NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 427

ตอนที่ 427

บทที่ 427 ยังไม่มีใครกล้าเอาปืนจ่อปืนที่หัวฉัน

จะเป็นเมียตัวเองได้ยังไง?

มู่หรงฉางเฟิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในเมื่อฉินหยีหรันได้แต่งงานกับตระกูลมู่หรงแล้ว แต่งงานกับใครก็ต้องเป็นสมาชิกของตระกูลนั้น ฉินหยีหรันตอนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลมู่หรงแล้ว

นายท่านฉินได้มอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้คนนอกจริงหรือ?

มู่หรงฉางเฟิงยิ้ม คิดในใจ นายท่านฉินกลัวการแก้แค้นของหลอซ่าหรือไม่? ถึงกลับมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้กับภรรยาของตัวเอง?

นี่ไม่ได้หมายถึงมอบตระกูลฉินให้กับตระกูลมู่หรงหรือ?

มู่หรงฉางเฟิงหัวเราะในใจ หากตระกูลฉินกลายเป็นสมบัติของตระกูลมู่หรง แล้วสี่ตระกูลใหญ่ ตระกูลมู่หรงก็จะเป็นหัวหน้าแล้ว

คิดถึงตรงนี้ มุมปากมู่หรง ก็แสดงรอยยิ้มอย่างมีความสุข

“ขอโทษนะ คุณชายมู่หรง พูดผิด พูดผิด ผมควรจะบอกว่าเป็นคุณหนูรอง”

เหล่าอู๋พึ่งรู้ว่าตัวเองพูดผิด และรีบแก้ไขทันที “นายท่านฉินมอบตำแหน่งเจ้าบ้าน ให้คุณหนูรอง ฉินวี่เฟย”

“อะไรนะ?”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ก็นิ่งอึ้งทันที

เมื่อมู่หรงฉางเฟิงได้ยินว่านายท่านฉินจะมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้กับภรรยาของเขาเขา เขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย

แต่เมื่อเขาได้ยินว่านายท่านฉินจะมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้กับฉินวี่เฟย ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ก็มีสีหน้าตกตะลึง

มู่หรงฉางเฟิงมองเหล่าอู๋ด้วยความเหลือเชื่อ “นายจำผิดหรือเปล่า นายท่านฉินมอบตำแหน่งเจ้าบ้านให้นางหนูอย่างฉินวี่เฟย?”

“ใช่แล้ว ถูกต้อง ตอนนี้ตำแหน่งเจ้าบ้านแห่งตระกูลฉิน เป็นคุณหนูรองของตระกูลฉิน ฉินวี่เฟย”

เหล่าอู๋พยักหน้า และพูดว่า “ถ้าคุณไม่เชื่อ ตรงนี้มีเทปบันทึกเสียงอีกชุดหนึ่ง”

เหล่าอู๋ยื่นโทรศัพท์มือถือให้กับมู่หรงฉางเฟิง มู่หรงฉางเฟิงฟังไปไม่กี่คำ สีหน้าก็ซีดเซียวขึ้นมาทันที

ตำแหน่งเจ้าบ้านแห่งตระกูลฉิน มอบให้นางเด็กอมมือคนหนึ่ง

นายท่านฉินคนนี้ เลอะเลือนไปแล้วหรือ?

ควรมอบให้ฉินเพ่ย พ่อของฉินวี่เฟยไม่ใช่เหรอ?

แม้ว่าจะไม่ได้มอบให้กับฉินเพ่ย แต่ก็ควรมอบให้กับฉินซ่างเสียนลูกชายคนที่สอง หรือลูกชายคนที่สามฉินชิงจือ?

ลูกชายได้รับมรดกจากพ่อ นี่เป็นประเพณีดั้งเดิม

ไม่ว่าพ่อคนไหนที่กำลังจะตาย เขาก็จะมอบมรดกของตัวเอง ให้กับลูกชายของตัวเองไม่ใช่เหรอ?

แม้ว่าจะไม่ได้ให้ลูกชาย แต่ก็สามารถมอบให้กับหลานชายของตัวเอง

ฉินจื่อยี่ เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดไม่ใช่หรือ?

นอกจากนี้ยังมีฉินเสี่ยวหู่ เขายังเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการ

ในแง่ของความสามารถฉินเสี่ยหู่ไม่แพ้ฉินจื่อยี่เลย เพียงแต่บนร่างกายของฉินเสี่ยวหู่ ทั้งตัวเหมือนมีวิญญาณชั่วร้าย

ทำไมถึงมอบให้ฉินวี่เฟย

แม้ว่าจะคิดจนสมองจะแตก มู่หรงฉางเฟิงก็ไม่สามารถเข้าใจได้

“เป็นเธอได้ยังไง? นักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบ เธอจะนั่งตำแหน่งเจ้าบ้านได้ดีหรือ?”มู่หรงฉางเฟิงขมวดคิ้วอย่างเย็นชา และสงสัย

“ใช่ครับ คุณชายมู่หรงตอนที่ทุกคนได้ยินเทปบันทึกเสียงนี้ ปฏิกิริยาของพวกเขาก็คล้ายคุณ”

“ไม่มีใครเชื่อ ตำแหน่งเจ้าบ้าน มอบให้กับคุณหนูรองจริงๆ แต่นี่เป็นความจริง ทนายความส่วนตัวของนายท่านฉิน ก็มีบันทึกไว้ และมีผลบังคับใช้แล้ว”

“ตระกูลฉินวันนี้ มีคุณหนูรองเป็นผู้ควบคุมดูแล”

“ถ้าใครไม่เชื่อฟังการวางแผนการของคุณหนูรอง แสดงว่าเขากำลังต่อต้านนายท่านฉิน” เหล่าอู๋พูด

มู่หรงฉางเฟิงมองอย่างเย็นชาและถามว่า “ฉินวี่เฟยอยู่ในโรงพยาบาลเหรอ?”

“คุณชายมู่หรงรู้ได้อย่างไร?” เหล่าอู่มองมู่หรงฉางเฟิงด้วยความประหลาดใจ

“เป็นเช่นนี้นั่นเอง”

หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงได้รับการยืนยันแล้ว เขาก็ออกจากวิลล่าตระกูลฉินทันที ไม่สนใจภรรยาของเขา ตระกูลฉินมีสามครอบครัว แต่ละครอบครัว ไม่ค่อยปรองดองกัน

ไม่ต้องพูดถึงว่า ฉินจื่อยี่จะประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ แม้ว่าเขาจะเสียชีวิต ก็คงไม่ได้รับความสนใจจากอีกสองครอบครัวมากนัก

ทันใดนั้น ทุกคนก็วิ่งไปที่โรงพยาบาล แม้แต่ศพของนายท่านฉินก็ไม่มีใครสนใจ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ทางด้านโรงพยาบาลมีความสำคัญมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

นายท่านฉินเพิ่งเสียชีวิต ร่างกายยังอุ่น

ฉินจื่อยี่เกิดประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์

สำหรับฉินเพ่ยและภรรยาของเขา บางทีการไปที่โรงพยาบาลมีความสำคัญมากกว่า

แต่สำหรับฉินซ่างเสียนและฉินชิงจือ การอยู่กับพ่อของเขานั้นสำคัญกว่าแน่นอน

นี่เป็นเหตุผลที่มู่หรงฉางเฟิงคาดเดา ฉินวี่เฟยต้องอยู่ในโรงพยาบาล

ทุกคนวิ่งไปที่โรงพยาบาล ในความเป็นจริงเพื่อตามหาฉินวี่เฟย

ฉินวี่เฟยในตอนนี้ เป็นเจ้าบ้านตระกูลฉิน

แต่ว่า ไม่มีใครที่เต็มใจ?

นับประสาอะไรกับอาสองคนของฉินวี่เฟย แม้แต่มู่หรงฉางเฟิง ก็ไม่เต็มใจสักนิด

มู่หรงฉางเฟิงกะจะขับรถไปที่โรงพยาบาล แต่เมื่อขับไปได้ครึ่งทาง ทันใดนั้นเขาก็เลี้ยวรถ

ครึ่งชั่วโมงต่อมา มู่หรงฉางเฟิงปรากฏตัวที่หน้าสโมสร

เขาหยุดรถ และเดินเข้าไปในสโมสร

ทันทีที่ขึ้นไปชั้นบน มู่หรงฉางเฟิงก็ถูกขวางไว้ มู่หรงฉางเฟิงมีทักษะกังฟู ฝีมือก็ไม่เลว ในเวลาอันรวดเร็วสามารถจัดการกับทุกคนที่ขวางเขาไว้ แล้วเดินขึ้นไปชั้นบนสุด

มู่หรงฉางเฟิงผลักประตูของฉินเสี่ยวหู่ออก ชั่วขณะ ฉินเสี่ยวหู่ก็ตกใจมาก เขารีบหยิบปืนขึ้นมาทันที และเล็งไปที่ประตู “ใคร!”

หลังจากที่ได้เห็นมู่หรงฉางเฟิงแล้ว ฉินเสี่ยวหู่ก็พูดอย่างเย็นชา “เป็นนายนั่นเอง?”

“ฉันมีธุระต้องคุยกับนาย” มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่ และพูดเสียงเบา

ฉินเสี่ยวหู่ ในขณะนี้ กำลังนั่งอยู่บนโซฟา มีผู้หญิงคนหนึ่ง นั่งอยู่ตรงหน้าเขา ใบหน้าคว่ำอยู่ตรงเป้ากางเกงเขา

“โอเคเธอออกไปก่อน”

ฉินเสี่ยวหู่ตบทีหนึ่ง และตบหัวผู้หญิงที่กำลังให้บริการเขา

“มันไร้ประโยชน์จริงๆ ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉันยังไม่รู้สึกอะไรเลย”

ฉินเสี่ยวหู่พูดอย่างเย็นชา “(ไปซื้อทาร์ตไข่)มาฝึกฝนดีๆ และถ้ายังฝึกฝนไม่ได้ดี ฉันจะสับลิ้นของเธอ”

หญิงสาวตกใจจนตัวสั่น และรีบถอยออกไป

มู่หรงฉางเฟิงรีบเดินเข้าไปหาฉินเสี่ยวหู่ และค่อยๆนั่งตรงหน้าฉินเสี่ยวหู่ รู้สึกรังเกียจเล็กน้อย “ยังไม่รีบใส่กางเกงของนาย?”

“เฮ้อ คุณชายมู่หรงไม่เคยเห็นเหรอ?”

มู่หรงฉางเฟิงขมวดคิ้ว ดวงตาเต็มไปด้วยแรงอาฆาต

ฉินเสี่ยวหู่ ดึงกางเกงของเขา และมองมู่หรงฉางเฟิง

ทันใดนั้น ก็ฉินเสี่ยวหู่นึกถึงบางสิ่งบางอย่างขึ้นมาได้ มือของเขา ได้คว้าปืนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจ่อไปที่มู่หรงฉางเฟิง “แม่ง นายเข้ามาได้อย่างไร?”

“คนของฉัน ไม่รู้จักนายเลย แม้ว่านายจะรายงานตัวตน พวกเขาก็จะเข้ามารายงานฉันล่วงหน้า แต่ทำไม……”

ใบหน้าของฉินเสี่ยวหู่ รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย

เมื่อกี้ ฉินเสี่ยวหู่ได้(เล่นผง)เข้าไปหน่อย ฉะนั้นเขาจึงบอกลูกน้องไว้ แม้ว่าจะเป็นคนมีอำนาจที่ไหนมา ก็ไม่อนุญาตให้ขึ้นไปชั้นบน

ดังนั้น แม้ว่าพ่อของเขาฉินซ่างเสียนจะมา ลูกน้องของเขา ก็จะต้องขวางไว้

อย่าว่าแต่มู่หรงฉางเฟิงเลย

ตระกูลที่ปลีกตัวจากสังคม ไม่มีใครรู้จักเขา จะปล่อยให้เขาขึ้นมาได้อย่างไร?

“ลูกน้องของฉันเป็นอะไรไป?” มือหนึ่งใช้ปืนจ่อหัวมู่หรงฉางเฟิง อีกมือหนึ่งของฉินเสี่ยวหู่ หยิบโทรศัพท์มือถือของเขา และโทรหาลูกน้องของตัวเอง

แต่ว่าสายที่โทรออกไป โทรไม่ติดสักคน

ทันใดนั้น สีหน้าของฉินเสี่ยวหู่ ก็ยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?

“นายกำลังโทรหาลูกน้องเหล่านั้นเหรอ? ฉินเสี่ยวหู่”

มู่หรงฉินเฟิงยิ้ม และถามอย่างเหยียดหยาม “พวกไร้ประโยชน์เหล่านั้น โดนฉันทุบจนหมดสติไปนานแล้ว ช่วงเวลานี้ พวกเขาคงจะไม่ฟื้นง่ายๆ”

“มู่หรงฉางเฟิง นายไม่ต้องมาขี้โม้กับฉัน ลูกน้องของฉันล้วนเป็นยอดฝีมือ ทำไม นายพากองกำลังมาด้วยเหรอ ถึงขนาดทุบคนของฉันทุกคนจนหมดสติไป!”

ฉินเสี่ยวหู่ไม่อยากจะเชื่อ แต่ต่อมา ฉินเสี่ยวหู่ก็เชื่ออีกครั้ง

“ใช่สิ นายเป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลใหญ่ที่ปลีกตัวจากสังคม แม้แต่ปู่ของฉัน ก็ยังหวาดกลัวนาย ดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของนาย จะน่ากลัวพอสมควร คนของนายสามารถจัดการกับคนของฉันอย่างง่ายดาย ร้ายกาจจริงๆ”

“ใช่สิ นายพาคนมากี่คน ห้าสิบคน หรือหนึ่งร้อยคน?”

“มู่หรงฉางเฟิง แม่งเอ้ยนายหมายความว่าไง พาคนมาในเขตของฉัน ต้องการทำลายล้างฉันหรือ?”

ฉินเสี่ยวหู่ขมวดคิ้ว และมองไปที่มู่หรงฉางเฟิงงอย่างเย็นชา “ฉันไม่เคยทำให้นายขุ่นเคืองใช่ไหม?”

“นายไม่ได้ทำให้ฉันขุ่นเคือง”

มู่หรงฉางเฟิงส่ายหัว แล้วยิ้มเล็กน้อย “ดูเหมือนว่าซิปกางเกงของนาย ยังไม่ได้รูดขึ้น”

“จริงเหรอ?” ฉินเสี่ยวหู่ก้มหัวลงทันที และมองดู

จากนั้น ฉินเสี่ยวหู่รู้สึกว่ามือของเขา ถูกใครบางคนมาสัมผัส

เมื่อฉินเสี่ยวหู่ เงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ปืนในมือของเขา ไปอยู่ในมือของมู่หรงฉางเฟิง

มู่หรงฉางเฟิงเล็งปืนไปที่หัวของฉินเสี่ยวหู่ และยิ้มเล็กน้อย “ฉินเสี่ยวหู่ นายช่างใจกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ กล้าจ่อปืนมาที่ฉัน”

ทันใดนั้นใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิงก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่งอย่างยิ่ง “ทั่วเมืองเอก ไม่มีใครกล้าจ่อปืนใส่หัวฉัน

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน