงแตะต้องเจ้านายของฉัน งั้นฉัน ก็ทำได้เพียงไปจัดการหวางเฉิน”

“พี่เหยสง อย่าอึ้งอยู่อีกเลย รีบหยิบโทรศัพท์ออกมา เพิ่มเพื่อนกันหน่อย” ส้าวส้วยเลิกคิ้ว แล้วกล่าว

สายตาของเหยสง จ้องมองส้าวส้วยโดยไม่ขยับเลย

แต่ว่าเหยสงไม่ได้เพิ่มวีแชทของส้าวส้วย เพียงแต่กล่าวว่า เบอร์โทรของนายฉันบันทึกมันไว้แล้ว ฉันจะหาฤกษ์งามยามดี เพื่อแก้แค้นให้กับหวางเฉิน

“ได้ ฉันจะรอ ส้าวส้วย” กล่าวพร้อมกับยิงฟัน

รอจนกระทั่งเหยสงจากไปแล้ว แววตาของส้าวส้วย ก็ปรากฏด้วยแรงอาฆาตที่รุนแรง

ไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้ ส้าวส้วยแม้ว่าอายุยังน้อย แต่ว่าประสบการณ์ทางสังคม นั้นมีไม่น้อยเลย

เมื่อกี้เหยสงของตัวไปอย่างด่วน ส้าวส้วยก็รับรู้ถึงแผนการของเขาแล้ว

เมื่อกี้ท่าทีที่ส้าวส้วยมีต่อหลี่ฝาง นั้นเป็นห่วงมากเกินไป จึงทำให้มันกลายเป็นจุดอ่อนของเขา

และเหยสงก็ต้องเห็นจุดนี้เป็นธรรมดา เขาต้องลงมือกับจุดอ่อนของส้าวส้วยอย่างแน่นอน

ส้าวส้วยคนนี้มีจุดอ่อน แล้วเหยสงจะไม่มีเลยเหรอ?

ที่ส้าวส้วยวิ่งมา ไม่ใช่เพียงเพราะต้องการให้เบอร์โทรติดต่อกับเหยสง จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคือ ต้องการบอกเหยสง อย่าเล่นกับไฟ ไม่อย่างนั้น ฉันจะส่งทั้งครอบครัวของนายเข้ากองไฟ

หลังจากที่ได้แสดงจุดประสงค์ของตัวเองให้เหยสงแล้ว ส้าวส้วยก็กลับไปหาหลี่ฝาง

“นายวิ่งตามไปทำไม?” หลี่ฝางถามด้วยอยากรู้อยากเห็น

“ไม่มีอะไร ฉันแค่ไปบอกเหยสง สังคมในปัจจุบัน ศัตรูกันควรที่จะปรับความเข้าใจกัน มีอะไรก็พูดคุยกันให้เข้าใจ ทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก จากนั้นก็ร่ำรวยไปด้วยกัน”

“ความสามัคคีทำให้เกิดทรัพย์ ดีมากแค่ไหน” ส้าวส้วยกล่าว

“งั้นก็ดีมากเลย” ได้ยินคำตอบนี้ ใบหน้าของฉินวี่เฟย ก็ปรากฏด้วยรอยยิ้มแห่งความพอใจ

เมื่อกี้ที่เหยสงจะหักแขนของหลี่ฝางให้หักนั้น ทำให้ฉินวี่เฟยตกใจแทบแย่

ส้าวส้วยก็พูดว่าจะบีบคอของเหยโก่วให้หักนั้น ก็ยิ่งทำให้ฉินวี่เฟยตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี

พูดตามตรง ฉินวี่เฟยนอกจากเมื่อกลางวันถูกแทงที่บ่อออนเซนแล้ว เรื่องในสังคม ถือว่าประสบการณ์ทางสังคมนั้นน้อยมาก

แม้ว่าหลี่ฝางก็กลัว แต่อย่างน้อย หลี่ฝางก็ปรับความรู้สึกได้เร็วกว่า

หลี่ฝางรู้ว่าส้าวส้วยกำลังเฉไฉไปเรื่อย จึงถลึงตาใส่เขาไปหนึ่งที แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร

ขณะที่หลี่ฝางดึงแขนของฉินวี่เฟย ระหว่างที่จะจากไปนั้น จู่ๆส้าวส้วยก็ตบที่ไหล่ของหลี่ฝาง แล้วกล่าว: “เจ้านาย รีบเปิดร้านให้ผมด้วย”

“เปิดร้านอะไรเหรอ?” ขณะนั้นหลี่ฝางยังไม่เข้าใจ

ส้าวส้วยจึงขยิบตาให้กับหลี่ฝาง แล้วกล่าว: “เจ้านาย คุณลืมแล้วเหรอ คุณเคยรับปากผม จะเปิดร้านแฮมเบอร์เกอร์ให้ผมไง เจ้านายรวยขนาดนี้ คงไม่กลับคำพูดนะ?”

“ไม่ใช่ว่ารอให้นาย……..”

หลี่ฝางเกือบจะพลั้งปาก กลับถูกส้าวส้วยขัดขวางเอาไว้: “อะไร เจ้านาย เจ้านายยังไม่ไว้ใจผมอีกเหรอ วางใจเถอะ สิ่งที่ผมรับปากเจ้านายแล้ว ต้องจัดการให้มันเรียบร้อยอย่างแน่นอน”

“อีกอย่าง จะให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้ด้วย”

เวลานี้หลี่ฝางถึงจะเข้าใจ

จริงๆแล้ว ส้าวส้วยกำลังบอกตัวเอง ภายในอาทิตย์นี้ เขาจะกำจัดเหยสง

แต่ว่ามีฉินวี่เฟยอยู่ ส้าวส้วยจะพูดตรงๆไม่ได้ ดังนั้นจึงต้องใช้รหัสลับในการพูด

เดิมหลี่ฝางอยากที่จะถามส้าวส้วย มีความมั่นใจมั้ย?

แต่เห็นท่าทางที่มั่นใจเกินร้อยของส้าวส้วย ก็เลยไม่ได้ถาม

“ทำไม นายคิดจะเปิดร้านแฮมเบอร์เกอร์ให้กับส้าวส้วยเหรอ?” ฉินวี่เฟยถามอย่างสงสัย

“ใช่”

“ได้ รอให้นายเปิด ฉันจะไปอุดหนุนนาย” ฉินวี่เฟยยิ้มๆ

หลี่ฝางพยักหน้า ดึงแขนของฉินวี่เฟย ก้าวไปอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดว่า: “อาศัยตอนที่ไม่มีคน เราเดินเร็วหน่อย”

หลี่ฝางพาฉินวี่เฟย มาถึงวิลล่าของตัวเอง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน