NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 453

ตอนที่ 453

บทที่ 453 ไปบ้านของซือถูเฟย

ตาของหมาทิเบตันเหลือกอยู่ ให้ความรู้สึกว่าเขาตายตาไม่หลับ

หมาทิเบตันที่ตายไป พอดีที่ตาของเบิกกว้างและจ้องไปที่มู่เจิ้งถังพอดี ทำเอามู่เจิ้งถังตกใจ จนตัวสั่นยิกๆ และเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้น ลุกขึ้นไม่ได้อยู่นานมาก

มู่เจิ้งถังตกใจจนวิญญาณออกจากร่าง

มู่เจิ้งถังใช้ชีวิตมาจนอายุปูนนี้ มีอะไรที่ไม่เคยเจอ?

แต่ในวันนี้ กลับโดนหัวคนตายทำให้ตกใจจนฉี่แทบเล็ด

จากโลงศพที่เป็นกระจกใส ขึ้นไปซบอยู่บนโลงแล้วแกล้งร้องไห้เสียใจ มู่เจิ้งถังไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังรู้สึกดีใจซะอีก

เพราะว่านายท่านฉินตาย งั้นจากนี้ธุรกิจของมู่เจิ้งถัง ก็จะยิ่งราบรื่นกว่าเก่า และจะไม่มีคู่แข่งการค้าแล้ว

แต่ว่าพอเห็นหัวของหมาทิเบตัน มู่เจิ้งถังกลับกลัวจนตัวสั่น

“นาย……นายยืนโง่ทำอะไรอยู่ ยังไม่รีบเอาออกไปทิ้งอีก” มู่เจิ้งถังมองลูกน้องที่อยู่ด้านข้าง แล้วตะคอก

ลูกน้องคนนั้นกลืนน้ำลาย ใบหน้าเต็มไปด้วยความขี้ขลาด

เขาเป็นแค่คนงานของตระกูลมู่เฉยๆ ไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้

หัวคนตาย?

ถ้าเป็นศพคนเขายังพอเคยเห็น แต่ศพถูกตัดหัว……

นี่เป็นสังคมที่มีกฎหมายนะ ทำไมถึงยังได้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น?

ทำคนตกใจอย่างไร้สามัญสำนึก และน่ากลัวมากๆ

หมาทิเบตันคนนี้ที่จริงก็หน้าตาโหดเหี้ยมอยู่แล้ว บวกกับตอนที่ตายตายตาไม่หลับ สีหน้าจึงมีแต่ความเขียดแค้น แบบนี้ยิ่งทำให้คนธรรมดาไม่กล้าเข้าใกล้

ลูกน้องคนนี้แต่เดิมก็เป็นคนขี้ขลาดราวกับหนู ถ้าต้องหยิบหัวของหมาทิเบตันคนนี้ไปทิ้ง เขาจะกล้าเหรอ?

ดึกดื่นปานนี้แล้ว อีกครู่ยังจะต้องนอนมั้ย?

“นายท่าน ผมว่าพวกเราแจ้งตำรวจเถอะครับ” ลูกน้องพูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว

“แจ้งความ?” มู่เจิ้งถังที่ใจเย็นลง ก็ขมวดคิ้ว

มู่เจิ้งถังกล้าแจ้งความที่ไหน?

หมาทิเบตันคนนี้ที่จริงก็เป็นอาชญากรที่ตำรวจต้องการตัว คดีที่ติดตัวเขา มากโขอยู่

ถ้าหากสืบสาวคดีความขึ้นมาจริงๆ มู่เจิ้งถังก็คงจะหนีไม่พ้นส่วนเกี่ยวข้อง

ให้คนร้ายหลบหนี ก็คือว่ามีความผิดหนัก

ก่อนที่ตระกูลหลี่จะมา มู่เจิ้งถังก็ไม่ค่อยกลัวอะไรเท่าไหร่ ถึงยังไงฐานะตระกูลเขาในเมืองเอก ก็มีเส้นสายเยอะ ทำให้เขารอดได้อย่างสบาย

แต่ในวันนี้มีตระกูลหลี่เข้ามา มู่เจิ้งถังจะทำอะไรก็ต้องระวังทุกฝีก้าว

“แจ้งความไม่ได้” มู่เจิ้งถังส่ายหน้า แล้วพูดด้วยสีหน้าหนักแน่น

“เรื่องนี่มันเกี่ยวกับชีวิตคนแล้ว ยังไม่แจ้งความเหรอครับ?” ลูกน้องถาม

“ทำไม ฉันพูดก็ไม่ฟังแล้ว ใช่มั้ย?” มู่เจิ้งถังหึอย่างเย็นชา ลุกขึ้นแล้วจ้องไปที่ลูกน้องคนนั้น

“ไปทำตามที่ฉันสั่ง แล้วกลับมาเอารางวัลสองหมื่นเหรียญ คิดซะว่าเป็นค่าปิดปากเรื่องในคืนนี้”

“เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ นายห้ามไปบอกคนอื่น เข้าใจมั้ย? ไม่ใช่แค่เรื่องหัวคน ยังมีเรื่องที่ฉันตกใจจนเข่าอ่อน ถ้าหากนายปริปากพูด……”

มู่เจิ้งถังพูด พลางหรี่ตา: “ฉันไม่ปล่อยนายไปแน่”

นี่คือที่เรียกว่ามีเงินจะทำอะไรก็ได้

สองหมื่นเหรียญนี้ มันเท่ากับเงินเดือนเขาหลายเดือนเลย

คิดอยู่ครู่ ลูกน้องคนนั้นก็เริ่มก้าวเท้า เดินไปทางหัวของหมาทิเบตัน

ถึงแม้เขาจะอยู่ห่างจากหัวของหมาทิเบตันแค่สี่ห้าเมตร แต่สี่ห้าเมตรนี้ ลูกน้องคนนั้นกลับใช้เวลาตั้งหลายนาที

“อืดอาดยืดยาดอะไรอยู่? เร็วสิ” นายท่านมู่ด่าอย่างโมโห เร่งลูกน้อง

ในตอนนี้ลูกน้องคนนั้นเพิ่งจะเดินถึงหัวของหมาทิเบตัน เขาหลับตาปี๋ แล้วนำหัวของหมาทิเบตันใส่กล่องอย่างเดิม

เมื่อลืมตาขึ้น มือของลูกน้อง ก็เต็มไปด้วยเลือด เขาตกใจจนสั่นไปทั้งตัว จนเกือบฉี่ราด

“นายท่าน ผมเอาไปทิ้งก่อนนะครับ”

ลูกน้องตกใจจนวิญญาณออกจากร่าง แต่เพื่อเงินสองหมื่นเหรียญ เขาจึงดั้นด้นเก็บหัวของหมาทิเบตันขึ้นมา

เมื่อเขาเดินไปถึงหน้าประตู มู่เจิ้งถังก็ตะคอกเสียงดัง: “หยุด!”

ลูกน้องตกใจจนล้มลงพื้น หัวคนก็หล่นลงพื้น และกลิ้งออกมาเช่นกัน

“ไร้น้ำยา ไร้ประโยชน์จริงๆ ”

มู่เจิ้งถังในตอนนี้ สีหน้ากลับมาใจเย็นแล้ว

หน้าของเขา ไม่ได้หวาดกลัวแม้แต่น้อยแล้ว

ยังงัยก็เป็นคนเก่าในยุทธภพมานานแล้ว

ก็แค่คนตายเอง มีอะไรน่ากลัว?

มู่เจิ้งถังพูด: “ไปหาที่ แล้วเอาหัวนั้นไปฝังซะ จำไว้ หาที่ที่ไม่มีคน อย่าให้คนอื่นเห็นเด็ดขาด”

“หา?” ลูกน้องอ้าปากกว้าง เห็นได้ชัดว่าหน้าที่ที่มู่เจิ้งถังมอบให้นั้น ยากขึ้นกว่าเดิม

“หาอะไรห้ะ ให้นายแสนนึงเลย”

มู่เจิ้งถังพูดอย่างใจใหญ่

ลูกน้องจึงได้สติกลับมา หนึ่งแสนเหรียญ นั่นมันเท่ากับเงินเดือนสองปีของเขาเลยนะ เขาใจอ่อนทันที คว้าผมของหมาทิเบตัน แล้วยัดหัวเขาใส่กล่อง

มีบางครั้งจากใช้เงินมาขู่ มันได้ผลดีมาก สามารถทำให้คนขี้ขลาดคนนึง กลายเป็นคนกล้าขึ้นมาได้

หลังจากที่ลูกน้องออกไปแล้ว มู่เจิ้งถังก็นั่งลงบนโซฟา แล้วครุ่นคิดอยู่นาน

มู่เจิ้งถังไม่เข้าใจ ว่าท่านจวนส่งหัวคนมาให้เขาหมายความว่ายังไง

ถึงแม้ท่านจวนจะปลีกวิเวกไปแล้ว แต่ฐานะในยุทธภพของเขายังมีอยู่

นอกจากสี่ตระกูลใหญ่ คนที่ไม่ควรไปมีเรื่องด้วยก็คือเขา

“ไม่ยอมแก่ตายสักที”

หลังจากนั้นสักพัก มู่เจิ้งถังก็สาปแช่ง แล้วเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และโทรไปที่เบอร์นึง

หมาทิเบตันตามฆ่าหลี่ฝางแต่กลับตาย ทำให้มู่เจิ้งถังกังวลเล็กน้อย

ตระกูลหลี่ยิ่งใหญ่เกินไป มู่เจิ้งถังไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ลี้ภัยไปหาสี่ตระกูลใหญ่

……

อีกฝั่งนึงในรถลีมูซีน

หลี่ฝางกับส้าวส้วยนั่งอยู่ด้านใน

หลี่ฝางหันไปหาส้าวส้วยแล้วถาม: “ฉันทำผิดไปหรือเปล่า?”

หลี่ฝางขมวดคิ้ว: “ซือถูเฟยเป็นคนของสี่ตระกูลใหญ่ และสี่ตระกูลใหญ่มีความแค้นกับเรา เมื่อกี้ฉันควรจะปฏิเสธซือถูเฟยถึงจะถูก”

ส้าวส้วยหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ทำไมจะต้องปฏิเสธด้วย?”

“ซือถูเฟยเป็นคนของสี่ตระกูลใหญ่ การกระทำของเขาทุกฝีก้าว ต้องถูกจับตาโดยสี่ตระกูลใหญ่อยู่แล้ว”

“นัดพบซือถูเฟยอย่างไม่เป็นทางการ มันดีสำหรับพวกเรา เจ้านาย นายควรจะพูดคุยกับซือถูเฟยให้มากถึงจะดี ดีที่สุดกลายเป็นคนสนิท หรือว่าพี่น้อง” ส้าวส้วยพูด

“ฉันไม่เข้าใจความหมายของนาย” หลี่ฝางมองส้าวส้วยด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ

“นี่ยังไม่ง่ายอีกเหรอ? นายกับซือถูเฟยกลายเป็นพี่น้องกัน ซือถูเฟยคนนี้เป็นตัวแทนของตระกูลซือถู ความเป็นเพื่อนของพวกนาย จะทำให้ตระกูลมู่หรงและตระกูลอื่นๆ รู้ว่าตระกูลหลี่และตระกูลซือถูดีกันแล้ว”

“แบบนี้ จะยิ่งทำให้สี่ตระกูลใหญ่แตกหักกันเอง” ส้าวส้วยพูดพลางหัวเราะ: “แบบนี้สำหรับเราแล้ว เป็นเรื่องที่ดี”

หลี่ฝางพยักหน้า ในใจคิด:ส้าวส้วยเข้าใจถึงข้อนี้ แล้วซือถูเฟยจะไม่รู้เหรอ?

ไม่ว่าจะเป็นหลี่ฝาง หรือว่าซือถูเฟย ฐานะของทั้งสอง มันพิเศษกว่าชาวบ้าน

ซือถูเฟยอยากจะเป็นเพื่อนกับหลี่ฝาง เป็นธรรมดาที่ไม่ได้ดูที่ตัวตนของเขา

หลี่ฝางขมวดคิ้ว สับสนเล็กน้อย ซือถูเฟยคนนี้จะทำอะไรกันแน่?

ขณะที่กำลังคิด ซือถูเฟยก็เดินออกมาจากบ้านตระกูลฉิน มู่หรงฉางเฟิงเดินออกมาส่งเขา ทั้งสองคุยไปหัวเราะไป มองดูก็เหมือนกับเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมาหลายปี

หลังจากบอกลามู่หรงฉางเฟิง ซือถูเฟยก็มายังเบื้องหน้าหลี่ฝาง

“พวกเราจะไปไหน?” หลี่ฝางมองซือถูเฟยอย่างแปลกใจ

ซือถูเฟยนี่ก็กล้ามากไปหน่อย มู่หรงฉางเฟิงยังมองดูอยู่ด้านข้าง เขาก็กล้าเข้ามาหาตน หรือว่าเขาไม่รู้จักหลีกเลี่ยงความสงสัยกันนะ?

“ไปบ้านฉัน เป็นยังไง?”

ซือถูเฟยเลิกคิ้ว แล้วพูด: “พวกนายคงอยากจะรู้ว่าบ้านฉันอยู่ที่ไหนใช่มั้ยล่ะ?” ส้าวส้วยหัวเราะแบบเล่นๆ : “นายจะพาพวกเราไปจริงดิ?”

ซือถูเฟยหัวเราะนิ่งๆ : “มีอะไรต้องกลัว?”

ที่ผ่านมา สี่ตระกูลใหญ่ล้วนแต่คงความลึกลับเอาไว้ตลอดมา

ไม่ใช่แค่ความลึกลับคนบุคคล แม้แต่ที่อยู่ ยิ่งไม่มีใครรู้

ที่จริงส้าวส้วยและคนอื่นๆ ก็ได้สำรวจที่อยู่ของสี่ตระกูลใหญ่ แต่ว่า หาไม่พบเบาะแสอะไรเลย

วันนี้ ซือถูเฟยกลับมาชวนไปเอง……

ส้าวส้วยเลิกคิ้ว แล้วพูด: “งั้นนำไปเลย”

ซือถูเฟยขึ้นรถของตนเอง และออกรถไป

ส้าวส้วยเหยียบคันเร่ง ตามไป

“เป็นหลุมพรางหรือเปล่า?” หลี่ฝางพูดอย่างกังวล

“ถึงแม้จะอันตราย พวกเราก็ต้องลองดู” ส้าวส้วยพูดพลางยิ้ม

“สี่ตระกูลซ่อนตัวได้เป็นอย่างดี แม้แต่ฉินเฟิง มู่เจิ้งถังบุคคลแบบนี้ ก็ไม่เคยได้ไปบ้านของพวกสี่ตระกูลใหญ่เลย……” ส้าวส้วยพูด

“สะกดรอยตามมู่หรงฉางเฟิงได้นี่ หรือไม่ก็ฉินหยีหรันก็ได้” หลี่ฝางพูด

ส้าวส้วยส่ายหน้า: “มันง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน ถ้าแบบนั้นสามารถหาแหล่งกบดานของสี่ตระกูลใหญ่ได้ พวกเราก็ไม่ต้องมานั่งรอความตาย ตรงเข้าไปที่รังของพวกมัน แล้วฆ่าให้หมดก็โอเคแล้ว”

“พวกเขาระวังตัวมาก เมื่อพบว่ามีคนสะกดรอยตาม ก็จะไม่กลับบ้าน” ส้าวส้วยเอียงหน้าไปมองหลี่ฝาง ครู่นึง ก็พูดขึ้น: “แม้แต่ ลูกพี่ใหญ่ก็สงสัยว่าสี่ตระกูลใหญ่ไม่มีที่พักเป็นหลักเป็นแหล่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน