บทที่ 402 หยูเถิงตายแล้ว
“เฮ้อ……”
ผู้เฒ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันไป มองส้าวส้วย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและตำหนิ
“ถึงแม้เขาจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นเขา”
ผู้เฒ่าถามส้าวส้วย: “นี่เป็นความต้องการของเหล่าเฉียน หรือว่าของนายกันแน่?”
“เป็นลุงเฉียนให้ผมมา……” ส้าวส้วยทำหน้านิ่ง
“หึ หมอนั่นชอบคิดบัญชีชาวบ้านนะ……” ผู้เฒ่าหึครั้งนึง และโมโหเล็กน้อย: “คิดบัญชีมาถึงฉันด้วย”
ส้าวส้วยไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ควักจดหมายฉบับนึงออกมาจากกระเป๋าที่หน้าอก แล้วยื่นให้ผู้เฒ่า
ผู้เฒ่าไม่ได้เปิดอ่านจดหมายนั่นต่อหน้าหลี่ฝาง ปากบ่นพึมพำ: “ฉันพอจะเดาได้ว่าเขาเขียนอะไร”
“พวกนายบอกความจริงกับหมอนี่แล้ว ใช่มั้ย?”
“ถ้าไม่อย่างนั้น ไอ้หมอนี่มันจะตอบตกลงฆ่าคนแทนพวกนายได้ยังไง หมอนี่ทำเพื่อตระกูลสวีมาหลายปี แต่ไม่เคยฆ่าคนเลย ในระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้ ทำให้ไอ้หมอนี่จับมีดได้ มีแค่ ‘ความแค้นฝังลึก’ เท่านั้นแหละ”
ผู้เฒ่าจงใจเน้นย้ำความว่า ความแค้นฝังลึก
หลังจากนั้นสักพัก ผู้เฒ่าก็ค่อยๆ เอ่ยปากพูด: “เฮ้อ เวรกรรม เวรกรรมจริงๆ ”
ผู้เฒ่าลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าบ้านไป
ในตอนนั้น จดหมายที่อยู่บนกระดานหมากรุก ก็ไม่อยู่แล้ว
ถูกลมพัดปลิวไปแล้ว?
หรือว่าถูกผู้เฒ่าหยิบไปแล้ว?
หลี่ฝางคิดว่า น่าจะเป็นอย่างหลัง
“เจ้านาย เสร็จธุระแล้ว ไปกันเถอะ” ส้าวส้วยพยักหน้าให้หลี่ฝาง
หลี่ฝางลุกขึ้น แล้วมองไปที่หมากตัวที่ผู้เฒ่าบีบ แล้วก็ขมวดคิ้วเข้ม: “ส้าวส้วย ผู้เฒ่าคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมแรงเยอะแบบนี้?”
“อาจารย์ของผม ฝีมือของผมครึ่งนึงก็เรียนรู้มาจากท่าน”
ส้าวส้วยมองหลี่ฝาง แล้วพูด: “เจ้านาย อยู่ห่างจากคนคนนี้หน่อยดีกว่าครับ”
“หมายความว่าไง?” หลี่ฝางฟังได้ถึงความผิดปกติ
“ฟังที่ผมพูดเถอะ” สีหน้าของส้าวส้วยเคร่งขรึม: “ถ้าหากเขาลงเมื่อกับนาย ผมคงปกป้องได้แค่เจ้านาย”
เมื่อได้ยินหลี่ฝางก็ชะงัก
ผู้เฒ่าคนนี้คือพ่อของซุนจิ้น ที่ใช้มวยสิงอี้ไม่ใช่เหรอ?
ได้ยินคำของส้าวส้วย ฝีมือของผู้เฒ่าคนนี้ เหมือนจะเหนือกว่าส้าวส้วยนะ
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู จู่ๆ ผู้เฒ่าก็เดินออกมา ถึงในสวน แล้วตะโกนมาทางหลี่ฝาง: “ไอ้หนู นายยังติดการเดินหมากฉันตานึง หาเวลา มาเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อย”
หลี่ฝางหันกลับไปมอง จากสีหน้าของผู้เฒ่าคนนั้น หลี่ฝางมองไม่เห็นสัญญาณอันตรายใดๆ
หลี่ฝางเอียงไปมองส้าวส้วย: “ฉันควรตอบตกลงเขามั้ย?”
“ตกลงเถอะ ตอนนั้น ให้พี่ใหญ่มาเป็นเพื่อนด้วย” ส้าวส้วยทำสีหน้าเคร่งขรึม
สีหน้าของส้าวส้วยนี้ เห็นได้ชัดว่าปฏิเสธไม่ได้
ถ้าหากปฏิเสธต่อหน้าคนอื่นละก็ ผู้เฒ่าคนนี้คงจะไม่พอใจ
หลี่ฝางหันกลับไป แล้วยิ้มให้ผู้เฒ่า: “ครับผม คุณปู่”
พูดจบ หลี่ฝางก็เดินออกมาจากบ้านซอมซ่อหลังนี้ และเข้าไปในรถ
“นายว่าซุนจิ้นคนนี้ รับใช้ตระกูลสวีมาตั้งหลายปี หรือว่าไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อบ้านเหรอ?” หลี่ฝางถามขึ้นอย่างสงสัย
“ซุนจิ้นอยู่ที่ตระกูลสวี เงินเดือนสามหมื่นกว่าเหรียญ……ทำไมถึงจะไม่มีเงินซื้อบ้านล่ะ? ซุนจิ้นมีบ้านนะ แล้วก็ไม่ใช่แค่หลังเดียวด้วย ตอนนั้นเขาใช้เส้นสายตระกูลสวี ซื้อบ้านในราคาภายในมองสองหลัง หลังนึงให้ลูกให้เมียอยู่ อีกหลังให้อาจารย์ แต่ว่าอาจารย์เขาลำบากใจ จึงไม่ไปอยู่ ต้องการอยู่และตายที่บ้านหลังนี้ ซุนจิ้นก็จนปัญญา” ส้าวส้วยพูดอย่างไม่มีทางเลือก
“ใช่แล้ว นายให้ซุนจิ้นไปฆ่าคน?” หลี่ฝางถามอย่างอยากรู้
ส้าวส้วยไม่ได้ปฏิเสธ เขาพยักหน้ายอมรับ
“นายให้ซุนจิ้นไปฆ่าใครกัน? คุณปู่คนนี้ เหมือนว่าจะเดาออกหมดทุกอย่างเลย” หลี่ฝางรู้สึกว่า เรื่องที่ซุนจิ้นจะไปฆ่าใคร เรื่องนี้เข้าไม่รู้เรื่องเลย
ส้าวส้วยรู้ ลุงเฉียนรู้ ผู้เฒ่ารู้ มีแค่เขาที่ไม่รู้
“หวางเฉิน……” ส้าวส้วยทำหน้าตาน่ากลัว
“เป็นความต้องการของลุงเฉียน?”
“ใช่แล้ว ลุงเฉียนเสนอความคิด ใครก็รู้ ว่าซุนจิ้นเป็นคนของตระกูลสวี ให้ซุนจิ้นไปฆ่าหวางเฉิน ก็เท่ากับว่าตระกูลสวีฆ่าหวางเฉิน เมื่อหวางเฉินตาย เหยสงก็จะแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งแน่นอน เหยสงไม่ได้ระงับอารมณ์ได้อย่างคุณชายสวี”
“สงครามครั้งนี้ ตระกูลสวีกับเหยสง ต้องล่มสลายกันไปข้างนึง”
หลี่ฝางก็เข้าใจได้ในทันที
ลุงเฉียนต้องการนั่งดูเสือกัดกันเอง หลังจากรอให้เสือตัวนึงตายแล้วอีกตัวบาดเจ็บ จากนั้นค่อยทำร้ายเสือตัวที่บาดเจ็บตัวนั้น
“ลุงเฉียนฉลาดดีนี่” หลี่ฝางพูดชม
“ใช่แล้ว งั้นอาจารย์ของนายรู้ได้ยังไง?” จู่ๆ หลี่ฝางก็ขมวดคิ้ว
“ฉายาของลุงเฉียนคือเจ้าปัญญา ฉายาของอาจารย์ผมคือลูกคิดเหล็ก ที่จริงความสามารถของพวกเขา ถือว่าไม่อ่อนไม่ด้อยไปกว่ากัน ลุงเฉียนจะทำอะไร อาจารย์ของผมก็จับได้ก่อนตลอด”
“ที่จริงแล้ว ลุงเฉียนก็อยากทดสอบอาจารย์ผม อยากจะดูว่าอาจารย์ของผมปลีกตัวแล้ว เรื่องอะไรก็ไม่สนแล้วจริงๆ หรือเปล่า เห็นที อาจารย์ของผมยังสนใจเรื่องราวภายนอกอยู่”
“รวมไปถึงเรื่องที่หวางเฉินยิงปืนฆ่าสวีเถิงเฟย อาจารย์ผมก็รู้เรื่อง”
หลี่ฝางได้ยินแบบนั้นก็ช็อกเล็กน้อย ถึงยังไงเรื่องนี้ คนที่รู้มีไม่มากนัก
เห็นทีผู้เฒ่าคนนี้ มีสายข่าวดีมากๆ
“หวางเฉินไม่ใช่แค่ต้องตาย ต้องเป็นซุนจิ้นไปต้องไปฆ่า และยิ่งต้องทิ้งหลักฐานและพยานไว้ด้วย ให้เหยสงรู้ว่าคนที่ฆ่าคือซุนจิ้น มีแค่แบบนี้ เหยสงถึงจะล้างแค้นตระกูลสวีอย่างบ้าคลั่ง” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “คิดได้ดี”
“แต่ก็ไม่ค่อยดีนิดนึง ทำไมต้องปิดบังฉัน?” หลี่ฝางไม่พอใจเล็กน้อย
“พี่ใหญ่ไม่อยากให้เจ้านายรู้มากเกินไป” ส้าวส้วยยิ้ม แล้วพูด: “มันไม่มีผลดีต่อเจ้านาย”
จู่ๆ หลี่ฝางก็นึกถึงคำพูดที่ผู้เฒ่าพูดเมื่อกี้:ลูกชายของหลอซ่า มือกลับไม่เปื้อนเลือด
คำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่าพูดว่าเขาไม่เคยฆ่าคนมาก่อน
หลี่ฝางมองส้าวส้วย ลังเลอยู่ครู่จึงถามขึ้น: “ส้าวส้วย ฉันถามนายข้อนึง พ่อฉันมีฉายาว่าหลอซ่า ใช่มั้ย?”
แต่เดิม ส้าวส้วยขับรถอยู่นิ่งๆ แต่เมื่อหลังจากได้ยินคำถามนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาลนลาน จนขับรถเซไปมา
“เจ้านาย ผมตอบไม่ได้ครับ”
ส้าวส้วยทำหน้าเคร่งขรึมแล้วพูด: “จากนี้ อย่าถามคำถามนี้กับผม แล้วก็ไม่ต้องไปฟังจากคนอื่นด้วย”
“รอให้ถึงเวลาที่เจ้านายควรจะรู้ นายก็จะได้รู้ทุกอย่างเอง”
ความหมายของส้าวส้วยหลี่ฝางเข้าใจ ก็คือปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลา
หลี่ฝางไม่ได้ถามอะไรต่อ ที่จริงหลี่ฝางอยากจะถามต่อ ว่าลุงเฉียนโน้มน้าวซุนจิ้นยังไง
หลี่ฝางถือว่าพอมองออก เรื่องเมื่อสามปีก่อน เกี่ยวพันกับคนมากมาย และหลายเรื่อง รวมไปถึงอาจารย์ของส้าวส้วย เขาต้องไม่ใช่แค่อาจารย์สอนมวยสิงอี้แน่ๆ
“งั้นตอนนี้พวกเราไปโรงพยาบาลได้แล้วใช่มั้ย?” หลี่ฝางถาม
ส้าวส้วยตอบอื้ม แล้วก็ขับรถไปทางโรงพยาบาล
ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที หลี่ฝางกับส้าวส้วยก็มาถึงโรงพยาบาล ทั้งสองคนลงจากรถ ขณะที่กำลังจะเตรียมตัวเดินเข้าไปในโรงพยาบาลนั่นเอง จู่ๆ โทรศัพท์ของส้าวส้วยก็ดังขึ้น
“ใครกัน?” หลี่ฝางถามขึ้นเฉยๆ
“ลุงเฉียนโทรมา”
ส้าวส้วยพูดจบ ก็กดรับสาย
แค่ไม่กี่สิบวินาที สีหน้าของส้าวส้วย จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม
“เจ้านาย รีบไป!”
ส้าวส้วยวางสาย แล้วยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋า จากนั้นก็คว้าแขนของหลี่ฝาง และวิ่งไปทางรถ
และในตอนนั้น ในโรงพยาบาล ก็มีตำรวจหลายนายวิ่งออกมา นำโดย หูเฟย
ในตอนนั้นหลี่ฝางก็งง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
“อย่าขยับ อยู่กับที่!”
“ถ้าวิ่งพวกเราจะยิง!”
หูเฟยมองมาทางหลี่ฝาง แล้วตะโกนเสียงดัง
หลี่ฝางพึมพำในหัว หูเฟยจะจับตน?
ตนทำอะไรผิด?
ทำไมต้องมาจับด้วย
หูเฟยควักปืนออกมา เล็งไปทางหลี่ฝาง
หลี่ฝางตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก
เสียงดังปัง หูเฟยยิงปืนจริงๆ ตอนนั้นหลี่ฝางตกใจจนสติหลุด
ถึงแม้กระสุนจะยิงไม่ถูกหลี่ฝาง แต่ก็ทำให้หลี่ฝางตกใจจนเอ๋อ ส้าวส้วยกดหลี่ฝางเข้าไปในรถ แล้วออกรถไป ส่วนหูเฟยและคนอื่นๆ ก็รีบตามไปเช่นกัน
เสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้นจากด้านหลัง หลี่ฝางถามขึ้นด้วยความตกใจ: “ส้าวส้วย สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นเหนี่ย? ทำไมตำรวจต้องมาจับฉันด้วย แถมยังจะยิงฉันอีก? แม่งเอ๊ย พวกนั้นบ้าไปแล้วเหรอ? ถ้ายิงฉันตายจะทำยังไง?”
หลี่ฝางด่าอย่างโมโห แน่นอน หลี่ฝางไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่า ต่อหน้าผู้ต้องหาปกติ ตำรวจจะไม่ยิงปืนใส่
นอกจาก หลี่ฝางจะทำผิดกฎหมายหนักๆ
ส้าวส้วยพลางขับรถ พลางพูด: “หยูเถิงตายแล้ว