บทที่ 362 ยืมมีดฆ่าคน
“อะไรนะ?”
“นายคือคุณชายของบ้านพักตากอากาศ?”
“ฮ่าฮ่า หลี่ฝาง นายอยากจะให้ฉันขำตายใช่มั้ย? คุณชายหลี่เจ้าของบ้านพักตากอากาศ มีเงินไม่ต่ำกว่าหลายแสนล้าน นายคิดว่าอย่างนายเหมือนคุณชายที่มีเงินเป็นแสนๆ ล้านหรือไง?”
หวางเฉินหัวเราะก๊าก หัวเราะจนปากจะฉีกถึงรูหู หัวเราะแบบหยุดไม่ได้
ส่วนหลี่ฝาง แค่ยิ้มอย่างนิ่งๆ แล้วถาม: “งั้นทำไมสวีเถิงเฟยถึงต้องคุกเข่าให้ฉัน และขอร้องให้ฉันปล่อยเขาไปล่ะ?”
“นั่นสิ ทำไมคุณชายสวีต้องคุกเข่าให้นายด้วย? !!”
หวางเฉินมองหลี่ฝาง แล้วชะงักอยู่ครู่
“ทำไมข้างกายฉันถึงต้องมีบอดี้การ์ดฝีมือดีอยู่ด้วย? ทำไมชุนเซิงถึงเชื่อฟังฉัน?” หลี่ฝางหรี่ตา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น
หวางเฉินหัวหมุน ราวกับโดนฟ้าผ่า
“นาย……นายคือคุณชายของบ้านพักตากอากาศจริงๆ เหรอ?” หวางเฉินมองหลี่ฝาง แล้วกลืนน้ำลาย
“ไม่เชื่อก็ถามได้”
“ไอ้สารเลว!”
หวางเฉินก้าวเท้าไปทางสวีเถิงเฟย แล้วคว้าคอเสื้อเขาขึ้นมา: “แม่ง นายบอกว่า พ่อแม่ของหลี่ฝางเป็นชาวไร่ธรรมดา บอกว่าตระกูลมันไม่มีเบื้องหลังอะไร ถึงแม้จะฆ่ามันจนตายก็ไม่เป็นไร!”
“สวีเถิงเฟย แกล้อฉันเล่นเหรอ?”
หวางเฉินกัดฟันกรอด แล้วมองสวีเถิงเฟยอย่างโมโห
ในแวดวงนี้ วัดกันที่เงิน
พ่อของตนเหยสงถึงแม้จะพูดได้ว่าเก่งกาจ และมีฐานะสูงส่ง แต่เมื่อเทียบกับพวกนักธุรกิจตัวพ่อพวกนั้น ก็เป็นแค่คนต่ำต้อย
ยกตัวอย่างเช่นเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านปู่สวี เหยสงก็โดนเหยียบมิดแล้ว
เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะว่าเรื่องธุรกิจสีดำนั้น มีจุดอ่อนที่ร้ายแรงอยู่ที่นึง
นั่นก็คือกลัวตำรวจ
แล้วก็ที่ดั้นด้นมาเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อหาเงิน?
หากทำให้คนที่มีเงินไม่พอใจ งั้นยังจะหาเงินได้ยังไง? ปล่อยเงินกู้? ขายยา? หรืออย่างอื่น?
ธุรกิจพวกนี้ ไม่ต้องพูดถึงทำไปทั้งชีวิต ทำแค่หนึ่งวัน ก็อันตรายไปทั้งวัน คาดไม่ได้ว่าวันไหนจะโดนจับ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือเข้าไปกินข้าวแดงในคุก
เพราะงั้น การอยู่ในสังคมแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเปลี่ยนแนวทาง
แบบนี้ถึงจะใช้ชีวิตได้นานหน่อย
“หวางเฉิน นายโง่เหรอ? ฉันก็เพิ่งจะรู้เหนี่ย” ดวงตาคู่นั้นของสวีเถิงเฟยมองไปที่หวางเฉิน: “ถ้าฉันรู้มาก่อน ทำไมฉันจะต้องไปก่อปัญหาให้คุณชายหลี่ด้วยล่ะ ทำไมยังจะต้องหาคนไปฆ่า……”
สวีเถิงเฟยเกือบหลุดปากพูด แต่หลี่ฝางก็กลับช่วยพูดให้: “หาคนมาฆ่าฉันสินะ?”
“เหอะๆ ฉันเป็นลูกชาวบ้านธรรมดา พวกนายก็กล้าที่จะฆ่า พอฉันเป็นลูกเศรษฐี พวกนายก็ไม่กล้าแล้วเหรอ?”
หลี่ฝางเดินไปทางสวีเถิงเฟยกับหวางเฉิน
หวางเฉินต่อยเข้าไปที่หน้าของสวีเถิงเฟยหนึ่งที จนเขาลงไปกองกับพื้น
“คุณชายหลี่ ผมกับคุณชายไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้บ้าสวีเถิงเฟยมันยุขึ้นมา”
หวางเฉินพูด พลางเตะเข้าไปที่ท้องของสวีเถิงเฟย: “ต้องโทษไอ้สารเลวนี่!”
“แม่งเอ๊ย ไอ้สารเลว ทำให้ฉันกับคุณชายหลี่เข้าใจผิดกัน” หวางเฉินชกไปทางสวีเถิงเฟย
หวางเฉินรู้ว่าหลี่ฝางเกลียดสวีเถิงเฟย เพราะงั้นจึงฉวยโอกาสอัดสวีเถิงเฟย ให้หลี่ฝางได้ระบายอารมณ์
ตระกูลหลี่แห่งบ้านพักตากอากาศ เป็นตระกูลที่ไม่ควรจะไปทำให้ไม่พอใจเลย
หลี่ฝางส่ายหน้า อย่างเอือมระอา: “หวางเฉิน หากสวีเถิงเฟยไม่ได้บอกถึงฐานะของฉันให้นายรู้ หรือว่าพ่อของนายไม่ได้บอกนายเหรอ?”
“ไม่นี่ หรือว่าพ่อของฉันก็รู้?” หวางเฉินชะงักอยู่ครู่
หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “นายนี่เทียบพ่อนายไม่ได้เลยนะ พ่อนายถึงจะรู้ฐานะของฉันแล้ว ก็เกือบจะบีบแขนฉันจนหัก”
“ตอนนั้นทำเอาฉันตกใจแทบแย่ นายรู้มั้ย?”
หลี่ฝางพูด พลางส่งสายตาให้ส้าวส้วย
ส้าวส้วยก็เข้าใจได้ในทันที และพุ่งเข้าไป คว้าแขนของหวางเฉินเอาไว้
“คุณชายหลี่ ไว้ชีวิตผมเถอะ!” หวางเฉินตกใจจนหน้าซีด
“ใครบอกว่าจะเอาชีวิตนายกัน” หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “ฉันแค่ต้องการแขนข้างนึงของนายเท่านั้น”
หลี่ฝางพยักหน้าให้ส้าวส้วย ต่อมา ก็ได้ยินเสียงดังกร๊อบ ตามด้วย เสียงร้องของหวางเฉินราวกับหมูโดนเชือด
ส้าวส้วยคว้าแขนอีกข้างของหวางเฉิน เมื่อกำลังเตรียมจะหักแขนอีกข้าง หลี่ฝางก็ปัดมือ แล้วพูด: “ช่างเถอะ หักแค่ข้างเดียวก็พอแล้ว”
หวางเฉินเจ็บจนเหงื่อแตกพลั่ก และพูดกับหลี่ฝางอย่างรู้สึกขอบคุณ: “ขอบคุณคุณชายหลี่ ขอบคุณคุณชายหลี่”
มนุษย์ก็เป็นแบบนี้ ที่จริงแล้วจะฆ่าเขา แต่สุดท้ายก็แค่หักขาเขาไปข้างนึง เขาจะรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่ไม่ฆ่าเขา
หลี่ฝางเดินไปยังเบื้องหน้าหวางเฉิน แล้วตบไปที่บ่าเขา: “ไม่ต้องโทษสวีเถิงเฟย จะโทษก็โทษที่นายดวงไม่ดี ที่มาเจอฉัน”
“ที่จริงแล้วก่อนจะเจอฉัน โชคนายก็ยังดีอยู่ ระรานคนมากมาย ไม่เห็นเกิดเรื่องอะไรเลย รังแกคนบริสุทธิ์ไปเยอะเลยสินะ? เพิ่งการข่มขู่และล่อลวง เล่นกับผู้หญิงมาไม่น้อยสินะ? นี่ก็คือกรรมของนาย”
“เดินอยู่ริมแม่น้ำบ่อยๆ รองเท้าจะไม่เปียกได้ยังไง”
หลี่ฝางหัวเราะ: “คิดซะว่าฉันลงโทษนายแทนพระเจ้าก็แล้วกัน”
หลี่ฝางยื่นมือไปทางส้าวส้วย แล้วพูด: “ส่งปืนมาให้ฉัน”
ส้าวส้วยลังเลอยู่ครู่: “เจ้านาย……”
“นายกลัวอะไร นายเห็นว่าฉัน เหมือนคนบ้าไม่มีปัญญาเหรอ?” หลี่ฝางพูด
ส้าวส้วยยื่นปืนให้หลี่ฝาง
ซือถูเฟยก้าวขึ้นมาด้านหน้า: “อย่าเล่นจนถึงชีวิตล่ะ ฉันออกไปรอด้านนอก”
ซือถูเฟยพูดจบ ก็เดินออกจากห้องไป
หลี่ฝางถือปืน แล้วจ่อไปที่หัวของหวางเฉิน: “กลัวมั้ย?”
คอของหวางเฉินสั่น แล้วกลืนน้ำลาย เขากลัวจนร่างสั่นไปทั้งตัว
“เอาล่ะ ฉันรู้ว่านายกลัว ถูกปืนจ่อหัว ใครจะไม่กลัวกันล่ะ” หลี่ฝางยื่นปืนให้หวางเฉิน
หวางเฉินไม่ได้รับ แค่หันหน้าไปมองหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ นี่หมายความว่าไงครับ?”
“นายถือไว้ก่อน” หลี่ฝางพูด
หวางเฉินลังเลอยู่ครึ่งนาที ถึงกล้ารับปืนจากมือหลี่ฝางไป
“คุณชายหลี่ ท่านคงจะไม่ให้ผมลั่นปืนใส่ตัวเองหรอกใช่มั้ย? ผมทำไม่ได้หรอกนะ” หวางเฉินส่ายหัว และทำสีหน้าย่ำแย่
“ฉันให้นายลั่นใส่สวีเถิงเฟย”
หลี่ฝางมองสวีเถิงเฟยที่อยู่ตรงพื้น แล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็น: “หวางเฉิน ระหว่างพวกเราไม่ได้มีอะไรกัน แต่เพราะว่าสวีเถิงเฟย พวกเราจึงมีความแค้นต่อกัน นายว่าสวีเถิงเฟยน่าเกลียดมั้ย?”
“น่า……เกลียด”
“ใช่ น่ารังเกียจสุดๆ เพราะงั้น ถ้านายอยากจะให้ฉันยกโทษให้นายล่ะก็ ง่ายมาก เล็งไปที่แขนของเขา แล้วยิงสองนัด” หลี่ฝางพูดอย่างนิ่งๆ : “เรื่องจบ ความคับข้องใจของพวกเราก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าหายกัน”
“ไม่ใช่แค่นั้น ไม่แน่ต่อไปพวกเราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ” หลี่ฝางโอบไหล่หวางเฉินแล้วพูด
หวางเฉินสูดหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่: “แต่แบบนั้น ผมก็จบเห่แน่ๆ พี่เขยของสวีเถิงเฟยคือหูเฟย……”
“แล้วยังไง? หรือว่าสวีเถิงเฟยกล้าฟ้องนายเหรอ? บนมือนายมีหลักฐานที่สวีเถิงเฟยเสพยา แล้วก็ ฉันได้ยินมาว่าสวีเถิงเฟยแนะนำลูกค้าให้นายไม่น้อย ถ้าเขากล้าส่งนายเข้าคุก งั้นนายไม่กล้าเอาเขาเข้าไปอยู่ด้วยเหรอ?”
หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูด: “เชื่อฉัน สวีเถิงเฟยไม่กล้าฟ้องนายหรอก”
หวางเฉินยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย ถึงแม้จะไม่พูดถึงการดำเนินคดีตามกฎหมาย
แต่ตระกูลสวีล่ะ?
ตระกูลสวีจะปล่อยหวางเฉินมั้ย? คำตอบคือไม่
เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย
สวีเถิงเฟยคือเด็กรักของท่านปู่สวี ถ้าหากทำให้สวีเถิงเฟยพิการ หวางเฉินคงต้องเจอ ปัญหาใหญ่แน่ๆ
“ทำไม นายไม่กล้า?”
หลี่ฝางยิ้มอย่างเย็นชา แล้วแย่งปืนจากมือของหวางเฉินไป: “นายไม่กล้า งั้นก็ให้สวีเถิงเฟยลั่นปืนใส่แขนสองข้างของนายแล้วกัน”
“ถึงแม้แขนนายจะหักไปแล้วข้างนึง แต่ว่ามันก็แค่กระดูกหัก รักษาสักระยะก็หาย แต่ถ้าหากถูกปืนยิงแล้วล่ะก็ ปัญหาใหญ่เลยนะ ชีวิตนี้คงพิการไปทั้งชีวิต”
หลี่ฝางถือปืน มาถึงหน้าของสวีเถิงเฟย
หลี่ฝางยังคงระแวงสวีเถิงเฟยเล็กน้อย จึงคว้าแขนสวีเถิงเฟยไว้: “มา คุณชายสวี ฉันรู้ว่านายขี้ขลาด ไม่เคยยิงปืน ฉันจะสอนให้……”
“นายยิงหวางเฉิน ความแค้นระหว่างเรา ก็ถือว่าจบกัน”
“ถ้าไม่อย่างนั้น ตระกูลสวีของพวกนาย ก็รอรับน้ำโหของพวกเราตระกูลหลี่ได้เลย”
หลี่ฝางพูด พลางวางปืนบนมือของสวีเถิงเฟย
แต่ยังไม่ทันที่สวีเถิงเฟยจะจับปืนแน่น หวางเฉินก็เตะมันออก จนปืนกระเด็นออกไปด้านข้าง
“คุณชายหลี่ ผมตกลง”
หวางเฉินเดินอย่างเร็ว และหยิบปืนขึ้นมา
หวางเฉินถึงแม้จะเคยเล่นปืน แต่ไม่เคยยิงปืนใส่ใครมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขายิงคน
อีกอย่าง ยังยิงใส่ร่างคุณชายคนนึง
ถ้าหากยิงใส่คนธรรมดา หวางเฉินคงจะไม่กลัว……
แต่สวีเถิงเฟย……
ช่างมันเถอะ ยังไงก็ดีกว่ากระสุนถูกลั่นใส่แขน ของตนเองล่ะนะ?
หวางเฉินยกปืนขึ้น แล้วเล็งไปที่แขนของสวีเถิงเฟย วินาทีนี้ สวีเถิงเฟยกลัวจนหน้าซีด: “หวางเฉิน นายอย่าเล่นอะไรบ้าๆ ถ้านายกล้ายิงฉัน ตระกูลสวีไม่ปล่อยนายไว้แน่……”
เสียงปังดังลั่น
หวางเฉินเหนี่ยวไกปืน ยิงไปที่แขนของสวีเถิงเฟย
“ไม่เลว เล็งได้แม่นดี เคยฝึกมาก่อนเหรอ?” หลี่ฝางทำสีหน้าชมเชยพลางมองสวีเถิงเฟย
“เคยใช้ปืนลูกซองยิงนก” หวางเฉินตอบด้วยสีหน้าซับซ้อน
“ไม่เป็นไร ยิงนกหรือยิงคนก็เหมือนกัน……” หลี่ฝางตบไปที่บ่าของหวางเฉิน แล้วพูด: “ต่อเลย”
“หวางเฉิน เ**ดแม่ง……” สวีเถิงเฟยกัดฟันพลางก่นด่า
ยังไม่ทันด่าเสร็จ หวางเฉินก็เหนี่ยวไกปืน
ไม่พูดก็ไม่ได้ หวางเฉินนับว่าเป็นคนเหี้ยมคนนึง
นัดนี้ ยิงพลาดไปนิดนึง ยิงไปโดนไหล่อีกข้างของสวีเถิงเฟย
“ยิงอีกนัด”
“นัดนี้เบี้ยว ไม่นับ”
หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูด: “นายว่างั้นมั้ย?”
“ครับ” หวางเฉินกัดฟันพูด
ในตอนนั้นหวางเฉิน เท่ากับทำอะไรเกินความสามารถ……
เขาเดินก้าวเข้าไป แล้วเอาปืนจ่อไปที่แขนของสวีเถิงเฟย แล้วพูด: “คุณชายสวี อย่าโทษผม ผมก็โดนบีบจนไม่มีทางเลือกเหมือนกัน” พูดจบ หวางเฉินก็ลั่นไกปืน
เมื่อยิงเสร็จ หวางเฉินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“คุณชายหลี่ ผมทำตามที่ท่านสั่งแล้ว แขนสองข้างของสวีเถิงเฟยก็เดี้ยงไปแล้ว ตอนนี้พวกเรานับว่าเป็นเพื่อนกันแล้วใช่มั้ย?” หวางเฉินยิ้ม
เสียสวีเถิงเฟยไป แต่ได้หลี่ฝางมา หวางเฉินรู้สึกว่าตนนั้นได้กำไร
ขณะที่หวางเฉินยื่นปืนให้หลี่ฝาง หลี่ฝางก็ไม่ได้รับ
“นายถึงกับอยากจะเป็นเพื่อนฉัน งั้นนายก็แสดงความจริงใจให้ฉันดูหน่อย ขาสองข้างของสวีเถิงเฟยทำให้เดี้ยงไปด้วยเลยแล้วกัน!” หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม
“นาย!” หวางเฉินขมวดคิ้วทันที แล้วกัดฟันกรอด
ในตอนนั้น หวางเฉินอยากจะลั่นปืนใส่หลี่ฝางจริงๆ
เห็นได้ชัดว่าปั่นหัวกันนี่?
“หวางเฉิน นายต้องรู้ไว้ ไม่มีทางให้ย้อนกลับแล้ว นายทำแขนสองข้างของสวีเถิงเฟยเดี้ยงไปแล้ว ตระกูลสวีก็ไม่ปล่อยนายไว้ นายทำให้ขาเขาเดี้ยงอีกสองข้าง ตระกูลสวีก็ไม่ปล่อยนายไปเหมือนกัน ที่จริง มันก็ไม่มีผลกระทบอะไรนี่”
“ไปเถอะ” หลี่ฝางตบไปที่บ่าของหวางเฉิน แล้วพูด: “รอเรื่องจบ ฉันเลี้ยงเหล้านายกับคุณชายซือถู”
ในใจของหวางเฉินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาในตอนนี้ ถอนตัวไม่ได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ก็อย่างที่หลี่ฝางพูด ยิงเพิ่มอีกสองนัด ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน
ตนไม่มีหนทางให้หันหลังกลับแล้ว ทำได้แค่ไปให้สุด ไม่แน่ถ้าเกาะขาหลี่ฝางไป อาจจะไปได้ไกลกว่านี้
เมื่อคิดแบบนี้ หวางเฉินก็ยิ้มออก: “ครับ คุณชายหลี่ ท่านถึงกับนับผมเป็นเพื่อน งั้นต่อไปเรื่องของท่าน ก็คือเรื่องของผม”
“ก็แค่ทำให้สวีเถิงเฟยพิการ ถึงแม้จะต้องฆ่าเขา แล้วมันยังไง?”
หวางเฉินหัวเราะ แล้วหันกลับไป เล็งปืนไปที่ขาของสวีเถิงเฟย แล้วลั่นไกปืนไปสองนัด ปังปัง
แขน และขาของสวีเถิงเฟย มีแต่เลือดไหล
ในตอนนี้ สวีเถิงเฟยกลายเป็นคนพิการไปโดยสิ้นเชิง สถานการณ์ดีกว่ามู่เหวินตงแค่นิดเดียว
“คุณชายหลี่ ปืนครับ” หวางเฉินยื่นปืนให้หลี่ฝางอีกครั้ง
หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “ให้บอดี้การ์ดฉันเถอะ”
หวางเฉินพยักหน้า แล้วส่งปืนให้ส้าวส้วย
แต่ในตอนนี้ ส้าวส้วยกำลังถือโทรศัพท์ บันทึกวิดีโอไว้อยู่
“นาย……นายถ่ายไว้หมดเลยเหรอ?” หวางเฉินมองส้าวส้วยอย่างตกใจ แล้วเบิกตากว้าง: “นายอยากตาย?”
หวางเฉินยกปืนขึ้นมาทันที แล้วเล็งไปทางส้าวส้วย: “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ไม่งั้น ฉันลั่นไกใส่นายแน่!”
“นายยิงลองยิงดูสิ”
“ในปืนมีลูกกระสุนแค่ห้านัด ถูกนายยิงไปหมดแล้ว” ส้าวส้วยพูดอย่างไม่สนใจ
หวางเฉินไม่ค่อยเชื่อ จึงจ่อปืนไปทางแขนของส้าวส้วย แล้วเหนี่ยวไกปืน
แต่ว่า กลับไม่มีลูกกระสุนออกมา
หวางเฉินเขวี้ยงปืนลงพื้น แล้วมองหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ แบบนี้หมายความว่าไง?”
หลี่ฝางยิ้มอ่อน แล้วมองหวางเฉินพลางพูด: “นายคิดว่านายมีค่าพอจะมาเป็นเพื่อนฉันเหรอ?