บทที่416 ส้าวส้วยยอมรับตัวตนเอง
สีหน้าของหลี่ฝาง ตะลึงทันที
เล็บถูกเลาะออก เอ็นมือและเท้าก็ถูกเลาะออก ตาก็ถูกทำจนตาบอด ……
หลี่ฝางขมวดคิ้วทันที มองเหมิงเหมิงพูด:“คุณว่าเหมือนผมทำเหรอ?”
“ฉันก็คิดว่าไม่ใช่คุณ ถึงแม้คุณจะเลวมาก แต่ไม่โหดขนาดนั้น อีกอย่าง คุณสองคนก็ไม่ได้แค้นต่อกันมากนัก”เหมิงเหมิงพยักหน้าลง แล้วพูด
“คุณช่วยฉันสืบได้ไหมว่าเป็นใคร?”มองหลี่ฝาง เหมิงเหมิงก็เปิดปากถาม
หลี่ฝางก็หัวเราะเหอะเหอะออกมา:“ผมไม่ใช่ตำรวจ จะช่วยคุณสืบได้ไง คุณควรจะไปหาตำรวจ”
“เรื่องแบบนี้ ตำรวจจะต้องสนใจแน่”
ในใจของหลี่ฝาง กลับมีผู้ต้องสงสัยไม่กี่คน
หลี่ฝางฟังหลินชิงชิงกับส้าวส้วยพูดว่าเรื่องคืนนั้น คืนนั้นตัวเองดื่มไปเยอะ แล้วหลิวจินหยางที่เป็นคนขายเนื้อก็มาที่โรงแรม
คนที่ไว้ผมทรงรองทรง ไอ้รองทรงนี้ ตอนที่มาหาเรื่องหลี่ฝาง ก็ถูกส้าวส้วยสั่งสอนไปแรงๆทันที
จากนั้น ส้าวส้วยก็ให้ไอ้รองทรงจัดการหลิวจินหยาง ให้เขากัดกันเอง
ส่วนวิธีจัดการยังไง หลี่ฝางไม่ค่อยแน่ใจ
แต่มีจุดหนึ่งหลี่ฝางรู้ดี ไอ้รองทรงนี้ จะต้องไม่ได้ลงมือแรงขนาดนั้นแน่
แทงตาบอด ทำลายมือและเท้า เลาะเล็บออก ตรงไหนบ้าง ที่ไม่ทรมาน?
นอกจากไอ้รองทรงแล้ว ในใจของหลี่ฝางยังมีคนที่น่าสงสัยอีกคน นั่นก็คือซือถูเฟย
ซือถูเฟยผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่ที่จริงคือใคร หลี่ฝางก็ไม่รู้
สรุปคือ เขานั้นมีเล่ห์เหลี่ยมและยากที่จะคาดเดามาก
คนของสี่ตระกูลใหญ่ ไม่ธรรมดาแน่นอน
นึกถึงวันนั้นที่สถานตากอากาศ หลิวจินหยางรังแกซือถูเฟยขนาดนั้น โดนเอาคืน ก็ถือว่าเป็นไปได้
แต่หลี่ฝางจะไม่เอาข้อสงสัยของตัวเองไปบอกเหมิงเหมิง ยังไงตัวตนของซือถูเฟยก็ไม่ธรรมดา อย่าว่าแต่ไม่มีหลักฐานเลย ถึงมีหลักฐาน ตำรวจก็อาจจับซือถูเฟยไม่ได้
ถ้าเหมิงเหมิงโง่ไปหาซือถูเฟย ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีจุดจบเหมือนกัน
หลี่ฝางเงยหน้ามองเหมิงเหมิง แล้วถาม:“คุณเลิกกับหลิวจินหยางแล้ว ยังจะสนใจเรื่องเขาทำไม เขาตกต่ำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าสมดั่งที่คุณหวังแล้วเหรอ?”
เหมิงเหมิงกลอกตาใส่หลี่ฝาง:“เราคบกันมาหลายปี อย่างน้อยก็ยังมีความรู้สึกต่อกัน หลายปีนี้ เขาก็ถือว่าดูแลฉันเป็นอย่างมาก ฉันคงไม่เอาสิ่งที่เขาเคยทำดีกับฉันในวันวานลืมไปให้หมดซะสิ้นซาก เพียงเพราะว่าเขาทิ้งฉันหรอกนะ?”
“เลิกกันแล้ว พวกเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน เห็นเขาเป็นแบบนี้ ในใจฉันก็รู้สึกไม่ถูก ฉันถามเขาว่าใครทำ เขาก็ไม่บอก ลัมโบร์กีนีของเขาก็ไม่มีแล้ว ที่ตัวก็ไม่มีเงินสักหยวน คุณว่า ผู้ชายอยู่ดีๆคนหนึ่ง ดันกลายเป็นขอทานข้างถนน นี่มัน ……”เหมิงเหมิงรับไม่ได้หน่อยๆ
“ใช่สิ หลี่ฝาง ให้ฉันยืมเงินหน่อยได้ไหม”จู่ๆเหมิงเหมิงก็ถาม
“ทำไม?”หลี่ฝางถามเค้น
“ห่า คุณคงไม่เอาไปช่วยหลิวจินหยางหรอกนะ?”หลี่ฝางคิดถึงความเป็นไปได้ ก็อ้าปากอย่างตะลึง
เหมิงเหมิงพูดอืมเบาๆ พยักหน้าไปที่หลี่ฝาง:“ฉันจะคืนคุณ”
“นี่คุณกำลังทำตัวดอกทองกับผมนะ”
หลี่ฝางส่ายหน้า ปฏิเสธ:“เงินของผม ยืมทิ้งแต่ไม่ให้คนแบบนี้หรอก”
“พูดตรงๆนะ เขาสมควรแล้ว เข้าใจไหม?”
“ถ้าปกติเขาไม่ทำเรื่องน่ารังเกียจมากไป จะเจอกรรมแบบนี้ได้ไง?”หลี่ฝางทำเสียงฮึดฮัดไม่พูดอะไร แล้วก็เดินออกไป
หลี่ฝางส่ายหน้า คิดในใจเหมิงเหมิงโง่เหลือเกิน เลิกกันแล้ว ยังจะโหยหาไม่ลืมอีก
น่าจะไม่ใช่ว่ายังไม่ลืม ก็แค่เห็นผู้ชายที่เมื่อก่อนตัวเองรัก ตอนนี้เป็นขอทานข้างถนน ในใจก็รับไม่ได้
ยังไงก็เคยรัก
ถ้าเป็นคนอื่น หลี่ฝางอาจจะช่วย ยังไงเงินของตัวเอง ก็ใช้ไม่หมด
แต่เขาคือหลิวจินหยาง ที่เย่อหยิ่งยโส ไอ้ระยำที่เอาแต่รังแกคนอื่น แล้วยังมีความแค้นกับตัวเองอีก
แล้วจะให้ตัวเองยื่นมือช่วยยังไง?
ส้าวส้วยนั่งยองๆข้างๆ สูบบุหรี่ ฆ่าเวลา พอหลี่ฝางกับเหมิงเหมิงคุยกันเสร็จ จึงมาตรงหน้าหลี่ฝาง
“คุณได้ยินหมดแล้วสินะ?”
หันไปเหลือบมองส้าวส้วย หลี่ฝางถามเบาๆ
“อือ ได้ยินหมด”ส้าวส้วยพยักหน้าลง ไม่ปฏิเสธ
ส้าวส้วยเข้าใจภาษาปาก เมื่อกี๊ตอนที่หลี่ฝางกับเหมิงเหมิงคุยกัน ส้าวส้วยก็เอาแต่คอยมองมาทางนี้ และยังใช้ตาจ้องปากของเหมิงเหมิง
ดังนั้นหลี่ฝางเดาว่า ส้าวส้วยกำลังแอบฟังบทสนทนาของตัวเอง
“ผมสงสัยว่าซือถูเฟยทำ คุณคิดว่าไง?”หลี่ฝางพูดจบ ก็มองหน้าของส้าวส้วย
“ก่อนหน้านี้ที่สถานตากอากาศ หลิวจินหยางเคยรังแกซือถูเฟย……”พอหยุดไป หลี่ฝางก็พูดเสริม
ส้าวส้วยส่ายหน้า:“ไม่ใช่ซือถูเฟยทำ จิตใจของซือถูเฟย ไม่เล็กขนาดนั้น หลิวจินหยางก็แค่คนตัวเล็กๆ จากที่ผมรู้ หลายปีมานี้ซือถูเฟย ถูกคนรังแกไม่น้อย จนเขาได้รับการดูถูก มากกว่าเจ้านายเยอะเลย แต่ซือถูเฟย ดูเหมือนจะพลิกกลับกัน ไม่เคยแก้แค้นใครทั้งนั้น”
หลี่ฝางได้ยินที่ส้าวส้วยพูด สีหน้าก็เย็นหน่อยๆ:“คุณเคยถามเขา?”
“เคยถาม เขาคือคนที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้”
ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ:“เจ้านาย เขาอาจจะกลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งในชีวิตของคุณได้”
“แต่ก็ไม่แน่ ผมดูจากท่าทางเขา กลับอยากเป็นเพื่อนกับคุณมาก แต่ก็อาจถึงชีวิตได้ พวกเรากับสี่ตระกูลใหญ่……”พูดถึงตรงนี้ จู่ๆส้าวส้วยก็ตีปากตัวเอง:“ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเขาแล้ว”
หลี่ฝางไม่ได้โง่ ศัตรูของพ่อตัวเอง ก็คือสี่ตระกูลใหญ่
ส้าวส้วยไม่พูด ก็ต้องมีเหตุผลที่เขาไม่พูด หลี่ฝางก็ไม่ถามต่ออย่างตระหนักรู้ได้
“ไม่ใช่ซือถูเฟย แล้วคือใคร?ผมได้ยินว่าคืนนั้นมีคนขายเนื้อ ชื่ออะไรพี่เต๋อหรือว่าอะไรเนี่ย ใช่เขาทำไหม?”หลี่ฝางขมวดคิ้วหน่อยๆ
“เจ้านาย คนแบบนั้นฆ่าหมูได้ แต่ให้เขาฆ่าคน หรือว่าลงมืออย่างร้ายกาจ เขากล้าไหม?”ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ ถามย้อน
“ไม่ใช่ซือถูเฟย และก็ไม่ใช่คนขายเนื้อ งั้นเป็นใคร?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว คิดไม่ออกว่าใครจริงๆ
“มู่เหวินตง”
ส้าวส้วยเลิกคิ้ว:“เป็นมู่เหวินตงที่ทำ”
“คนพิการนั่น?”หลี่ฝางดูไม่ค่อยเชื่อนัก ผู้ร้ายที่ทำหลิวจินหยาง ที่แท้ก็คนพิการ
“ใช่ ตระกูลมู่สืบความพิการคนของมู่เหวินตงมาตลอด แต่ไม่มีเงื่อนงำอะไรมาลอด ครั้งที่แล้วศึกที่เขาหมาป่า ผมเปิดเผยให้ ผมใช้ Mustang ของหลิวจินหยาง ไม่ใช่แค่ทำลายสถิติของเขาหมาป่า แต่ยังชนะลัมโบร์กีนีด้วย”
“ตอนนั้นหลังจากผมทำรถของมู่เหวินตงชนคว่ำ ก็หนีไปที่เขาหมาป่า ใช้ลักษณะพื้นที่ที่ขรุขระของเขาหมาป่า หนีทุกคน จากนั้นก็ทิ้งรถไว้ หนีออกมาจากหน้าผา……ผมแทบจะไม่ได้ทิ้งเบาะแสใดๆ นอกจากทักษะรถที่ไม่เหมือนใครในการเลี้ยวโค้งที่เขาหมาป่า โดยใช้การเลี้ยวที่ขอบหน้าผา”
“ดังนั้น ราชานักแข่งรถคนใหม่แห่งเขาหมาป่า ก็เกือบเป็นฆาตกรฆ่ามู่เหวินตง”
“ผมใช้รถของหลิวจินหยางไปชนะการแข่งขัน ดังนั้นมู่เหวินตงคิดว่าผมกับหลิวจินหยางยังติดต่อกัน ดังนั้นจึงจับหลิวจินหยางออกมา บังคับข่มขู่ทรมาน ให้เขาบอกตัวตนของผมมา แต่หลิวจินหยางจะรู้อะไร?เขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น……”
ส้าวส้วยหัวเราะอย่างเย็นชา:“ทุกอย่างในวันนี้ที่หลิวจินหยางได้รับความเจ็บปวด ที่จริงก็คือผมทำ”
เรื่องร้ายๆสามารถนำสิ่งที่ดีมาได้ เรื่องดีๆก็นำสิ่งที่แย่มาได้เหมือนกัน วันนั้นหลิวจินหยางได้ลัมโบร์กีนี ดีใจแทบตาย สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนไป และยังทิ้งเหมิงเหมิง……
ใครจะไปคิดว่า ลัมโบร์กีนีนั่นจะนำหายนะแห่งการฆาตกรรมมาสู่เขาได้?
ถ้ารู้ เกรงว่าหลิวจินหยาง ก็ไม่กล้าเอาแล้วมั้ง?
“ที่จริงหมาทิเบตันรู้ว่าผมทำ ตระกูลมู่ก็รู้ว่าเป็นคนของพวกเราลงมือ แต่ พวกเขาแค่อยากมั่นใจตัวตนเท่านั้น ว่าเป็นผม หรือว่าโหจื่อ หรือว่าคนอื่น ……”
ส้าวส้วยส่ายหน้า พูดอย่างไม่แคร์:“พวกคนโง่ ถึงพวกเขารู้แล้วจะยังไงล่ะ?ก็คงได้แต่มองตาปริบๆ หรือว่าแค่หมาทิเบตัน ก็สามารถฆ่าผมทิ้งได้?น่าตลกจริงๆ”
ตอนที่ส้าวส้วยพูดคำนี้ออกมา แสดงออกอย่างหยิ่งผยองมาก
หลี่ฝางกับส้าวส้วยทั้งสองเข้ามาที่โรงอาหาร หลังจากได้ข้าวมา หลี่ฝางก็เปิดปากพูด:“ใช่สิ ส้าวส้วย บอกคุณเรื่องหนึ่ง คนที่ชื่อถังจิ้นในห้องพวกเรา ก็ผู้ชายที่เมื่อวานถูกคุณตบ เหมือนว่าเขาจะเห็นฆาตกรที่ฆ่าหยูเถิงตาย”
“เหรอ?”ส้าวส้วยพูดอย่างไม่แคร์:“ดูเขายังจะกล้าเป็นพยาน?อีกอย่างตระกูลหยูก็บอกแล้วหยูเถิงไม่ตาย”
“ถังจิ้นยังถ่ายรูปไว้ด้วย”หลี่ฝางพูดต่อ
ส้าวส้วยได้ยินคำนี้ ก็วางตะเกียบในมือลง ตาเป็นประกาย:“จริงเหรอ?