NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 333

ตอนที่ 333

บทที่333 หลี่ฝางแก้แค้นให้จางกงหมิง

มู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้โง่ โหจื่อเป็นคนยังไง มู่เสี่ยวไป๋รับรู้ได้ดี

ตอนนี้ที่จ่อหัว เป็นปืนอันใหม่อีกอัน

บวกกับปืนฉีดน้ำนั้น นี่ถือว่าเป็นปืนที่ห้าแล้ว

มู่เสี่ยวไป๋ใกล้จะพูดไม่ออกแล้ว ผู้ชายคนนี้ เป็นคนหรือว่าเป็นโรงเก็บปืนนะ

พกปืนติดตัวมากขนาดนี้?

จับคอเสื้อมู่เสี่ยวไป๋ขึ้นมา โหจื่อหัวเราะหึหึ:“ไปเถอะ ผมจะหาที่เย็นๆให้ ให้คุณรู้สึกเย็นขึ้นมาหน่อย ดูสิทำคุณร้อนไปหมด เหงื่อเต็มหน้าเลย”

มู่เสี่ยวไป๋มีใบหน้าหวาดกลัว:“รออยู่นี่ไม่ได้เหรอ?”

“ในนี้เย็นมากๆ”

มู่เสี่ยวไป๋แอบรู้สึกว่า สถานที่ที่โหจื่อจะพาเขาไปนี้ ต้องไม่ใช่สถานที่ดีๆแน่

“เหอะๆ คุณชายมู่ คุณบอกว่าคุณเป็นคุณชายผู้สง่างาม ทำไมคุณหามีแววไม่ขนาดนั้นเลยนะ สถานที่นี้ถึงจะลับตาผู้คน แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนผ่านไปมา ผมจับตัวคุณขู่กรรโชกนะ เห้อ ยื่นเงินมาแล้วส่งคนไปให้ในสถานที่แบบนี้ คุณอยากให้ผมตายเหรอไง?”

“อีกอย่าง ตอนนี้คุณคือตัวประกันของผม ผมจะให้คุณไปไหน คุณก็ต้องไป คุณคิดว่าคุณยังมีสิทธิมนุษยชนอยู่หรือไง ถ้าคุณมีสิทธิมนุษยชนคุณจะไม่ถูกเรียกว่าเป็นตัวประกัน”

โหจื่อดึงคอเสื้อของมู่เสี่ยวไป๋ คว้าออกไป

ตอนที่เดินไป เขาชี้ไปที่หมาทิเบตันแล้วพูดเตือน:“หมาทิเบตัน พี่เสี่ยวโจว คุณสองคนก็ไปหาที่เย็นๆเถอะ เลี้ยวไปทางซ้ายมีร้านกาแฟร้านหนึ่ง ที่นั่นมีกาแฟอร่อยมาก”

เสี่ยวโจวขมวดคิ้ว อยากตามไปโหจื่อ มองโหจื่อจะพามู่เสี่ยวไป๋ไปที่นั่น หมาทิเบตันกลับห้ามเขาไว้:“คุณชายมู่ไม่น่าจะมีอันตรายใดๆ พวกเราอย่าไปเลย”

“แต่……”เสี่ยวโจวลำบากใจหน่อยๆ

“แต่อะไรล่ะ ที่นี่คือถิ่นของผม คุณคิดว่าสถานตากอากาศนี้ธรรมดามากเหรอ?ผมบอกคุณให้นะ ชั้นใต้ดินที่คุณเหยียบอยู่นี้ ถูกคนขุดเจาะเป็นโพรงไปแล้ว”

“พวกเราตามไปอย่างสะเพร่าๆ มีความเป็นไปได้ที่จะลากตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้อง”

“พูดถึงตรงนี้แล้ว ถ้าคุณยังอยากไปส่งลา ผมก็ไม่ห้าม”หมาทิเบตันพูดจบ ก็หมุนตัวไปที่ร้านกาแฟตามที่โหจื่อพูด

ในร้านกาแฟ ที่จริงแล้วคนเยอะมาก

หมาทิเบตันชอบอยู่ในที่ที่มีคนเยอะๆ

แค่ส้าวส้วย ไม่พอที่จะทำให้หมาทิเบตันหวาดกลัว ถ้าหากเพิ่มเทพมือปืนไปด้วย หมาทิเบตันก็ต้องพิจารณาอย่างดี

เสี่ยวโจวไม่ได้ตามโหจื่อไป และก็ไม่ได้ตามหมาทิเบตันด้วย แต่เดินไปทางหลี่ฝาง

“ขอโทษนะ เมื่อกี๊ทำพวกเพื่อนๆคุณเกินไป”เสี่ยวโจวเดินเข้ามา พูดกับหลี่ฝางอย่างรู้สึกผิด

“มู่เสี่ยวไป๋สั่งมาเหรอ?”ถึงแม้ตอนนั้นหลี่ฝางเห็นแล้วจะโกรธหน่อย แต่ต่อมาหลี่ฝางก็เปลี่ยนความคิด เสี่ยวโจวไม่ใช่คนแบบนั้นแน่นอน เขาลงมือหนักขนาดนั้น จะต้องเป็นมู่เสี่ยวไป๋สั่งมาเป็นพิเศษแน่

เสี่ยวโจวพยักหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยความขอโทษ:“ขอโทษพวกเขาแทนผมด้วย ไม่ว่าคำสั่งของมู่เสี่ยวไป๋หรือไม่ แต่ยังไงผมก็ลงมือ หนีความผิดนี้ไปไม่ได้”

“โอเค ผมจะขอโทษแทนคุณให้”

หลี่ฝางจับจมูกเบาๆ พูดกับเจ้าหัวแบน:“เอ่อ เจ้าหัวแบน คุณคิดจะช่วยคนชั่วทำชั่วต่อไปจริงๆเหรอ?ที่จริงถ้าคุณยอม ผมพูดโน้มน้าวโหจื่อได้ ห้าร้อยล้านพวกเราไม่เอาแล้ว เอาห้าร้อยล้านแลกกับแม่คุณออกมา ผมเชื่อว่า แลกเปลี่ยนแบบนี้ ตระกูลมู่ต้องเห็นด้วยแน่”

คำพูดหลี่ฝางนี้ ทำให้เสี่ยวโจวประทับใจมาก

ถึงแม้มิตรภาพทั้งสองไม่เลว แต่ห้าร้อยล้านสื่อถึงอะไรนั้น ถึงเสี่ยวโจวจะมีความสามารถแค่ไหน ก็ไม่คู่ควรถึงห้าร้อยล้าน

แต่เสี่ยวโจวยังคงส่ายหน้า พูดว่า:“ช่างเถอะ ไม่มีประโยชน์ หลายปีนี้ ผมก็อยากหลบหนีเงื้อมมือของตระกูลมู่ แต่ไม่มีหนทาง โรคของแม่ผม กลัวว่าทั้งโลกนี้มีเพียงแค่มู่เจิ้งถังคนเดียวที่สามารถรักษาได้ ดังนั้น”

“คนอื่นๆรักษาไม่ได้เหรอ?”หลี่ฝางตกใจหน่อยๆ ทักษะทางการแพทย์ของมู่เจิ้งถังนี้ สูงถึงระดับโลกเลยเหรอ?

“หนึ่งคือมู่เจิ้งถังไม่อนุญาตให้ผมพาแม่ไปหาหมอที่อื่น สองคือเพื่อควบคุมผม มู่เจิ้งถัง ทำอะไรสักอย่างกับยาของแม่ผม ถ้าในหนึ่งอาทิตย์ แม่ผมไม่ได้ดื่มยาน้ำที่มู่เจิ้งถังต้มเอง แม่ผมก็จะเหมือนโดนยาพิษ ตายอย่างรุนแรง ดังนั้น ก่อนที่แม่ผมยังไม่ตาย กลัวว่า ผมต้องภักดีไปกับตระกูลมู่ทั้งชีวิต”

พูดไป เจ้าหัวแบนก็ถอนหายใจ:“รับปากผมมา เสี่ยวฝาง อย่าออมมือกับผมเด็ดขาด”

“ผมคือมีดเล่มหนึ่งของตระกูลมู่ ตอนนี้ดูแล้ว พวกคุณตระกูลหลี่กับตระกูลมู่ กลายเป็นศัตรูกันแล้ว หมายความว่า แค่วินาทีต่อไปเราสองคนก็อาจจะกลายเป็นศัตรูได้”

“ถึงตอนนั้น อย่าใจอ่อนกับผมเด็ดขาด เพราะว่าผมก็ไม่ใจอ่อนให้คุณ เข้าใจไหม?”เจ้าหัวแบนตบไหล่ของหลี่ฝาง พูดเตือน

ไม่รอให้หลี่ฝางตอบ ส้าวส้วยก็เดินหน้าเข้าไปที่เจ้าหัวแบน พูด:“คุณวางใจเถอะ แค่คุณฆ่าเจ้านายผม ผมต้องฆ่าคุณแน่”

ที่ใบหน้าของส้าวส้วย ปรากฏความพร้อมฆ่า

หลี่ฝางมีเมตตา แต่ส้าวส้วยไม่

เมื่อกี๊ส้าวส้วยเห็นความบ้าคลั่งของเสี่ยวโจวไปแล้ว แม่ของเสี่ยวโจวถูกตระกูลมู่คุมตัวไว้ บางทีอาจจะมีสักวันจริงๆ ที่เสี่ยวโจวต้องต่อสู้กับหลี่ฝางเพื่อแก้ปัญหานี้

หลี่ฝางถอนหายใจ ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ถ้าวันหนึ่งส้าวส้วยฆ่าเสี่ยวโจวจริงๆ แล้วตัวเองจะโทษส้าวส้วยไหม?

หลี่ฝางก็ไม่รู้

แต่ถ้าเสี่ยวโจวตายจริงๆ หลี่ฝางคิดว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวดแน่ๆ

ยังไงก่อนที่ยังไม่มาเมืองเอก ก็เป็นเสี่ยวโจว จางกงหมิง และหลินชิงชิงปกป้องตัวเองทั้งนั้น

ถ้าไม่มีพวกเขา ตัวเองก็ไม่รู้ว่าต้องล้มลุกคุกคลานแค่ไหน

และตอนนี้ จางกงหมิงกับเสี่ยวโจว ต่างตกอยู่ในอำนาจของมู่เสี่ยวไป๋ ขายชีวิตไปให้มู่เสี่ยวไป๋แล้ว

คิดถึงตรงนี้ หลี่ฝางก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ โชคชะตากลั่นแกล้งคนจริงๆ

“เจ้าหัวแบน จางกงหมิงเป็นอะไรไป?เมื่อกี๊เขาแอบโทรหาผม บอกว่ามู่เสี่ยวไป๋ซื้อปืนมาหลายอัน เตรียมจะจัดการผม”หลี่ฝางคิดถึงจางกงหมิง ถามออกไป

“ปืนไม่กี่เล่มพวกนั้น ไม่ได้เอามาจัดการคุณ แต่เอามาจัดการคนข้างๆคุณ”

เจ้าหัวแบนหันหน้าไปมองส้าวส้วย:“หมาทิเบตันมาที่นี่สำหรับคุณโดยเฉพาะ เขารู้ว่าคุณคือใคร รู้จักตัวตนของคุณดีผิดปกติ เขามา เพื่อ เอาปืนกับมู่เสี่ยวไป๋โดยเฉพาะ เขาต้องการปืน หมายความว่าไม่มีปืน ก็ไม่มีทางเอาชนะคุณได้”

“ฝีมือของหมาทิเบตันผมเห็นมาแล้ว เขาคือคนที่สุดยอดที่สุดที่ผมเคยเห็น ดูเหมือน คุณจะสุดยอดเหมือนเขา และยังเจ๋งกว่าเขาด้วย”

“คิดมาตลอดว่าคุณเป็นคนฝีมือดี คิดไม่ถึงว่า ผมจะประเมินคุณต่ำเกินไป”เจ้าหัวแบนมองส้าวส้วย ยิ้มบางๆ ในแววตา เต็มไปด้วยความชื่นชม

คนที่ฝึกกำลังภายใน จึงนับถือพลังแห่งวิทยายุทธ์กันเอง

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะๆ:“ผมกับหมาทิเบตันพอๆกัน แต่สุดท้ายคนที่ตายยังไงก็เป็นเขา”

เจ้าหัวแบนหัวเราะตาม ไม่ได้พูดพล่อยกับส้าวส้วยต่อ

“จางกงหมิงเกิดเรื่องแล้ว”เจ้าหัวแบนหันหน้าไป พูดกับหลี่ฝาง

สีหน้าของเจ้าหัวแบน จริงจังหน่อยๆ:“จางกงหมิงกำชับผมมา ให้ผมอย่าบอกพวกคุณ แต่ผมว่าเรื่องนี้ ไม่ช้าก็เร็วคุณก็จะรู้”

“หมาทิเบตันเกือบทำจางกงหมิงตาย เหลือแค่ลมหายใจให้เขา เห้อ เพราะผมเอง เดิมทีมู่เสี่ยวไป๋จะให้ผมลงมือ แต่ผมทำใจไม่ค่อยได้ ลังเลอยู่หน่อยๆ จากนั้น มู่เสี่ยวไป๋จึงอาหน้าที่นี้ให้หมาทิเบตัน ถ้าไม่ใช่มู่เสี่ยวไป๋ที่ห้ามไว้ทัน เกรงว่า จางกงหมิงก็คงจะตายแล้ว”

“อะไรนะ!”หลี่ฝางกัดฟัน ใบหน้าดูโหดร้ายขึ้นมา:“หมาทิเบตันไอ้ระยำนี่……”

“เห้อ ไม่มีทาง เสือคือคนที่มู่เสี่ยวไป๋สร้างขึ้นมาด้วยมือเดียว ไม่รู้ว่ามู่เสี่ยวไป๋หมดพลังและเลือดเนื้อไปเท่าไหร่แล้วกับเสือ สุดท้าย มู่เสี่ยวไป๋ต้องนอนที่โรงพยาบาลหลายวัน พอออกมาเสือแทบดันพิการเกือบตายไปแล้ว คุณว่า มู่เสี่ยวไป๋จะไม่โกรธได้เหรอ?”เจ้าหัวแบนพูดนิ่งๆ

“เสือโดนหวางเห้าทำพิการ แล้วเกี่ยวอะไรกับจางกงหมิง?”หลี่ฝางขมวดคิ้วรู้สึกไม่ยุติธรรมต่อจางกงหมิง

“ใช่ แต่จางกงหมิงกับหวางเห้า เคยเสเพลกับพวกคุณ ตรงนี้ มู่เสี่ยวไป๋รู้ดี คุณว่า มู่เสี่ยวไป๋จะไม่โมโหได้ไง?”

“ที่จริงมู่เสี่ยวไป๋ฉลาดมาก เขารู้ทุกอย่าง เขารู้ว่าเสือร่วมมือกับห้าวหนาน แอบซุ่มโจมตีเรื่องของจางกงหมิง และก็รู้เรื่องที่เสือจะเอาจางกงหมิงให้ตาย แต่มู่เสี่ยวไป๋ไม่พูดอะไร ในเมื่อไม่ได้ห้ามเสือ และไม่ได้เตือนจางกงหมิง จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา ก็คือหยั่งเชิงจางกงหมิง เขาอยากดูว่าถ้าจางกงหมิงถูกบีบจนหมดหนทาง จะไปขอใครช่วย”

“ถ้าจางกงหมิงโทรหาผมกับมู่เสี่ยวไป๋ เขาก็ไม่เป็นไรแล้ว แต่สุดท้ายเขาเลือกพวกคุณ”

หลี่ฝางได้ยิน ก็ขมวดคิ้วแน่น มู่เสี่ยวไป๋นี้ น่าสงสัยจริงๆ

“แต่คุณอย่ากังวลไปเลย ในเมื่อครั้งนี้จางกงหมิงไม่ตาย พอเขาออกจากโรงพยาบาล จะต้องได้อยู่ในตำแหน่งสำคัญแน่”เจ้าหัวแบนพูดปลอบใจหลี่ฝาง

หลี่ฝางจะทนฟังต่อไปได้ไง เขาก้าวไปข้างหน้า โทรหาโหจื่อ

“คุณอยู่ไหน?โหจื่อ”หลี่ฝางถามอย่างเย็นชา

“ทำไม เจ้านายน้อย ฟังจากน้ำเสียงคุณแล้ว เหมือนจะโมโห?”โหจื่อถามที่ปลายสาย

หลี่ฝางพูดตรงๆ:“โหจื่อ ผมอารมณ์ไม่ดี อยากไประบายมู่เสี่ยวไป๋หน่อย okไหม?”

“คุณคือเจ้านายผม คุณว่าไงก็ว่างั้นแหละ ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่กับมู่เสี่ยวไป๋ คุณลงไปหาเขาที่คุกใต้ดินเถอะ”โหจื่อพูดจบ ก็วางสาย

ห้านาทีถัดมา หลี่ฝางกับส้าวส้วยมาตรงทางเข้าห้องคุกใต้ดิน

เสี่ยวโจวไม่ได้ตามมา เขาไปหาหมาทิเบตันที่ร้านกาแฟ

ส้าวส้วยใส่รหัส หลี่ฝางเข้าไปในคุกใต้ดิน ตอนนั้นมู่เสี่ยวไป๋กำลังพยายามร้องตะโกนขอชีวิตอย่างสุดพลัง มือเท้าของเขา ก็ถูกโซ่เหล็กมัดไว้

มองเห็นหลี่ฝาง สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ดูไม่ดีมาก

“พวกคุณมาได้ไง?”มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝางแล้วถาม:“หรือว่าปู่ผมมาแล้ว ก็เลยมาปล่อยผมไป?”

“หลี่ฝาง ขอร้องล่ะ รีบปล่อยผมไปเถอะ ผมเป็นโรคกลัวที่แคบ อยู่นี่ ผมได้ตายแน่”

หลี่ฝางไม่ได้พูด หยิบกระบองมาจากที่พื้นอันหนึ่ง เดินไปที่มู่เสี่ยวไป๋

“หลี่ฝาง คุณจะทำอะไร?”เห็นหลี่ฝางท่าทางน่ากลัว หน้าของมู่เสี่ยวไป๋ก็ซีด

“มู่เสี่ยวไป๋ ไอ้บัดซบเอ๊ย!”

หลี่ฝางมาตรงหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ไม่พูดอะไร ก็เตะไปที่ท้องของมู่เสี่ยวไป๋ ปักกระบองใส่เข้าไป

เสียงดังปักขึ้นมา ในปากของมู่เสี่ยวไป๋ ก็ส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมา

“สบายไหม?มู่เสี่ยวไป๋ เอาอีกรอบไหมล่ะ?”หลี่ฝางจ้องมู่เสี่ยวไป๋ เผยรอยยิ้มชั่วร้าย

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท