NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 340

ตอนที่ 340

บทที่340 คุณกำลังดูถูกผมเหรอ?

“ยัยสาวน้อยตระกูลฉิน หน้าตาดูมีน้ำมีนวลมาก”

“รีบมานี่ ให้ปู่ดูหน่อยสิ”

มู่เจิ้งถังลุกขึ้น แสดงสีหน้าเมตตาต่อฉินวี่เฟย

ถ้าหากเป็นเมื่อก่อน มู่เจิ้งถังจะเป็นมิตรกับรุ่นน้องแบบนี้ได้ไงกัน?

“สาวน้อย หน้าคุณเป็นอะไรไป?”ใบหน้าของมู่เจิ้งถังเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขามองฉินวี่เฟยอย่างรักทะนุถนอม น้ำเสียงจู่ๆก็เย็นชา:“นี่ใครทำคุณล่ะ?”

“นอกจากหลานชายคุณ จะมีใครได้?”หลี่ฝางหัวเราะอย่างเยือกเย็น

“พูดอะไรไร้สาระ สาวน้อยคนนี้เป็นถึงคู่หมั้นของหลานชายผม หลานชายผมจะทำเรื่องระยำเช่นนี้ได้ไง?”มู่เจิ้งถังไม่ค่อยเชื่อนัก รีบหันไปมองมู่เสี่ยวไป๋

ในตอนนี้มู่เสี่ยวไป๋ รีบก้มหน้าอย่างร้อนตัว

มู่เจิ้งถังขมวดคิ้ว:“ไอ้หมอนี่ แผลที่หน้าของสาวน้อยคนนี้ คุณทำจริงๆเหรอ?”

มู่เสี่ยวไป๋ไม่กล้าพูด ได้แต่พยักหน้าเบาๆ

“ไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ ทำไมถึงได้ลงมือทำเรื่องที่บ้าคลั่งได้ขนาดนี้?สาวน้อยคนนี้ทำอะไรผิด?ทำไมคุณต้องลงมือได้อำมหิตขนาดนี้?”

มู่เจิ้งถังโมโหมาก ยกไม้เท้าขึ้นมา ตีไปที่หลานชายของตัวเองแรงๆ

ถ้าหากเป็นปกติ มู่เจิ้งถังไม่ลงมือกับหลานชายตัวเองรุนแรงขนาดนี้

แต่ครั้งนี้ มู่เจิ้งถังมีจุดประสงค์อื่น

เขาต้องการระงับความโมโหในใจของฉินวี่เฟย ก็ต้องตีให้แรงหน่อย

หัวใจของหญิงสาว ต่างทำมาด้วยน้ำ ง่ายที่จะรู้สึกเห็นอกเห็นใจ

หลังจากตบตีไอย่างรุนแรง ไม่ว่ามู่เสี่ยวไป๋ทำผิดอะไร ฉินวี่เฟยก็ให้อภัยเขา

มู่เสี่ยวไป๋ก็ให้ความร่วมมือมาก ทุกครั้งที่มู่เจิ้งถังเอากระบองลงใส่ เขาก็จะกรีดร้องเหมือนหมูถูกฆ่า น่าเวทนาสุดๆ ทำให้ทุกคนในห้อง ต่างหัวเราะออกมา

ไม่ผิด นอกจากมู่เจิ้งถังแล้ว ทุกคนต่างหัวเราะ

ตีไปสักพัก มู่เจิ้งถังก็มองมู่เสี่ยวไป๋ต่อไปไม่ไหว จึงหยุดลง พูด:“สาวน้อย ไม่ว่าเหตุผลใดๆ ผู้ชายคนนี้ก็ทำผู้หญิงของตัวเองไม่ได้ ดังนั้น เรื่องนี้ คือความผิดของเสี่ยวไป๋”

“ก็หวังว่าสาวน้อยจะเห็นแก่หน้าปู่ ให้อภัยเสี่ยวไป๋ครั้งนี้ ผมรับประกันเลย ต่อไปเสี่ยวไป๋จะไม่ทำร้ายคุณอีก”มู่เจิ้งถังรับประกันแทนมู่เสี่ยวไป๋หลานชายตัวเอง

“ไอ้แก่สมควรตาย อย่าเจ้าเล่ห์ให้มันมากนัก ทำไม ต่อหน้าคุณหนูฉิน จึงตีหลานชาย อยากให้คุณหนูฉินยกโทษหลานชายคุณเหรอ?มีเหตุผลนี้ด้วยเหรอ?”

“ถ้าตีแล้วปล่อยเรื่องนี้ไปได้ งั้นจะมีลุงตำรวจไว้ทำไม?มีกฎหมายไว้ทำไม?”

“ไอ้แก่สารเลว ยังจะคิดแผนการได้จริงๆ”

โหจื่อกลอกตาใส่มู่เจิ้งถัง พูดกับฉินวี่เฟย:“คุณหนูฉิน คุณอย่าใจอ่อนเด็ดขาด”

ฉินวี่เฟยไม่พูดอะไร ได้แต่มองสายตาของมู่เสี่ยวไป๋ เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู

มู่เจิ้งถังใช้ชีวิตมาตั้งนานหลายปี จากการสังเกตโดยธรรมชาติ ก็เข้าใจขึ้นมาทันที กลยุทธ์ทุกข์กายของตัวเองเมื่อกี๊ แค่มองก็รู้แล้วว่าชนะใจของฉินวี่เฟยไม่ได้

ในใจของมู่เจิ้งถังหม่นลง ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม:“สาวน้อย เสี่ยวไป๋น่าจะร้อนใจไปหน่อย คุณอย่าไปทะเลาะกับคนความคิดต่ำกว่าเลยนะ ……”

“ร้อนใจ?นั่นร้อนใจไปหน่อยเหรอ?ทั้งจับมัดทำร้ายร่างกาย นี่มันทารุณกรรมชัดๆแม่เอ๊ย!”โหจื่อพูดอย่างเยือกเย็น

มู่เจิ้งถังจ้องโหจื่อเขม็ง:“ผมถามยัยสาวน้อย คุณมายุ่งอะไรด้วย?”

“เอาแต่พูดสาวน้อยๆ ทำไมคุณเสี่ยวได้ขนาดนี้!คุณหนูฉินเกี่ยวข้องอะไรกับคุณสักแดงไหม?ผมบอกคุณให้นะ ไอ้แก่สารเลว เมื่อกี๊ผมเห็นผู้บัญชาการตำรวจหูอยู่ข้างนอกประตูแหละ ไม่งั้น ให้ผมเรียกเขามาไหม?”

โหจื่อหัวเราะหึๆ มองฉินวี่เฟย:“คุณหนูฉิน คุณแจ้งความเหรอ?”

“ไม่ใช่”ฉินวี่เฟยส่ายหน้า ไม่อยากพูดมากเท่าไหร่นัก

นี่คือหลังจากที่ฉินวี่เฟยเข้าไปในห้องประชุม ก็พูดครั้งแรก

นี่คือสิ่งที่หลี่ฝางกำชับฉินวี่เฟย อย่าได้เปิดปากพูดจนกระทั่งไม่มีทางเลือก

มู่เจิ้งถังคือคนที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งในเมืองเอก เป็นคนที่ถือว่าเป็นตัวแปรสำคัญ แม้แต่คุณท่านฉินก็ต้องไว้หน้าเขา ฉินวี่เฟยที่เป็นรุ่นน้อง จึงไม่กล้าพูดอะไร

ดังนั้น เรื่องที่ทำให้ขุ่นเคือง ก็ส่งให้หลี่ฝางจัดการ

แต่ใครจะไปรู้ โหจื่อกลับชิงแย่งไปก่อน เขาทำให้มู่เจิ้งถังโมโหสุดๆ

“เป็นตำรวจที่ผมแจ้งมาเอง พวกคุณจับตัวหลานชายของผม ขู่กรรโชกผมห้าร้อยล้าน หรือว่าผมไม่ควรแจ้งความ ปล่อยให้พวกคุณทำเรื่องเลวๆแบบนี้เหรอ?”มู่เจิ้งถังมองโหจื่อ พูดอย่างเย็นชา

“ไอ้แก่สารเลว ผมว่าคุณพูดจามั่วนิ่มอะไรหรือเปล่า ไม่ใช่บอกคุณไปแล้วเหรอไง ล้อเล่น ล้อเล่นน่ะ พวกเรากำลังล้อเล่นคุณ ตลกจริง คุณยังจะแจ้งความอีก?พวกเราไปจับตัวหลานชายคุณเมื่อไหร่กัน?แล้วคุณให้ห้าร้อยล้านพวกเราเมื่อไหร่เหรอ”โหจื่อกลอกตาใส่ มองมู่เจิ้งถังอย่างหมดคำพูด

“เอาแต่พูดไอ้แก่สารเลว ท่านหลี่ คุณอบรมสั่งสอนคนพวกนี้อย่างนี้เหรอ?”

มู่เจิ้งถังหันหน้าไป มองหลี่ต๋าคาง ส่วนหลี่ต๋าคางในตอนนี้ ฟุบนอนลงไปที่โต๊ะประชุม นอนกรนอยู่เรื่อยๆ

“ใช่สิ ห้าร้อยล้าน”

มู่เจิ้งถังสติฟั่นเฟือนจริงๆ เวลานี้เขาถึงนึกเรื่องห้าร้อยล้านขึ้นได้

เดี๋ยวก็หลานชายตัวเองถูกหักขา เดี๋ยวก็หลานชายตัวเองเผชิญหน้ากับจำเลย ทันใดนั้นก็ทำให้มู่เจิ้งถังที่นิ่งมาตลอดเสียความรู้สึก

ถ้าไม่ใช่ว่าโหจื่อเตือนว่าหูเฟยมาแล้ว มู่เจิ้งถังคงลืมเรื่องห้าร้อยล้านไปแล้ว

มู่เจิ้งถังหยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาคนพวกนั้นที่รถบรรทุก แต่โทรไปสี่ห้าครั้งก็ยังไม่มีคนรับสักคน

เวลานี้ ในใจของมู่เจิ้งถังก็รู้สึกไม่สบายใจ

ตอนนี้เอง รถบรรทุกก็น่าจะมาถึงสถานตากอากาศแล้ว

ถึงยังไม่ถึง ก็ไม่ใช่ว่าควรรับสายหรอกเหรอ?

มู่เจิ้งถังรีบโทรหาหูเฟย พอโทรติด ไม่ทันรอให้มู่เจิ้งถังพูด หูเฟยก็พูดก่อน:“ท่านมู่ ผมเพิ่งได้รับข่าวว่า ที่เนินเขาแอปริคอทมีไฟลุกไหม้ เกิดเรื่องขึ้น มีรถพลิกคว่ำคันหนึ่ง แล้วก็คนบนรถหลายคันนั้น ก็ได้รับบาดเจ็บทั้งรุนแรงสาหัสและเล็กน้อยต่างกัน”

“รถบรรทุกของผมเหรอ?”สีหน้าของมู่เจิ้งถัง ซีดขาวทันที

“ดูเหมือนจะใช่นะครับ……”หูเฟยพูดอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก:“แต่ เงินที่อยู่ในรถ ไม่เห็นสักสตางค์”

“อีกอย่าง สิบกว่านาทีก่อนหน้านี้ ในเมือง ชานเมือง แล้วก็อีกหลายๆที่ของเมืองเอก มีเงินโปรยลงมา จากปากของพยาน เหมือนจะเป็นเครื่องบินส่วนตัวทิ้งลงมา”

“ท่านมู่ นี่คงไม่ใช่เงินคุณใช่ไหมครับ?”หูเฟยพูดเสียงเบา ไม่กล้าส่งเสียงดัง

ห้าร้อยล้าน ถ้ามู่เจิ้งถังหายไปห้าร้อยล้านจริงๆ จะต้องโกรธมากแน่

มู่เจิ้งถังตะลึงนิ่งไปหมด หลายปีนี้ มู่เจิ้งถังไม่เคยตื่นตระหนกมาก่อน แต่ตอนนี้ เขากลับกังวล

ห้าร้อยล้านนี่ ปีหนึ่งตระกูลมู่หาได้แค่ไหน?

ตอนนี้ พูดว่าไม่มีก็คือไม่มี?

“สืบได้ยังว่าใครทำ?”แป๊บเดียว ใบหน้าของมู่เจิ้งถังก็ดูคมกริบ เสียงดูดุดันขึ้นมา

“กำลังสืบครับ ท่านมู่ โปรดวางใจเถอะ เรื่องนี้ผมจะทุ่มเทสุดๆ จับโจรมาให้คุณได้อย่างไว”หูเฟยพูดเสียงหนักแน่น

ห้าร้อยล้านถูกปล้นไป ต่างเป็นคดีสุดช็อกไปทั้งประเทศ

แต่ที่สำคัญ โจรปล้นก็ทำตัวตามอำเภอใจมากๆ

ปล้นเงินไป ดันขับเครื่องบินส่วนตัวเอาเงินไปโปรย

หมายความว่าไง?

อย่างแรกบอกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้ไม่มีเงิน ถ้าไม่มีเงิน คงไม่เอาห้าร้อยล้านไปเททิ้ง และก็คงไม่ใช้เครื่องบินส่วนตัว

อย่างที่สอง โจรปล้นไม่ได้ทิ้งหลักฐานที่ก่ออาชญากรรมใดๆไว้

ตามที่คนบนรถบรรทุกให้การ คนกลุ่มนี้ ต่างปิดหน้า พูดด้วยสำเนียงต่างถิ่น

เบาะแสกลับมีก็คือ เครื่องบินส่วนตัวสองลำนั้นคือเบาะแสที่ดีที่สุด

ก็แค่ คนที่มีเครื่องบินส่วนตัว สถานะธรรมดาเหรอ?

ถึงหูเฟยโง่แค่ไหน ก็ไม่กล้าไปจับเจ้าของของเครื่องบินส่วนตัวโดยไม่มีหลักฐาน

ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าของเครื่องบินส่วนตัวทำ แต่ยังไม่มีหลักฐาน หูเฟยก็ไม่กล้าลงมือมั่วๆ

เอาเครื่องบินส่วนตัวไปสืบได้ดี แต่ที่สำคัญคือ เขาจะยอมรับเหรอว่าเป็นตัวเองปล้นมา?

ถ้าเขาบอกว่าของตัวเอง คุณจะทำไรได้?

ดังนั้น หูเฟยปวดหัวมากๆ สำหรับเขาแล้ว นี่เป็นคดีที่ยุ่งยากมาก

เวลานี้เอง โหจื่อจึงแย่งโทรศัพท์มาจากมือของมู่เจิ้งถัง:“ผู้บัญชาการตำรวจหู ใช่ไหม?ที่นี่มีคดีข่มขืน ต้องการให้ท่านมาจัดการหน่อยครับ”

“คุณอยู่หน้าประตูสถานตากอากาศใช่ไหม?คดีนี้เกิดขึ้นในสถานตากอากาศ”

สีหน้าของมู่เจิ้งถัง หม่นลงขั้นสุดทันที เขามองโหจื่อ สายตาเย็นชา:“เป็นพวกคุณที่ปล้นเงินผมไปเหรอ?”

“ตั้งแต่แรกแล้วที่พวกคุณไม่ได้จับตัวมาเรียกกรรโชก แต่ให้ผมเอาเงินออกมาจากเซฟ จากนั้นพวกคุณก็ถือโอกาสปล้นไป”

เวลานี้มู่เจิ้งถังจึงเข้าใจความตั้งใจที่แท้จริงของโหจื่อ

แต่น่าเสียดาย ที่สายไปแล้ว

โหจื่อหัวเราะหึๆ:“ท่านมู่ คุณพูดอะไรทางที่ดีควรมีหลักฐาน นี่ไม่มีหลักฐาน คุณก็แค่โจมตีใส่ร้ายคนอื่น เป็นการปรักปรำ เข้าใจไหม?”

“อย่าคิดว่าเห็นแก่อายุคุณ ผมจะไม่คิดบัญชีกับคุณ ถ้าคุณพูดมั่วซั่ว ผมก็จะแจ้งตำรวจฟ้องคุณซะ”

โหจื่อเลิกคิ้วขึ้นพูดยิ้มๆ:“ผมจะโทรหาตำรวจบอกเลยตอนนี้”

โหจื่อก้มลงมองโทรศัพท์ พูดอย่างหดหู่เล็กน้อย:“ทำไมวางสายใส่ผมล่ะ ผมจะแจ้งความนะ เห้อ”

มู่เจิ้งถังไม่รีบร้อนขอมือถือ พอมองโหจื่อ ก็ไปตรงหน้าหลี่ต๋าคาง ตบโต๊ะแรงๆ:“ท่านหลี่ คุณจะแกล้งหลับไปถึงไหน?”

เวลานี้ มู่เจิ้งถังโมโหแล้วจริงๆ โมโหจนอยากจะฉีกหน้าหลี่ต๋าคาง

หลังจากตบโต๊ะไปสองสามที หลี่ต๋าคางจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้น ขยี้ตาที่หรี่ลงของตัวเอง

“ท่านมู่ เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลี่ต๋าคางลืมตา มองมู่เจิ้งถังอย่างไร้เดียงสา ถามว่า:“ท่านมู่ ใบหน้าของคุณนี้ ถูกใครทำให้โกรธเข้าล่ะ โกรธจนหน้าแบบนี้เลย?”

“โหจื่อ มานี่!”

หลี่ต๋าคางมองโหจื่อ พูดอย่างเย็นชา:“ผมถามคุณ คุณไปแหย่อะไรท่านมู่ใช่ไหม?”

“ลูกพี่ จะเป็นไปได้ไงล่ะ?ผมนับถือท่านมู่เหมือนแม่น้ำเหลือง พูดเป็นต่อยหอย ……ใช่ไหม ท่านมู่?”โหจื่อยิ้มอย่างถ่อมตัว

“ไม่ใช่คุณ งั้นเป็นใคร ส้าวส้วยเหรอ?”หลี่ต๋าคางมองไปที่ส้าวส้วยอีกครั้ง

“ลูกพี่ ผมไม่ได้พูดอะไรสักคำ”ส้าวส้วยยักไหล่

มู่เจิ้งถังหรี่ตาหน่อยๆ มองหลี่ต๋าคาง เขาทำเสียงฮึดฮัด:“ทำไม เห็นผมมู่เจิ้งถังเป็นโหจื่อ ที่เล่นด้วยได้เหรอไง?”

“ท่านมู่ คุณแย่งชื่อผมไปได้ไง ผมต่างหากโหจื่อ”โหจื่อพูด

“เหอะๆ ท่านหลี่ ผมได้ยินว่าท่านมีเครื่องบินส่วนตัวสองลำที่อยู่ในนาม ใช่ไหม?”มู่เจิ้งถังมองแล้วถามหลี่ต๋าคาง

“ใช่สิ ทำไม ท่านมู่อยากนั่งเหรอ?ถ้าอยาก ผมก็จะให้พวกเขาขับมา ให้คุณนั่ง”หลี่ต๋าคางพูดทันที

“เครื่องบินผมไม่นั่งหรอก ผมกลัวความสูง ก็แค่ ท่านหลี่ บนฟ้าของเมืองเอกวันนี้ มีเครื่องบินส่วนตัวสองลำปรากฏ และเครื่องบินส่วนตัวก็ปล่อยเงินมานับไม่ถ้วน รวมแล้วประมาณหลายร้อยล้าน และก็พอดีเลย ในเวลานั้น ผมถูกคนปล้นไปห้าร้อยล้าน ที่เนินเขาแอปริคอท”

“ท่านหลี่ คุณว่าเรื่องนี้บังเอิญไปหน่อยไหม”มู่เจิ้งถังมองหลี่ต๋าคาง ท่าทางค่อยๆเย็นชาลง

“ท่านหลี่ คุณอย่าพูดล่ะว่าเรื่องนี้คุณไม่รู้ เครื่องบินส่วนตัวนี้ ไม่ใช่คำสั่งคุณ ลูกน้องคุณ ก็น่าจะไม่มีอำนาจใช้สินะ?”

หลี่ต๋าคางพยักหน้า พูด:“บังเอิญขนาดนี้เชียว วันนี้ไม่ใช่วันเปิดสถานตากอากาศอย่างเป็นทางการเหรอ?ผมเลยกดมาห้าร้อยล้าน เตรียมเฉลิมฉลองไปกับทุกคน จึงโปรยเงินเป็นสายฝน ให้ทุกคนมีความสุข คุณก็รู้ ตระกูลหลี่ของพวกเราไม่ขาดเงินมากที่สุดแล้ว สำหรับเงินแล้ว ก็เหมือนสายฝนที่ตกพรำๆ”

“ท่านมู่ คุณคงไม่คิดว่าเป็นพวกเราตระกูลหลี่ปล้นเงินคุณไปหรอกนะ?”

หลี่ต๋าคางขมวดคิ้ว ตบโต๊ะ พูดด้วยสีหน้าโกรธๆ:“ท่านมู่ คุณกำลังดูถูกผมเหรอ? ตระกูลหลี่ของพวกเรา ไม่มีห้าร้อยล้าน?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท