NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 423

ตอนที่ 423

บทที่ 423 ความเย็นชาของฉินวี่เฟย

ฉินวี่เฟยเพิ่งตื่นขึ้นมา สภาพจิตใจของเธอไม่ค่อยดีนัก ใบหน้าซีดเซียว และดูเหมือนจะหวาดกลัวกับฝันร้าย

หลี่ฝางไม่ต้องการบอกความจริงกับฉินวี่เฟยในเวลานี้ ซึ่งมันจะทำให้เธอหวาดกลัวอีกครั้ง จึงพูดโกหก “นายท่านฉินไม่เป็นไร เพียงแต่เสียเลือดมากเกินไป โชคดีที่ส่งตัวไปโรงพยาบาลทันเวลา และโรงพยาบาลก็ได้เติมเลือด ทำแผลให้ ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”

“จริงเหรอ?” เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ฉินวี่เฟยก็ยิ้มที่มุมปาก

หลี่ฝางพยักหน้าอย่างเคร่งเครียด

ปัจจุบัน วิดีโอที่นายท่านฉินกระโดดลงแม่น้ำฆ่าตัวตาย ได้รับการโพสต์บนอินเตอร์เน็ต ขอเพียงฉินวี่เฟยออนไลน์ เธอจะได้รู้ความจริง

หลี่ฝางไม่อยากปิดปัง แต่เขาลำบากใจจะบอกความจริงกับฉินวี่เฟย

“ถ้างั้นก็ดีมาก คุณรู้ไหม เมื่อกี้ที่ฝันร้าย ทำให้ฉันตกใจมาก” พอฉินวี่เฟยตื่นเต้น สองมือโอบไหล่หลี่ฝาง และพูดอย่างตื่นเต้นว่า “เมื่อกี้ฉันฝันว่าปู่ของฉันเสียชีวิตไปแล้ว ฉันก็ตกใจจนตื่น แต่โชคดีที่มันเป็นแค่ความฝัน”

“ความฝันมันตรงข้ามกับความจริง ฮ่าฮ่า” หลี่ฝางยิ้มแหย่ๆ แต่หัวใจของเขากลับอึดอัดใจมากขึ้น

ในขณะนี้ ฉินวี่เฟยยิ่งมีความสุขมาก เและยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่าไหร่ หัวใจของหลี่ฝาง ก็ยิ่งกระวนกระวายใจมากขึ้นเท่านั้น

เพราะฉินวี่เฟยยิ่งมีความสุขมากเท่าไหร่ ในอนาคตเมื่อรู้ความจริง ก็จะยิ่งโศกเศร้ามากยิ่งขึ้น

บางที ฉินวี่เฟยอาจจะโกรธเกลียดหลี่ฝาง โกรธเกลียดที่หลี่ฝางโกหก

ฉินวี่เฟยพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข “แม้ปกติฉันจะเกลียดความเห็นแก่ตัวของคุณปู่ ใช้อำนาจ หยาบกระด้างและไร้เหตุผล ยังไงท่านก็เป็นปู่ของฉัน ตระกูลฉินมีขนาดใหญ่ขนาดนี้ ต้องการให้ท่านมาสนับสนุน ทุกสิ่งที่ท่านทำ ก็เพื่อพัฒนาผลประโยชน์ของตระกูลฉิน แม้ว่าฉันจะตำหนิท่าน แต่ฉันก็เข้าใจท่าน ได้ถ้าไม่ใช่อย่างนั้น ตระกูลฉินก็จะไม่สามารถยืนหยัดจนถึงปัจจุบัน”

“ฉันแทบไม่สามารถจินตนาการได้หากตระกูลฉินไม่มีคุณปู่ จะเป็นอย่างไร”ฉินวี่เฟยถอนหายใจ และพูด

“ใช่สิ อาการบาดเจ็บของคุณปู่คงที่แล้วหรือยัง? อยู่โรงพยาบาลไหน ฉันอยากไปเยี่ยมท่าน ฉินวี่เฟยลุกจากเตียงแล้วนั่ง

“เรื่องนี้ ฉันคิดว่าพวกเราควรกลับไปเรียนก่อน หลังเลิกเรียนแล้ว ฉันจะพาคุณไปพบคุณปู่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง?” หลี่ฝางพูดด้วยรอยยิ้ม

ในเมื่อได้โกหกไปแล้ว หลี่ฝางก็ทำได้เพียงยืดเวลาออกไปได้แค่ไหนแค่นั้น

ฉินวี่เฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นก็ได้”

หลี่ฝางและฉินวี่เฟยเดินลงไปชั้นล่าง ในเวลานี้ ร้านกาแฟเงียบสงบ มีเพียงสองหรือสามคู่ที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ในร้านอย่างเงียบๆ

หลิงหลงนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์คิดเงิน ในมือกำลังเล่นส้อมเหล็กที่ใช้กินอาหารฝรั่ง

บนพื้น ไม่มีคราบเลือดอยู่ที่พื้น

หลี่ต๋าคางและลุงเฉียน ก็จากไปที่นี่แล้ว

“เฮ้อ”

เมื่อเห็นหลิงหลง ฉินวี่เฟยมีความรู้สึกซับซ้อนขึ้นมา

เมื่อกี้ หลิงหลงเกือบจะฆ่านายท่านฉิน แววตาของฉินวี่เฟยที่มองหลิงหลง เต็มไปด้วยความเกลียดชัง

เพียงแต่ว่าฉินวี่เฟยก็เข้าใจเป็นอย่างดี ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่คนที่เธอจะจัดการได้ง่ายๆ

ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะคำสั่งของนายท่านฉินในตอนนั้น ฉินวี่เฟยคงจะโทรแจ้งตำรวจไปแล้ว ให้ตำรวจมาจับกุมหลิงหลงไป

ช่างมันเอะ

ฉินวี่เฟยคิดในใจ ในเมื่อปู่ของเธอยังไม่ตาย ดังนั้นเธอจึงไม่ควรสร้างปัญหา

ฉินวี่เฟยก็ไม่ใช่คนโง่เช่นกัน ตอนนั้นจากการสนทนาระหว่างปู่ของเธอกับหลิงหลง ฉินวี่เฟยก็ฟังเข้าใจ ในอดีตปู่ของเธอต้องทำสิ่งเลวร้ายไว้กับหลิงหลง มิเช่นนั้น หลิงหลงเป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่ง คงจะไม่มีเอามีดแทงคุณปู่ของเธอแน่นอน

ทันทีที่เดินไปถึงประตู หลิงหลงจับแขนของหลี่ฝางไว้

“คุณโกหกผู้หญิงคนนี้เหรอ?” หลิงหลงมองไปที่หลี่ฝางอย่างมั่นใจ

“ใช่ ฉันกลัวว่าชั่วขณะเธอจะยอมรับความจริงไม่ได้ เฮ้อ” หลี่ฝางถอนหายใจ และพูด

“ฮึฮึ ความจริงมักจะโหดร้าย เด็กผู้หญิงคนนี้บรรลุนิติภาวะแล้ว หัวใจของเธอคงไม่อ่อนแอขนาดนี้ คุณปู่ตายไปแล้ว การเป็นหลานสาว เสียใจมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ คุณไม่จำเป็นต้องโกหกเธอ เพราะเรื่องอย่างนี้ คุณปิดไม่ได้นาน” หลิงหลงส่ายหัว

“นอกจากนี้ นายท่านฉินอายุมากแล้ว ความสุขความรุ่งโรจน์และความมั่งคั่งแบบไหนที่เขาไม่เคยได้ลอง ตายแล้วมันก็ไม่น่าเสียดาย” หลิงหลงพูดเสียงเบา และยิ้มอย่างเหยียดหยาม “เป็นพวกเรานั่นแหละ สามปีมานี้ ไม่รู้ว่าทนทุกข์ทรมานมามากแค่ไหน”

“แม้ว่าเมื่อสามปีที่แล้วฉันจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฉันคิดว่า ในเมื่อพวกคุณคิดว่าทำถูกแล้ว ก็ไปทำ” หลี่ฝางพูดเบาๆ

หลี่ฝางไม่เข้าใจหลิงหลง แต่เขาเข้าใจพ่อของตัวเอง

พ่อของตัวเอง เป็นผู้ชายที่มีความรักและความเกลียดแยกแยะได้ชัดเจน

ทุกสิ่งที่หลิงหลงทำ คือความคิดของพ่อตัวเอง

หลี่ฝางไม่อาจเอนเอียงเข้าข้างคนนอก ในเมื่อนายท่านฉินเคยทรยศต่อพ่อของเขาก่อน เขาก็สมควรตาย หลี่ฝางไม่ได้เห็นใจเลยสักนิด

คนที่หลี่ฝางแคร์ มีแต่ฉินวี่เฟยเท่านั้น

“คุณชาย ฉันแนะนำให้คุณ ไปบอกความจริงกับเธอ” หลิงหลงเกลี้ยกล่อมหลี่ฝาง

หลี่ฝางพยักหน้าและพูดว่า “สักพักฉันจะหาโอกาส บอกเธอ เฮ้อ ฉันคิดว่าถ้าเธอเห็นวีดีโอที่นายท่านฉินกระโดดลงแม่น้ำ คงจะร้องไห้เสียใจมาก”

เมื่อคิดถึงฉินวี่เฟยจะต้องร้องไห้ฟูมฟาย ในใจของหลี่ฝาง ก็รู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย

หลี่ฝางตามฉินวี่เฟยไป และเพื่อให้เธอเตรียมใจให้พร้อม จากนั้นก็บอกความจริงกับเธอ เฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่ง ก็หยุดอยู่ตรงหน้าฉินวี่เฟยและหลี่ฝาง

นี่คือรถของฉินจื่อยี่

ฉินจื่อยี่เปิดประตูรถ และลงจากรถ

ใบหน้าของเขาเย็นชามาก บริเวณระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยความโกรธ

“ทำไมโทรศัพท์ของเธอถึงโทรไม่ติด” มองฉินวี่เฟย ฉินจิอยี่ถามเสียงดัง

“มีอะไรเหรอ พี่?”

เมื่อเห็นฉินจื่อยี่ตะโกนเสียงดัง ฉินวี่เฟยตกใจ และตระหนักถึงความผิดปกติของฉินจื่อยี่

ก่อนหน้านี้ ความคิดของฉินจื่อเฟยกับฉินวี่เฟยจะไม่ค่อยลงรอยกันมากนัก บางครั้งก็มีถกเถียงกัน แต่ไม่เคยเป็นเช่นนี้ พอเจอกันก็ตะคอกใส่ด้วยความโกรธ

ฉินวี่เฟยตกใจจนสีหน้าซีดเซียว และเธอถามด้วยความรู้สึกผิด “พี่ ฉันทำอะไรผิดหรือเปล่า?”

“เธอยังไม่รู้อีกเหรอ?”

มองฉินวี่เฟย ฉินจื่อยี่ขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นก้อนขึ้นมา “ฉินวี่เฟย ฉันรู้สึกผิดหวังกับเธอมาก เธอเห็นคุณปู่ถูกคนอื่นแทง ถูกคนอื่นบังคับให้กระโดดลงไปในแม่น้ำ… …”

“คุณปู่ตายแล้ว เธอยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ฉินจื่อยี่มองฉินวี่เฟยด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดไม่ออก

“คุณปู่ตายแล้วเหรอ?”

เมื่อได้ยินข่าวนี้ ฉินวี่เฟยเหมือนถูกฟ้าผ่า ยืนนิ่งอึ้งอยู่ที่เดิม

“เธอไม่รู้เหรอ? คุณปู่ถูกบีบบังคับให้ตายต่อหน้าต่อตาเธอ ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง?” ฉินจื่อยี่ยังคงขมวดคิ้วไว้แน่น มองฉินวี่เฟยอย่างโกรธเกรี้ยว

“ตอนนี้คนทั้งเมืองเอกรู้กันหมด”

แววตาที่นิ่งอึ้งหันหัวกลับมา และมองไปที่หลี่ฝาง “หลี่ฝาง ไหนคุณบอกฉันว่า คุณปู่ของฉันได้รับการช่วยเหลือทันเวลา รอดชีวิตมาได้?”

“คุณโกหกฉันเหรอ?” ดวงตาของฉินวี่เฟย เปล่งประกายความเกลียดและโกรธทันที

ใบหน้าของหลี่ฝาง เปลี่ยนเป็นซีดเซียวทันที รู้สึกละอายใจและรู้สึกผิด

“ขอโทษ ที่ฉันหลอกคุณ เมื่อกี้ฉันเห็นว่าคุณเพิ่งตื่น และอาการของคุณก็ไม่ค่อยดี ฉันจึงไม่กล้าบอกความจริงกับคุณ เพราะกลัวจะทำให้คุณสะเทือนใจ”หลี่ฝางพูดเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง

ฉินวี่เฟยส่ายหัว รู้สึกผิดหวังกับหลี่ฝางมาก และแม้กระทั่งความสิ้นหวัง

ฉินจื่อยี่ก้าวไปข้างหน้า และเดินไปหาหลี่ฝาง

สีหน้าของเขาดุร้าย และเมื่อไปถึงตรงหน้าหลี่ฝาง ฉินจื่อยี่ก็กำหมัดแน่น ต่อยหมัดออกไป ต่อยใส่หน้าหลี่ฝาง

ด้วยหมัดนี้ ฉินจื่อยี่ใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมด ต่อยจนหลี่ฝางถอยหลังสองหรือสามก้าว

“แน่นอนนายไม่กล้าพูดอยู่แล้ว เพราะตระกูลหลี่ของนาย เป็นฆาตกรที่ฆ่าปู่ของฉัน ปู่ของฉัน ถูกตระกูลหลี่ของนายบีบบังคับให้ตายใช่ไหม?”

ฉินจื่อยี่กัดฟันและมองไปที่หลี่ฝาง “นายกลัวว่าน้องสาวของฉันรู้ความจริง จะเกลียดนายใช่ไหม?”

“นายมันเลว!”

ฉินจื่อยี่ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และต่อยที่ใบหน้าหลี่ฝางอีกครั้ง

หลี่ฝางไม่ได้ตอบโต้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะฉินจื่อยี่ได้ เพียงแต่ว่าปู่ของอีกฝ่ายเสียชีวิตแล้ว เรื่องจริงก็เป็นไปตามที่ฉินจื่อยี่พูด ตระกูลหลี่บีบบังคับให้เขาฆ่าตัวตาย

หลี่ฝางรู้สึกไม่ได้เสียเปรียบ เมื่อเทียบกับคนตาย ตัวเองโดนหมัดไม่กี่ครั้ง มันไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไร

“ฉันจะต่อยคนเลวอย่างนายให้ตาย!”

ฉินจื่อยี่ต่อยหลี่ฝางไปเรื่อยๆ ต่อยจนหลี่ฝางล้มลงกับพื้น และต่อยอีกสี่หรือห้าครั้งติดต่อกัน มุมปากของหลี่ฝาง ถูกต่อยจนมีเลือดออก

แต่ฉินวี่เฟยก็ยืนดูอยู่ข้างๆ สีหน้าเย็นชา ไม่มีร่องรอยของความทุกข์ในสายตาของเธอ

เมื่อหลี่ฝางเห็นแววตาของฉินวี่เฟย ก็รู้เหน็บหนาวในหัวใจ

ฉินจื่อยี่ยิ่งต่อยยิ่งมีพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเขากำลังจะฆ่าหลี่ฝางจริงๆ ในขณะนี้ หลิงหลงนำมีดเล่มหนึ่ง วางไว้ที่คอของฉินจื่อยี่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน