NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 332

ตอนที่ 332

บทที่332 มู่เสี่ยวไป๋ทั้งนึ่งทั้งทอด

มู่เสี่ยวไป๋พูดว่าหูตัวเองขาดไป ก็เพราะอยากบอกปู่ของตัวเอง ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ล้อเล่น

มู่เจิ้งถังใจเย็นกว่าที่มู่เสี่ยวไป๋จินตนาการไว้ซะอีก ไม่ดูโมโห และพูดจาโผงผางเลย

มู่เสี่ยวไป๋ในตอนนี้ อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโกรธ

ตัวเองใช่หลานชายแท้ๆหรือเปล่า?

หูของตัวเองขาดไปแล้ว ตอบสนองหน่อยไม่ได้เหรอไง?

“ปู่ผมอยากคุยกับคุณ”สุดท้าย มู่เสี่ยวไป๋ก็เอาโทรศัพท์ให้โหจื่ออย่างหดหู่

มู่เสี่ยวไป๋รู้สึกกลัวมาก ถ้าปู่ตัวเองไม่ยอม งั้น……ตัวเองจะทำไง?

โหจื่อรับโทรศัพท์มา ถามออกไปว่า:“ฮัลโหล นี่นายท่านมู่หรือเปล่า?”

“คือเรื่องเป็นแบบนี้ หลานชายคุณค่อนข้างนับถือผม พอเจอหน้าก็ก้มหัวเรียกผมว่าท่าน แล้วก็ จะเอาเงินห้าร้อยล้านให้ผมให้ได้ กลัวชีวิตครึ่งหลังของผมจะไม่มีเงินใช้……ผมน่ะ ก็ไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของหลานชายท่าน ขอถามหน่อยสิ คุณจะให้เงินสด โอนบัญชี โอนAlipay หรือว่าวีแชท”

“อย่าเติมเงินค่าโทรให้ผมล่ะ ไม่งั้นผมได้โทรสุรุ่ยสุร่ายแน่”โหจื่อเยาะเย้ยอย่างร้ายกาจ

เวลานี้เอง โหจื่อไม่มีความซีเรียสเลยสักนิด

เห็นโหจื่อขี้เล่นแบบนี้ มู่เจิ้งถังก็หัวเราะตาม:“น้องชาย คุณอายุเท่าไหร่?”

“ทำไม นายท่านมู่ จะหาคู่ให้ผมเหรอ พอดีเลย ผมอายุยี่สิบห้าปี โสดอยู่พอดี น่าเสียดายที่ไม่มีเงิน ไม่มีรถ ไม่มีบ้าน หน้าตาก็ดีนิดหน่อย แต่สมัยนี้ ผู้หญิงน่ะ เห็นแก่ผลประโยชน์ หน้าตาหล่อเหลาแล้วจะทำไรได้ สังคมนี้ไม่มีความละอายแล้ว เห็นแก่เงิน ดังนั้น นายท่านมู่ได้โปรดเมตตาช่วยผม ให้เงินผมหน่อย ทำให้ผมหาภรรยาได้ ผมจะได้สืบทอดสกุลต่อไป”

ถ้าไม่ใช่ว่ามู่เสี่ยวไป๋บอกมาว่า หูตัวเองขาด มู่เจิ้งถังก็คิดว่าเจอคนสติไม่ดีเข้าให้แล้ว

“ก็แค่หาภรรยา ไม่ต้องใช้เงินมากขนาดนั้นหรอก”

มู่เจิ้งถังได้แต่ยิ้มบางๆ พูด:“ถึงแม้ผมจะไม่รู้ว่าน้องชายมีปัญหาอะไรกับหลานชายผม แต่สุภาษิตว่าไว้ว่า หากละความแค้นจากศัตรูก็จะกลายเป็นมิตร แบบนี้ดีไหม คุณชอบพอสาวบ้านไหน บอกผมมา ผมจะสู่ขอถึงที่ให้คุณ พอพวกคุณแต่งงาน ก็ให้เงินอั่งเปาแต่งงานห้าล้านแก่พวกคุณคู่รักใหม่ ว่าไง?”

“แน่นอนว่า รถ บ้านอะไรก็ตาม ถ้าฝ่ายหญิงขอ ผมก็จะเตรียมให้คุณ”

ห้าร้อยล้าน!

คดีขู่กรรโชกที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียนี้ ก็เพิ่งจะพันล้าน

อีกอย่างพันล้านนี้ ขู่กรรโชกคนรวยที่สุดในเอเชีย ซึ่งตระกูลมู่ สู้หนึ่งในร้อยของคนรวยในเอเชียไม่ได้เลย แล้วจะไปให้เงินขู่กรรโชกที่สูงขนาดนี้ได้อย่างไร

นี่มันล้อเล่น

โหจื่อได้ยิน ได้แต่หัวเราะหึหึ:“นายท่านมู่ ในเมื่อคุณพูดแบบนี้แล้ว ถ้าผมไม่รับ คงทำคุณเสียหน้าแย่ พอดีเลย ผมชอบผู้หญิงอยู่คนหนึ่ง ……”

“อ้อ?ไม่รู้ว่าสาวบ้านไหนช่างเป็นเกียรติได้ขนาดนี้ ถึงได้ถูกน้องชายชอบได้ บอกชื่อเธอมาสิ ตอนนี้ผมจะไปสู่ขอให้เลย ผมเชื่อว่า ผมมู่เจิ้งถังแห่งเมืองเอก ยังมีหน้ามีตาอยู่”มู่เจิ้งถังได้ยิน คิดว่าเรื่องน่าจะเปลี่ยนไป จึงรีบพูด

ที่บอกว่าสู่ขอ มู่เจิ้งถังไม่ได้ให้ความสำคัญขนาดนั้น

เขาก็แค่ขอไปทีโหจื่อเท่านั้น หยุดโหจื่อไว้ พอโหจื่อปล่อยหลานชายเขา เขาก็ค่อยพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ

โหจื่อหัวเราะ พูดว่า:“นายท่านมู่ หญิงสาวคนนี้ไม่ได้อยู่ในเมือง”

“งั้นอยู่ไหน?”

“ต่างประเทศ……ไมรู้ว่าไปต่างประเทศ หน้าของนายท่านมู่ จะคุ้มค่ากับเงิน มีหน้าหรือไม่?”โหจื่อขำอย่างดูถูก

“บอกตรงๆนะ นายท่านมู่ สายตาผมสูงส่งเกินไป ดันไปชอบลูกสาวของจักรพรรดินี ชื่ออะไรองค์หญิงYavin นายท่านมู่ลำบากหน่อยนะ ผมจะเอาที่อยู่บ้านของเธอให้คุณ คุณช่วยไปถามดูให้ผมได้ไหม?”

โหจื่อพูดอย่างไร้ยางอาย เสียงของมู่เจิ้งถัง เริ่มโมโหแล้ว:“เด็กนี่ คุณหลอกผมเหรอ?”

“นายท่านมู่ ผมไม่ได้หลอกคุณจริงๆ ผมชอบองค์หญิงYavinนั่นจริงๆ เรื่องสินสอดอะไรนั่น ค่อนข้างหนัก พูดจริงๆนะ เอากับคุณห้าร้อยล้าน มันไม่พอด้วยซ้ำ ผมยังต้องหาด้วยตัวเองอีกร้อยล้าน เห้อ ผิดที่ผมเอง ชอบใครไม่ชอบ ดันไปชอบองค์หญิง กดดันมากๆ”

โหจื่อถอนหายใจ พูดด้วยใบหน้าจริงจัง

แม้แต่หลี่ฝางยังมองไม่ออกว่าโหจื่อพูดนี่เรื่องจริงหรือล้อเล่น

ยังไงซะมู่เจิ้งถังไม่เชื่อแน่นอน มู่เจิ้งถังพูดด้วยเสียงเย็นชา:“ไม่รู้ว่าน้องชายนามสกุลอะไร ผมไม่รู้ว่าตอนนี้เผชิญอยู่กับเทพบุตรในวังที่ไหน เตือนผมหน่อยได้หรือไม่”

“นายท่านมู่ สรรเสริญผมไปแล้ว ผมไม่ใช่เทพบุตรในวังอะไรหรอกนะ ผมแค่คนข้างถนน ไม่มีคนในครอบครัวสักคน ตอนนี้ทำงานให้คนๆหนึ่ง”

“ทำงานให้ใคร?”มู่เจิ้งถังถามต่อ

“ตระกูลหลี่ไง นายท่านมู่ งั้นคุณให้เงินเดือนผมสูงหน่อยไหมล่ะ ผมจะได้ไปทำงานให้คุณ?หึหึ ช่างมันเถอะ เดี๋ยวผมก็ได้ห้าร้อยล้านแล้ว จะทำงานทำห่าอะไร”

“ห้าร้อยล้าน คุณนี่กล้าพูดจริงนะคำนี้ คนทางตระกูลหลี่ มีความอายมากขนาดนั้นเลยเหรอ?”มู่เจิ้งถังหัวเราะอย่างเย็นชาโดยไม่ปริปากพูด:“น้องชาย คุณรู้จักประโยคนี้ไหม เงินเยอะไปก็ลวกใส่มือ?”

“นายท่านมู่ กลับกันหรือเปล่า ผมได้ยินแค่ว่าเงินเยอะไม่บาดมือ ทำไม นายท่านมู่คิดจะให้แบงค์กาโม่ผมห้าร้อยล้านเหรอ?เอามาให้ผมเผา?ถ้าแบบนั้น ก็ลวกมือจริงๆแหละ”

“ช่างเถอะ นายท่านมู่ ผมว่าคุณเอาห้าร้อยล้านนั่น มาไถ่ตัวหลานชายของคุณเถอะ”

พูดจบ โหจื่อบีบคอมู่เสี่ยวไป๋ เอาโทรศัพท์คืนมู่เสี่ยวไป๋

โหจื่อหยิบปืนออกมา เอาปืนไปจ่อที่หัวของมู่เสี่ยวไป๋:“มู่เสี่ยวไป๋ คุณเป็นหลานแท้ๆหรือเปล่าเนี่ย แม้แต่ห้าร้อยล้านก็ไม่มีค่าพอ?ของที่ไม่มีมูลค่าแบบนี้ ผมว่าลงมือให้จบๆไปเลยดีกว่า”

“เดี่ยว เดี๋ยว!”

มู่เสี่ยวไป๋กลืนน้ำลาย ในสายตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“ยังต้องรออะไรอีก?ปู่คุณแม้แต่ห้าร้อยล้านก็ยังไม่ให้ งั้นก็มีแค่ให้ปู่คุณเตรียมโลงศพละกัน”โหจื่อชักหน้าใส่ พูดเสียงหม่น

“ปู่ผมบอกว่าห้าร้อยล้านมากไปจริงๆ สองร้อยล้านเป็นไง?”มู่เสี่ยวไป๋รีบพูด

“บอกปู่คุณนะ อยากต่อรองนักก็ไปตลาดขายผัก ที่นี่ผมไม่ใช่ตลาดขายผัก”โหจื่อทำเสียงฮึดฮัด

“มู่เสี่ยวไป๋ ผมสงสัยจริงๆว่าพ่อคุณมีลูกนอกสมรสอยู่ข้างนอกหรือไง คุณบอกว่าพี่ชายคุณเป็นคนพิการ ไม่สามารถเป็นหัวหน้าครอบครัวได้ ถ้าคุณวาง ทายาทตระกูลมู่ก็ไม่มีอีกแล้ว คุณเป็นถึงหัวหน้าครอบครัวตระกูลมู่ในอนาคต ทำไม หัวของหัวหน้าครอบครัวตระกูลมู่นี้ ไม่คุ้มค่ากับห้าร้อยล้าน?หรือจะพูดว่าพ่อคุณยังหนุ่มอยู่ จะมีลูกกับแม่คุณอีกสักคน?”

“ช่างเถอะ เรื่องครอบครัวของตระกูลพวกคุณ ผมขี้เกียจจะสนใจแล้ว”

“นับถอยหลังนะ สาม สอง หนึ่ง……”

โหจื่อนับถอยหลังอยากทนไม่ไหว เวลานี้เอง ใบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ก็พูดได้ว่าเหงื่อไหลเป็นทาง

“ปู่ผมรับปากแล้ว”ไม่รอให้มู่เจิ้งถังพูด มู่เสี่ยวไป๋ก็พูดเลย

“ปู่ครับ ผมตายไม่ได้ ถ้าผมตาย ตระกูลมู่ก็ไม่มีผู้สืบทอดแล้ว ห้าร้อยล้าน ตระกูลมู่ของเรา จะไม่มีห้าร้อยล้านเลยเหรอ?”มู่เสี่ยวไป๋พูดกับมู่เจิ้งถังในสาย

“ผมต้องการเวลา อย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์”มู่เจิ้งถังพูดอย่างสบายๆ

“ปู่ผมบอกว่าหนึ่งอาทิตย์”มู่เสี่ยวไป๋เงยหน้าขึ้นด้วยความรู้สึกผิด มองโหจื่อ

โหจื่อแย่งโทรศัพท์ในมือของมู่เสี่ยวไป๋ พูด:“ฮัลโหล มู่เจิ้งถัง จะถ่วงเวลาอะไรผมเหรอ?คิดว่าผมมองคุณไม่ออกเหรอไง?ที่ดินที่ถนนชิงหลงนั่น ผมรู้ว่าคุณวางแผนจะจ่ายเสนอราคาไปห้าร้อยล้าน หมายความว่าในกระเป๋าของคุณมีอยู่ห้าร้อยล้าน”

“ทำไม แค่ที่ผืนเดียว หรือว่ามีมูลค่ายิ่งกว่าชีวิตของหลานชายคุณ?”

“พอละ ไม่ไร้สาระกับคุณต่อละ รีบเอาเงินมาที่สถานตากอากาศ ถ้าคืนนี้ผมไม่เห็นห้าร้อยล้าน งั้นผมก็จะให้คุณดูว่าอะไรที่เรียกว่า มู่เสี่ยวไป๋ทอดใส่น้ำมัน”

โหจื่อหัวเราะอย่างเยือกเย็น:“วางใจเถอะ ผมจะเหลือให้คุณหน่อยก็ได้ ส่งไปถึงบ้านคุณ”

“ผิวนุ่มๆขาวๆของหลานชายคุณ ที่จริงเอาไปนึ่งก็ได้นะ”

โหจื่อพูดจบ ก็วางสาย

มู่เจิ้งถังหน้าถอดสี เขาไม่เคยเห็นนักเลงที่เย่อหยิ่งได้เช่นนี้มาก่อน

มู่เจิ้งถังหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรไปเบอร์หนึ่ง:“ไปเปิดตู้เซฟ เอาห้าร้อยล้านนั้นออกมา!”

เป็นทั้งของทอด และก็เป็นทั้งของนึ่ง จนทำเอามู่เสี่ยวไป๋ตกใจ โหจื่อตบหน้าของมู่เสี่ยวไป๋:“ใจเย็นหน่อย กลัวอะไร ปู่คุณรับไม่ได้หรอกที่จะให้คุณตาย วางใจเถอะน่า”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท