NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 351

ตอนที่ 351

บทที่351 ห้าหกสิบล้าน เงินเล็กๆน้อยๆ…

“หยุด”พอเข้าใกล้ส้าวส้วย ตำรวจที่หน้าประตูก็เรียกเขาไว้ด้วยเสียงคมกริบ

“ทำอะไรน่ะ?”ตำรวจถาม

ส้าวส้วยหัวเราะแห้งๆ:“เจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมคือเพื่อนของมู่เสี่ยวไป๋ มาเยี่ยมเขาน่ะ”

ในตอนที่พูดไปนั้นเอง ในมือของส้าวส้วยก็มีลูกแก้วขึ้นมาอันหนึ่ง เปิดประตูห้องคนไข้ของมู่เสี่ยวไป๋ออก

ในห้องคนไข้ ตรงกลางมีโต๊ะเล่นไพ่นกกระจอกตัวหนึ่ง มู่เสี่ยวไป๋กำลังเล่นไพ่นกกระจอกอย่างสนุกสนาน กับผู้ชายคนหนึ่งและผู้หญิงอีกสองคน

“เจ้าหน้าที่ตำรวจ การเฝ้ายามของพวกคุณมีปัญหานะ!”ส้าวส้วยยิ้มอย่างร้ายกาจ

สีหน้าตำรวจสองคนลำบากใจหน่อยๆ หันหน้าไป พูดกับในห้องคนไข้ว่า:“นี่ทำอะไรเนี่ย ที่นี่คือโรงพยาบาล ทำไมถูกพวกคุณทำเป็นสถานที่เล่นไพ่นกกระจอกได้?”

ที่นี่คือห้องคนไข้ส่วนตัว ด้านในมีแอร์ โทรทัศน์ ห้องน้ำส่วนตัว และก็คอมพิวเตอร์กับเก้าอี้นั่งเล่นเกม

หลี่ฝางเห็นฉากนี้ ก็ทำเสียงฮึดฮัดอย่างเย็นชา:“นี่รักษาอาการบาดเจ็บ หรือว่าพักร้อนกันเนี่ย?”

สีหน้ามู่เสี่ยวไป๋เปลี่ยนไป จับไม้ค้ำยืนขึ้น:“ไม่เล่นแล้ว เก็บไพ่นกกระจอกเถอะ”

จากนั้น มู่เสี่ยวไป๋ก็เอนไปที่เตียงคนไข้ พูดกับผู้หญิงคนหนึ่ง:“เสี่ยวเหลียน มาปอกกล้วยให้ผม”

หลี่ฝางเดินเข้าไปทันที และก็ไม่สนการห้ามของตำรวจ:“รีบเอ็นจอยหน่อยละกัน อีกไม่กี่วันเข้าคุก คุณก็ไม่สบายอย่างนั้นแล้ว”

“หลี่ฝาง คุณนี่ใสซื่อจริงๆ”มู่เสี่ยวไป๋หัวเราะเหอะๆ มองหลี่ฝางอย่างเหยียดหยาม:“คุณคิดว่าจะเอาผมเข้าคุกได้จริงๆเหรอ?”

หลี่ฝางพยักหน้า:“จุดนี้ ผมเชื่ออย่างไม่สงสัย”

“โอเค งั้นผมจะพูดตรงนี้ ถ้าผมถูกคุณเอาเข้าคุกจริงๆ อย่าลืมไปเยี่ยมผมนะ ถึงตอนนั้น ผมจะก้มหัวให้คุณสองที”มู่เสี่ยวไป๋ส่ายหน้าให้หลี่ฝางอย่างเหยียดหยาม

เวลานี้ เสี่ยวเหลียนก็ปอกเปลือกกล้วยเสร็จ

“ป้อนผมกินหน่อย”มู่เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วขึ้น

“พี่เสี่ยวไป๋นี่เอ็นจอยจริงๆ ตอนดึกก็ให้เสี่ยวเหลียนกินกล้วยของพี่ ตอนกลางวันคุณกินกล้วยของเสี่ยวเหลียน”ผู้ชายที่เมื่อกี๊เล่นไพ่นกกระจอกกับมู่เสี่ยวไป๋ พูดล้อเล่นกับมู่เสี่ยวไป๋

“วันนี้ พี่นี่ช่างสบายเสียจริง น้องชายอิจฉา”

“ไอ้หมอนี่ ถ้าคุณอิจฉา กลับไปก็หักขาของตัวเองซะ แค่นี้ก็ไม่เหมือนผมแล้วเหรอไง”มู่เสี่ยวไป๋กลอกตาใส่ผู้ชายคนนี้

“ช่างเถอะ ใช่สิ พี่เสี่ยวไป๋ สองคนนี้คือ?”ผู้ชายคนนี้มองส้าวส้วยกับหลี่ฝาง

“หลี่ฝาง หลานชายของหลี่เจียเฉิน ขาของผมนี่ ก็ต้องขอบคุณเขา”

มองไปที่หลี่ฝาง มู่เสี่ยวไป๋ก็หัวเราะอย่างเย็นชา:“ฝูเซิง ดูสิเขาเจ๋งแค่ไหน ทำขาผมซะหัก แต่ผมก็ยังไม่สบอารมณ์สักนิด คุณนับถือไหมล่ะ?”

“นับถือ นับถือสุดๆไปเลย แต่พี่เสี่ยวไป๋อย่าบ่นเลย ก็ตัวคุณเองที่หาเรื่อง รู้ว่านั่นคือถิ่นรังโจร ก็ยังจะไปอีก”รังโจรที่ผู้ชายคนนี้พูดถึง นั่นก็คือสถานตากอากาศ

“คุณคือเฉินฝูเซิง?”หลี่ฝางมองผู้ชายคนนี้

“คุณชายหลี่รู้จักผม?”เฉินฝูเซิงแปลกใจหน่อยๆ

“ท่านอ๋องแห่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีใครบ้างไม่รู้จัก?”หลี่ฝางประจบไปหน่อย ไม่อยากสร้างศัตรูกับเฉินฝูเซิง

กษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีภรรยาหลายคน มีลูกสิบคน ส่วนเฉินฝูเซิง คือหนึ่งในนั้น

หลี่ฝางส่งคนไปถามไถ่ ปืนของมู่เสี่ยวไป๋ ก็เอามาจากเฉินฝูเซิง

จากการพูดคุยเมื่อกี๊ หลี่ฝางก็ฟังออกว่า ความสัมพันธ์ของมู่เสี่ยวไป๋กับเฉินฝูเซิง สนิทกันมาก เหมือนว่าจะนับถือกันเป็นพี่น้องแล้ว

“คุณชายหลี่ คุณอยากทำร้ายผมเหรอ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของพวกเราไม่ใช่ว่าไม่ได้ปลดปล่อยให้เป็นอิสระ เป็นท่านอ๋องอะไรกันล่ะ ผมก็เป็นแค่ลูกเสือ คุณอย่ามาตั้งชื่อมั่วๆให้ผมเลย……”ชัดเจนว่า เฉินฝูเซิงไม่แคร์ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่เกรงใจ

มู่เสี่ยวไป๋มองหลี่ฝาง มีใบหน้าเย็นชา:“หลี่ฝาง คุณน่ะทำเป็นอีเห็นมาอวยพรปีใหม่ไก่ ไม่หวังดี ต่อหน้าทำเป็นรักใคร่ห่วงใย แต่ใจจริงมุ่งร้ายไม่หวังดี พูดมาตรงๆเถอะ มาทำอะไร?”

“มู่เสี่ยวไป๋ คุณยอมให้ตัวเองเป็นไก่ แต่อย่าเอาผมเป็นอีเห็นสิ ……”หลี่ฝางหัวเราะ มองส้าวส้วย

หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่ามาทำอะไร หรือว่ามาดูมู่เสี่ยวไป๋มีความสุข?

เวลานี้เอง ส้าวส้วยก็หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาเบอร์หนึ่ง:“ใช่ เข้ามาสิ”

หลี่ฝางมองส้าวส้วย ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน

“ใช่สิ พี่เสี่ยวไป๋ เขาคือใคร?คุณยังไม่แนะนำให้ผมเลย”จ้องส้าวส้วย เฉินฝูเซิงก็ถาม

มู่เสี่ยวไป๋ทำเสียงฮึดฮัด พูด:“ก็แค่ลูกน้องคนหนึ่ง ไม่มีอะไรให้แนะนำ”

“เหอะเหอะ ที่แท้ก็แค่ลูกน้อง”เฉินฝูเซิงได้ยิน สายตาที่มองส้าวส้วย ก็เต็มไปด้วยความดูถูก

หลี่ฝางโกรธหน่อยๆ ในใจของหลี่ฝาง ส้าวส้วยก็เหมือนพี่น้องของตัวเอง จะไปเป็นลูกน้อยได้ไง?

ตอนที่หลี่ฝางจะพูดนั่นเอง จู่ๆประตูก็เปิดออก

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็พาคนมากลุ่มหนึ่ง เดินเข้ามาจากนอกห้องคนไข้

“ผู้อำนวยการโรงพยาบาล คุณทำอะไร?”มองเห็นกลุ่มคน มู่เสี่ยวไป๋ก็รีบนั่งขึ้นมาจากเตียงคนไข้

“คุณชายมู่ ขาและเท้าของคุณไม่ดี อย่าลงจากเตียง”ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดยิ้มๆให้มู่เสี่ยวไป๋

“แม่เอ๊ย คุณน่ะสิที่ขาและเท้าไม่ดี ผมถามคุณนะ นี่คุณจะทำอะไร?พังห้อง?”มู่เสี่ยวไป๋ขมวดคิ้วอย่างเยือกเย็น

คนที่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพามา ไม่ใช่หมอ แต่เป็นทีมงานก่อสร้าง

ในมือของพวกเขาถือเครื่องเจาะรูอะไรพวกนั้น

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวเราะเหอะเหอะ พูดว่า:“คุณชายมู่ อย่าเข้าใจผิด สถานะของคุณตอนนี้ค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นผมก็เลยมาติดกล้องวงจรปิดให้คุณโดยเฉพาะ วางใจเถอะ พวกเขาต่างเป็นช่างชำนาญ อย่างมากหนึ่งชั่วโมง ก็ติดตั้งให้คุณเสร็จแล้ว”

“แล้วก็ เดี๋ยวผมจะจัดการพยาบาลส่วนตัวให้คุณ ไม่เก็บเงินด้วย”ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดยิ้มๆ

“ผมไม่มีเงินเหรอไง?ที่สำคัญคือแม่เอ๊ยคุณหมายความว่าไง ผมมีคนดูแลแล้ว ไม่ต้องให้ใครมาดูแล ให้คนของคุณไสหัวไป แล้วก็คนกลุ่มนี้ด้านหลังคุณด้วย ให้ผมรีบไปไกลๆจากผม ถ้าคุณกล้าติดกล้องในห้องผม ผมจะทุบทันที”มู่เสี่ยวไป๋พูดอย่างเย็นชา

มู่เสี่ยวไป๋ใกล้จะบ้าแล้ว ติดกล้องในห้องคนไข้ของตัวเอง ไม่ใช่ว่าจะสอดส่องตัวเองเหรอ?

ถ้าแบบนั้น ตัวเองจะเล่นไพ่นกกระจอกได้ไง ตอนดึกจะมีอะไรกับเสี่ยวเหลียนได้ไง หากเป็นแบบนั้น ความเป็นส่วนตัวของตัวเองก็ไม่เหลือ

สีหน้าผู้อำนวยการโรงพยาบาลอึดอัดหน่อยๆ แต่ก็หันไปพูดกับคนด้านหลัง:“ไม่ต้องตะลึง รีบไปทำสิ”

“ห่า แม่เอ๊ย ไม่ฟังที่ผมพูดใช่ไหม?”

มู่เสี่ยวไป๋หยิบแก้วน้ำข้างๆตัว ทุบใส่ที่ตัวของผู้อำนวยการโรงพยาบาล:“ผมพวกคุณไสหัวไป ไม่ได้ยินเหรอ?”

“คุณชายมู่ กรุณาเคารพผมหน่อย ยังไง ผมก็เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลของโรงพยาบาลนี้ โรงพยาบาลนี้ ผมว่ายังไงก็ตามนั้น อีกอย่าง สถานะของคุณตอนนี้ คุณน่าจะเข้าใจดี”

“ผมเพิ่งจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อเฉพาะทางเพื่อคุณ ขาของคุณ แค่เคล็ดผิดไป ไม่ได้แตกหัก ดังนั้นไม่กี่วัน ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”ผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวเราะฮ่าฮ่า

“เหลวไหล ขาของผมหัก กระดูกที่บาดเจ็บนี้ก็ต้องใช้เวลาถึงร้อยวัน ผมจะนอนที่โรงพยาบาลของคุณสามเดือน คุณได้ยินไหม?ทำไม กลัวผมจ่ายค่าพยาบาลไม่ไหวเหรอ ทำไมรีบไล่ผมไปจัง คุณหมายความว่าไง ผู้อำนวยการโรงพยาบาล!”มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันพูด

“คุณชายมู่ เตียงที่โรงพยาบาลนี้แน่นมาก คุณก็เห็นแล้ว จะเพราะบ้านคุณรวย แล้วคิดจะอยู่ที่นี่นานๆไม่ได้?ที่นี่ไม่ใช่โรงแรม ที่นี่คือโรงพยาบาล คุณนอนอยู่นี่ จะไปถ่วงคนไข้คนอื่นของพวกเราเอา แล้วก็นะ ห้องชุดข้างๆสองห้อง คุณก็จะจองต่อไปไม่ได้ ตระกูลมู่จองเตียงคนไข้ไว้ แต่ไม่มีคนไข้มา นี่ไม่ใช่หมาหวงก้างหรอกเหรอ?”

“โอเค ผมยังมีธุระต่อ ไม่พูดมากแล้ว”

“พวกคุณรีบทำงาน ติดกล้องเสร็จ ไปรับเงินที่ฝ่ายบัญชี”ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพูดกับคนด้านหลัง

มอบงานเสร็จ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็เดินมาทางส้าวส้วย:“พี่ส้าว ขอบคุณคุณมากจริงๆ”

“คุณเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีชีวิตอยู่จริงๆเลย แค่คราวเดียวก็บริจาคอุปกรณ์ขั้นสูงมากมายให้กับโรงพยาบาลพวกเรา โหย ผมเพิ่งไปดูมา อุปกรณ์พวกนี้ ในจีนยังไม่ได้นำเข้า เอามาจากต่างประเทศเหรอ?”

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจับมือของส้าวส้วย พูดอย่างตื่นเต้น:“ผมเพิ่งโทรถาม อุปกรณ์พวกนี้ ราคาอย่างน้อยก็ห้าหกสิบล้านเอง คุณให้ของขวัญโรงพยาบาลพวกเราชิ้นใหญ่ขนาดนี้ ผมปลาบปลื้มอย่างคาดไม่ถึงจริงๆ”

“ห้าหกสิบล้าน แค่เงินเล็กๆน้อยๆ”ส้าวส้วยพูดอย่างไม่แคร์

“พี่ส้าวใจกว้างจริงๆ……ฮ่าฮ่า พี่ส้าว ผมยังมีธุระ ไปก่อนละ มีเรื่องอะไร ก็โทรหาผมเลย ผมจะทำให้พอใจที่สุด คุณวางใจได้”ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตบมือของส้าวส้วย แล้วพูด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท