NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 417

ตอนที่ 417

บทที่417 ปู่ของฉินวี่เฟยมาแล้ว

ส้าวส้วยก็สนใจทันที เงยหน้าพูด:“งั้นรีบเรียกเขามาเถอะ”

หลี่ฝางประมาณการไว้แล้ว หันหน้าไปมอง ก็เห็นถังจิ้นมาตรงหน้าโรงอาหาร

หลี่ฝางหัวเราะให้ส้าวส้วย:“นี่ไงมาแล้ว”

พูดจบ หลี่ฝางจึงยืนขึ้น โบกมือให้ถังจิ้นที่หน้าประตู

ถังจิ้นเดินเข้ามา พยักหน้าและโค้งคำนับให้หลี่ฝาง:“สวัสดีคุณชายหลี่”

“เรียกผมหลี่ฝางก็พอ”หลี่ฝางขมวดคิ้ว ไม่ชอบคำเรียกว่า‘คุณชายหลี่’นี้มาก

จากนั้น ถังจิ้นก็หันหน้าไปที่ส้าวส้วย เขามองสีหน้าของส้าวส้วยที่ดูเหมือนกลัวและกังวลหน่อยๆ

ส้าวส้วยจึงปลอบไป:“เรื่องเมื่อวาน ขอโทษคุณนะ ……”

“ไม่เป็นไร ความผิดผม ผมสมควรโดน ได้รับการสั่งสอนจากคุณ เป็นเกียรติของผม”ถังจิ้นพูดทันที

หลี่ฝางยิ้มอย่างขมขื่น:“งั้นคุณให้ส้าวส้วยตบคุณอีกไหม?ยังเป็นเกียรติอีกไหม?ตบคุณคือเกียรติของคุณ ทำไมคุณต่ำตมขนาดนี้”

หลี่ฝางพูดอย่างหมดคำพูด:“อย่ามาทำพิธีรีตองปลอมๆที่นี่เลย นั่งคุยกันเถอะ”

“กินอะไรหน่อยมั้ง ผมไปเอาข้าวให้คุณไหม?”หลี่ฝางถาม

“คุณชายหลี่……ไม่ หลี่ฝาง นี่ไม่ได้ ผมจะให้คุณไปเอาข้าวให้ได้ไง ผมกินของเหลือของคุณก็พอ”ถังจิ้นพูดอย่างไม่แคร์

“ถ้าคุณไม่รังเกียจก็ได้”หลี่ฝางหัวเราะเหอะเหอะ คิดถึงชีวิตนักเรียนมอปลายอีกครั้ง

เมื่อก่อนตอนที่อยู่มอปลาย ไม่ว่าตอนกลางวันหรือตอนเย็น โรงอาหารจะแออัดมาก ดังนั้นหลี่ฝางจึงช่วยไปเอาข้าวให้ อย่างละสองหยวน

ตอนนั้นหลี่ฝางก็ทำใจกินของดีไม่ได้นัก กินผักกาดขาวที่อย่างละหนึ่งหยวนห้าเอง

ทุกครั้งที่คิดถึง ในใจของหลี่ฝาง ก็ดีใจหน่อยๆ

หลายๆครั้ง หลี่ฝางมักรู้สึกว่าตัวเองฝันไป

อย่างเมื่อกี๊ หลี่ฝางลืมสถานะลูกคนรวยของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิง เกือบจะลุกขึ้นไปเอาข้าวให้ถังจิ้น ……

คิดๆดู ถังจิ้นจะรับได้ไหม?

ถังจิ้นถือข้าวที่หลี่ฝางกินเหลือไป:“ผมจะรังเกียจคุณได้ไง คุณชายหลี่”

“เรียกผมว่าหลี่ฝาง”หลี่ฝางพูดอย่างโกรธเล็กน้อย:“ผมไม่อยากให้ทุกคนรู้ตัวตนของผม”

หลี่ฝางหดหู่หน่อยๆ เตือนไปหลายครั้งแล้ว ทำไมไม่จำเลย

ถังจิ้นตอบอืม:“งั้นก็เรียกคุณว่าหลี่ฝาง ดูมีอะไรหน่อย”

ถังจิ้นไม่ค่อยกล้าพูดชื่อของหลี่ฝางไปตรงๆ

ส้าวส้วยไม่พูดเหลวไหลมากนัก ถามออกไปตรงๆ:“ได้ยินเจ้านายบอกว่า คุณเป็นพยานตลอดทั้งการกระทำที่หยูเถิงถูกฆ่า และยังถ่ายรูปไว้ด้วย ใช่ไหม?”

“อืออือ”

ถังจิ้นพยักหน้าแรงๆ:“ใช่ เมื่อคืนผมอยู่ในรถ เห็นอย่างชัดเจน”

“คุณเห็นอะไรบ้าง?”ส้าวส้วยถามเค้น:“ฆาตกรไม่ได้เห็นคุณใช่ไหม?”

“ไม่ ฆาตกรไม่มีทางเห็นผมได้ ผมอยู่ห่างออกไปกว่าห้าสิบเมตร ……”ถังจิ้นหัวเราะอย่างร้ายกาจ

“ห่างออกไปกว่าห้าสิบเมตร?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว

“ใช้ตาเปล่าอย่างเดียวมองไม่เห็นแน่ แต่ตั้งแต่ผมซื้อกล้องส่องทางไกลมา ก็เห็นสิ่งต่างๆได้อย่างชัดเจนภายในระยะหนึ่งร้อยเมตร เห็นชัดเจนมาตลอด ปกติเอาไว้สอดแนมคนอื่นน่ะ……”

ถังจิ้นยิ้มอย่างน่าสมเพช:“ตรงข้ามบ้านผม มีสาวน้อยคนหนึ่ง ตอนที่เธออาบน้ำมักจะไม่ดึงม่าน”

“เมื่อคืน ห้องพวกเรากินข้าวด้วยกันใช่ไหมล่ะ?ตอนกลางวันขายขี้หน้าไป ดังนั้นตอนกลางคืนผมก็ไม่มีอารมณ์กินข้าว หยูเถิงก็ไม่ให้ผมไปห้องวีไอพี ผมต้องไปห้องธรรมดา กินไปไม่กี่คำ ก็ออกมากลับไปที่รถของตัวเอง”

“เดิมทีผมคิดจะไปเลย แต่หยูเถิงส่งข้อความมา เรียกผมไปเป็นคนขับรถให้เขาหน่อย ผมจึงรับปาก ……”

มองหลี่ฝาง ถังจิ้นก็หัวเราะพูดว่า:“กินข้าวเสร็จ ผมก็เห็นคุณโอบไหล่ของหยูเถิง เดินไปที่สนามหญ้าตรงข้าม จากนั้น คุณกับหยูเถิงดูเหมือนว่าจะทะเลาะกันจนแยกย้ายกันไปอย่างไม่สบอารมณ์ พอคุณไป หยูเถิงนอนก็อยู่ที่พื้น นอนอยู่นาน”

“ตอนนั้นผมกำลังเตรียมออกรถไปรับหยูเถิง ใครจะไปรู้ มีรถคันหนึ่งจอดที่ข้างสนามหญ้า จากนั้นที่รถก็มีคนลงมาสองคน ผมรู้จักหนึ่งในนั้น เขาคือลุงของหยูเถิง ส่วนอีกคน ก็คือฆาตกรที่ฆ่าหยูเถิงตาย”

“คนๆนั้นต่อยไปที่อกของหยูเถิง จากนั้นหยูเถิงก็ล้มลง”

“จากนั้น ก็มีรถพยาบาลคันหนึ่งมา หยูเถิงถูกห่อเข้าไปในถุงสีฟ้า ผมตามรถพยาบาลคันนั้นไป มองเห็นศพของหยูเถิงจากห้องดับจิต”

พูดไป ถังจิ้นก็เอาการ์ดหน่วยความจำออกมาจากกระเป๋า:“ผมใช้กล้องดิจิตอลถ่าย”

“หน้าของฆาตกร ถ่ายได้ชัดมาก”

“ที่จริงผมคิดว่าเจอคุณ จะเอารูปนี้ให้คุณ เอามาล้างข้อสงสัยให้คุณ แต่คิดไม่ถึงว่าเช้าวันนี้ ตระกูลหยูจะประกาศข่าว ว่าหยูเถิงไม่ตาย แค่ไปเรียนต่างประเทศ”

ถังจิ้นหัวเราะเหอะเหอะ การ์ดหน่วยความจำวางไว้ตรงหน้าหลี่ฝาง

“การ์ดหน่วยความจำผมจะเก็บไว้”

ส้าวส้วยยื่นมือไป หยิบกระดาษทิชชู ห่อการ์ดหน่วยความจำไว้ จากนั้นพูดกับถังจิ้น:“เลขบัตรธนาคารของคุณคืออะไร?”

“หมายความว่าไง?”ถังจิ้นถามตาม

“จะให้ค่าตอบแทนคุณหน่อย”ส้าวส้วยพูดเบาๆ:“ถือเป็นค่าปิดปากด้วย”

“ผมไม่ต้องการเงิน……”

ถังจิ้นส่ายหน้า พูด:“ถือว่าพวกคุณเป็นหนี้บุญคุณผมก็พอ ต่อไป……”

ยังไม่รอให้ถังจิ้นพูดจบ ส้าวส้วยก็พูดอีกครั้ง:“เอาเลขบัตรมาให้ผม……พวกเราไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใคร”

“ไม่ต้องจริงๆครับ ไม่อย่างนั้นก็ช่างมันเถอะ ถือว่าเป็นเพื่อนกัน ……”สีหน้าถังจิ้นดูอึดอัด

“เลขบัตร……นี่คือครั้งสุดท้าย”

สีหน้าของส้าวส้วย ค่อยๆหม่นลง

สีหน้าของถังจิ้น ก็ดูไม่ดีขึนมา เขาเอาเลขบัตรธนาคารของตัวเอง พูดเบาๆให้ส้าวส้วยฟัง

“โอเค”

ส้าวส้วยลุกขึ้น จากนั้นก็พยักหน้าให้หลี่ฝาง:“เจ้านาย พวกเราไปเถอะ”

เวลานี้ ถังจิ้นหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมา

ถังจิ้นได้รับข้อความโอนเงินจากธนาคาร พอมองดูข้อความ ปากของถังจิ้น ก็อ้ากว้าง

“สิบล้าน……”

ถังจิ้นสูดลมหายใจ เขาคิดไม่ถึงว่ารูปที่ถ่ายๆมาไม่กี่ใบนี้ จะได้ค่าตอบแทนถึงสิบล้าน

ถังจิ้นยังคิดว่า อย่างมากส้าวส้วยก็โอนเงินให้เขาไม่กี่หมื่น

มือของถังจิ้น ก็สั่นขึ้นมา

สิบล้าน เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของถังจิ้นจากนี้ กินใช้อย่างสบายใจ แค่เขาไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือย

“รูปไม่กี่รูปพวกนี้ คุ้มกับราคา ……”

ส้าวส้วยหัวเราะเบาๆ:“ถ้าคุณเอารูปถ่ายพวกนี้ให้พวกเราเมื่อคืน เกรงว่า ผมจะให้คุณมากกว่านี้”

สิบล้าน ยังมากไม่พอเหรอ?

ยังให้มากได้อีก?

ถังจิ้นตะลึงไป

หลี่ฝางก็คิดไม่ถึง ส้าวส้วยจะใจกว้างขนาดนี้

แต่พอคิดๆดูก็ใช่ ถ้าเมื่อคืนรูปพวกนี้อยู่ในมือของตัวเอง ตัวเองยังต้องหนีเหรอ?แล้วยังจะกลายเป็นผู้ร้ายต้องการตัวอีกไหม?อีกทั้งยังทำให้เพื่อนของตัวเองมากมายนั้น เป็นห่วงกังวลตัวเองอีกหรือไม่?

แค่สิบล้าน ไม่หนักหนาอะไรสำหรับตระกูลหลี่

แต่ส้าวส้วยเอาสิบล้านให้ถังจิ้น กลับทำให้หลี่ฝางแปลกใจหน่อยๆ

“คุณใจกว้างมาก”ออกจากโรงอาหาร หลี่ฝางก็มองส้าวส้วยแล้วพูดอย่างแปลกใจเล็กน้อย

ส้าวส้วยหัวเราะ:“ที่จริงก็ไม่อะไรหรอก รูปพวกนี้ อย่างแรก ราคามากกว่าสิบล้านนั่นเยอะ อย่างที่สอง ถังจิ้นนี่ถึงกับเสี่ยงชีวิตไปถ่ายมาได้”

“ถ่ายหลักฐานทำผิดของหมาทิเบตันได้ นั่นเป็นเรื่องยากอย่างหนึ่ง และก็ทำให้เขาที่ไม่รู้อะไรดีแต่บังเอิญประสบความสำเร็จ”ส้าวส้วยส่ายหน้า หัวเราะอย่างมีเลศนัย

ก็ใช่ รูปพวกนี้ เป็นหลักฐานที่หมาทิเบตันฆ่าคนได้

ไม่ใช่แค่หมาทิเบตัน หยูเต๋อส่วยนั่น ก็เกรงว่าจะหลุดความสงสัยไม่ได้

หลี่ฝางพูดอย่างโกรธๆ:“หยูเต๋อส่วยนี้ สติฟั่นเฟือนจริงๆ หักหลังตระกูลตัวเองก็ว่าแล้ว จากนั้นยังร่วมมือกับหมาทิเบตัน ทำร้ายหลานชายแท้ๆของตัวเอง”

“ไม่มีความเป็นคนเลย”หลี่ฝางกัดฟันพูด

“ความเป็นคน?ความเป็นคนคุ้มค่ากับเงินไม่เท่าไหร่นี้?ต่อหน้าเศรษฐีหลายสิบล้านไปจนถึงหลายร้อนล้าน ความเป็นคนไม่มีค่าอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนอย่างหยูเต๋อส่วย มีอะไรที่เขาทำไม่ได้”

ส้าวส้วยพูดจบ สายตามีความเฉียบคม

“มีรูปพวกนี้ หยูเถิงก็ไม่สามารถไปเรียนต่างประเทศได้แล้ว ถึงตอนนั้นให้เขาได้‘ตาย’อีกครั้ง”ส้าวส้วยพูด

กำลังคุยกับส้าวส้วยอยู่นั้น ทันใดนั้นฉินวี่เฟยก็วิ่งมาทางหลี่ฝาง

“ถึงว่าหาคุณเจอแล้ว โทรไปคุณก็ไม่รับ ทำไม หลบฉันเหรอ?”ฉินวี่เฟยกลอกตาใส่หลี่ฝาง:“ปู่ฉันมาแล้ว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท