NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 402

ตอนที่ 402

บทที่ 402 หยูเถิงตายแล้ว

“เฮ้อ……”

ผู้เฒ่าถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาหันไป มองส้าวส้วย นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่พอใจและตำหนิ

“ถึงแม้เขาจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด แต่ไม่จำเป็นต้องเป็นเขา”

ผู้เฒ่าถามส้าวส้วย: “นี่เป็นความต้องการของเหล่าเฉียน หรือว่าของนายกันแน่?”

“เป็นลุงเฉียนให้ผมมา……” ส้าวส้วยทำหน้านิ่ง

“หึ หมอนั่นชอบคิดบัญชีชาวบ้านนะ……” ผู้เฒ่าหึครั้งนึง และโมโหเล็กน้อย: “คิดบัญชีมาถึงฉันด้วย”

ส้าวส้วยไม่ได้พูดอะไร เขาแค่ควักจดหมายฉบับนึงออกมาจากกระเป๋าที่หน้าอก แล้วยื่นให้ผู้เฒ่า

ผู้เฒ่าไม่ได้เปิดอ่านจดหมายนั่นต่อหน้าหลี่ฝาง ปากบ่นพึมพำ: “ฉันพอจะเดาได้ว่าเขาเขียนอะไร”

“พวกนายบอกความจริงกับหมอนี่แล้ว ใช่มั้ย?”

“ถ้าไม่อย่างนั้น ไอ้หมอนี่มันจะตอบตกลงฆ่าคนแทนพวกนายได้ยังไง หมอนี่ทำเพื่อตระกูลสวีมาหลายปี แต่ไม่เคยฆ่าคนเลย ในระยะเวลาสั้นๆ แบบนี้ ทำให้ไอ้หมอนี่จับมีดได้ มีแค่ ‘ความแค้นฝังลึก’ เท่านั้นแหละ”

ผู้เฒ่าจงใจเน้นย้ำความว่า ความแค้นฝังลึก

หลังจากนั้นสักพัก ผู้เฒ่าก็ค่อยๆ เอ่ยปากพูด: “เฮ้อ เวรกรรม เวรกรรมจริงๆ ”

ผู้เฒ่าลุกขึ้นยืน แล้วเดินเข้าบ้านไป

ในตอนนั้น จดหมายที่อยู่บนกระดานหมากรุก ก็ไม่อยู่แล้ว

ถูกลมพัดปลิวไปแล้ว?

หรือว่าถูกผู้เฒ่าหยิบไปแล้ว?

หลี่ฝางคิดว่า น่าจะเป็นอย่างหลัง

“เจ้านาย เสร็จธุระแล้ว ไปกันเถอะ” ส้าวส้วยพยักหน้าให้หลี่ฝาง

หลี่ฝางลุกขึ้น แล้วมองไปที่หมากตัวที่ผู้เฒ่าบีบ แล้วก็ขมวดคิ้วเข้ม: “ส้าวส้วย ผู้เฒ่าคนนี้เป็นใครกันแน่ ทำไมแรงเยอะแบบนี้?”

“อาจารย์ของผม ฝีมือของผมครึ่งนึงก็เรียนรู้มาจากท่าน”

ส้าวส้วยมองหลี่ฝาง แล้วพูด: “เจ้านาย อยู่ห่างจากคนคนนี้หน่อยดีกว่าครับ”

“หมายความว่าไง?” หลี่ฝางฟังได้ถึงความผิดปกติ

“ฟังที่ผมพูดเถอะ” สีหน้าของส้าวส้วยเคร่งขรึม: “ถ้าหากเขาลงเมื่อกับนาย ผมคงปกป้องได้แค่เจ้านาย”

เมื่อได้ยินหลี่ฝางก็ชะงัก

ผู้เฒ่าคนนี้คือพ่อของซุนจิ้น ที่ใช้มวยสิงอี้ไม่ใช่เหรอ?

ได้ยินคำของส้าวส้วย ฝีมือของผู้เฒ่าคนนี้ เหมือนจะเหนือกว่าส้าวส้วยนะ

เมื่อเดินมาถึงหน้าประตู จู่ๆ ผู้เฒ่าก็เดินออกมา ถึงในสวน แล้วตะโกนมาทางหลี่ฝาง: “ไอ้หนู นายยังติดการเดินหมากฉันตานึง หาเวลา มาเล่นเป็นเพื่อนฉันหน่อย”

หลี่ฝางหันกลับไปมอง จากสีหน้าของผู้เฒ่าคนนั้น หลี่ฝางมองไม่เห็นสัญญาณอันตรายใดๆ

หลี่ฝางเอียงไปมองส้าวส้วย: “ฉันควรตอบตกลงเขามั้ย?”

“ตกลงเถอะ ตอนนั้น ให้พี่ใหญ่มาเป็นเพื่อนด้วย” ส้าวส้วยทำสีหน้าเคร่งขรึม

สีหน้าของส้าวส้วยนี้ เห็นได้ชัดว่าปฏิเสธไม่ได้

ถ้าหากปฏิเสธต่อหน้าคนอื่นละก็ ผู้เฒ่าคนนี้คงจะไม่พอใจ

หลี่ฝางหันกลับไป แล้วยิ้มให้ผู้เฒ่า: “ครับผม คุณปู่”

พูดจบ หลี่ฝางก็เดินออกมาจากบ้านซอมซ่อหลังนี้ และเข้าไปในรถ

“นายว่าซุนจิ้นคนนี้ รับใช้ตระกูลสวีมาตั้งหลายปี หรือว่าไม่มีเงินแม้แต่จะซื้อบ้านเหรอ?” หลี่ฝางถามขึ้นอย่างสงสัย

“ซุนจิ้นอยู่ที่ตระกูลสวี เงินเดือนสามหมื่นกว่าเหรียญ……ทำไมถึงจะไม่มีเงินซื้อบ้านล่ะ? ซุนจิ้นมีบ้านนะ แล้วก็ไม่ใช่แค่หลังเดียวด้วย ตอนนั้นเขาใช้เส้นสายตระกูลสวี ซื้อบ้านในราคาภายในมองสองหลัง หลังนึงให้ลูกให้เมียอยู่ อีกหลังให้อาจารย์ แต่ว่าอาจารย์เขาลำบากใจ จึงไม่ไปอยู่ ต้องการอยู่และตายที่บ้านหลังนี้ ซุนจิ้นก็จนปัญญา” ส้าวส้วยพูดอย่างไม่มีทางเลือก

“ใช่แล้ว นายให้ซุนจิ้นไปฆ่าคน?” หลี่ฝางถามอย่างอยากรู้

ส้าวส้วยไม่ได้ปฏิเสธ เขาพยักหน้ายอมรับ

“นายให้ซุนจิ้นไปฆ่าใครกัน? คุณปู่คนนี้ เหมือนว่าจะเดาออกหมดทุกอย่างเลย” หลี่ฝางรู้สึกว่า เรื่องที่ซุนจิ้นจะไปฆ่าใคร เรื่องนี้เข้าไม่รู้เรื่องเลย

ส้าวส้วยรู้ ลุงเฉียนรู้ ผู้เฒ่ารู้ มีแค่เขาที่ไม่รู้

“หวางเฉิน……” ส้าวส้วยทำหน้าตาน่ากลัว

“เป็นความต้องการของลุงเฉียน?”

“ใช่แล้ว ลุงเฉียนเสนอความคิด ใครก็รู้ ว่าซุนจิ้นเป็นคนของตระกูลสวี ให้ซุนจิ้นไปฆ่าหวางเฉิน ก็เท่ากับว่าตระกูลสวีฆ่าหวางเฉิน เมื่อหวางเฉินตาย เหยสงก็จะแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งแน่นอน เหยสงไม่ได้ระงับอารมณ์ได้อย่างคุณชายสวี”

“สงครามครั้งนี้ ตระกูลสวีกับเหยสง ต้องล่มสลายกันไปข้างนึง”

หลี่ฝางก็เข้าใจได้ในทันที

ลุงเฉียนต้องการนั่งดูเสือกัดกันเอง หลังจากรอให้เสือตัวนึงตายแล้วอีกตัวบาดเจ็บ จากนั้นค่อยทำร้ายเสือตัวที่บาดเจ็บตัวนั้น

“ลุงเฉียนฉลาดดีนี่” หลี่ฝางพูดชม

“ใช่แล้ว งั้นอาจารย์ของนายรู้ได้ยังไง?” จู่ๆ หลี่ฝางก็ขมวดคิ้ว

“ฉายาของลุงเฉียนคือเจ้าปัญญา ฉายาของอาจารย์ผมคือลูกคิดเหล็ก ที่จริงความสามารถของพวกเขา ถือว่าไม่อ่อนไม่ด้อยไปกว่ากัน ลุงเฉียนจะทำอะไร อาจารย์ของผมก็จับได้ก่อนตลอด”

“ที่จริงแล้ว ลุงเฉียนก็อยากทดสอบอาจารย์ผม อยากจะดูว่าอาจารย์ของผมปลีกตัวแล้ว เรื่องอะไรก็ไม่สนแล้วจริงๆ หรือเปล่า เห็นที อาจารย์ของผมยังสนใจเรื่องราวภายนอกอยู่”

“รวมไปถึงเรื่องที่หวางเฉินยิงปืนฆ่าสวีเถิงเฟย อาจารย์ผมก็รู้เรื่อง”

หลี่ฝางได้ยินแบบนั้นก็ช็อกเล็กน้อย ถึงยังไงเรื่องนี้ คนที่รู้มีไม่มากนัก

เห็นทีผู้เฒ่าคนนี้ มีสายข่าวดีมากๆ

“หวางเฉินไม่ใช่แค่ต้องตาย ต้องเป็นซุนจิ้นไปต้องไปฆ่า และยิ่งต้องทิ้งหลักฐานและพยานไว้ด้วย ให้เหยสงรู้ว่าคนที่ฆ่าคือซุนจิ้น มีแค่แบบนี้ เหยสงถึงจะล้างแค้นตระกูลสวีอย่างบ้าคลั่ง” หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “คิดได้ดี”

“แต่ก็ไม่ค่อยดีนิดนึง ทำไมต้องปิดบังฉัน?” หลี่ฝางไม่พอใจเล็กน้อย

“พี่ใหญ่ไม่อยากให้เจ้านายรู้มากเกินไป” ส้าวส้วยยิ้ม แล้วพูด: “มันไม่มีผลดีต่อเจ้านาย”

จู่ๆ หลี่ฝางก็นึกถึงคำพูดที่ผู้เฒ่าพูดเมื่อกี้:ลูกชายของหลอซ่า มือกลับไม่เปื้อนเลือด

คำพูดนี้ เห็นได้ชัดว่าพูดว่าเขาไม่เคยฆ่าคนมาก่อน

หลี่ฝางมองส้าวส้วย ลังเลอยู่ครู่จึงถามขึ้น: “ส้าวส้วย ฉันถามนายข้อนึง พ่อฉันมีฉายาว่าหลอซ่า ใช่มั้ย?”

แต่เดิม ส้าวส้วยขับรถอยู่นิ่งๆ แต่เมื่อหลังจากได้ยินคำถามนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาลนลาน จนขับรถเซไปมา

“เจ้านาย ผมตอบไม่ได้ครับ”

ส้าวส้วยทำหน้าเคร่งขรึมแล้วพูด: “จากนี้ อย่าถามคำถามนี้กับผม แล้วก็ไม่ต้องไปฟังจากคนอื่นด้วย”

“รอให้ถึงเวลาที่เจ้านายควรจะรู้ นายก็จะได้รู้ทุกอย่างเอง”

ความหมายของส้าวส้วยหลี่ฝางเข้าใจ ก็คือปล่อยให้มันเป็นไปตามเวลา

หลี่ฝางไม่ได้ถามอะไรต่อ ที่จริงหลี่ฝางอยากจะถามต่อ ว่าลุงเฉียนโน้มน้าวซุนจิ้นยังไง

หลี่ฝางถือว่าพอมองออก เรื่องเมื่อสามปีก่อน เกี่ยวพันกับคนมากมาย และหลายเรื่อง รวมไปถึงอาจารย์ของส้าวส้วย เขาต้องไม่ใช่แค่อาจารย์สอนมวยสิงอี้แน่ๆ

“งั้นตอนนี้พวกเราไปโรงพยาบาลได้แล้วใช่มั้ย?” หลี่ฝางถาม

ส้าวส้วยตอบอื้ม แล้วก็ขับรถไปทางโรงพยาบาล

ผ่านไปประมาณสิบกว่านาที หลี่ฝางกับส้าวส้วยก็มาถึงโรงพยาบาล ทั้งสองคนลงจากรถ ขณะที่กำลังจะเตรียมตัวเดินเข้าไปในโรงพยาบาลนั่นเอง จู่ๆ โทรศัพท์ของส้าวส้วยก็ดังขึ้น

“ใครกัน?” หลี่ฝางถามขึ้นเฉยๆ

“ลุงเฉียนโทรมา”

ส้าวส้วยพูดจบ ก็กดรับสาย

แค่ไม่กี่สิบวินาที สีหน้าของส้าวส้วย จู่ๆ ก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม

“เจ้านาย รีบไป!”

ส้าวส้วยวางสาย แล้วยัดโทรศัพท์เข้ากระเป๋า จากนั้นก็คว้าแขนของหลี่ฝาง และวิ่งไปทางรถ

และในตอนนั้น ในโรงพยาบาล ก็มีตำรวจหลายนายวิ่งออกมา นำโดย หูเฟย

ในตอนนั้นหลี่ฝางก็งง นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

“อย่าขยับ อยู่กับที่!”

“ถ้าวิ่งพวกเราจะยิง!”

หูเฟยมองมาทางหลี่ฝาง แล้วตะโกนเสียงดัง

หลี่ฝางพึมพำในหัว หูเฟยจะจับตน?

ตนทำอะไรผิด?

ทำไมต้องมาจับด้วย

หูเฟยควักปืนออกมา เล็งไปทางหลี่ฝาง

หลี่ฝางตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก

เสียงดังปัง หูเฟยยิงปืนจริงๆ ตอนนั้นหลี่ฝางตกใจจนสติหลุด

ถึงแม้กระสุนจะยิงไม่ถูกหลี่ฝาง แต่ก็ทำให้หลี่ฝางตกใจจนเอ๋อ ส้าวส้วยกดหลี่ฝางเข้าไปในรถ แล้วออกรถไป ส่วนหูเฟยและคนอื่นๆ ก็รีบตามไปเช่นกัน

เสียงไซเรนรถตำรวจดังขึ้นจากด้านหลัง หลี่ฝางถามขึ้นด้วยความตกใจ: “ส้าวส้วย สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้นเหนี่ย? ทำไมตำรวจต้องมาจับฉันด้วย แถมยังจะยิงฉันอีก? แม่งเอ๊ย พวกนั้นบ้าไปแล้วเหรอ? ถ้ายิงฉันตายจะทำยังไง?”

หลี่ฝางด่าอย่างโมโห แน่นอน หลี่ฝางไม่ได้โง่ เขารู้ดีว่า ต่อหน้าผู้ต้องหาปกติ ตำรวจจะไม่ยิงปืนใส่

นอกจาก หลี่ฝางจะทำผิดกฎหมายหนักๆ

ส้าวส้วยพลางขับรถ พลางพูด: “หยูเถิงตายแล้ว

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท