NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 435

ตอนที่ 435

บทที่435 ความองอาจสง่าผ่าเผยของแม่

กระสุนยิงไปที่ฝ่ามือของฉินเสี่ยวหู่

ฉินเสี่ยวหู่กรีดร้องโหยหวน

ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิงขาวไปหมด

เมื่อก่อน มู่หรงฉางเฟิงหยิ่งยโสมาก คิดว่าถึงตัวเองจะไม่ใช่คุณชายของสี่ตระกูลใหญ่ ก็พึ่งความสามารถของตัวเอง นั่นก็เป็นความภาคภูมิใจหนึ่งในล้านที่หาได้

แต่ใครจะไปรู้

หลายปีมานี้ มู่หรงฉางเฟิงต่อสู้อย่างยากลำบากมาเป็นร้อยครั้งที่กรงแปดเหลี่ยม ถึงจะฝึกกังฟูได้

แต่พอมาอยู่ตรงหน้าของส้าวส้วย แม้แต่โอกาสที่จะสู้กลับยังไม่มี

สำหรับพวกอาวุธปืน มู่หรงฉางเฟิงไม่ได้ศึกษาอย่างลึกซึ้ง

ถึงแม้ไม่ใช่มือปืนที่ยิงแม่นทุกนัด แต่ในระยะภายในหนึ่งร้อยเมตร ยิงไปต้องมีคนถึงแก่ชีวิต เขาก็สามารถทำได้ง่ายดาย

อีกอย่าง เขายังมีสัมผัสที่หกอันเฉียบแหลม

ถ้ามีมือปืนอยู่ใกล้ๆ เขาจะต้องรู้สึกได้แน่นอน

แต่ครั้งนี้ กระสุนมาจากทางไหน มู่หรงฉางเฟิงกลับไม่รู้เลย

มือปืนคือใคร?

อยู่ตรงไหน?

อยู่ไกลจากตัวเองแค่ไหน?

ทั้งหมดนี้ มู่หรงฉางเฟิงไม่รู้ว่า

ที่ใบหน้ามู่หรงฉางเฟิงมีเหงื่อไหล หัวใจของเขาเต้นเร็ว ทั้งตัวเขาสั่นขึ้นมาด้วยความกลัว

นี่คือสไนเปอร์คนหนึ่ง

และวิธียิงปืนก็แม่นมาก

มู่หรงฉางเฟิงไม่กล้าจินตนาการเลยว่า ถ้าปืนนี้ ไม่ได้ยิงไปที่ฝ่ามือของฉินเสี่ยวหู่ แต่ยิงไปที่ร่างของตัวเอง ผลจะเป็นไง

สไนเปอร์คนนี้สามารถทำได้เลย

หมายความว่า ชีวิตของตัวเอง สามารถถูกอีกฝ่ายเอาไปได้ตลอดเวลา

มู่หรงฉางเฟิงเปิดประตูรถ เข้าไปข้างใน เขากลืนน้ำลาย เหงื่อที่ใบหน้าไหล เยอะยิ่งกว่าฉินเสี่ยวหู่

เหงื่อเย็นๆที่หน้าของฉินเสี่ยวหู่ ไหลออกมา

และเหงื่อเย็นๆที่ใบหน้าของมู่หรงฉางเฟิง ก็น่าตกใจ

“พอเถอะ อย่าร้องเลย”

ได้ยินเสียงร้องอันโหยหวนจากปากของฉินเสี่ยวหู่ ในใจของมู่หรงฉางเฟิงก็ยิ่งว้าวุ่น

“ผมบอกว่าอย่าร้องไง”

ฝ่ามือถูกยิง ความเจ็บปวดข้างในใจ ฉินเสี่ยวหู่จะทนไหวได้ไง?

ฉินเสี่ยวหู่ก็ยังคงกรีดร้องอย่างน่าอนาถ มู่หรงฉางเฟิงทนไม่ไหว หันหน้าไปทันที กำหมัดขึ้นมา แล้วต่อยไปที่หน้าของฉินเสี่ยวหู่ตรงๆ อยู๋สองหมัดหนักๆ

เสียงร้องหยุดลง ฉินเสี่ยวหู่ก็สลบไป

ไม่มีเสียงร้องแล้ว ความกลัวในใจของมู่หรงฉางเฟิงยังไม่หายไป

แต่ว่า ยังกลัวมากขึ้น

ภายใต้ความเงียบ มู่หรงฉางเฟิงก็กลัวมากขึ้น

“หน้ากากล่ะ?”

มู่หรงฉางเฟิงพบด้วยความแปลกใจ หน้ากากยักษ์หลอซ่าในรถนั้น จู่ๆก็หายไป

มู่หรงฉางเฟิงหาอยู่นาน แทบจะหาไปทั่วรถแล้ว สุดท้ายก็ไม่เจอ

มู่หรงฉางเฟิงกลัวมากขึ้น เขาคว้าคอเสื้อของฉินเสี่ยวหู่ไว้ หยิกเขา หยิกจนทำเขาฟื้นขึ้นมา

“หน้ากากผีอยู่ไหน?”

มู่หรงฉางเฟิงมองฉินเสี่ยวหู่ ถามเสียงดัง

“หน้ากากผี……ไม่ได้อยู่นี่เหรอ?”ฉินเสี่ยวหู่มองไปข้างหน้า แต่ไม่เจออะไร

“เมื่อกี๊ยังอยู่นี่”

ฉินเสี่ยวหู่ก็ตะลึง จากนั้นก็มองมู่หรงฉางเฟิง“คุณชายมู่หรง คุณเอาไปใช่ไหม”

จากนั้น ฉินเสี่ยวหู่ก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มาจากแขนเขา“คุณชายมู่หรง พาผมไปโรงพยาบาลได้ไหม มือผม……”

มือของฉินเสี่ยวหู่ จนตอนนี้ก็ยังเลือดไหล

มู่หรงฉางเฟิงจ้องเขา“ไอ้โง่อย่างคุณ อยากไปพันแผลข้อมือที่โรงพยาบาลเหรอ?”

“ใช่ไง”

ฉินเสี่ยวหู่พยักหน้า“ถ้ายังไม่ไปพันแผล มือผม ก็จะพิการแล้ว!”

“ส่งคุณไปที่โรงพยาบาล กับส่งคุณที่สถานีตำรวจ ต่างกันตรงไหน?ไอ้โง่!”

หลังจากด่าฉินเสี่ยวหู่ไปยกใหญ่ มู่หรงฉางเฟิงก็ออกรถทันที

รถของมู่หรงฉางเฟิงขับออกไปจากเบนซ์G-Classสีแดง

พอรถของมู่หรงฉางเฟิงออกไป ร่างที่คุ้นเคยร่างหนึ่ง ก็ปรากฏที่หลังรถ

“พ่อ!”

เป็นหลี่ต๋าคาง!

เห็นหลี่ต๋าคาง หลี่ฝางก็ร้องออกมาอย่างดีใจ

ที่จริง เมื่อกี๊หลี่ฝางก็ตกใจ

เสียงปืนดังขึ้น หลี่ฝางหันไปมอง ฉินเสี่ยวหู่ดันแอบโจมตีลับหลังส้าวส้วยจากข้างหลัง

น่าเสียดาย ฉินเสี่ยวหู่ยังไม่ทันเหนี่ยวไก ก็ถูกกระสุนมาจากที่ไกลๆ ยิงเข้าใส่ฝ่ามือ

หลี่ฝางแปลกใจหน่อยๆ มองไปรอบๆ แต่ส้าวส้วยดูท่าทางไม่สนใจ เหมือนว่าทุกอย่างนี้ อยู่ในการคาดเดาของเขาแล้ว

“พ่อผมมาได้ไง?”

หลี่ฝางถามอย่างแปลกใจ

ส้าวส้วยหัวเราะ“ลูกพี่มาตั้งนานแล้ว”

ทันใดนั้น ส้าวส้วยก็กระโดดลงจากรถ พูดว่า “ไม่ใช่แค่ลูกพี่มา แต่โหจื่อก็มาด้วย”

เพราะว่าอายุของโหจื่อกับส้าวส้วยไล่เลี่ยกัน ดังนั้นถึงแม้โหจื่อจะเป็นรุ่นน้องของส้าวส้วย แต่ส้าวส้วยก็จะเรียกชื่อเล่นเขา ไม่เรียกว่ารุ่นน้อง

“ปืนเมื่อกี๊ เป็นโหจื่อที่ยิงเอง?”หลี่ฝางคิดได้ทันที

หลี่ฝางเกือบลืมไป โหจื่อนี้ คือเทพมือปืน

“ไม่จำเป็น”

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะเหอะ พูดว่า“ถ้าโหจื่อมาแล้ว จากสันดานเขาแล้ว จะต้องเข้ามาโชว์ความแข็งแกร่งของตัวเองแน่นอน”

“ถ้าปืนนี้โหจื่อยิง งั้นหลังจากที่เขายิงไป จะต้องทิ้งปืน เข้ามาดูฉากเด็ด ทำเหมือนเป็นคนเดินผ่าน ถามว่าฉินเสี่ยวหู่เจ็บไหม”

ส้าวส้วยส่ายหน้า“เขาชอบล่วงเกินศัตรูของตัวเอง”

“มีคนนิสัยแบบนี้ด้วยเหรอ”หลี่ฝางยิ้มอย่างหมดคำพูด

ทันใดนั้น ส้าวส้วยก็พูดต่อ“อีกอย่าง ถ้าเขายิง ไม่ยิงแค่นัดเดียวแน่ เขากับตระกูลมู่หรงมีความบาดหมางกันเล็กน้อย ถ้าเขายิงปืน เกรงว่ามู่หรงฉางเฟิง ชีวิตนี้ก็คงไม่รอดแล้ว”

ยังไงส้าวส้วยกับโหจื่อก็รู้จักมาหลายปี ดังนั้นทั้งสองฝ่ายต่างรู้จักสนิทสนมกับอีกฝ่ายอย่างดี รวมถึงนิสัยของบุคคล และความเคยชินในการทำเรื่องต่างๆ

“ใช่สิ ถ้าไม่ใช่โหจื่อ งั้นจะเป็นใคร?”

ตอนนี้เอง รถยนต์ออดี้สีขาวคันหนึ่ง ก็ขับเข้ามาจากไกลๆ

คนที่ขับรถ เป็นแม่ของหลี่ฝาง เมี๋ยวชุ่ย

มือหนึ่งของเมี๋ยวชุ่ยขับรถไป อีกมือก็ถือปืนสไนเปอร์

“นัดเมื่อกี๊ เป็นแม่ผมที่ยิง?”มองเห็นฉากนี้ หลี่ฝางก็กลืนน้ำลายอย่างตะลึง

“น่าจะนะ”

ส้าวส้วยพยักหน้าหัวเราะไป“ใช่สิ คุณยังไม่รู้เหรอ?กังฟูของโหจื่อ เรียนมากับผม เทคนิคยิงปืนของเขา ก็เป็นแม่ของคุณเอง และก็เป็นอาจารย์ที่สอนผม”

“อาจารย์คุณ?”หลี่ฝางขมวดคิ้ว“แม่ผมคืออาจารย์คุณ?”

“ก็ใช่ไง เทคนิคขับรถของผม ก็แม่คุณสอน”

“ดังนั้นแม่คุณคืออาจารย์ผม”

“ตอนนั้น อาจารย์โยนกระดาษที่ขยำมาให้พวกเราสองอัน ทั้งสองกระดาษขยำนั้นแบ่งกันเขียนคำว่าปืนกับรถไว้ หยิบอันไหนไป ก็ต้องเรียนกับอาจารย์อย่างนั้น ผมหยิบได้รถ ส่วนโหจื่อ หยิบได้ปืน”

“พูดถึงแล้ว ผมกับโหจื่อ นอกจากจะเป็นความสัมพันธ์ทางด้านอาจารย์กับศิษย์กันแล้ว ก็ยังเป็น พี่น้องที่มาจากสำนักเดียวกันอีก”

ส้าวส้วยหัวเราะหึหึ จากนั้นก็โบกมือทักทาย กับเมี๋ยวชุ่ยที่อยู่ในรถ

หลี่ฝางอ้าปากกว้างอย่างตกใจ ดูไม่ค่อยเชื่อ ยังไงเมื่อก่อนหน้านี้ ก็ไม่เคยเห็นแม่ตัวเองเล่นปืนมาก่อน และก็ไม่เคยเห็นเธอขับรถด้วย

ตลอดมา แม่ของตัวเองสาวสวยชนบท และเป็นภรรยาและแม่ที่ดี

ใครจะไปคิดว่า เบื้องหลังของแม่ จะเป็นเทพแห่งปืน และยังเป็นเทพแห่งรถอีก!

พอรู้ความจริงเรื่องนี้ ในใจของหลี่ฝาง มีแค่สองคำตะลึง!

ห่า!

พ่อของตัวเองปกปิดตัวเองก็พอแล้ว ตอนนี้แม้แต่แม่ตัวเองยังหลอกตัวเองด้วย

หลี่ฝางอยากร้องไห้อย่างน้อยใจ

พ่อกับแม่ของตัวเองมีความสามารถมากมายขนาดนี้ ทำไมไม่สอนตัวเองล่ะ?

นี่ใช่ลูกแท้ๆหรือเปล่า?

หลี่ฝางเปิดประตูรถ พ่นลมหายใจยาวๆออกมา หลี่ต๋าคางมองหลี่ฝางที่มีความน้อยใจ ก็ถาม“เป็นอะไรไป ลูกชาย?”

“ไม่ครับ แค่อยากเข้ามาถามพ่อ ว่าผมใช่ลูกแท้ๆของพ่อไหม?”

หลี่ฝางมองหลี่ต๋าคาง ถามด้วยใบหน้าหดหู่“ทำไมพ่อสอนกังฟูส้าวส้วย ไม่สอนผมล่ะ”

“จริงๆเลย ความสามารถขอตัวเองดันไม่สอนลูก ไม่น่าล่ะลูกถึงได้ตำหนิว่าคุณ”เมี๋ยวชุ่ยที่อยู่ในรถ ก็กลอกตาใส่หลี่ต๋าคาง

“แม่ แม่อย่าว่าพ่อเลย แม่กับพ่อก็ศีลเสมอกันแหละ แม่ไม่ได้บอกเหรอว่าตัวเองขับรถไม่เป็น?แล้วนี่แม่ขับอะไร แล้วก็ ที่มือแม่ยังถือสไนเปอร์อีก เมื่อกี๊ที่ยิงไป แม่ยิงใช่ไหม?”

“พ่อผมไม่สอนผม คุณก็ไม่สอนผม”หลี่ฝางถอนหายใจ

“เหอะเหอะ เดี๋ยวตำรวจก็มาแล้ว พวกเรารีบไปเถอะ”

หลี่ต๋าคางหัวเราะฮ่าฮ่า เข้าไปในรถแล้วพูด“เสี่ยวฝาง สองวันนี้พ่อกับแม่ค่อนข้างยุ่ง จะไม่มาเยี่ยมลูกแล้วนะ ลูกก็ดูแลตัวลูกเองดีๆล่ะ”

หลี่ต๋าคางยังไม่ทันพูดจบ เมี๋ยวชุ่ยร้อนตัวจึงสตาร์ทรถ

เมี๋ยวชุ่ยกลัวว่าหลี่ฝางจะระดมคนไปทวงความยุติธรรม

ส้าวส้วยลงจากรถ ตบไหล่ของหลี่ฝาง“อย่าว่าลูกพี่กับอาจารย์เลย พวกเขาไม่อยากให้คุณเข้ามายุ่งกับยุทธภพก็เท่านั้น”

“บนโลกนี้ คนที่มีความสามารถ อาจไม่ได้มีความสุขไปมากกว่าคนที่ไร้ความสามารถ”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท