NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 409

ตอนที่ 409

บทที่409 ลุงของหยูเถิง

เสียงของลู่หลุ่ยไม่ดัง แต่หลี่ฝางกลับรู้สึกถึงความห่วงใยอย่างล้นเหลือ

ตอนนี้ ในใจของหลี่ฝางรู้สึกอบอุ่น

“ผมไม่เป็นไร”หลี่ฝางหัวเราะไปพูดไป:“ผมไม่ได้ฆ่าคน ก็แค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น”

“อ้อ……”

หลังจากลู่หลุ่ยตอบอ้อไป ก็เข้าสู่ความเงียบ น่าจะสามสิบวิผ่านไป เสียงของลู่หลุ่ย เหมือนจะนิ่งลงไปเยอะ:“ไม่เป็นไรก็ดี”

“งั้นถ้าไม่มีอะไร วางแล้วนะ”ลู่หลุ่ยพูดเบาๆ

“อย่าเพิ่งวาง……”หลี่ฝางพูดอย่างรีบร้อน

“ยังมีอะไรอีกไหม?”เสียงของลู่หลุ่ย เริ่มเย็นชาลง

หลี่ฝางถอนหายใจ แล้วพูด:“ผมคิดถึงคุณ”

ตู๊ดตู๊ด……

สายถูกวางไป หลี่ฝางหัวเราะอย่างขมขื่น ไม่พูดอะไร ก็วางสายลง

“ไม่โทรหาหลินชิงชิงเหรอ?”ส้าวส้วยมองหลี่ฝาง หัวเราะแล้วถาม

หลี่ฝางส่ายหน้า:“ส้าวส้วย ไปดื่มกับผมหน่อย”

“ได้สิ”ส้าวส้วยรับปากทันที

ถึงแม้ตอนนี้ที่สถานีตำรวจกำลังยุ่ง แต่หลี่ฝางก็ไม่อยากทำตัวผยองไปนัก ดังนั้นจึงหาร้านเล็กๆ ซื้อเบียร์สองขวด ถั่วลิสง ไส้กรอก และก็พวกน่องไก่ ไปดื่มในรถกับส้าวส้วย

ดื่มไปได้พอเมา หลี่ฝางถามส้าวส้วย:“ส้าวส้วย คุณว่าผมยังมีโอกาสไหม?”

“เจ้านายพูดถึงลู่หลุ่ย?”ส้าวส้วยกลับมีสติรู้ดี

“อือ”หลี่ฝางพยักหน้าลงแรงๆ

“เรื่องของความรู้สึก ผมไม่ค่อยเข้าใจหรอก แต่ผมรู้สึกว่าในใจของลู่หลุ่ยยังมีคุณอยู่ ก็แค่ครั้งที่แล้ว ปฏิกิริยาของคุณแรงไป ทำให้เธอผิดหวัง”

“ถ้าคุณอยากคืนดี น่าจะลำบากหน่อย”ส้าวส้วยพูด

หลี่ฝางพูดอย่างเด็ดขาด:“ผมไม่กลัวลำบาก”

ส้าวส้วยหัวเราะไม่พูดอะไร เวลานี้โทรศัพท์ของส้าวส้วยดังขึ้น เป็นลุงเฉียนที่โทรมา

“ผมเพิ่งส่งคนขโมยศพของหยูเถิงออกมา”ส้าวส้วยเปิดลำโพง พอหลี่ฝางได้ยิน ร่างกายอดไม่ได้ที่จะหนาวสั่น:“หยูเถิง ตายแล้วจริงๆเหรอ?”

หลี่ฝางรับความจริงนี้ไม่ได้หน่อยๆ

ถึงเขากับหยูเถิงจะไม่มีมิตรภาพอะไรต่อกัน แต่ในหัวของหลี่ฝาง ก็ปรากฏสายตาสุดท้ายที่หยูเถิงมองตัวเอง ความไม่เต็มใจนั้น ความโมโหนั้น ……

หลี่ฝางมักรู้สึกว่า ถ้าหยูเถิงกลายเป็นผี จะต้องมาแก้แค้นตัวเองแน่

คิดถึงตรงนี้ ร่างของหลี่ฝางก็สั่น

“พวกคุณจะมาหน่อยไหม?”ลุงเฉียนถาม

ไม่รอให้ส้าวส้วยตอบ หลี่ฝางก็ตอบทันที:“ไม่ไป”

“มาหน่อยเถอะ”ลุงเฉียนส่งตำแหน่งให้:“ที่ตรงนี้ปลอดภัยมาก ไม่มีตำรวจมาแน่”

ลุงเฉียนพูดจบ ก็วางสายเลย

หลี่ฝางไม่ได้กลัวตำรวจ แต่กลัวศพของหยูเถิง

“พวกเราต้องไปจริงๆเหรอ?”หลี่ฝางดื่มเบียร์ไปอึกใหญ่ มองส้าวส้วย สายตานั้นถามอย่างลังเลเล็กน้อย

ส้าวส้วยพยักหน้า:“ในเมื่อลุงเฉียนให้พวกเราไป งั้นพวกเราก็ไปเถอะ”

“พวกเราดื่มเหล้าไปกันแล้ว ดื่มแล้วขับไม่ปลอดภัยนะ งั้นพวกเราอย่าไปเลยดีกว่า อีกอย่าง นี่ดึกมากแล้ว ไปดูศพ ผมรู้สึกว่าตื่นตระหนกหน่อยๆ”หลี่ฝางไม่อยากคิดต่อไป ยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกเย็นวูบข้างๆ

“คนตายมีอะไรน่ากลัว”

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ มองหลี่ฝางอย่างสนุก:“ตอนมีชีวิตอยู่ล่ะไม่กลัว พอเขาตายดันกลัวเนี่ยนะ?”

“ไร้เดียงสาหรือเปล่า เจ้านาย”

“ห่า ไปก็ไป ขับรถนะ ผมแค่กังวลว่าดื่มแล้วขับจะไม่ปลอดภัย”หลี่ฝางพูดอย่างกล้าหาญ

ระหว่างทาง หลี่ฝางกรอกเหล้าใส่ตัวเองทีละคำๆ เดิมทีหลี่ฝางอยากใช้ความเมามาปกปิดความเศร้าในใจตัวเอง ตอนนี้กลายเป็นใช้แอลกอฮอล์มาระงับความตกใจ

น่าตลกจริงๆเลย

หลี่ฝางก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นศพ แต่ไม่รู้ทำไม ครั้งนี้รู้สึกกลัวหน่อยๆ

“ใช่สิ ลุงเฉียนเขาขโมยศพของหยูเถิงทำไม?”หลี่ฝางถามอย่างไม่เข้าใจ

ศพนี้มีอะไรให้ขโมย?

ส้าวส้วยส่ายหน้า:“ผมก็ไม่รู้ เดี๋ยวคุณเจอลุงเฉียน ถามเขากลับตัวละกัน”

หลี่ฝางไม่พูด หลับตาหรี่ลงสักพัก

ตำแหน่งที่ลุงเฉียนอยู่ ระยะทางห่างจากตรงนี้ครึ่งชั่วโมง

เหนื่อยมาทั้งคืน จู่ๆหลี่ฝางก็เหนื่อยหน่อยๆ เพิ่งหลับไป หลี่ฝางก็ฝันร้าย

ในฝัน หยูเถิงแยกเขี้ยวยิงฟันเข้ามาคว้าที่ตัวเอง และในตาของเขา ในจมูก ก็มีเลือดไหล เรียกได้ว่าน่าตกใจมากแค่ไหนก็ตกใจมากเท่านั้น

ตอนนั้นหลี่ฝางตกใจตื่น

“เหอะเหอะ ฝันร้ายเหรอ?”ส้าวส้วยหัวเราะ ยื่นกระดาษทิชชู่ให้หลี่ฝางสองแผ่น

“คุณรู้ได้ไง?”หลี่ฝางถาม

“คุณนั่งที่นั่งข้างคนขับ ไม่หยุดร้องตะโกน อย่าเข้ามา อย่าเข้ามา ผมไม่ได้ฆ่าคุณ จากนั้นคุณก็ขัดขืนสุดชีวิต ……ดูที่หน้าคุณสิ เต็มไปด้วยเหงื่อ”

ส้าวส้วยกล่าวอย่างติดตลก:“ทำไม?ฝันถึงหยูเถิงเหรอ?”

“ใช่ เมื่อกี๊ผมฝัน ฝันว่าหยูเถิงต้องการชีวิตผม บอกว่าผมทำเขาตาย”หลี่ฝางขมวดคิ้ว เบะปากพูด:“บ้าจริงๆ ไม่ใช่ว่าเขาควรจะไปเอาชีวิตกับหมาทิเบตันเหรอ?หมาทิเบตันฆ่าเขา ไม่ใช่ผม”

ส้าวส้วยหัวเราะอย่างพูดไม่ออก:“เจ้านาย คุณต่างหากที่บ้า มีเอาชีวิตที่ไหนกัน”

“ถ้ามีผีมาเอาชีวิตจริงๆ ชีวิตของผม ก็คงถูกเอาไปนานแล้ว”ส้าวส้วยหัวเราะเบาๆ

หลี่ฝางรู้ว่าส้าวส้วยเคยฆ่าคนมามากมาย

หลี่ฝางมองส้าวส้วย พูดด้วยความชื่นชม:“ส้าวส้วย ผมถามคุณอย่างหนึ่ง ครั้งแรกที่คุณฆ่าคน ฝันร้ายไหม?”

“ไม่”ส้าวส้วยส่ายหน้า

หลี่ฝางไม่ค่อยเชื่อ คุณภาพจิตใจของส้าวส้วย แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?

หลี่ฝางรู้ ตำรวจยิงนักเลงตาย ก็ต้องไปพบหมอจิตแพทย์

“พูดตรงๆ ผมไม่หัวเราะเยาะคุณหรอก”หลี่ฝางถามอย่างสงสัย

“ไม่มีจริงๆ……ตอนที่ผมฆ่าคน ผมเคยเห็นสิ่งนองเลือดมามากมายแล้ว ดังนั้นจึงเตรียมจิตเตรียมใจไว้แล้ว”

“ลูกพี่บอก ผมเป็นนักฆ่าโดยกำเนิด แต่โหจื่อไม่ใช่ ตอนที่โหจื่อเพิ่งฆ่าคน ก็เหมือนคุณ ฝันร้าย แม้แต่ตอนดึกเข้าห้องน้ำก็ยังเรียกผมเข้าไปด้วย แต่ฆ่าคนมากขึ้นเรื่อยๆ ในใจก็ยิ่งเข้มแข็งขึ้นมา”

“เจ้านาย คุณยังจำชุนเซิงได้ไหม?คุณดู ชุนเซิงฆ่าคนตั้งมากมาย สีหน้าไม่เปลี่ยนเลย”

ทันใดนั้น หลี่ฝางก็รู้สึกว่าส้าวส้วยพูดไม่ผิด ชุนเซิงนี้ ดูเหมือนเป็นคนที่ว่านอนสอนง่าย แต่ความจริง เขาคือคนโหดเหี้ยม

เขาฆ่าคนมาตั้งมากมาย ทำได้แบบหน้านิ่ง จุดๆนี้ ช่างยากจริงๆ

หลี่ฝางสูดหายใจยาวๆ หมดคำพูดกับตัวเอง:“ดูเหมือนในใจของผม จะอ่อนแอเกินไป พูดตรงๆ การตายของหยูเถิง ไม่เกี่ยวอะไรกับผมเลย ทำไมผมต้องกลัว?”

“ก็ไม่ยังไงหรอก?”

ส้าวส้วยหัวเราะ เพิ่มความเร็วรถ

ไม่นานนัก ส้าวส้วยก็ขับรถเข้าไปในห้องเย็น ในห้องเย็น หนาวไปหมด

พอหลี่ฝางเข้ามา ก็ไม่หยุดสั่น ตอนที่เจอลุงเฉียน ลุงเฉียนกำลังนั่งสูบบุหรี่ข้างศพของหยูเถิง

เห็นหลี่ฝางเข้ามา ลุงเฉียนก็ยืนขึ้นต้อนรับ ถามหลี่ฝาง:“หนาวไหม ถ้าหนาวลุงเอาเสื้อคลุมให้คุณสวม”

“ไม่ต้อง ลุงเฉียน ผมยังหนุ่ม ทนหนาวได้”หลี่ฝางโบกมือปฏิเสธ

“ว่าลุงเฉียนแก่เหรอ”ลุงเฉียนทำเป็นโกรธ

หลี่ฝางหัวเราะอย่างร้ายกาจ:“งั้นลุงเฉียนอาเสื้อคลุมมาให้ผม”

“เจ้าหมอนี่ เอาไป”ลุงเฉียนถอดเสื้อคลุมออก เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ชัด

หลี่ฝางตกใจหน่อยๆ ยังไงลุงเฉียนก็อายุมากแล้ว ไม่คิดว่ากล้ามเนื้อหน้าท้องจะดีขนาดนี้

“เจ้าหมอนี่ ลุงเฉียนออกกำลังกายน่ะ”ลุงเฉียนหัวเราะ มุมปากเต็มไปด้วยความภูมิใจ

“ใช่สิ ลุงเฉียน ทำไมคุณต้องขโมยศพของหยูเถิงล่ะ?ขโมยสิ่งนี้ทำไม”หลี่ฝางเหลือบมองศพของหยูเถิง ก็รู้สึกเยือกเย็นทันที

สีหน้าลุงเฉียนหม่นลง พูดว่า:“หนึ่งเพราะอยากดูว่าหยูเถิงตายยังไง สองเพื่อช่วยล้างความผิดให้คุณ”

“ศพหนึ่งศพช่วยผมล้างความผิดได้?”หลี่ฝางไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

เวลานี้เอง จู่ๆประตูห้องเย็นก็ถูกเปิด ด้านนอกมีผู้ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา คนนี้ร่างกายท้วมหน่อยๆ สวมสูทสบายๆ ที่ใบหน้าดูเจ้าเล่ห์

“สวัสดีครับ คุณชายหลี่”

“ไม่สิ ควรเรียกคุณว่าเจ้านายถึงจะถูก”

“ผมชื่อหยูเต๋อส่วย เป็นลุงแท้ๆของหยูเถิง”หยูเต๋อส่วยเดินเข้ามา ยื่นมือไปที่หลี่ฝาง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท