NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 403

ตอนที่ 403

บทที่ 403 ฉายาเจ้าปัญญา ไม่ได้มาเสียเปล่า

หยูเถิงตายแล้ว?

เมื่อได้ยินข่าวนี้ ร่างของหลี่ฝาง ก็สั่นเทา

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมหยูเถิงถึงตายได้?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว และไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

ส้าวส้วยแค่เตะเขาไปทีนึงไม่ใช่เหรอ……

ส้าวส้วยลงมือมีการออมแรง ทำไมถึงทำให้หยูเถิงตายได้ล่ะ?

จู่ๆ หลี่ฝางก็นึกขึ้นได้ ตอนที่ตนเดินออกมา หยูเถิงกระอักเลือด เหมือนกับว่าจะโมโหจนกระอักเลือด

แม่งเอ๊ย ไอ้หมอนั่น คงไม่ได้โมโหจนกระอักเลือดตายหรอกนะ?

หลี่ฝางถามด้วยปากสั่นๆ : “ส้าวส้วย หยูเถิงคงจะไม่ใช่ฉันทำให้เขาโมโหจนตายใช่มั้ย?”

“หยูเถิงยังหนุ่มอยู่ และก็ไม่มีโรคประจำตัว จะโมโหจนตายได้ยังไง? หยูเถิง เห็นได้ชัดว่าถูกฆ่าตาย”

ส้าวส้วยขมวดคิ้ว แล้วหันกลับไปมองรถตำรวจ

“นั่งให้ดีนะ เจ้านาย ผมจะสลัดพวกเขา” ส้าวส้วยพูดเตือน จากนั้นก็เริ่มเร่งความเร็ว

ส้าวส้วยเป็นเทพแข่งรถของภูเขาหมาป่านะ ฝีมือการขับรถหูเฟยกับคนพวกนั้นเทียบไม่ติดหรอก

ไม่ถึงสามสิบวินาที ส้าวส้วยก็ขับรถเข้ามาจอดในโรงจอดรถแห่งหนึ่ง

ส้าวส้วยยื่นบุหรี่ให้หลี่ฝางหนึ่งมวน แล้วพูด: “เจ้านาย เรื่องนี้ อาจจะต้องวุ่นวายนิดหน่อย”

“หมายความว่าไง?”

“หยูเถิงนี่เห็นได้ชัดว่ามีคนฆ่าเขา ถ้าหากเขาตายเองตามธรรมชาติ ทำไมถึงถูกเจอเร็วขนาดนี้……อีกอย่างถ้าหากถูกเจอแล้ว งั้นตำรวจพวกนั้น จะมาดักสุ่มรอพวกเราในโรงพยาบาลได้ไง?”

“จะต้องมีคนฆ่าหยูเถิง จากนั้นก็ใส่ร้ายเจ้านาย……ฆาตกรรู้ว่านายจะมาที่โรงพยาบาล ดังนั้นหลังจากฆ่าหยูเถิงแล้ว เขาก็สะกดรอยตามนาย แล้วก็แจ้งตำรวจ”

หลี่ฝางอัดบุหรี่เข้าไป แล้วถามขึ้น: “ใครมันเป็นคนทำ?”

“ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด แต่ว่าคนพวกนั้นรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเราดี เพื่อที่จะใส่ร้ายนาย ก็ไม่ลังเลที่จะฆ่าหยูเถิง ฐานะของคนพวกนั้น ไม่ยากที่จะคาดเดา” ส้าวส้วยหัวเราะหึ

“มู่เสี่ยวไป๋?” หลี่ฝางนึกถึงเขาเป็นอันดับแรก

เมื่อคืนในวิดีโอ หลี่ฝางพลอดรักกับหลินชิงชิง ต่อหน้ามู่เสี่ยวไป๋ คงทำให้มู่เสี่ยวไป๋โมโหสุดขีดอย่างไม่ต้องสงสัย

ในตอนนั้นมู่เสี่ยวไป๋ อยากฆ่าตนจนทนไม่ไหว

ดังนั้น ความเป็นไปได้มีแค่มู่เสี่ยวไป๋ เพื่อที่จะใส่ร้ายตน จึงไม่ลังเลที่จะใช้วิธีฆ่าคนแล้วโยนความผิดให้คนอื่นแบบนี้

“จะพูดให้ถูก น่าจะเป็นหมาทิเบตันที่เป็นคนลงมือ”

ส้าวส้วยขมวดคิ้ว แล้วพูด: “เรื่องนี้ เจ้านายน่าสงสัยที่สุด ข้อแรก นายกับหยูเถิงมีปัญหากัน หลายคนก็รู้ ข้อสอง หยูเถิงออกมาจากโรงแรมกับนาย หลายคนก็เห็น”

“เชี่ย ยังมีกล้องวงจรปิด ฉันจะโทรหาหวงว่างโก๋เดี๋ยวนี้ ให้เขาลบภาพกล้องวงจรปิด” หลี่ฝางลนลาน แล้วเริ่มล้วงหาโทรศัพท์

ยังไม่ทันได้กดโทร ส้าวส้วยก็ห้ามหลี่ฝางไว้ก่อน: “ภาพจากกล้องวงจรปิดถูกลบแล้ว ไม่ต้องโทรแล้ว มันจะเผยตำแหน่งของเราได้ง่ายๆ ”

“มีพยานหลายคน ซัดทอดนาย ฉันเดาว่า คนพวกนั้นคงจะถูกหมาทิเบตันควบคุมไว้อยู่”

ส้าวส้วยพูด: “ผมแค่คิดว่า หูเฟยคนนั้น ทำไมต้องยิงปืนใส่นายด้วย ในมือพวกเขาไม่มีหลักฐานแน่ชัดที่บ่งบอกว่านายเป็นฆาตกร ทำไมถึงกล้ายิงปืนใส่?”

“หรือว่า……”

“นายว่าพวกนั้นซื้อตัวหูเฟยไปแล้วเหรอ?” หลี่ฝางเดาไปตามน้ำ

“มีความเป็นไปได้ แต่ว่าพวกเรามีข้อมูลไม่มาก รอให้ลุงเฉียนติดต่อมาดีกว่า”

ไม่นาน ส้าวส้วยก็พูดต่อ: “ถ้าหากหมาทิเบตันเป็นคนทำจริงๆ ก็คงจะเก็บหมาทิเบตันตัวนั้น ไว้ไม่ได้แล้ว”

หลี่ฝางพยักหน้า ถ้าหากสามารถกำจัดหมาทิเบตันได้ นั่นถือว่าเป็นเรื่องดีที่สุด แต่แค่ค่อนข้างลำบาก หลี่ฝางกลัวว่าส้าวส้วยจะรับมือไม่ไหว

“เรื่องทั้งหมดทั้งมวลนี้เกิดขึ้นเยอะไปแล้ว ตั้งแต่พวกเราแยกจากหยูเถิง จนมาถึงโรงพยาบาล เวลาทั้งหมดไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ในครึ่งชั่วโมงนี้ หยูเถิงตาย ตำรวจก็มาดักซุ่มจับเราอยู่ในโรงพยาบาล” สมองของหลี่ฝางชาๆ เล็กน้อย

เมื่อนึกถึงภาพที่เมื่อกี้หูเฟยยิงปืนใส่ตน ร่างของหลี่ฝาง ก็สั่นเทาอย่างอดไม่ได้

ในตอนนั้น โทรศัพท์ของหลี่ฝางก็ดังขึ้น

หลี่ฝางมองโทรศัพท์ มีข้อความเข้าหนึ่งข้อความ

“จากใคร?” ส้าวส้วยถาม

“เหมือนว่าจะมาจากหูเฟย เขาบอกว่า เขาไม่ได้เป็นคนยิงปืน”

หลี่ฝางมองข้อความ แล้วพูด: “อีกอย่าง หลังจากกลับไปหูเฟยก็ตรวจกระสุน ในปืนของตำรวจทุกนาย กระสุนเต็มแม็กกันทุกคน ไม่มีใครยิงเลย”

“แม่งเอ๊ย ไม่ใช่พวกตำรวจ งั้นเป็นใครที่ยิง?” หลี่ฝางเงยหน้าถามส้าวส้วย: “หรือว่าจะเป็นหมาทิเบตัน?”

“ต้องไม่ใช่แน่ ฝีมือการยิงของมันแย่แบบนี้ที่ไหนล่ะ น่าจะมีคนใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายแน่ๆ เลย”

ในตอนนั้นส้าวส้วยก็ลงจากรถ จากในรถ ก็ค้นเจอลูกกระสุนหนึ่งนัด

ส้าวส้วยมองไปที่กระสุนนัดนั้น พลางหัวเราะเหอะๆ : “เป็นของที่เฉินฝูเซิงทิ้งไว้?”

“หมายความว่าไง?”

“เจ้านาย ลืมไปแล้วเหรอ? เมื่อก่อน เฉินฝูเซิงขายปืนให้มู่เสี่ยวไป๋สี่กระบอก……จากนั้น หลังจากที่เฉินฝูเซิงมาอยู่ฝ่ายเรา ก็ให้ปืนและกระสุนล็อตเดียวกันนั่นกับผม ลูกกระสุนที่ยิงออกมาเมื่อกี้ เป็นแบบเดียวกับที่เฉินฝูเซิงให้มาไม่มีผิด อธิบายได้ว่า คนที่แอบลงมือ ก็คือมู่เสี่ยวไป๋”

ส้าวส้วยยิ้ม: “รู้ถึงกับว่าอีกฝ่ายเป็นใคร งั้นก็ง่ายแล้ว”

ส้าวส้วยกวักมือเรียกหลี่ฝางให้ลงจากรถ จากนั้นก็เข้าไปในลานจอดรถใต้ดิน หารถโฟล์คสวาเกนCC ที่ฝุ่นจับทั้งคัน

ไม่ถึงนาที ส้าวส้วยก็เปิดประตูรถได้

“นายมีฝีมือด้านนี้ด้วยเหรอ? ถ้าต่อไปนายไม่อยู่กับพวกเราตระกูลหลี่แล้ว ไปเป็นโจรขโมยรถก็ไม่เลวนะ” หลี่ฝางมองส้าวส้วย แล้วพูดหยอกไปที

ตัวเองกลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆาตกรรม ตอนนี้ตำรวจกำลังล่าตัวเขาอยู่ ดังนั้นรถเบนซ์G-Classคันนั้น คงจะเอาออกไปขับข้างนอกไม่ได้

รถโฟล์คสวาเกนCCคันนี้ ฝุ่นจับไปทั้งคัน อย่างต่ำก็น่าจะถูกทิ้งไว้สองเดือนแล้ว

นี่แสดงว่า เจ้าของรถโฟล์คสวาเกนCCคันนี้ น่าจะไม่อยู่บ้าน

ดังนั้น ขโมยรถคันนี้ ในระยะเวลาสั้น น่าจะไม่ถูกจับได้

ส้าวส้วยขับรถโฟล์คสวาเกนCC พาหลี่ฝางออกไป

“ตอนนี้พวกเราจะไปไหน?” หลี่ฝางถามอย่างเลื่อนลอย

“เจ้านาย ยังอยากจะไปเยี่ยมตู้เฟยที่โรงพยาบาลอยู่มั้ย?” ส้าวส้วยเอียงหน้ามาถาม

“โห นี่มันเวลาไหนแล้ว จะไปเยี่ยมตู้เฟย ฉันรนหาที่ตายล่ะสิไม่ว่า?” หลี่ฝางมองบนใส่ส้าวส้วย

“กลัวอะไร? เมื่อกี้พวกเราถูกจู่โจมที่โรงพยาบาลนะ ตอนนี้ ตำรวจคงถอนกำลังไปหมดแล้ว” ส้าวส้วยหัวเราะ แล้วพูด: “ที่โรงพยาบาล ไม่น่ามีอะไรอันตรายแล้ว”

“ถ้าเจ้านายไม่อยากไปโรงพยาบาลเยี่ยมตู้เฟย งั้นพวกเราก็ไปดูซุนจิ้นกัน”

ส้าวส้วยออกรถ หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง รถของเขา ก็จอดลงตรงข้างตรอกแห่งนึง

ในตอนนี้ พอดีกับที่มีเงาสีดำเงานึง กำลังเดินออกมาจากตรอกแห่งนั้น

เห็นเงาร่างแล้ว คล้ายก็เงาของซุนจิ้น

ส้าวส้วยขับรถเข้าไป ทำเอาซุนจิ้นตกใจหมด ส้าวส้วยลดกระจกลง: “ขึ้นรถเถอะ”

เมื่อซุนจิ้นเห็นส้าวส้วย จึงถอนหายใจ: “ตกใจแทบตาย”

“มีอะไรต้องกลัว ที่ตรงนี้ เป็นที่ที่ไม่มีคน” ส้าวส้วยส่ายหน้า มองซุนจิ้นอย่างดูถูก แล้วถาม: “ฆ่าคนครั้งแรก รู้สึกเป็นไงบ้าง?”

“ก็ดีนะ” ซุนจิ้นกลับยิ้ม ทำให้หลี่ฝางรู้สึกขนลุก

ฆ่าคนครั้งแรก ควรจะน่าซีดเผือดไม่ใช่เหรอ?

แต่นี่ยิ้มหมายความว่าไง?

“ข้อมูลของรุ่นพี่ตรงเป๊ะเลย ข้างหวางเฉิน มีอยู่สองคน ผมฆ่าหวางเฉินกับอีกหนึ่งคน จงใจปล่อยอีกคนไป ให้ไปบอกข่าวกับเหยสง” ซุนจิ้นถาม: “จากนี้ ผมควรหลบไปแล้วใช่มั้ย?”

“นายกลับตระกูลสวีไปก่อนสักรอบ”

“สักพักเหยสงคงจะตามไปฆ่าตระกูลสวี ถึงตอนนั้น นายก็โผล่หน้าไปให้เหยสงเห็นแว๊บนึง จากนั้นก็รีบปลีกตัวออกมา ระวังตัวด้วย อย่าให้เหยสงจับนายได้”

ส้าวส้วยพูด พลางหยิบปืนหนึ่งกระบอกออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วส่งให้ซุนจิ้น: “นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหยสง ถ้าหากโดนไล่ตามขึ้นมาจริงๆ ก็ยิงได้เลย ยิงปืนเป็นมั้ย?”

“ไม่เป็น” ซุนจิ้นส่ายหน้า

“เหนียวไกปืนก็ได้แล้ว……ที่จริงนายแค่ควักปืนออกมา เหยสงก็ไม่กล้าตามนายแล้ว จะล้างแค้น ต้องจัดการตัวบงการ เหยสงรู้ว่าคนบงการคือตระกูลสวี เขาไม่เอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงไล่ตามนายหรอก” ส้าวส้วยพูด

ซุนจิ้นพูดอืม

เมื่อส่งซุนจิ้นลงที่หน้าประตูบ้านตระกูลสวี ส้าวส้วยก็ได้รับข้อความจากลุงเฉียน

ส้าวส้วยยิ้ม แล้วมองหลี่ฝาง: “เจ้านาย พวกเราไม่มีปัญหาแล้ว”

“เร็วจัง?” หลี่ฝางพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

นี่มันชีวิตคนทั้งคนนะ ตนเป็นผู้ต้องสงสัยที่น่าสงสัยที่สุด แค่แป๊บเดียวลุงเฉียนก็ใช้ฝีมือ ทำให้ตนหลุดพ้นแล้ว?

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะๆ : “ฉายาเจ้าปัญญาของลุงเฉียน ไม่ได้มาเสียเปล่าจริงๆ ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท