NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 398

ตอนที่ 398

บทที่ 398 ตระกูลหยูจบสิ้นแล้ว

หลี่ฝางเดินไป ลู่เชาก็ตามไปโดยธรรมชาติ

ความหมายของอาหารมื้อของหยูเถิง ทั้งหมดอยู่บนตัวของลู่เชา

ถ้าลู่เชาไปแล้ว งั้นอาหารมื้อนี้ จะไปมีความหมายอะไร?

หวงเจ๋ ส้งเคอ เฝิงจื่อหลินคนพวกนี้ เหมือนคนขาดแคลนอาหารมื้อนึงเหรอ?

จุดประสงค์ที่พวกเขามา ก็คือลู่เชา ถ้าลู่เชาไปแล้ว คนพวกนี้ก็ต้องไม่พอใจแน่ๆ

หยูเถิงไม่อยากมีประสบการณ์ที่ไม่ดีกับพวกเขา ถ้ามีประสบการณ์แบบนั้น งั้นต่อไปจะร่วมธุรกิจกัน ก็คงจะยากแล้ว

หยูเถิงวิ่งตามมา แล้วพูด: “ฉันจะกิน ฉันกินโอเคมั้ย?”

หยูเถิงกัดฟันตัดสินใจ ก็แค่อาหารเหลือสองจานไม่ใช่เหรอ?

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วมองหยูเถิง: “จริงๆ เหรอ? หัวหน้าห้อง นายเป็นถึงคุณชายตระกูลหยูนะ กินอาหารเหลือของคนอื่น ถ้าข่าวแพร่ออกไป จะขายขี้หน้าเอานะ?”

“ได้กินอาหารเหลือจากพี่เชา นั่นก็ถือว่าเป็นเกียรติของหยูเถิง”

หยูเถิงหัวเราะฮี่ๆ แล้วมองไปทางลู่เชาอย่างประจบ

สายตาของลู่เชา กลับมองไปที่หลี่ฝาง เห็นได้ชัด ลู่เชาจะอยู่หรือไป ขึ้นอยู่กับหลี่ฝางว่ายังไง

หลี่ฝางมองหยูเถิงแล้วหัวเราพลางพูด: “คุณชายหยูจริงใจขนาดนี้ งั้นพวกเราก็กลับเถอะ”

กลับไปนั่งที่อีกครั้ง หลี่ฝางหยิบจานอาหารผัดมันฝรั่งเปรี้ยวเผ็ดกับไข่เจียวผัดมะเขือเทศที่เหลือ วางไว้ตรงหน้าหยูเถิง: “กินดิ”

“ทำไมถึงมีน้ำลายด้วย?”

หลี่ฝางเป็นคนบ้วน แต่ว่าหลังจากที่หลี่ฝางส่งสายตาให้ลู่เชา ลู่เชาก็เข้าใจและพยักหน้า: “ของฉันเอง”

“ทำไม นายรังเกียจฉันเหรอ?” ลู่เชาเห็นได้ว่าหยูเถิงกลัวตน จึงเล่นใหญ่

สีหน้าของหยูเถิงเริ่มลำบากใจ ถึงยังไงยังมีส้งเคอและคนอื่นๆ ดูอยู่

ถ้าหากตนกินกับข้าวปนน้ำลายคนอื่น งั้นก็คง……

แต่แล้วก็นึกขึ้นได้ นี่ตระกูลฉินกับตระกูลมู่ เหตุผลที่พวกเขาสามารถเป็นตระกูลอันดับต้นๆ ของเมืองเอกได้ เบื้องหลังก็เป็นเพราะสี่ตระกูลใหญ่ไม่ใช่เหรอ?

ถ้าหากสามารถเอาชนะใจหนึ่งในคุณชายสี่ตระกูลใหญ่ได้ แล้วสร้างสัมพันธ์ที่ดี ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ช้าก็เร็ว ตระกูลหยูก็สามารถอยู่อันดับเดียวกับตระกูลฉินกับตระกูลมู่ได้แล้วไม่ใช่เหรอ?

วันที่หานซิ่นอดทนต่อความอัปยศอดสูของตนเอง เขาก็จะกลายเป็นคนที่มีชื่อเสียง……

เมื่อเทียบกับหานซิ่นที่ต้องยอมอัปยศ ตนแค่กินกับข้าวปนน้ำลาย เองไม่ใช่เหรอ?

ในตอนนั้น หยูเถิงทำสีหน้าแน่วแน่ แล้วหยิบตะเกียบขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มกินอาหารที่เหลือจากลู่เชา

ทำให้ส้งเคอหวงเจ๋และคนอื่นๆ ช็อกเล็กน้อย

นอกจากสายตาดูถูก ยังมีความชมเชยอยู่ในนั้นเล็กน้อย

คนทะนงตัวอย่างพวกเขา ที่จริงมันยากมากที่จะก้มหัวให้คนอื่น

หลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วเปิดกล้อง แล้วหันไปทาหยูเถิง หยูเถิงกินไปได้ครึ่งนึง ก็เงยหน้า มองหลี่ฝางด้วยสีหน้าเย็นชา: “นายทำอะไร?”

“หัวหน้าห้อง ตอนนายกินข้าวหล่อมากเลย เพราะงั้นฉันจึงห้ามตัวเองไม่ให้ถ่ายไว้ และส่งไปในกลุ่มเพื่อนร่วมห้องไม่ได้” หลังจากที่หลี่ฝางถ่ายคลิปแล้วส่งเข้ากลุ่มห้องไปแล้ว ก็หัวเราะลั่นออกมา

“แก!” หยูเถิงลุกพรวดขึ้นมา แล้วกำหมัดแน่น

เขาอยากจะต่อย แต่ในตอนนั้น ลู่เชาก็กระแอมขึ้นมา

ทันใดนั้น หยูเถิงก็หยุดลง

“หลี่ฝาง นายทำเกินไปหน่อยมั้ย? ให้ฉันขายหน้าต่อเพื่อนฉันยังไม่พอ ยังจะให้ฉันขายหน้าต่อเพื่อนทั้งชั้นด้วยเหรอ?” หยูเถิงกัดฟันกรอด ทำสีหน้าอาฆาตพลางพูด

แต่หลี่ฝางกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ : “หัวหน้าห้อง ตอนบ่าย นายก็อยากทำร้ายฉันแบบนี้ไม่ใช่เหรอ? ก็แค่ทำไม่สำเร็จแค่นั้น ตอนนี้ฉันแค่เอาอย่างนาย ฉันทำอะไรเกินไปตรงไหน?”

หลี่ฝางมองดูเวลา

เมื่อกี้ลุงเฉียนส่งข้อความมาบอกว่า ยังต้องรออีกครึ่งชั่วโมง

หรือพูดได้ว่า เหลือเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง ตระกูลหยูก็จะล้มละลาย

หยูเถิงสูดหายใจเข้าลึก แล้วกินอาหารเหลือสองจานนั้นจนหมด และในตอนนั้น หลี่ฝางก็หยิบกุ้งล็อบสเตอร์ในถังขยะขึ้นมา แล้ววางมันลงในจานของหยูเถิง: “หัวหน้าห้อง กินทิ้งกินขว้างน่าละอายใจนะ ยิ่งไปกว่านั้น นายทำให้กุ้งล็อบสเตอร์ราคาแพงเสียของนะ”

หยูเถิงทนไม่ไหวแล้ว เขาลุกขึ้นแล้วด่าเสียงดัง: “เชี่ยมึง ให้กูแดกของจากถังขยะเหรอ?”

หลี่ฝางมองลู่เชา ลู่เชาพยักหน้า แล้วใช้นิ้วเคาะโต๊ะ พูดว่า: “ถ้าหากฉันให้นายกินล่ะ”

หยูเถิงหันไปมองลู่เชา ตอนนั้นลู่เชาทำหน้าเข้ม ใบหน้าเย็นชา

หยูเถิงไม่ใช่คนโง่ มาถึงตอนนี้ เขาก็เข้าใจได้ว่า ลู่เชาคนนี้กับหลี่ฝาง เป็นพวกเดียวกันอย่างเห็นได้ชัด

ถ้าหากไม่สามารถคุยดีกับหลี่ฝางได้ การชนะใจลู่เชา นั้นไม่มีทางเลย

ส่วนความแค้นของหลี่ฝางกับตนนั้น ดูเหมือนจะฝั่งลึกเอาการ อยากจะคืนดี เห็นทีว่าจะเป็นไปไม่ค่อยได้

หยูเถิงเริ่มเสียใจแล้ว เสียใจที่ทำไมต้องเป็นศัตรูกับหลี่ฝาง?

เฮ้อ ทั้งหมดนี่ก็เป็นเพราะลูกพี่ลูกน้องสารเลวนั่นไม่ใช่เหรอ?

ถ้าหากตู้เฟยไม่มาตระกูลหยู ตนจะยั่วโมโหหลี่ฝางได้ยังไง และจะล้มไม่เป็นท่าครั้งแล้วครั้งเล่าแบบนี้ได้ยังไง?

จะให้พูดก็แปลก ตั้งแต่ตนเจอหลี่ฝาง และหลังจากเป็นศัตรูกับหลี่ฝาง หยูเถิงก็รู้สึกว่าตนเริ่มตกต่ำ……..

หรือว่า หลี่ฝางคนนี้จะดวงชงกับตน

หยูเถิงพูดอย่างหมดหนทาง: “พี่เชาถึงกับเอ่ยปาก งั้นผมก็กิน”

หยูเถิงไม่กล้าทำให้ลู่เชาไม่พอใจ ทำให้เขาไม่แฮปปี้ ถึงยังไง ลูกมหาเศรษฐีแบบนี้ ถึงจะทำให้ชนะใจไม่ได้ ก็ไม่สามารถทำให้ไม่พอใจได้

ที่จริงแล้วถังขยะก็สะอาดอยู่ ไม่มีอะไรเลย กุ้งล็อบสเตอร์ตัวนี้ ก็ไม่ได้เลอะฝุ่นอะไร

แต่ถึงยังไงนี่ก็เป็นกุ้งล็อบสเตอร์ที่หยิบออกมาจากถังขยะนะ ก็เหมือนกับโถส้วมที่เพิ่งผลิตออกมา หลังจากติดตั้งเรียบร้อย ไม่ว่าน้ำในนั้นจะสะอาดขนาดไหน คุณกล้าดื่มมั้ย? เอามาล้างมือยังคิดแล้วคิดอีกเลย?

“มา พวกเราก็กินกันเถอะ” หลี่ฝางหยิบตะเกียบขึ้นมา แล้วพูดกับส้งเคอและคนอื่นๆ

โต๊ะนี้ ราวกับหลี่ฝางเป็นคนเลี้ยงอย่างไงอย่างนั้น

ในใจของหยูเถิงรู้สึกผิดสุดๆ ครั้งนี้ เหมือนกับหาเรื่องใส่ตัวเองเลย

เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหลี่ฝางจะมีความสัมพันธ์กับลู่เชา แถมยังลึกซึ้งเบอร์นี้

หยูเถิงเคยสืบประวัติลู่เชามา และก็สืบค้นเรื่องเพื่อนของลู่เชามาด้วย ก็สืบไม่เจอว่าหลี่ฝางกับลู่เชาจะมีความสัมพันธ์อะไรกันนี่?

ข้าวมื้อนี้ หยูเถิงรู้สึกเหมือนกับโดนผีหลอกอย่างไงอย่างนั้น……

ส้งเคอ เฝิงจื่อหลิน หวงเจ๋และคนอื่นๆ ก็ชนแก้วดื่มกับหลี่ฝางไม่หยุด……

“ส้งเคอ นายทำบ้าอะไรเหนี่ย? ไอ้หมอนี่มันแกล้งฉันชัดๆ นายกับฉันรู้จักกันมาตั้งหลายปี นายไม่ช่วยฉันก็ช่างเถอะ แต่นายยังจะไปชนแก้วดื่มเหล้ากับมันอีก? นายทำแบบนี้หมายความว่าไง?” หยูเถิงสะกิดแขนส้งเคอ แล้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

ส้งเคอลังเลอยู่ครู่ ที่จริงอยากจะเตือนหยูเถิงอยู่แหละ แต่ในตอนนั้นหลี่ฝางก็กระแอมขึ้นมา

ส้งเคอจึงหลีกเลี่ยงหยูเถิงทันที แล้วย้ายก้น: “มา หลี่ฝาง พวกเรามาชนกันอีกแก้ว”

“ฉันคอไม่ค่อยแข็ง”

“งั้นผมหมดแก้ว ท่านแล้วแต่สะดวก” ส้งเคอพูด

หยูเถิงชะงักอยู่ครู่ รู้สึกเหมือนกับหูของตนเองมีปัญหา

มีแค่ลูกน้องกับหัวหน้าเวลาชนแก้วกัน ถึงได้พูดว่า ‘ผมหมดแก้ว ท่านแล้วแต่สะดวก’ ไม่ใช่เหรอ?

ต่อมา ส้งเคอกับหลี่ฝางก็ชนแก้วกันอีกหลายต่อหลายครั้ง ด้านส้งเคอ กับถือแก้วของตนเองอยู่ต่ำมาก

นี่ทำให้หยูเถิงรู้สึกว่าสายตาตนเองมีปัญหา

มีแค่เวลาผู้น้อยชนแก้วกับผู้ใหญ่ ถึงได้ทำแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?

วันนี้มันเกิดอะไรขึ้น ส้งเคอคนนี้ถึงได้อ่อนน้อมถ่อมตนต่อหลี่ฝางขนาดนี้?

หรือว่าเป็นสาเหตุเป็นเพราะลู่เชา?

ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ไม่อย่างนั้น หลี่ฝางมีสิทธิ์อะไร?

ไม่ใช่แค่ส้งเคอ หยูเถิงก็สังเกตได้ว่า หวงเจ๋ เฝิงจื่อหลิน……ก็เป็นเหมือนกัน

ต่อหน้าหลี่ฝาง ก็ถ่อมตนราวกับลูกกระจ๊อก

หยูเถิงกับส้งเคอและคนอื่นๆ เคยกินข้าวด้วยกันหลายครั้ง หยูเถิงไม่เคยเห็นส้งเคอและคนอื่นๆ มีท่าทีนอบน้อมแบบนี้มาก่อน?

“หลี่ฝาง ชีวิตนายนี่ดีจริงๆ ที่รู้จักกับลู่เชา ชีวิตนาย คงราวกับได้ขึ้นสวรรค์สินะ”

หยูเถิงสูดหายใจเข้าลึก แล้วแอบบ่นอยู่ในใจ

เขารู้ ว่าหลี่ฝางมีลู่เชาคอยหนุนอยู่ งั้นหลังจากนี้ ตนคงจะเป็นศัตรูกับหลี่ฝางไม่ได้แล้ว

หยูเถิงลุกขึ้น แล้วชูแก้วเหล้าขึ้น จากนั้นก็พูดกับหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง พวกเรามาชนแก้วกัน เรื่องที่ผ่านมา เป็นฉันหยูเถิงที่ผิดเอง หวังว่านายจะใจกว้าง ยกโทษให้ฉันสักครั้ง”

หลี่ฝางลุกขึ้น ในใจก็อดขำไม่ได้

ถ้าหากหยูเถิงสำนึกผิดได้เร็วกว่านี้ บางทีหลี่ฝางอาจจะปล่อยเขาไปสักครั้งก็ได้……

แต่น่าเสียดาย กลับตัวไม่ทันแล้ว……

หลี่ฝางมองนาฬิกาข้อมือ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ตระกูลหยู คงจบสิ้นแล้วสินะ?

สายตาที่หลี่ฝางมองหยูเถิง อดไม่ได้ที่จะเห็นใจ……

“โทษทีนะ หัวหน้าห้อง ถึงฉันจะยกโทษให้นาย นายก็คงไม่ยกโทษให้ฉัน” หลี่ฝางพูดขอโทษ

“แก้วนี้ ฉันดื่มให้นาย”

หลี่ฝางพูดจบ ก็ยกแก้วดื่มรวดเดียวหมด

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท