NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 421

ตอนที่ 421

บทที่ 421 ฉันไม่อยากเห็นฉินวี่เฟยเสียใจ

“นายท่านฉิน คุณกำลังบังคับฉันหรือ?”

หลิงหลงพูดอย่างเย็นชา “หรือคิดว่า ฉันไม่กล้าฆ่าท่าน?”

ใบหน้านายท่านฉิน มีเหงื่อไหลออกมาเยอะ บนช่วงหน้าท้องของเขา มีเลือดไหลออกไม่หยุด

เลือดเป็นหยดๆไหลลงจากร่างของนายท่านฉิน

“เธอกล้าอยู่แล้ว”

“เธอไม่ใช่หลิงหลงคนเดิมอีกต่อไป”

นายท่านฉินส่ายหัวยก ยกปากกาขึ้น และเซ็นชื่อในใบสัญญา

“โอเค”

“หลังจากที่นายฉินเซ็นชื่อเสร็จ ก็พูดว่า “ปล่อยฉันไปได้หรือยัง?”

“นายท่านฉิน ท่านยังคิดว่าว่าฉันยังเป็นเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาเหมือนเมื่อสามปีก่อนเหรอ” หลิงหลงหัวเราะเบาๆ

“เธอยังต้องการอะไรอีก?” นายท่านฉินพูดเสียงขรึม

“ใบสัญญานี้คุณเอากลับไป”

“ทรัพย์สินของตระกูลฉิน ไม่ได้อยู่ในมือของคุณทั้งหมด นายท่านฉิน อย่าคิดว่าพวกเราโง่ได้ไหม? สิ่งที่เราต้องการ ไม่ใช่ทรัพย์สิน95% ของคุณ แต่เป็นทรัพย์สิน95%ของทุกคนในตระกูล เข้าใจไหม?” หลิงหลงพูด

ใบหน้านายท่านฉิน ตื่นตระหนกขึ้นมาทันที

หุ้นของตระกูลฉิน เฉพาะนายท่านฉินก็ได้ครอบครอง40%

ส่วนที่เหลืออีก 60% แบ่งครึ่งหนึ่งให้กับตระกูลฉิน และอีกครึ่งหนึ่งให้กับตระกูลมู่หรง

สาเหตุที่ตระกูลฉินสามารถเติบโตขึ้นมาได้นั้น ทั้งหมดเป็นเพราะการสนับสนุนของตระกูลมู่หรง

นายท่านฉินโกรธเล็กน้อย “มีสิทธิ์อะไร? ฉันเป็นหนี้หลอซ่าก็จริง แต่ไม่ได้เป็นหนี้มากขนาดนั้น”

“ถึงแม้ความร่ำรวยมหาศาลของฉันจะได้มาจากการทรยศต่อหลอซ่า แต่ตระกูลฉินของเราแต่ก่อนก็เคยมีธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ในเมืองเอก มีสิทธิ์อะไรพอหลอซ่ากลับมา ธุรกิจทั้งหมดของตระกูลฉินของเรา จะต้องคืนเขาหมด?”

“เอาส่วนของฉันให้เขา ยังไม่พออีกเหรอ?”

“เขาก็คงไม่ได้ขาดแคลนเงินใช่มั้ย?”

นายท่านฉินมองไปที่หลิงหลง และถามว่า “เฉพาะสถานที่ตากอากาศและสวนสนุก ก็มีเงินลงทุนมากกว่าสองหมื่นล้าน”

“นอกจากนี้ ฉันได้ยินมาว่า เขามีแผนจะลงทุนในเมืองเอกด้วย ฉันคิดว่าเงินลงทุน จะไม่น้อยกว่าสองหมื่นล้านใช่มั้ย?”

ขณะที่นายท่านฉินพูด เขารู้สึกตกใจเล็กน้อย

การลงทุนเกือบสี่หมื่นล้าน และเป็นการลงทุนด้วยเงินสด

นี่เป็นการลงทุนขนาดใหญ่ คงมีแต่รายชื่อมหาเศรษฐีเท่านั้น ที่มีสิทธิ์ลงทุน?

หลอซ่าหายตัวไปเป็นเวลาสามปี ทำไมถึงกลายเป็นคนที่ร่ำรวยขนาดนี้

สิ่งนี้ทำให้นายท่านฉินไม่กล้าเชื่อ

หลิงหลงหัวเราะเบาๆ และพูดว่า “ขอพูดความจริงกับคุณ ทรัพย์สินแค่นั้นของตระกูลฉิน ลูกพี่ใหญ่ไม่ได้สนใจ เพียงแต่ว่าตอนนั้นคุณเกือบจะทำให้ลูกพี่ต้องตาย หรือคุณคิดว่าไม่สมควรชดใช้เหรอ?”

“เงินทองมันเป็นของนอกกาย นายท่านฉิน ตกลงจะเอาทรัพย์สมบัติแค่นั้นของคุณ เอาไปไว้ในโลงศพจริงๆหรือ?” หลิงหลงพูดด้วยความเยาะเย้ย

ในเวลานี้ ฉินวี่เฟยรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ และวิ่งมา

ทันใดนั้นฉินวี่เฟยก็เห็นเลือดบนพื้น

“คุณปู่!” ฉินวี่เฟยตะโกนเสียงดัง พร้อมกับใบหน้าที่ตกตะลึง

“คุณปู่ ท่านเป็นอะไร?” ฉินวี่เฟยจับแขนของนายท่านฉิน ตกใจมาก และกังวลมาก

“วี่เฟย เธอไปอีกด้านหนึ่ง ปู่มีเรื่องส่วนตัวที่ต้องจัดการ” นายท่านฉินพูดด้วยใบหน้าเย็นชา

ฉินวี่เฟยมองไปที่หลิงหลง และเห็นมีดในมือของหลิงหลง “เธอ เธอกำลังจะทำอะไร?”

ฉินวี่เฟยตกใจกับฉากตรงหน้า

“เธอ… …” มองไปที่หลิงหลง ฉินวี่เฟยไม่รู้จะพูดอะไรดี

ฉินวี่เฟยหยิบโทรศัพท์ และพูดอย่างเย็นชา “ฉันจะแจ้งตำรวจ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงต้องแทงปู่ของฉันด้วย?”

“เธอถามฉันว่าทำไมต้องเอามีดแทงคุณปู่ของเธอ ถ้างั้นเธอต้องถามปู่ของเธอ ได้ทำอะไรที่ผิดศีลธรรมหรือเปล่า” หลิงหลงยิ้มอย่างใจเย็น

หลิงหลงพูดอย่างเฉยชา “สำหรับเรื่องที่เธอจะโทรแจ้งตำรวจ เธอก็โทรแจ้งตำรวจได้ตามต้องการ เพียงแต่ว่า ก่อนที่ตำรวจจะมาถึง ฉันมีเวลาเพียงพอ ที่จะฆ่าปู่ของเธอ”

ในขณะที่พูด หลิงหลงยิ้มอย่างเย็นชา หยิบมีดออกมา แล้วแทงเข้าบนร่างของนายท่านฉินอีกครั้ง

นายท่านฉินกัดฟัน ไม่มีเสียงร้องออกมา

“ในสามปีที่ผ่านมา ทุกคนเปลี่ยนไปมาก จำได้ว่าแต่ก่อนนายท่านฉินกลัวความเจ็บมากที่สุด ตอนนี้ถูกแทงสองครั้ง ไม่ได้ร้องว่าเจ็บปวด มันเป็นเรื่องที่ยากจริงๆ” หลิงหลงมีรอยยิ้มชั่วร้าย

นายท่านฉินไม่ได้ตอบโต้

เขาอายุมากแล้ว แม้ว่าเขาจะตอบโต้ แต่ก็คงไร้ประโยชน์

นายท่านฉินในขณะนี้ มาถึงจุดที่ใครก็สามารถสังหารเขาได้

“การร้องว่าเจ็บปวดมีประโยชน์หรือไม่? เธอจะสงสารฉันหรือปล่อยฉันไปเหรอ? นายท่านฉินหัวเราะเบาๆ “ฉันแก่ขนาดนี้แล้ว และใกล้จะตายอยู่แล้ว ด้วยร่างกายนี้ เธออยากทรมานยังไง ก็ทรมานไปเถอะ”

“แม้ว่าเธออยากฆ่าฉันก็ทำได้ แต่โปรดอย่าทำร้ายหลานสาวของฉัน”

“วี่เฟย เธอรีบไปเถอะ ก็คิดว่าไม่เคยเห็นอะไร อย่าโทรเรียกตำรวจ… …นี่เป็นหนี้ที่ฉันติดค้างไว้” นายท่านฉินพูดด้วยเสียงหดหู่

“ท่านปู่… …”

ฉินวี่เฟยจับแขนนายท่านฉินไว้ และกังวลใจอย่างมาก “ท่านปู่ พวกเขาเป็นใครกันแน่?”

“ในมือท่านถืออะไรอยู่? สัญญาโอนทรัพย์สิน”

หลังจากดูเนื้อหาของสัญญาแล้ว ฉินวี่เฟยเบิกตากว้างจ้องมองไปที่หลิงหลง และถามว่า “ในเมื่อเธอต้องการเงิน ทำไมยังต้องทำร้ายถึงชีวิต”

“ฉันไม่ได้ต้องการทำร้ายชีวิตคุณปู่ของเธอ เพียงแต่ว่า คุณปู่ของเธอปฏิเสธที่จะร่วมมือกับฉัน”

“คุณปู่ของเธอเป็นคนใช้ที่เฝ้าสมบัติ จะตายแล้ว ยังจะเอาเงินไว้ทำไม? เหตุผลที่ง่ายๆขนาดนี้ เด็กๆข้างถนนยังเข้าใจ แต่คุณปู่ของเธออายุมากขนาดนี้ ยังไม่เข้าใจ ช่างตลกสิ้นดี” หลิงหลงยิ้มอย่างเย็นชา และส่ายหัว

จากนั้น หลิงหลงก็ชักมีดออกมาอีกครั้ง และแทงเขาที่ท้องของนายท่านฉินอีกครั้ง

นี่เป็นการแทงครั้งที่สามแล้ว แม้ว่าปกตินายท่านฉินจะออกกำลังกายขนาดไหน แต่อายุมากขนาดนี้แล้ว จะสามารถทนต่อการทรมานอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน?

หลิงหลงก็พูดว่า “นายท่านฉิน ร่างกายของคุณ อย่างมากก็ทนการแทงได้ห้าครั้งเท่านั้น”

“เมื่อแทงถึงครั้งที่ห้า แม้ว่าที่นี่จะเป็นโรงพยาบาล คุณก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้” หลิงหลงพูดอย่างไม่แยแส

นายท่านฉินรู้สึกจะทนไม่ไหวแล้ว เขาได้พูดเสียงเบา และทนไม่ไหว

จากนั้น นายท่านฉินกัดฟันพูดว่า “พวกเธอฆ่าฉันเถอะ ฉันจะไม่ยอมประนีประนอมกับพวกเธอแน่นอน”

“ตระกูลฉินเป็นสิ่งที่ฉันทุ่มเทอย่างหนักมาทั้งชีวิต ทำไมฉันต้องยกให้พวกเธอ… … ให้พวกเธอไป40% ยังไม่เพียงพออีกเหรอ?” นายท่านฉินพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“นายท่านฉิน คุณนี่หัวแข็งและดื้อรั้นจริงๆ”

หลิงหลงหัวเราะเยาะ ดึงมีดออกมา และใช้มีดแทงครั้งที่สี่เข้าไป

ความเร็วของหลิงหลงนั้นเร็วมาก แค่กระพริบตาก็เกือบจะเสร็จสมบูรณ์ ฉินวี่เฟยที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่มีแม้แต่เวลาจะขวาง

ฉินวี่เฟยกลัวจนแทบหายใจไม่ออก “อย่า อย่าทำร้ายคุณปู่ของฉัน เธอต้องการอะไรกันแน่?”

“ฉันต้องการทรัพย์สิน95%ของตระกูลฉิน เป็นทรัพย์สินทั้งหมด รวมถึงหุ้นของบริษัท บ้าน รถยนต์ และเงินฝากในธนาคาร” หลิงหลงมองไปที่ฉินวี่เฟย และพูดอย่างเย็นชา

เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของฉินวี่เฟยก็ตกใจ

ความโลภนี้ มากเกินไปหรือเปล่า ไม่น่าแปลกใจที่คุณปู่ไม่ยินยอม

“นายท่านฉิน คุณคิดว่าถ้าคุณตายแล้ว พวกเราจะยอมปล่อยตระกูลฉินไปหรือ? ฉันเคยพูด ทุกสิ่งที่เป็นของพวกเรา พวกเราจะเอามาให้หมด แม้ว่าจะต้องปล้น แม้ว่าจะต้องเปื้อนด้วยเลือดก็ตาม” หลิงหลงเม้มริมฝีปาก พูดเย้ยหยัน

“พอได้แล้ว”

ในตอนนี้ หลี่ฝางเดินเข้ามา เขามองไปที่หลิงหลง ด้วยสายตาเย็นชา “เธอเป็นคนของพ่อของฉันใช่ไหม?”

หลี่ฝางเคยเห็นหลิงหลงในบาร์

“ใช่ค่ะ คุณชาย”

“ในเมื่อเธอเป็นคนของฉัน ดังนั้นฉันจะสั่งเธอ ให้ปล่อยนายท่านฉิน” หลี่ฝางพูดอย่างเย็นชา

“คุณชาย นี่… …”

เมื่อมองหลี่ฝาง ใบหน้าของหลิงหลง เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “คุณชาย คิดว่าฉันคงไม่อาจทำตามคำสั่งของคุณได้”

“คุณรู้ไหม คุณชาย นายท่านฉินเคยทรยศต่อพ่อของคุณ ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ลูกพี่คงจะไม่ต้องทิ้งคุณไปด้วยไม่ได้ร่ำลา และปล่อยให้คุณต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลาสามปี” หลิงหลงพูด

หลี่ฝางพยักหน้า “นั่นมันผ่านไปแล้ว”

“ตอนนี้ ได้โปรดปล่อยนายท่านฉินไป” หลี่ฝางพูดอีกครั้ง

หลี่ฝางไม่อยากเห็นท่าทางกังวลใจของฉินวี่เฟย หลี่ฝางเดินไปตรงหน้าหลิงหลง และพูดเสียงเคร่งขรึม “ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อสามปีก่อน แต่ฉันไม่อยากเห็นฉินวี่เฟยเศร้าเสียใจ ร้องไห้ต่อหน้าฉัน เธอเข้าใจความหมายของฉันไหม?”

ความหมายของหลี่ฝางก็คือ รอฉินวี่เฟยไปแล้ว หลิงหลงสามารถทรมานนายท่านฉินด้วยวิธีใดก็ได้ เพื่อแก้แค้นเขา

“คุณชาย ฉันเข้าใจแล้ว”

หลิงหลงหัวเราะ และปล่อยนายท่านฉิน “นายท่านฉิน รีบไปโรงพยาบาล ถ้าคนขับรถของคุณขับรถเร็ว คุณอาจจะมีโอกาสรอดชีวิต”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท