NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 362

ตอนที่ 362

บทที่ 362 ยืมมีดฆ่าคน

“อะไรนะ?”

“นายคือคุณชายของบ้านพักตากอากาศ?”

“ฮ่าฮ่า หลี่ฝาง นายอยากจะให้ฉันขำตายใช่มั้ย? คุณชายหลี่เจ้าของบ้านพักตากอากาศ มีเงินไม่ต่ำกว่าหลายแสนล้าน นายคิดว่าอย่างนายเหมือนคุณชายที่มีเงินเป็นแสนๆ ล้านหรือไง?”

หวางเฉินหัวเราะก๊าก หัวเราะจนปากจะฉีกถึงรูหู หัวเราะแบบหยุดไม่ได้

ส่วนหลี่ฝาง แค่ยิ้มอย่างนิ่งๆ แล้วถาม: “งั้นทำไมสวีเถิงเฟยถึงต้องคุกเข่าให้ฉัน และขอร้องให้ฉันปล่อยเขาไปล่ะ?”

“นั่นสิ ทำไมคุณชายสวีต้องคุกเข่าให้นายด้วย? !!”

หวางเฉินมองหลี่ฝาง แล้วชะงักอยู่ครู่

“ทำไมข้างกายฉันถึงต้องมีบอดี้การ์ดฝีมือดีอยู่ด้วย? ทำไมชุนเซิงถึงเชื่อฟังฉัน?” หลี่ฝางหรี่ตา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

หวางเฉินหัวหมุน ราวกับโดนฟ้าผ่า

“นาย……นายคือคุณชายของบ้านพักตากอากาศจริงๆ เหรอ?” หวางเฉินมองหลี่ฝาง แล้วกลืนน้ำลาย

“ไม่เชื่อก็ถามได้”

“ไอ้สารเลว!”

หวางเฉินก้าวเท้าไปทางสวีเถิงเฟย แล้วคว้าคอเสื้อเขาขึ้นมา: “แม่ง นายบอกว่า พ่อแม่ของหลี่ฝางเป็นชาวไร่ธรรมดา บอกว่าตระกูลมันไม่มีเบื้องหลังอะไร ถึงแม้จะฆ่ามันจนตายก็ไม่เป็นไร!”

“สวีเถิงเฟย แกล้อฉันเล่นเหรอ?”

หวางเฉินกัดฟันกรอด แล้วมองสวีเถิงเฟยอย่างโมโห

ในแวดวงนี้ วัดกันที่เงิน

พ่อของตนเหยสงถึงแม้จะพูดได้ว่าเก่งกาจ และมีฐานะสูงส่ง แต่เมื่อเทียบกับพวกนักธุรกิจตัวพ่อพวกนั้น ก็เป็นแค่คนต่ำต้อย

ยกตัวอย่างเช่นเมื่ออยู่ต่อหน้าท่านปู่สวี เหยสงก็โดนเหยียบมิดแล้ว

เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะว่าเรื่องธุรกิจสีดำนั้น มีจุดอ่อนที่ร้ายแรงอยู่ที่นึง

นั่นก็คือกลัวตำรวจ

แล้วก็ที่ดั้นด้นมาเพราะอะไร ถ้าไม่ใช่เพื่อหาเงิน?

หากทำให้คนที่มีเงินไม่พอใจ งั้นยังจะหาเงินได้ยังไง? ปล่อยเงินกู้? ขายยา? หรืออย่างอื่น?

ธุรกิจพวกนี้ ไม่ต้องพูดถึงทำไปทั้งชีวิต ทำแค่หนึ่งวัน ก็อันตรายไปทั้งวัน คาดไม่ได้ว่าวันไหนจะโดนจับ อีกครึ่งชีวิตที่เหลือเข้าไปกินข้าวแดงในคุก

เพราะงั้น การอยู่ในสังคมแบบนี้ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเปลี่ยนแนวทาง

แบบนี้ถึงจะใช้ชีวิตได้นานหน่อย

“หวางเฉิน นายโง่เหรอ? ฉันก็เพิ่งจะรู้เหนี่ย” ดวงตาคู่นั้นของสวีเถิงเฟยมองไปที่หวางเฉิน: “ถ้าฉันรู้มาก่อน ทำไมฉันจะต้องไปก่อปัญหาให้คุณชายหลี่ด้วยล่ะ ทำไมยังจะต้องหาคนไปฆ่า……”

สวีเถิงเฟยเกือบหลุดปากพูด แต่หลี่ฝางก็กลับช่วยพูดให้: “หาคนมาฆ่าฉันสินะ?”

“เหอะๆ ฉันเป็นลูกชาวบ้านธรรมดา พวกนายก็กล้าที่จะฆ่า พอฉันเป็นลูกเศรษฐี พวกนายก็ไม่กล้าแล้วเหรอ?”

หลี่ฝางเดินไปทางสวีเถิงเฟยกับหวางเฉิน

หวางเฉินต่อยเข้าไปที่หน้าของสวีเถิงเฟยหนึ่งที จนเขาลงไปกองกับพื้น

“คุณชายหลี่ ผมกับคุณชายไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อกัน เรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรา ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้บ้าสวีเถิงเฟยมันยุขึ้นมา”

หวางเฉินพูด พลางเตะเข้าไปที่ท้องของสวีเถิงเฟย: “ต้องโทษไอ้สารเลวนี่!”

“แม่งเอ๊ย ไอ้สารเลว ทำให้ฉันกับคุณชายหลี่เข้าใจผิดกัน” หวางเฉินชกไปทางสวีเถิงเฟย

หวางเฉินรู้ว่าหลี่ฝางเกลียดสวีเถิงเฟย เพราะงั้นจึงฉวยโอกาสอัดสวีเถิงเฟย ให้หลี่ฝางได้ระบายอารมณ์

ตระกูลหลี่แห่งบ้านพักตากอากาศ เป็นตระกูลที่ไม่ควรจะไปทำให้ไม่พอใจเลย

หลี่ฝางส่ายหน้า อย่างเอือมระอา: “หวางเฉิน หากสวีเถิงเฟยไม่ได้บอกถึงฐานะของฉันให้นายรู้ หรือว่าพ่อของนายไม่ได้บอกนายเหรอ?”

“ไม่นี่ หรือว่าพ่อของฉันก็รู้?” หวางเฉินชะงักอยู่ครู่

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “นายนี่เทียบพ่อนายไม่ได้เลยนะ พ่อนายถึงจะรู้ฐานะของฉันแล้ว ก็เกือบจะบีบแขนฉันจนหัก”

“ตอนนั้นทำเอาฉันตกใจแทบแย่ นายรู้มั้ย?”

หลี่ฝางพูด พลางส่งสายตาให้ส้าวส้วย

ส้าวส้วยก็เข้าใจได้ในทันที และพุ่งเข้าไป คว้าแขนของหวางเฉินเอาไว้

“คุณชายหลี่ ไว้ชีวิตผมเถอะ!” หวางเฉินตกใจจนหน้าซีด

“ใครบอกว่าจะเอาชีวิตนายกัน” หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “ฉันแค่ต้องการแขนข้างนึงของนายเท่านั้น”

หลี่ฝางพยักหน้าให้ส้าวส้วย ต่อมา ก็ได้ยินเสียงดังกร๊อบ ตามด้วย เสียงร้องของหวางเฉินราวกับหมูโดนเชือด

ส้าวส้วยคว้าแขนอีกข้างของหวางเฉิน เมื่อกำลังเตรียมจะหักแขนอีกข้าง หลี่ฝางก็ปัดมือ แล้วพูด: “ช่างเถอะ หักแค่ข้างเดียวก็พอแล้ว”

หวางเฉินเจ็บจนเหงื่อแตกพลั่ก และพูดกับหลี่ฝางอย่างรู้สึกขอบคุณ: “ขอบคุณคุณชายหลี่ ขอบคุณคุณชายหลี่”

มนุษย์ก็เป็นแบบนี้ ที่จริงแล้วจะฆ่าเขา แต่สุดท้ายก็แค่หักขาเขาไปข้างนึง เขาจะรู้สึกขอบคุณ ขอบคุณที่ไม่ฆ่าเขา

หลี่ฝางเดินไปยังเบื้องหน้าหวางเฉิน แล้วตบไปที่บ่าเขา: “ไม่ต้องโทษสวีเถิงเฟย จะโทษก็โทษที่นายดวงไม่ดี ที่มาเจอฉัน”

“ที่จริงแล้วก่อนจะเจอฉัน โชคนายก็ยังดีอยู่ ระรานคนมากมาย ไม่เห็นเกิดเรื่องอะไรเลย รังแกคนบริสุทธิ์ไปเยอะเลยสินะ? เพิ่งการข่มขู่และล่อลวง เล่นกับผู้หญิงมาไม่น้อยสินะ? นี่ก็คือกรรมของนาย”

“เดินอยู่ริมแม่น้ำบ่อยๆ รองเท้าจะไม่เปียกได้ยังไง”

หลี่ฝางหัวเราะ: “คิดซะว่าฉันลงโทษนายแทนพระเจ้าก็แล้วกัน”

หลี่ฝางยื่นมือไปทางส้าวส้วย แล้วพูด: “ส่งปืนมาให้ฉัน”

ส้าวส้วยลังเลอยู่ครู่: “เจ้านาย……”

“นายกลัวอะไร นายเห็นว่าฉัน เหมือนคนบ้าไม่มีปัญญาเหรอ?” หลี่ฝางพูด

ส้าวส้วยยื่นปืนให้หลี่ฝาง

ซือถูเฟยก้าวขึ้นมาด้านหน้า: “อย่าเล่นจนถึงชีวิตล่ะ ฉันออกไปรอด้านนอก”

ซือถูเฟยพูดจบ ก็เดินออกจากห้องไป

หลี่ฝางถือปืน แล้วจ่อไปที่หัวของหวางเฉิน: “กลัวมั้ย?”

คอของหวางเฉินสั่น แล้วกลืนน้ำลาย เขากลัวจนร่างสั่นไปทั้งตัว

“เอาล่ะ ฉันรู้ว่านายกลัว ถูกปืนจ่อหัว ใครจะไม่กลัวกันล่ะ” หลี่ฝางยื่นปืนให้หวางเฉิน

หวางเฉินไม่ได้รับ แค่หันหน้าไปมองหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ นี่หมายความว่าไงครับ?”

“นายถือไว้ก่อน” หลี่ฝางพูด

หวางเฉินลังเลอยู่ครึ่งนาที ถึงกล้ารับปืนจากมือหลี่ฝางไป

“คุณชายหลี่ ท่านคงจะไม่ให้ผมลั่นปืนใส่ตัวเองหรอกใช่มั้ย? ผมทำไม่ได้หรอกนะ” หวางเฉินส่ายหัว และทำสีหน้าย่ำแย่

“ฉันให้นายลั่นใส่สวีเถิงเฟย”

หลี่ฝางมองสวีเถิงเฟยที่อยู่ตรงพื้น แล้วหัวเราะอย่างเยือกเย็น: “หวางเฉิน ระหว่างพวกเราไม่ได้มีอะไรกัน แต่เพราะว่าสวีเถิงเฟย พวกเราจึงมีความแค้นต่อกัน นายว่าสวีเถิงเฟยน่าเกลียดมั้ย?”

“น่า……เกลียด”

“ใช่ น่ารังเกียจสุดๆ เพราะงั้น ถ้านายอยากจะให้ฉันยกโทษให้นายล่ะก็ ง่ายมาก เล็งไปที่แขนของเขา แล้วยิงสองนัด” หลี่ฝางพูดอย่างนิ่งๆ : “เรื่องจบ ความคับข้องใจของพวกเราก่อนหน้านี้ ก็ถือว่าหายกัน”

“ไม่ใช่แค่นั้น ไม่แน่ต่อไปพวกเราอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ” หลี่ฝางโอบไหล่หวางเฉินแล้วพูด

หวางเฉินสูดหายใจเข้าออกเฮือกใหญ่: “แต่แบบนั้น ผมก็จบเห่แน่ๆ พี่เขยของสวีเถิงเฟยคือหูเฟย……”

“แล้วยังไง? หรือว่าสวีเถิงเฟยกล้าฟ้องนายเหรอ? บนมือนายมีหลักฐานที่สวีเถิงเฟยเสพยา แล้วก็ ฉันได้ยินมาว่าสวีเถิงเฟยแนะนำลูกค้าให้นายไม่น้อย ถ้าเขากล้าส่งนายเข้าคุก งั้นนายไม่กล้าเอาเขาเข้าไปอยู่ด้วยเหรอ?”

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูด: “เชื่อฉัน สวีเถิงเฟยไม่กล้าฟ้องนายหรอก”

หวางเฉินยังคงลังเลอยู่เล็กน้อย ถึงแม้จะไม่พูดถึงการดำเนินคดีตามกฎหมาย

แต่ตระกูลสวีล่ะ?

ตระกูลสวีจะปล่อยหวางเฉินมั้ย? คำตอบคือไม่

เรื่องนี้ไม่ต้องสงสัยเลย

สวีเถิงเฟยคือเด็กรักของท่านปู่สวี ถ้าหากทำให้สวีเถิงเฟยพิการ หวางเฉินคงต้องเจอ ปัญหาใหญ่แน่ๆ

“ทำไม นายไม่กล้า?”

หลี่ฝางยิ้มอย่างเย็นชา แล้วแย่งปืนจากมือของหวางเฉินไป: “นายไม่กล้า งั้นก็ให้สวีเถิงเฟยลั่นปืนใส่แขนสองข้างของนายแล้วกัน”

“ถึงแม้แขนนายจะหักไปแล้วข้างนึง แต่ว่ามันก็แค่กระดูกหัก รักษาสักระยะก็หาย แต่ถ้าหากถูกปืนยิงแล้วล่ะก็ ปัญหาใหญ่เลยนะ ชีวิตนี้คงพิการไปทั้งชีวิต”

หลี่ฝางถือปืน มาถึงหน้าของสวีเถิงเฟย

หลี่ฝางยังคงระแวงสวีเถิงเฟยเล็กน้อย จึงคว้าแขนสวีเถิงเฟยไว้: “มา คุณชายสวี ฉันรู้ว่านายขี้ขลาด ไม่เคยยิงปืน ฉันจะสอนให้……”

“นายยิงหวางเฉิน ความแค้นระหว่างเรา ก็ถือว่าจบกัน”

“ถ้าไม่อย่างนั้น ตระกูลสวีของพวกนาย ก็รอรับน้ำโหของพวกเราตระกูลหลี่ได้เลย”

หลี่ฝางพูด พลางวางปืนบนมือของสวีเถิงเฟย

แต่ยังไม่ทันที่สวีเถิงเฟยจะจับปืนแน่น หวางเฉินก็เตะมันออก จนปืนกระเด็นออกไปด้านข้าง

“คุณชายหลี่ ผมตกลง”

หวางเฉินเดินอย่างเร็ว และหยิบปืนขึ้นมา

หวางเฉินถึงแม้จะเคยเล่นปืน แต่ไม่เคยยิงปืนใส่ใครมาก่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขายิงคน

อีกอย่าง ยังยิงใส่ร่างคุณชายคนนึง

ถ้าหากยิงใส่คนธรรมดา หวางเฉินคงจะไม่กลัว……

แต่สวีเถิงเฟย……

ช่างมันเถอะ ยังไงก็ดีกว่ากระสุนถูกลั่นใส่แขน ของตนเองล่ะนะ?

หวางเฉินยกปืนขึ้น แล้วเล็งไปที่แขนของสวีเถิงเฟย วินาทีนี้ สวีเถิงเฟยกลัวจนหน้าซีด: “หวางเฉิน นายอย่าเล่นอะไรบ้าๆ ถ้านายกล้ายิงฉัน ตระกูลสวีไม่ปล่อยนายไว้แน่……”

เสียงปังดังลั่น

หวางเฉินเหนี่ยวไกปืน ยิงไปที่แขนของสวีเถิงเฟย

“ไม่เลว เล็งได้แม่นดี เคยฝึกมาก่อนเหรอ?” หลี่ฝางทำสีหน้าชมเชยพลางมองสวีเถิงเฟย

“เคยใช้ปืนลูกซองยิงนก” หวางเฉินตอบด้วยสีหน้าซับซ้อน

“ไม่เป็นไร ยิงนกหรือยิงคนก็เหมือนกัน……” หลี่ฝางตบไปที่บ่าของหวางเฉิน แล้วพูด: “ต่อเลย”

“หวางเฉิน เ**ดแม่ง……” สวีเถิงเฟยกัดฟันพลางก่นด่า

ยังไม่ทันด่าเสร็จ หวางเฉินก็เหนี่ยวไกปืน

ไม่พูดก็ไม่ได้ หวางเฉินนับว่าเป็นคนเหี้ยมคนนึง

นัดนี้ ยิงพลาดไปนิดนึง ยิงไปโดนไหล่อีกข้างของสวีเถิงเฟย

“ยิงอีกนัด”

“นัดนี้เบี้ยว ไม่นับ”

หลี่ฝางหัวเราะ แล้วพูด: “นายว่างั้นมั้ย?”

“ครับ” หวางเฉินกัดฟันพูด

ในตอนนั้นหวางเฉิน เท่ากับทำอะไรเกินความสามารถ……

เขาเดินก้าวเข้าไป แล้วเอาปืนจ่อไปที่แขนของสวีเถิงเฟย แล้วพูด: “คุณชายสวี อย่าโทษผม ผมก็โดนบีบจนไม่มีทางเลือกเหมือนกัน” พูดจบ หวางเฉินก็ลั่นไกปืน

เมื่อยิงเสร็จ หวางเฉินก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

“คุณชายหลี่ ผมทำตามที่ท่านสั่งแล้ว แขนสองข้างของสวีเถิงเฟยก็เดี้ยงไปแล้ว ตอนนี้พวกเรานับว่าเป็นเพื่อนกันแล้วใช่มั้ย?” หวางเฉินยิ้ม

เสียสวีเถิงเฟยไป แต่ได้หลี่ฝางมา หวางเฉินรู้สึกว่าตนนั้นได้กำไร

ขณะที่หวางเฉินยื่นปืนให้หลี่ฝาง หลี่ฝางก็ไม่ได้รับ

“นายถึงกับอยากจะเป็นเพื่อนฉัน งั้นนายก็แสดงความจริงใจให้ฉันดูหน่อย ขาสองข้างของสวีเถิงเฟยทำให้เดี้ยงไปด้วยเลยแล้วกัน!” หลี่ฝางพูดพลางยิ้ม

“นาย!” หวางเฉินขมวดคิ้วทันที แล้วกัดฟันกรอด

ในตอนนั้น หวางเฉินอยากจะลั่นปืนใส่หลี่ฝางจริงๆ

เห็นได้ชัดว่าปั่นหัวกันนี่?

“หวางเฉิน นายต้องรู้ไว้ ไม่มีทางให้ย้อนกลับแล้ว นายทำแขนสองข้างของสวีเถิงเฟยเดี้ยงไปแล้ว ตระกูลสวีก็ไม่ปล่อยนายไว้ นายทำให้ขาเขาเดี้ยงอีกสองข้าง ตระกูลสวีก็ไม่ปล่อยนายไปเหมือนกัน ที่จริง มันก็ไม่มีผลกระทบอะไรนี่”

“ไปเถอะ” หลี่ฝางตบไปที่บ่าของหวางเฉิน แล้วพูด: “รอเรื่องจบ ฉันเลี้ยงเหล้านายกับคุณชายซือถู”

ในใจของหวางเฉินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาในตอนนี้ ถอนตัวไม่ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ก็อย่างที่หลี่ฝางพูด ยิงเพิ่มอีกสองนัด ผลลัพธ์ก็ไม่ต่างกัน

ตนไม่มีหนทางให้หันหลังกลับแล้ว ทำได้แค่ไปให้สุด ไม่แน่ถ้าเกาะขาหลี่ฝางไป อาจจะไปได้ไกลกว่านี้

เมื่อคิดแบบนี้ หวางเฉินก็ยิ้มออก: “ครับ คุณชายหลี่ ท่านถึงกับนับผมเป็นเพื่อน งั้นต่อไปเรื่องของท่าน ก็คือเรื่องของผม”

“ก็แค่ทำให้สวีเถิงเฟยพิการ ถึงแม้จะต้องฆ่าเขา แล้วมันยังไง?”

หวางเฉินหัวเราะ แล้วหันกลับไป เล็งปืนไปที่ขาของสวีเถิงเฟย แล้วลั่นไกปืนไปสองนัด ปังปัง

แขน และขาของสวีเถิงเฟย มีแต่เลือดไหล

ในตอนนี้ สวีเถิงเฟยกลายเป็นคนพิการไปโดยสิ้นเชิง สถานการณ์ดีกว่ามู่เหวินตงแค่นิดเดียว

“คุณชายหลี่ ปืนครับ” หวางเฉินยื่นปืนให้หลี่ฝางอีกครั้ง

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วพูด: “ให้บอดี้การ์ดฉันเถอะ”

หวางเฉินพยักหน้า แล้วส่งปืนให้ส้าวส้วย

แต่ในตอนนี้ ส้าวส้วยกำลังถือโทรศัพท์ บันทึกวิดีโอไว้อยู่

“นาย……นายถ่ายไว้หมดเลยเหรอ?” หวางเฉินมองส้าวส้วยอย่างตกใจ แล้วเบิกตากว้าง: “นายอยากตาย?”

หวางเฉินยกปืนขึ้นมาทันที แล้วเล็งไปทางส้าวส้วย: “เอาโทรศัพท์มาให้ฉัน ไม่งั้น ฉันลั่นไกใส่นายแน่!”

“นายยิงลองยิงดูสิ”

“ในปืนมีลูกกระสุนแค่ห้านัด ถูกนายยิงไปหมดแล้ว” ส้าวส้วยพูดอย่างไม่สนใจ

หวางเฉินไม่ค่อยเชื่อ จึงจ่อปืนไปทางแขนของส้าวส้วย แล้วเหนี่ยวไกปืน

แต่ว่า กลับไม่มีลูกกระสุนออกมา

หวางเฉินเขวี้ยงปืนลงพื้น แล้วมองหลี่ฝาง: “คุณชายหลี่ แบบนี้หมายความว่าไง?”

หลี่ฝางยิ้มอ่อน แล้วมองหวางเฉินพลางพูด: “นายคิดว่านายมีค่าพอจะมาเป็นเพื่อนฉันเหรอ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท