NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 326

ตอนที่ 326

บทที่ 326 คิดบัญชีกับมู่เสี่ยวไป๋

มู่เสี่ยวไป๋เปิดปากก็จัดการกับเจ้าหัวแบนจนไม่เหลือแม้กระทั่งอารมณ์อะไรอีก

ไม่ว่าจะหลี่ฝางหรือหลินชิงชิง ล้วนถือได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเจ้าหัวแบน ต่อเมื่อเทียบกับชีวิตแม่ของเจ้าหัวแบนแล้ว พวกเขาไม่นับเป็นตัวอะไรทั้งนั้น

กล่าวได้ว่า แม่ของเจ้าหัวแบน คือสิ่งยึดเหนี่ยวในชีวิตของเจ้าหัวแบน

เมื่อคนๆ หนึ่งขาดสิ่งยึดเหนี่ยวไป จะมีอะไรให้อยู่ต่อไปอีก?

เจ้าหัวแบนถอนหายใจอย่างโมโห จากนั้นจึงเปลี่ยนสีหน้าไป และตัดสินใจแน่วแน่ “คุณชาย ผมผิดไปแล้ว ให้ผมทำอะไร ผมจะทำอย่างเต็มที่ อย่าได้ลำบากแม่ผม แม่ลำบากไม่น้อยกว่าจะดึงผมเอาไว้”

“ฉันก็คิดว่าแม่เฒ่านั่นลำบากไม่น้อยเหมือนกัน อย่างนั้นฉันจะให้โอกาสเธออีกครั้ง และให้โอกาสแกอีกครั้งด้วย”

มู่เสี่ยวไป๋ตบไหล่เสี่ยวโจวและเอ่ย “เสี่ยวโจวเอ๋ย โอกาสในครั้งนี้ แกต้องคว้ามันไว้ให้ดีๆ”

จากนั้นในทันที มู่เสี่ยวไป๋ก็พูดกับอีกปลายสายของโทรศัพท์ว่า “พ่อ รอก่อนค่อยโยนทิ้งเถอะ รอดูสถานการณ์อีกทีค่อยว่ากัน”

หลังวางสาย สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ก็เผยรอยยิ้มอันร้ายกาจออกมา

ก่อนหน้านี้ หลี่ฝางรู้สึกว่ามู่เสี่ยวไป๋ก็เป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง ความสำเร็จทั้งหมดของเขาก็แค่อาศัยทรัพยากรที่ตระกูลมู่ให้มาเท่านั้น

แต่มาวันนี้ ดูเหมือนว่ามู่เสี่ยวไป๋เองก็มีความสามารถอยู่บ้างเช่นกัน

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนดี แถมวิธีที่ลงมือก็เลวทรามต่ำช้าอย่างยิ่ง

แต่ก็ต้องบอกว่า มันได้ผลอย่างยิ่งเช่นกัน

เวลานี้ใบหน้าของเจ้าหัวแบน เคร่งเครียดเย็นชาขึ้นมา

สายตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ

“ดูเหมือนนายเองก็ใช่ว่าจะไม่มีอะไรเลยสักทีเดียว อย่างน้อยๆ ก็ปลุกสัตว์ป่าขึ้นมาได้”

เมื่อมองไปที่มู่เสี่ยวไป๋ โหจื่อก็เอ่ยชมขึ้นประโยคหนึ่ง

มู่เสี่ยวไป๋แค่นเสียง จากนั้นจึงเอ่ยกับเสี่ยวโจวอย่างเย็นชา “ฉันไม่ชอบไอ้ลิงผอมกะหร่องนี่ อีกเดี๋ยวแกเอาชนะมันซะ จากนั้นก็ทำให้มันพิการ”

“ปล่อยให้มันเป็นเหมือนพี่ชายฉัน ใช้ชีวิตทั้งชีวิตบนรถเข็น”

คำพูดของมู่เสี่ยวไป๋ ทำให้โหจื่อหัวเราะออกมา “คิดว่าพี่เสี่ยวโจวอยู่ยงคงกระพันจริงๆ เลยนะเนี่ย? อีกเดี๋ยวถ้าฉันชนะ ฉันจะให้นายต้องชดใช้คำพูดนี้ออกมา”

มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้ว หวาดกลัวอยู่บ้าง

เนื่องจากครั้งที่แล้ว โหจื่อได้แสดงทักษะฝีมืออันยอดเยี่ยมออกมา

แม้ว่าครั้งที่แล้วเสี่ยวโจวจะแพ้ให้กับโหจื่อเพราะเสียสมาธิไป แต่ว่า ต่อให้ไม่เสียสมาธิในตอนนั้น เสี่ยวโจวเองก็อาจจะไม่ได้มีจุดจบอะไรแตกต่างกัน?”

ดังนั้น มู่เสี่ยวไป๋จึงยังคงเกรงกลัวว่าโหจื่อจะชนะอยู่ไม่น้อย

“เสี่ยวโจว คืนนี้แม่ของแกจะรอดไปได้ไหม ต้องดูแล้วว่าแกพยายามพอรึเปล่า สู้ๆ ฉันเป็นกำลังใจให้” มู่เสี่ยวไป๋เอ่ยให้กำลังใจเสี่ยวโจวประโยคหนึ่ง

เสี่ยวโจวไม่ได้พูด แต่ใบหน้าของเขาเย็นชาขึ้นมา

ในขณะเดียวกัน แรงกดดันรอบตัวของเสี่ยวโจวก็พุ่งสูงขึ้นมาเช่นกัน

เสี่ยวโจวในอดีต ทำให้คนรู้สึกสงบอย่างยิ่ง หากไม่ลงมือ ก็มักจะมองไม่ออกว่าเขาเป็นปรมาจารย์

แต่เสี่ยวโจวในวันนี้ ยังไม่ทันลงมือก็ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว

หลี่ฝางคิด เสี่ยวโจวในตอนนี้ ดูเหมือนจะมีหมีดำสิงร่างแล้ว และเขาก็อาจจะไม่สามารถต้านทานได้

หลี่ฝางเกาะติดอยู่กับตัวของโหจื่อ เขาเอ่ยเตือน “โหจื่อ ระวังหน่อย”

ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหัวแบน หรือโหจื่อ ทั้งหมดล้วนเป็นเพื่อนของหลี่ฝาง

ไม่ว่าจะเป็นใครที่บาดเจ็บ หลี่ฝางล้วนไม่อยากเห็นทั้งสิ้น

หลังจากชะงักไปชั่วครู่ หลี่ฝางก็แตะแขนของโหจื่อและเอ่ยกำชับ “ก่อนหน้านี้ที่ตงไห่ เจ้าหัวแบนช่วยฉันเอาไว้ไม่น้อย อีกเดี๋ยวนายลงมือก็ยั้งมือหน่อย อย่าให้ถึงกับพิการ”

โหจื่อเมื่อได้ยินประโยคนี้ก็หมดอาลัยตายอยากขึ้นมาทันที “เจ้านาย คุณพูดแบบนี้ ผมไม่สู้แล้ว!”

“นี่เป็นการต่อสู้ของปรมาจารย์ ชนะกันด้วยหนึ่งกระบวนท่าสองกระบวนท่า หากผมใจอ่อนขึ้นมา ก็ต้องถูกเสี่ยวโจวฆ่าตายแน่”

“คุณให้ผมยั้งมือ แต่คุณไม่ลองดูสายตาของเขาตอนนี้บ้าง เขายั้งมือให้ผมหรือไง? ตาของเขาแทบจะอยากฆ่าผมให้ตายอยู่แล้ว”

“ถ้าคุณคิดจะเกลี้ยกล่อมผม คุณไปเกลี้ยกล่อมเขาก่อน”

โหจื่อกลอกตาใส่หลี่ฝาง เห็นชัดว่าไม่เอาด้วย

หลี่ฝางเหลือบมองไปที่เสี่ยวโจว เขาก้าวร้าวจริงๆ เกรงว่าทางด้านเสี่ยวโจว นอกจากคำสั่งของมู่เสี่ยวไป๋แล้วเขาก็ไม่ฟังใครอีก

“ช่างเถอะ นายจะทำอะไรก็ทำไป”

หลี่ฝางนึกถึงคำพูดที่กล่าวกันว่า กระบี่ไม่มีตา การต่อสู้แบบนี้ ให้โหจื่อยั้งมือก็เท่ากับเป็นการทำร้ายเขา

หลี่ฝางคิดว่าเขาเห็นแก่ โหจื่อเป็นคนของเขา คำพูดนี้ควรจะเอ่ยกับโหจื่อถึงจะถูก

“ถ้าสู้ไม่ได้ นายก็วิ่งหนีซะ” หลี่ฝางพูดกับโหจื่ออย่างใส่ใจ “นายห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด เข้าใจไหม?”

หลังจากรู้ประสบการณ์ที่โหจื่อเคยผ่านมา หลี่ฝางก็รู้สึกเห็นใจโหจื่อไม่น้อย

โหจื่อน่าสงสารยิ่งกว่าเจ้าหัวแบนเสียอีก พ่อและปู่ล้วนถูกคนฆ่าตาย ตนเองเพื่อที่จะแก้แค้น ถึงกับต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปเป็นปี

โหจื่อได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเขาก็มีความสุขทันที “วางใจเถอะ เจ้านายน้อย ต่อให้คุณไม่พูด ผมก็จะทำแบบนั้น”

“ผมโหจื่อไม่มีทักษะอื่น แต่เรื่องการวิ่งหนี ต่อให้เป็นอาจารย์ ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผม”

พูดจบโหจื่อก็โบกมือให้เจ้าหัวแบนและเอ่ย “ไปเถอะ ในเมื่อต้องต่อสู้ พวกเราไปสู้กันข้างนอก ห้องนี้เล็กเกินไป ไม่ใช่แค่ต่อยตีไม่ถนัดมือ แต่เกิดทำข้าวของพังขึ้นมายังต้องมาชดใช้อีกใช่ไหม?”

พูดไป โหจื่อก็หมุนตัวเดินออกจากห้องไปทันที

เจ้าหัวแบนเองก็ไม่ลังเลและเดินตามไปทันที

ในขณะนี้ ในห้องเหลือแค่เพียงมู่เสี่ยวไป๋ หลี่ฝางและเหยนเสี่ยวน่า

ทันใดนั้นหลี่ฝางก็เผยรอยยิ้ม เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่ปวกเปียกยิ่งกว่าไก่อ่อน ในใจของหลี่ฝางก็อยากหัวเราะ

“เสี่ยวโจว แกกลับมาหาฉัน!” หลังจากที่มู่เสี่ยวไป๋เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหลี่ฝาง สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว เขาขมวดคิ้ว และตะโกนไปทางเจ้าหัวแบน

แต่ตอนนี้เจ้าหัวแบนเดินไปไกลแล้ว

อันที่จริง จากเสียงตะโกนของมู่เสี่ยวไป๋ เจ้าหัวแบนสามารถได้ยินได้อย่างแน่นอน

เพียงแต่ เจ้าหัวแบนไม่ยอมหันกลับมา และเดินตามโหจื่อไป

“ไอ้เหี้ยเอ๊ย หูหนวกหรือไงวะ!”

หลังจากตะโกนอยู่สองครั้ง เจ้าหัวแบนก็หายวับไปอย่างสมบูรณ์ มู่เสี่ยวไป๋ก็หยุดตะโกนเช่นกันเพื่อเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้

“มู่เสี่ยวไป๋ สรุปนายมาทำอะไรกันแน่? มาหาฉัน หรือว่ามาหาฉินวี่เฟย?” หลี่ฝางเอ่ยปากถาม

พูดถึงชื่อของฉินวี่เฟย สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ก็เครียดขึ้นมาทันที

แม้ว่ามู่เสี่ยวไป๋จะไม่ใส่ใจและไม่ได้ชอบฉินวี่เฟย แต่จะพูดยังไงก็ตาม ฉินวี่เฟยก็เป็นคู่หมั้นของเขา

คู่หมั้นของตนดึกดื่นค่อนคืนอยู่ด้วยกันสองต่อสอง นี่เป็นการสวมเขาอันโตๆ ให้เขาชัดๆ!

ถ้ามู่เสี่ยวไป๋ทนได้ จะเรียกว่าเป็นผู้ชายได้อีกหรือไง?

“หลี่ฝาง ฉันไปติดหนี้แกเมื่อชาติที่แล้วหรือยังไงวะ ทั้งที่แกรู้ว่าฉันชอบหลินชิงชิง แต่แกยังตามพัวพันกับเธอไม่ห่าง ทั้งที่รู้ว่าฉันหมั้นกับฉินวี่เฟย แกกลับพาเธอเข้าไปในวิลล่าส่วนตัวของแก ของทุกอย่างของฉัน แกล้วนต้องเอาไปให้ได้เลยใช่ไหม?” มู่เสี่ยวไป๋พูดไปสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นดุร้าย

“แก้ไขสักหน่อย คนที่พี่ชิงชิงชอบ ไม่ใช่นาย ส่วนฉินวี่เฟย พวกนายยังไม่ได้หมั้นกัน อีกทั้งยังไม่ได้แต่งงานกัน นี่เป็นสิ่งที่พวกผู้อาวุโสของตระกูลตัดสินใจปากเปล่า ทำไม นายยังอยู่ในยุคโบราณหรือไง? ฉันจะบอกนายให้นะ นี่มันศตวรรษที่ 21 แล้ว ไปเรื่องการแต่งงานพวกนั้น ตนเองต้องเป็นคนตัดสินใจ ถ้านายไม่เชื่อ ก็ลองไปถามที่สถานีตำรวจดู ประเทศของเราได้ประกาศใช้กฎหมายการแต่งงานแล้ว”

“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเธอไม่ใช่สิ่งของแต่เป็นคน ยังมีชีวิต พวกเธอล้วนมีความคิดของตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้น พวกเธอเองก็ไม่ใช่ของนาย” หลี่ฝางเดินเข้าไปทางมู่เสี่ยวไป๋และยิ้มอย่างเป็นมิตร

ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋เป็นสีเขียวคล้ำและพูดไม่ออก

อันที่จริง สำหรับตระกูลของมู่เสี่ยวไป๋และฉินวี่เฟย คำพูดของคนรุ่นเก่าถือเป็นคำสั่งประกาศิต ใครก็ต้องฟัง

ต่อให้เป็นเรื่องการแต่งงาน ก็เป็นเรื่องที่ต้องฟังพวกเขา

มู่เสี่ยวไป๋แค่นเสียง เขาเอ่ย “ถ้าแกชอบฉินวี่เฟย ฉันยกเธอให้แกก็ได้แล้ว กลับไปฉันจะไปบอกคุณปู่ ให้เขายกเลิกงานแต่งงานซะ จากนี้ไป พวกเราตระกูลมู่ก็จะไม่ไปหาเรื่องตระกูลฉินอีก”

“เพียงแต่ แกต้องปล่อยหลินชิงชิงออกมา เป็นไง?”

มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝางและพูดด้วยความหวัง “ฉันต้องการแค่หลินชิงชิง ขอแค่ได้หลินชิงชิงมา ความแค้นระหว่างฉันกับแกจะจบลงทันที”

“รวมถึงความแค้นของพี่นายด้วย?” หลี่ฝางถามด้วยรอยยิ้ม

ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ยุ่งเหยิงไปชั่วขณะก่อนจะค่อยพยักหน้า “ใช่ ความแค้นของพี่ชายฉัน ฉันก็จะไม่แก้แค้น”

“ฮ่าฮ่า มู่เสี่ยวไป๋ นายยินดีทำทุกอย่างเพื่อพี่ชิงชิงจริงๆ นะเนี่ย ถ้าพี่ชายของนายได้ยินเข้า เขาจะเสียใจขนาดไหนกันล่ะ” หลี่ฝางกล่าวด้วยรอยยิ้มเยาะเย้ย

มู่เสี่ยวไป๋ไม่พูด

แต่หลี่ฝางกลับเลิกคิ้วและพูดต่อ “มู่เสี่ยวไป๋ นายคิดว่ามาถึงวันนี้แล้ว ฉันยังกลัวนายอีกหรือไง?”

“นายคิดอยากแก้แค้น ก็แค่มาที่นี่ แต่ก็ต้องดูว่านายมีกำลังมากพอแค่ไหน”

“ยังมีความแค้นของพี่ชายนาย อาศัยอะไรมาโยนลงที่พวกเรา ทำไม นายมีหลักฐานหรือไง ไม่มีหลักฐานก็อย่ามาเอาเปรียบกันง่ายๆ ระวังฉันจะฟ้องนายข้อหาหมิ่นประมาท”

“ส่วนหลินชิงชิง ถ้านายมีความสามารถในการจีบหลินชิงชิงติด ฉันไม่เพียงแต่จะยินดีกับพวกนาย แต่ยังไปร่วมดื่มในฉลองงานมงคลของพวกนายด้วย แต่ว่า นายอย่าได้ใช้ลูกไม้อะไรมาบีบบังคับเธอ นายบีบบังคับเสี่ยวโจว ฉันก็โมโหมากพอแล้ว ถ้านายกล้าใช้ลูกไม้แบบนี้ไปบีบบังคับพี่ชิงชิง ฉันก็จะให้นายได้ลองลูกไม้ของฉันบ้าง”

“ฉันบอกนายให้ ตอนที่พ่อฉันหายตัวไป ฉันได้เห็นด้านที่น่าเกลียดที่สุดของมนุษย์ไปแล้ว ถ้านายอยากเล่นกันอย่างยุติธรรม ฉันก็ยินดี ถ้านายอย่างเล่นลูกไม้ ฉันก็จะเล่นกลับเช่นกัน”

“เอาล่ะ พูดจบแล้ว พวกเรามาชำระบัญชีกันเถอะ” หลี่ฝางกล่าว

“ชำระอะไร?” มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกลางไม่ค่อยดี

“เวรเอ๊ย เหยนเสี่ยวน่าเป็นเพื่อนของฉัน นายเรียกเพื่อนฉันมาตีจนเป็นแบบนี้ ไม่ถือว่าติดค้างกันหรือไง? คิดอะไรอยู่น่ะพี่ชาย” หลี่ฝางหัวเราะหึหึพร้อมฟาดเข็มขัดในมือลงมา

เสียงเข็มขัดกระทบอากาศดังขึ้นเพี้ยะ

มู่เสี่ยวไป๋ตกใจจนตัวสั่น

มู่เสี่ยวไป๋กลืนน้ำลายและรีบมองไปที่เหยนเสี่ยวน่า เขาเอ่ยถาม “เหยนเสี่ยวน่า นี่หมายความว่ายังไง? เธอหาคนมาแก้แค้นฉันหรือไง”

มู่เสี่ยวไป๋รู้ว่าเขาไม่สามารถทำให้หลี่ฝางกลัวได้ ดังนั้นเขาจึงเล่นงานไปที่เหยนเสี่ยวน่าแทน

ต้องยอมรับว่า มู่เสี่ยวไป๋เจ้าเล่ห์จริงๆ

ไอ้ตัวเจ้าเล่ห์นี่

เหยนเสี่ยวน่าหวาดกลัวขึ้นมาจริงๆ เธอกลัวว่าหากตระกูลมู่แก้แค้นก็อาจจะเดือดร้อนไปถึงครอบครัวและโรงกลั่นเหล้าของตน เธอรีบวิ่งเข้ามาทันทีและพูดว่า “หลี่ฝาง ช่างเถอะ”

“ทำไมจะได้ช่างเถอะ?”

“หลี่ฝาง…ฉันเรียกนายว่าคุณชายหลี่ก็ได้ นายรู้ไหมว่าถ้านายเอาแส้นี่ฟาดลงไป โรงกลั่นเหล้าที่เปิดดำเนินการมานานกว่าหลายสิบปีของพ่อฉัน อาจจบลงไปทันที นายได้โปรดทำตัวดีๆ เมตตาฉันหน่อย อย่าทำร้ายฉันเลย ได้ไหม? คุณชายมู่ตีฉัน เป็นเพราะฉันไปยุ่งไม่เข้าเรื่อง ฉันสมควรโดนแล้ว” เหยนเสี่ยวน่าคว้าแขนของ หลี่ฝางและขอร้อง

เมื่อเห็นท่าทีของเหยนเสี่ยวน่า มุมปากของมู่เสี่ยวไป๋ก็ยกยิ้มขึ้นอย่างประสบความสำเร็จ

“หลี่ฝาง แกได้ยินรึยัง?” มู่เสี่ยวไป๋มองไปที่หลี่ฝางอย่างอวดดี

หลี่ฝางขมวดคิ้ว เห็นเหยนเสี่ยวน่าเป็นแบบนี้ อันที่จริงในใจของหลี่ฝางก็โกรธอย่างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าเธอเก่งกาจเช่นกัน

เพราะท้ายที่สุดแล้วคนอย่างเหยนเสี่ยวน่ายังคงพิจารณาสถานการณ์โดยรวม

ความสุขเพียงชั่วครู่ ไม่คุ้มค่าที่จะต้องแลกโรงกลั่นเหล้าไป

เหยนเสี่ยวน่ายอมรับเองว่านี่ก็แค่ถูกฟาด? ชีวิตของคนเรา ใครบ้างที่จะไม่ต้องเจอความทรมานสักหน่อย”

หลี่ฝางมองไปที่เหยนเสี่ยวน่า เขาเอ่ย “เรื่องนี้ ให้จบไปแบบนี้?”

“อืมอืม ช่างมันเถอะ หลี่ฝาง พวกเราไปกันเถอะ คุณชายมู่ก็ถือว่าสอนให้ฉันเป็นผู้เป็นคน”

เหยนเสี่ยวน่ามองไปที่มู่เสี่ยวไป๋และพูดว่า “คุณชายมู่ ยังไงก็กว่าได้ถือโทษผู้น้อย เมื่อกี้เสียมารยาทกับคุณแล้ว คุณอย่าได้ใส่ใจ”

“ช่างเถอะ เห็นแก่เธอที่รู้จักเรื่องราว ฉันยกโทษให้”

มู่เสี่ยวไป๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม และเหยียดมือออกไปตบสะโพกของเหยนเสี่ยวน่าที่เบา ๆ “ว่าง่ายจริงๆ วันหลังส่งเหล้าสองขวดไปให้ฉัน เข้าใจไหม?”

“ได้ ได้” เหยนเสี่ยวน่าพยักหน้า

“เธอไปส่งด้วยตัวเอง” มู่เสี่ยวไป๋กำชับ

หลี่ฝางแค่นเสียง มู่เสี่ยวไป๋คนนี้ไม่เพียงแต่มือไม้อยู่ไม่สุข แม้กระทั่งความคิดยังต่ำช้าอีกด้วย

เหยนเสี่ยวน่าเองก็ไม่ใช่คนโง่ แน่นอนว่าเธอเข้าใจความหมายของมู่เสี่ยวไป๋ สีหน้าของเธอปั้นยาก เธอยังไม่ได้แต่งงานนะ หากถูกมู่เสี่ยวไป๋หลับนอนด้วยขึ้นมา อย่างนั้นตนเอง…ไม่จบเห่งั้นเหรอ?

“ทำไม ไม่ยินยอม?” เสียงของมู่เสี่ยวไป๋เย็นลง

“ยินยอม ยินยอม”

เหยนเสี่ยวน่ารับปากไปก่อน จากนั้นกลับไปค่อยให้พ่อของเธอไปขอร้อง

หลี่ฝางจับแขนเหยนเสี่ยวน่า เขาเอ่ย “พอเถอะ มาพูดอะไรกับไอ้โง่นี่ พวกเราไปดูฉินวี่เฟยข้างๆ กัน”

เขาดึงเหยนเสี่ยวน่าและไปที่ประตู

ในเวลานั้นเอง หลี่ฝางผลักเหยนเสี่ยวน่าออกจากประตูไป จากนั้นจึงกระแทกประตูปิดและล็อกเอาไว้

สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋เปลี่ยนไปในทันที

หลี่ฝางหันหน้ากลับมา สีหน้าเผยรอยยิ้มเหี้ยม

“มู่เสี่ยวไป๋ คิดไม่ถึงเลยว่านายจะเอาเรื่องขนาดนี้ ตีเพื่อนฉันก็แล้วไป ยังคิดจะนอนกับเพื่อนฉันอีก?” หลี่ฝางเดินเข้าไปหามู่เสี่ยวไป๋และพูดอย่างเย็นชา

“หลี่ฝาง แกอย่าเข้ามามั่วๆ นะโว้ย” มู่เสี่ยวไป๋ตกใจจนก้าวถอยหลังไปหลายก้าว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน