NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 430

ตอนที่ 430

บทที่ 430 การแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉิน

เธอยังมาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หวางหงเหมยก็โมโหจนใจสั่น นายท่านฉินได้มอบให้ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉินให้ฉินวี่เฟย เธอบอกว่าไม่รู้เรื่องจริงๆ เป็นไปได้หรือ?

“เธอยังมาแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง!”

ฉินวี่เฟยมองหวางหงเหมยด้วยความโกรธ “ฉันยังไม่จบการศึกษาจากวิทยาลัยด้วยซ้ำ จะเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉินได้ยังไง อาสะใภ้สาม เรื่องสำคัญขนาดนี้ พวกคุณอย่าล้อเล่นกันได้ไหม?”

“เจ้าบ้านตระกูลฉิน ผู้สืบทอดควรจะเป็นพ่อของฉัน”

ฉินชิงจือก้าวไปข้างหน้า และมองฉินวี่เฟย เขามองออกว่า ฉินวี่เฟยดูเหมือนจะไม่ได้เสแสร้ง เธออาจไม่รู้จริงๆ

“วี่เฟย ก่อนที่นายท่านฉินกำลังจะตาย ได้มอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินให้เธอ เรื่องนี้พวกเราทุกคนคิดว่ามันแปลกๆดังนั้นจึงมาหาเธอเพื่อถามให้ชัดเจน ทำไมนายท่านฉินถึงต้องมอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินให้เธอ?” ฉินชิงจือมองฉินวี่เฟยอย่างสงสัย

ฉินวี่เฟยไม่ใช่คนโง่ เธอค่อยๆจับใจความได้ นายท่านฉินได้มอบตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฉินให้ตัวเองดูแล

และกลุ่มคนรอบข้างเหล่านี้ กำลังตั้งคำถามกับเธอ โดยคิดว่าเธอไม่มีความสามารถในการดูแลตระกูลฉินทั้งหมด

“ในเมื่คุณปู่ได้มอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินให้ฉัน คุณปู่ก็ต้องมีเหตุผลของท่าน”

ขณะที่ฉินวี่เฟยพูด ทันใดนั้นใบหน้าของเธอก็เย็นชา “ตอนนี้ ฉันคงจะเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉินแล้วใช่ไหม?”

ฉินชิงจือและคนอื่นๆ พยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ

“ศพของคุณปู่ยังอุ่นอยู่ พวกคุณพากันมาที่โรงพยาบาลทำไม? เพื่อดูอาการบาดเจ็บของพี่ชายฉัน หรือมาซักถามฉัน?”

ฉินวี่เฟยพูดด้วยใบหน้าที่เย็นชา “ตอนนี้ฉันขอสั่งให้ทุกคน กลับไปที่บ้านตระกูลฉิน เพื่อไปเฝ้าห้องโถงเซ่นไหว้!”

“เธอนี่นางเด็กอมมือ ถือว่าตัวเองเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉินแล้วเหรอ ฉันขอบอกเธอ พวกเราทุกคนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของเธอ เธอพูดกับพวกเรา ต้องสุภาพหน่อย” ภรรยาของฉินชิงจือเป็นอาสะใภ้สามของฉินวี่เฟยชื่อหวางหยินเฟิ่งก็พูดขึ้นมา

แม้ว่าฉินชิงจือจะอ่อนแอและไร้ความสามารถ แต่หวางหยินเฟิ่งไม่ใช่คนที่จะล่วงเกินได้ง่ายๆ

หวางหงเหมยก็พูดเสริม “ให้พวกเราไปเฝ้าห้องโถงเซ่นไหว้ แล้วเธอล่ะ? นางเด็กอมมือ อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้ นายท่านฉินถูกแฟนของเธอบีบบังคับให้ตาย”

ฉินวี่เฟยจ้องไปที่หวางหงเหมย “คุณอย่าพูดไร้สาระ”

“พูดไร้สาระเหรอ? ฮ่าฮ่า ก่อนตาย นายท่านฉินถูกแทงที่ท้อง4 ครั้ง นายท่านฉินไม่ได้จมน้ำตาย แต่ถูกใครบางคนฆ่าตาย ……ก่อนที่เขาจะตาย เขาจะต้องถูกคุกคามจากคนบางคน”

“ก่อนที่นายท่านฉินจะเสียชีวิต เขาเคยติดต่อกับคนไม่กี่คน คนหนึ่งคือเธอ อีกคน เป็นแฟนของเธอ และพ่อของเขา”

“เธอกล้าพูดหรือไม่ว่าเธอไม่ได้ร่วมมือกับแฟนของเธอ บีบบังคับให้นายท่านฉินต้องตาย เพื่อต้องการแย่งชิงตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉิน?”

ฉินวี่เฟยถามกลับด้วยใบหน้าเย็นชา “ใครเป็นคนบอกพวกคุณ?”

“เรื่องนี้เธอไม่ต้องสนใจ ยังไง พวกเรามีแหล่งข่าวที่มาของพวกเรา”

จากกระเป๋าหวางหงเหมย หยิบรูปถ่ายจำนวนหนึ่งออกมา “นี่คือหลักฐาน”

“ตอนที่นายท่านฉินออกมาจากร้านกาแฟ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส”

ฉินวี่เฟยพลิกดูรูปถ่ายสองสามรูป ใบหน้าของเธอประหลาดใจเล็กน้อย มีคนแอบถ่าย?

นี่ไม่ใช่การแอบถ่ายโดยผู้คนที่สัญจรไปมาอย่างแน่นอน!

ตั้งแต่ตอนที่หลี่ต๋าคางและลุงเฉียนเข้าไปในร้านกาแฟ จนถึงตอนที่นายท่านฉินได้รับบาดเจ็บและจากไป ถูกถ่ายภาพอย่างชัดเจน

“ฉินวี่เฟย ให้คำอธิบายกับพวกเราด้วย”

ทันทีที่หวางหงเหมยพูดจบ ฉินเสี่ยวหู่ก็มาถึง และเขาก็พาทนายความส่วนตัวของนายท่านฉินมาด้วย

หูของฉินเสี่ยวหู่ ถูกพันด้วยผ้ากอซ เมื่อเห็นฉากนี้ หวางหงเหมยก็ถามอย่างกังวลใจทันที “เสี่ยวหู่ หูของเธอเป็นอะไร?”

“หูของฉันไม่เป็นไร ฉันถูกกัด” ฉินเสี่ยวหู่ไม่กล้าที่จะบอกความจริง เขาจึงโกหก

ฉินเสี่ยวหู่เดินเข้ามา และมองไปที่ฉินวี่เฟยอย่างเหยียดหยาม “พี่ เยี่ยมมาก ได้ยินมาว่ากลายเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉินแล้ว”

ฉินวี่เฟยขมวดคิ้ว เธอไม่ชอบหน้าฉินเสี่ยวหู่

ฉินเสี่ยหู่คนนี้นอกจากเป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก ยังเป็นคนที่โรคจิต

“หึหึ ทำไมคุณปู่ถึงมอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินให้เธอ? ตรงจุดนี้ ต้องมีลับลมคมในแน่นอน”

“ฉันได้ยินมาว่า คุณปู่ถูกแฟนของเธอบีบบังคับจนตาย”

“ฉินวี่เฟย ไม่ใช่ว่าเธอยุยงให้แฟน ฆ่าคุณปู่ แล้วบังคับให้คุณปู่ มอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉินให้เธอเหรอ?”

ขณะที่พูด ใบหน้าของฉินเสี่ยวหู่เย็นชา

“ฉินเสี่ยหู่ นายอย่าใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น” ฉินวี่เฟยพูดอย่างเย็นชา “นายต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่พูดออกไป”

“หึหึ รับผิดชอบเหรอ? พี่ เธอต้องการให้ฉันรับผิดชอบเธอเหรอ? ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอ ทำไมฉันต้องรับผิดชอบเธอด้วย”

ฉินเสี่ยวหู่ยิ้มอย่างน่าเกลียด

ขณะนี้ ฉินเพ่ยเดินออกจากห้องคนป่วย เห็นลูกสาวของตัวเองถูกรังแก เขาเดินไปดู มองฉินเสี่ยวหู่ “เสี่ยวหู่ ให้เกียรติกันหน่อย แม้ว่าวี่เฟยจะไม่ใช่เจ้าบ้านตระกูลฉิน แต่เธอก็เป็นพี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง)ของเธอ”

“ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลฉิน เธอคู่ควรเหรอ!”

ฉินเสี่ยวหู่พูดอย่างเย็นชา “ฉันนี่แหละเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉินที่แท้จริง”

“วี่เฟยเป็นเจ้าบ้านตระกูล นายท่านฉินเป็นคนพูดเอง เธอต้องการฝ่าฝืนเหรอ?” ฉินเพ่ยมองฉินเสี่ยวหู่อย่างดูถูกเหยียดหยาม “แม้ว่าวี่เฟยจะไม่คู่ควร คนนักเลงอย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์”

“คุณลุง คุณพูดถูก คุณปู่ได้มอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลให้พี่สาว(ลูกพี่ลูกน้อง) แต่ว่า ตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลสามารถยกเลิกได้”

ฉินเสี่ยวหู่เลิกคิ้ว “คุณปู่เสียชีวิตไปแล้ว ตำแหน่งประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ควรจะมีใครมารับตำแหน่ง”

“ก่อนที่นายท่านฉินจะเสียชีวิต ฉันดำรงตำแหน่งประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ปชั่วคราว หลังจากวี่เฟยจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย ฉันจะมอบตำแหน่งประธานให้กับเธอ” ฉินเพ่ยพูด

“โอเค จะไม่ให้พวกเธอพูดเรื่องไร้สาระแล้ว ทนายหลิว ฉันถามคุณ คำสั่งเสียของนายท่านฉิน ได้พูดไหมว่าจะยกมรดกให้กับใคร?” ฉินเสี่ยวหู่ถาม

“ไม่ได้พูด เป็นเพียงแค่มอบตำแหน่งเจ้าบ้านตระกูลให้คุณหนูรอง แต่ไม่ได้ระบุว่ามรดกจะยกให้ใคร” ทนายความหลิวพูด

“หึหึ นี่ก็เพียงพอแล้วนี่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ มรดกของคุณปู่ ทุกคนก็มีส่วนแบ่ง คุณปู่มีหุ้นของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป 40% แบ่งเป็น 3 หุ้นๆ หุ้นละ13%”

“กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ครอบครัวของฉันและครอบครัวของคุณอาสาม จะได้รับทั้งหมด26% บวกกับอีก16%ที่ถือโดยครอบครัวของพวกเราสองคน ซึ่งก็คือ42% แน่นอน42%นี้ไม่สามารถบรรลุสิทธิ์ในการควบคุมอำนาจหุ้น”

“แต่ว่า เมื่อกี้คุณชายมู่หรงเพิ่งพูด เขายินดีที่จะสนับสนุนฉัน และสนับสนุนให้ฉันเป็นประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป”

ในขณะที่พูด ฉินเสี่ยหู่ก็หันหัวกลับมา และจ้องไปที่ฉินชิงจือ “อาสาม คุณก็สนับสนุนฉันด้วย ใช่ไหม?”

“ในเมื่อมู่หรงฉางเฟิงก็สนับสนุนเธอ ฉันก็จะสนับสนุนเธอเช่นกัน”

ฉินเสี่ยวหู่เหล่ตาและยิ้ม “ดูเหมือนว่า ประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ควรจะเป็นของฉัน”

“นอกจากนี้ ในฐานะที่ฉันเป็นประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ทุกอย่างในตระกูลฉิน อยู่ในความดูแลของฉัน” ฉินเสี่ยวหู่พูดอย่างเย็นชา

ฉินเสี่ยวหู่ควบคุมอำนาจทางการเงินทั้งหมด ตระกูลฉินเล็กๆนี้ ใครจะกล้าฝ่าฝืนฉินเสี่ยวหู่

เพียงแต่ว่า ฉินเพ่ยไม่อยากจะเชื่อ “เธอบอกว่าตระกูลมู่หรงสนับสนุนเธอ เธอกำลังฝันอยู่หรือเปล่า? เขาเป็นลูกเขยของฉันแล้วจะสนับสนุนเธอได้อย่างไร”

“หึหึ รู้แล้วว่าคุณต้องไม่เชื่อ”

ฉินเสี่ยวหู่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และโทรออกไปยังหมายเลขของมู่หรงฉางเฟิง “คุณชายมู่หรง ลุงของฉันต้องการยืนยันกับนาย”

มู่หรงฉางเฟิงยืนอยู่ไม่ไกล มองดูทั้งหมดอย่างใจเย็น “เอาล่ะ เอาโทรศัพท์ให้เขา”

“ฉางเฟิง เสี่ยวหู่โกหกฉันหรือเปล่า เขาบอกว่าเธอสนับสนุนเขาให้เขาเป็นประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป……”

ก่อนที่ฉินเพ่ยจะพูดจบ มู่หรงฉางเฟิงก็ขัดจังหวะเขา และพูดว่า “พ่อตา ฉันขอโทษจริงๆ ฉันคิดว่าเสี่ยวหู่เหมาะสมที่จะเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉินมากกว่า”

“นอกจากนี้ เสี่ยวหู่ยังเป็นคนที่มีความสามารถมาก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาทำเงินให้กับตระกูลฉินได้มากมาย และยังมีธุรกิจเป็นของตัวเอง……”

“เสี่ยวหู่มีธุรกิจอะไร? เขาเป็นแค่……”

“หึหึ พ่อตา ไม่สำคัญว่าจะเป็นใคร ขอให้มีความสามารถก็พอ ฉันสนับสนุนเสี่ยวหู่ให้เป็นประธานบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ฉันเชื่อว่าภายใต้การบริหารของเขา บริษัทตระกูลฉินซื่อกรุ๊ป จะไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน”

หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงพูดจบ ก็วางสายโทรศัพท์

ในความเป็นจริง มู่หรงฉางเฟิงกำลังมองหาหุ่นเชิด และฉินเสี่ยวหู่ เหมาะสมที่สุดแล้ว

สำหรับฉินจื่อยี่กับฉินเพ่ยสองคนนี้ เป็นคนเที่ยงธรรมเกินไป ให้พวกเขาทำงานให้ตระกูลมู่หรง มันยากเกินไป

หลังจากวางสายแล้วฉินเพ่ย ก็ตะลึง

เขาไม่คาดคิดว่า ลูกเขยของเขา ในช่วงวิกฤต จะเอนเอียงไปช่วยคนนอก

ฉินเสี่ยวหู่หัวเราะเบาๆ และหยิบโทรศัพท์มือถือของเขากลับมา “คุณลุง ได้ยินแล้วใช่ไหม? ตอนนี้คุณชายมู่หรงได้สนับสนุนฉัน รวมทั้งพ่อของฉันและอาสามของฉัน รอถึงพรุ่งนี้ฉันจะเรียกประชุมคณะกรรมการใหญ่ เพื่อเข้ารับตำแหน่ง”

“ถึงเวลานั้น ฉันจะเป็นเจ้าบ้านตระกูลฉิน”

“สำหรับคุณ คุณลุง คุณก็อายุมากแล้ว ควรพักผ่อนได้แล้ว ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา คุณทำงานเพื่อตระกูลฉินมามาก ตระกูลฉินจะไม่ทำให้คุณเสียเปรียบ ฉันคิดว่าเรื่องหัวหน้าหน่วยรปภ. ก็ไม่เลว ไม่มีธุระก็ดื่มชา และไม่ต้องกังวลอะไร ดูผมที่ด้านบนศีรษะของคุณ มันเกือบจะร่วงหมดแล้ว”

ฉินเสี่ยวหู่มองไปที่ฉินเพ่ยและยิ้มอย่างมีเลศนัย “โอเค ตามนั้นนะ หัวหน้าหน่วยรปภ.ก็คือคุณ คุณลุง”

“หัวหน้าหน่วยรปภ.?” ฉินเพ่ย สั่นไปทั้งตัว

เขาเป็นถึงผู้จัดการใหญ่ของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป โดยปกติแล้ว กิจการเกือบทั้งหมดของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป เขาจะเป็นคนดูแล

นายท่านฉิน เป็นเพียงประธานการบริหารในนามเท่านั้น คนที่ทำงานอย่างแท้จริง คือฉินเพ่ย

ไม่คาดคิด พอนายท่านฉินเสียชีวิตฉินเพ่ย จะถูกลดตำแหน่งไปเป็นหัวหน้าหน่วยรปภ.

ฉินเพ่ยโมโหจนสั่นไปทั้งตัว

ฉินซ่างเสียนยิ้มอย่างมีชัยชนะ และมองไปที่ลูกชายของเขาฉินเสี่ยวหู่ ดีใจมาก “ฮ่าฮ่า ฉินเพ่ย ฉินเพ่ยคุณกดขี่ฉันมาทั้งชีวิต ในที่สุดตอนนี้……”

ขณะที่ฉินซ่างเสียนกำลังจะพูดเหยียดหยามฉินเพ่ย มีชายวัยกลางคนคนหนึ่งเดินเข้ามา และก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว

“สวัสดี คุณเป็นทนายความหลิวหรือไม่?” ชายวัยกลางคนเดินไปหาทนายความส่วนตัวของนายท่านฉิน

“ใช่”

“ฉันนามสกุลถัน และชื่อถันอีหมิง นี่คือนามบัตรของฉัน พวกเรามีอาชีพเดียวกัน”

“ถันอีหมิง? ทนายถันอีหมิงมีนามที่ว่าไม่เคยแพ้คดีใดๆมาก่อน?” ทนายหลิวกลืนน้ำลาย ไม่คิดว่าคนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้จะปรากฏตัวในเมืองเอก

นี่คือทนายความชั้นนำของประเทศ

มีตำนานที่ว่าเคยทำคดี 72ครั้งแต่ไม่เคยพ่ายแพ้

ถันอีหมิงยิ้ม และพยักหน้า “เป็นผมแหละ นี่คือสัญญาการโอนทรัพย์สิน เชิญตรวจดูให้ชัดเจน ก่อนที่นายท่านฉินจะจากไป เขาได้โอนทรัพย์สินทั้งหมดของเขา ไปให้คุณชายของเราแล้ว”

“คุณชายของคุณ?” ทนายความหลิวถาม

“ใช่ ก็คือหนีเตีย” ถันอีหมิงพูดด้วยรอยยิ้ม

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท