NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 416

ตอนที่ 416

บทที่416 ส้าวส้วยยอมรับตัวตนเอง

สีหน้าของหลี่ฝาง ตะลึงทันที

เล็บถูกเลาะออก เอ็นมือและเท้าก็ถูกเลาะออก ตาก็ถูกทำจนตาบอด ……

หลี่ฝางขมวดคิ้วทันที มองเหมิงเหมิงพูด:“คุณว่าเหมือนผมทำเหรอ?”

“ฉันก็คิดว่าไม่ใช่คุณ ถึงแม้คุณจะเลวมาก แต่ไม่โหดขนาดนั้น อีกอย่าง คุณสองคนก็ไม่ได้แค้นต่อกันมากนัก”เหมิงเหมิงพยักหน้าลง แล้วพูด

“คุณช่วยฉันสืบได้ไหมว่าเป็นใคร?”มองหลี่ฝาง เหมิงเหมิงก็เปิดปากถาม

หลี่ฝางก็หัวเราะเหอะเหอะออกมา:“ผมไม่ใช่ตำรวจ จะช่วยคุณสืบได้ไง คุณควรจะไปหาตำรวจ”

“เรื่องแบบนี้ ตำรวจจะต้องสนใจแน่”

ในใจของหลี่ฝาง กลับมีผู้ต้องสงสัยไม่กี่คน

หลี่ฝางฟังหลินชิงชิงกับส้าวส้วยพูดว่าเรื่องคืนนั้น คืนนั้นตัวเองดื่มไปเยอะ แล้วหลิวจินหยางที่เป็นคนขายเนื้อก็มาที่โรงแรม

คนที่ไว้ผมทรงรองทรง ไอ้รองทรงนี้ ตอนที่มาหาเรื่องหลี่ฝาง ก็ถูกส้าวส้วยสั่งสอนไปแรงๆทันที

จากนั้น ส้าวส้วยก็ให้ไอ้รองทรงจัดการหลิวจินหยาง ให้เขากัดกันเอง

ส่วนวิธีจัดการยังไง หลี่ฝางไม่ค่อยแน่ใจ

แต่มีจุดหนึ่งหลี่ฝางรู้ดี ไอ้รองทรงนี้ จะต้องไม่ได้ลงมือแรงขนาดนั้นแน่

แทงตาบอด ทำลายมือและเท้า เลาะเล็บออก ตรงไหนบ้าง ที่ไม่ทรมาน?

นอกจากไอ้รองทรงแล้ว ในใจของหลี่ฝางยังมีคนที่น่าสงสัยอีกคน นั่นก็คือซือถูเฟย

ซือถูเฟยผู้ชายคนนั้น ดูเหมือนไม่เป็นอันตราย แต่ที่จริงคือใคร หลี่ฝางก็ไม่รู้

สรุปคือ เขานั้นมีเล่ห์เหลี่ยมและยากที่จะคาดเดามาก

คนของสี่ตระกูลใหญ่ ไม่ธรรมดาแน่นอน

นึกถึงวันนั้นที่สถานตากอากาศ หลิวจินหยางรังแกซือถูเฟยขนาดนั้น โดนเอาคืน ก็ถือว่าเป็นไปได้

แต่หลี่ฝางจะไม่เอาข้อสงสัยของตัวเองไปบอกเหมิงเหมิง ยังไงตัวตนของซือถูเฟยก็ไม่ธรรมดา อย่าว่าแต่ไม่มีหลักฐานเลย ถึงมีหลักฐาน ตำรวจก็อาจจับซือถูเฟยไม่ได้

ถ้าเหมิงเหมิงโง่ไปหาซือถูเฟย ก็ไม่แน่ว่าอาจจะมีจุดจบเหมือนกัน

หลี่ฝางเงยหน้ามองเหมิงเหมิง แล้วถาม:“คุณเลิกกับหลิวจินหยางแล้ว ยังจะสนใจเรื่องเขาทำไม เขาตกต่ำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าสมดั่งที่คุณหวังแล้วเหรอ?”

เหมิงเหมิงกลอกตาใส่หลี่ฝาง:“เราคบกันมาหลายปี อย่างน้อยก็ยังมีความรู้สึกต่อกัน หลายปีนี้ เขาก็ถือว่าดูแลฉันเป็นอย่างมาก ฉันคงไม่เอาสิ่งที่เขาเคยทำดีกับฉันในวันวานลืมไปให้หมดซะสิ้นซาก เพียงเพราะว่าเขาทิ้งฉันหรอกนะ?”

“เลิกกันแล้ว พวกเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกัน เห็นเขาเป็นแบบนี้ ในใจฉันก็รู้สึกไม่ถูก ฉันถามเขาว่าใครทำ เขาก็ไม่บอก ลัมโบร์กีนีของเขาก็ไม่มีแล้ว ที่ตัวก็ไม่มีเงินสักหยวน คุณว่า ผู้ชายอยู่ดีๆคนหนึ่ง ดันกลายเป็นขอทานข้างถนน นี่มัน ……”เหมิงเหมิงรับไม่ได้หน่อยๆ

“ใช่สิ หลี่ฝาง ให้ฉันยืมเงินหน่อยได้ไหม”จู่ๆเหมิงเหมิงก็ถาม

“ทำไม?”หลี่ฝางถามเค้น

“ห่า คุณคงไม่เอาไปช่วยหลิวจินหยางหรอกนะ?”หลี่ฝางคิดถึงความเป็นไปได้ ก็อ้าปากอย่างตะลึง

เหมิงเหมิงพูดอืมเบาๆ พยักหน้าไปที่หลี่ฝาง:“ฉันจะคืนคุณ”

“นี่คุณกำลังทำตัวดอกทองกับผมนะ”

หลี่ฝางส่ายหน้า ปฏิเสธ:“เงินของผม ยืมทิ้งแต่ไม่ให้คนแบบนี้หรอก”

“พูดตรงๆนะ เขาสมควรแล้ว เข้าใจไหม?”

“ถ้าปกติเขาไม่ทำเรื่องน่ารังเกียจมากไป จะเจอกรรมแบบนี้ได้ไง?”หลี่ฝางทำเสียงฮึดฮัดไม่พูดอะไร แล้วก็เดินออกไป

หลี่ฝางส่ายหน้า คิดในใจเหมิงเหมิงโง่เหลือเกิน เลิกกันแล้ว ยังจะโหยหาไม่ลืมอีก

น่าจะไม่ใช่ว่ายังไม่ลืม ก็แค่เห็นผู้ชายที่เมื่อก่อนตัวเองรัก ตอนนี้เป็นขอทานข้างถนน ในใจก็รับไม่ได้

ยังไงก็เคยรัก

ถ้าเป็นคนอื่น หลี่ฝางอาจจะช่วย ยังไงเงินของตัวเอง ก็ใช้ไม่หมด

แต่เขาคือหลิวจินหยาง ที่เย่อหยิ่งยโส ไอ้ระยำที่เอาแต่รังแกคนอื่น แล้วยังมีความแค้นกับตัวเองอีก

แล้วจะให้ตัวเองยื่นมือช่วยยังไง?

ส้าวส้วยนั่งยองๆข้างๆ สูบบุหรี่ ฆ่าเวลา พอหลี่ฝางกับเหมิงเหมิงคุยกันเสร็จ จึงมาตรงหน้าหลี่ฝาง

“คุณได้ยินหมดแล้วสินะ?”

หันไปเหลือบมองส้าวส้วย หลี่ฝางถามเบาๆ

“อือ ได้ยินหมด”ส้าวส้วยพยักหน้าลง ไม่ปฏิเสธ

ส้าวส้วยเข้าใจภาษาปาก เมื่อกี๊ตอนที่หลี่ฝางกับเหมิงเหมิงคุยกัน ส้าวส้วยก็เอาแต่คอยมองมาทางนี้ และยังใช้ตาจ้องปากของเหมิงเหมิง

ดังนั้นหลี่ฝางเดาว่า ส้าวส้วยกำลังแอบฟังบทสนทนาของตัวเอง

“ผมสงสัยว่าซือถูเฟยทำ คุณคิดว่าไง?”หลี่ฝางพูดจบ ก็มองหน้าของส้าวส้วย

“ก่อนหน้านี้ที่สถานตากอากาศ หลิวจินหยางเคยรังแกซือถูเฟย……”พอหยุดไป หลี่ฝางก็พูดเสริม

ส้าวส้วยส่ายหน้า:“ไม่ใช่ซือถูเฟยทำ จิตใจของซือถูเฟย ไม่เล็กขนาดนั้น หลิวจินหยางก็แค่คนตัวเล็กๆ จากที่ผมรู้ หลายปีมานี้ซือถูเฟย ถูกคนรังแกไม่น้อย จนเขาได้รับการดูถูก มากกว่าเจ้านายเยอะเลย แต่ซือถูเฟย ดูเหมือนจะพลิกกลับกัน ไม่เคยแก้แค้นใครทั้งนั้น”

หลี่ฝางได้ยินที่ส้าวส้วยพูด สีหน้าก็เย็นหน่อยๆ:“คุณเคยถามเขา?”

“เคยถาม เขาคือคนที่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้”

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ:“เจ้านาย เขาอาจจะกลายเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งในชีวิตของคุณได้”

“แต่ก็ไม่แน่ ผมดูจากท่าทางเขา กลับอยากเป็นเพื่อนกับคุณมาก แต่ก็อาจถึงชีวิตได้ พวกเรากับสี่ตระกูลใหญ่……”พูดถึงตรงนี้ จู่ๆส้าวส้วยก็ตีปากตัวเอง:“ช่างเถอะ ไม่พูดถึงเขาแล้ว”

หลี่ฝางไม่ได้โง่ ศัตรูของพ่อตัวเอง ก็คือสี่ตระกูลใหญ่

ส้าวส้วยไม่พูด ก็ต้องมีเหตุผลที่เขาไม่พูด หลี่ฝางก็ไม่ถามต่ออย่างตระหนักรู้ได้

“ไม่ใช่ซือถูเฟย แล้วคือใคร?ผมได้ยินว่าคืนนั้นมีคนขายเนื้อ ชื่ออะไรพี่เต๋อหรือว่าอะไรเนี่ย ใช่เขาทำไหม?”หลี่ฝางขมวดคิ้วหน่อยๆ

“เจ้านาย คนแบบนั้นฆ่าหมูได้ แต่ให้เขาฆ่าคน หรือว่าลงมืออย่างร้ายกาจ เขากล้าไหม?”ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ ถามย้อน

“ไม่ใช่ซือถูเฟย และก็ไม่ใช่คนขายเนื้อ งั้นเป็นใคร?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว คิดไม่ออกว่าใครจริงๆ

“มู่เหวินตง”

ส้าวส้วยเลิกคิ้ว:“เป็นมู่เหวินตงที่ทำ”

“คนพิการนั่น?”หลี่ฝางดูไม่ค่อยเชื่อนัก ผู้ร้ายที่ทำหลิวจินหยาง ที่แท้ก็คนพิการ

“ใช่ ตระกูลมู่สืบความพิการคนของมู่เหวินตงมาตลอด แต่ไม่มีเงื่อนงำอะไรมาลอด ครั้งที่แล้วศึกที่เขาหมาป่า ผมเปิดเผยให้ ผมใช้ Mustang ของหลิวจินหยาง ไม่ใช่แค่ทำลายสถิติของเขาหมาป่า แต่ยังชนะลัมโบร์กีนีด้วย”

“ตอนนั้นหลังจากผมทำรถของมู่เหวินตงชนคว่ำ ก็หนีไปที่เขาหมาป่า ใช้ลักษณะพื้นที่ที่ขรุขระของเขาหมาป่า หนีทุกคน จากนั้นก็ทิ้งรถไว้ หนีออกมาจากหน้าผา……ผมแทบจะไม่ได้ทิ้งเบาะแสใดๆ นอกจากทักษะรถที่ไม่เหมือนใครในการเลี้ยวโค้งที่เขาหมาป่า โดยใช้การเลี้ยวที่ขอบหน้าผา”

“ดังนั้น ราชานักแข่งรถคนใหม่แห่งเขาหมาป่า ก็เกือบเป็นฆาตกรฆ่ามู่เหวินตง”

“ผมใช้รถของหลิวจินหยางไปชนะการแข่งขัน ดังนั้นมู่เหวินตงคิดว่าผมกับหลิวจินหยางยังติดต่อกัน ดังนั้นจึงจับหลิวจินหยางออกมา บังคับข่มขู่ทรมาน ให้เขาบอกตัวตนของผมมา แต่หลิวจินหยางจะรู้อะไร?เขาไม่รู้อะไรทั้งนั้น……”

ส้าวส้วยหัวเราะอย่างเย็นชา:“ทุกอย่างในวันนี้ที่หลิวจินหยางได้รับความเจ็บปวด ที่จริงก็คือผมทำ”

เรื่องร้ายๆสามารถนำสิ่งที่ดีมาได้ เรื่องดีๆก็นำสิ่งที่แย่มาได้เหมือนกัน วันนั้นหลิวจินหยางได้ลัมโบร์กีนี ดีใจแทบตาย สุดท้ายเขาก็เปลี่ยนไป และยังทิ้งเหมิงเหมิง……

ใครจะไปคิดว่า ลัมโบร์กีนีนั่นจะนำหายนะแห่งการฆาตกรรมมาสู่เขาได้?

ถ้ารู้ เกรงว่าหลิวจินหยาง ก็ไม่กล้าเอาแล้วมั้ง?

“ที่จริงหมาทิเบตันรู้ว่าผมทำ ตระกูลมู่ก็รู้ว่าเป็นคนของพวกเราลงมือ แต่ พวกเขาแค่อยากมั่นใจตัวตนเท่านั้น ว่าเป็นผม หรือว่าโหจื่อ หรือว่าคนอื่น ……”

ส้าวส้วยส่ายหน้า พูดอย่างไม่แคร์:“พวกคนโง่ ถึงพวกเขารู้แล้วจะยังไงล่ะ?ก็คงได้แต่มองตาปริบๆ หรือว่าแค่หมาทิเบตัน ก็สามารถฆ่าผมทิ้งได้?น่าตลกจริงๆ”

ตอนที่ส้าวส้วยพูดคำนี้ออกมา แสดงออกอย่างหยิ่งผยองมาก

หลี่ฝางกับส้าวส้วยทั้งสองเข้ามาที่โรงอาหาร หลังจากได้ข้าวมา หลี่ฝางก็เปิดปากพูด:“ใช่สิ ส้าวส้วย บอกคุณเรื่องหนึ่ง คนที่ชื่อถังจิ้นในห้องพวกเรา ก็ผู้ชายที่เมื่อวานถูกคุณตบ เหมือนว่าเขาจะเห็นฆาตกรที่ฆ่าหยูเถิงตาย”

“เหรอ?”ส้าวส้วยพูดอย่างไม่แคร์:“ดูเขายังจะกล้าเป็นพยาน?อีกอย่างตระกูลหยูก็บอกแล้วหยูเถิงไม่ตาย”

“ถังจิ้นยังถ่ายรูปไว้ด้วย”หลี่ฝางพูดต่อ

ส้าวส้วยได้ยินคำนี้ ก็วางตะเกียบในมือลง ตาเป็นประกาย:“จริงเหรอ?

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท