NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 460

ตอนที่ 460

บทที่ 460 ผู้หญิงที่จะทำอะไรในประเทศก็ได้ตามอำเภอใจ

“ช่วยให้จื๋อป๋ายสมหวัง?”

ส้าวส้วยชะงักอยู่ครู่ อยู่ๆ ก็เข้าใจความหมายของลุงเฉียน

ถ้าหากตอนนี้ยังไม่เข้าใจ งั้นส้าวส้วยก็คงจะโง่จริงๆ

แม้แต่หลี่ฝางที่อยู่ด้านข้าง ก็พอเข้าใจได้

“จื๋อป๋ายต้องการที่จะสละเพื่อนร่วมทีม เพื่อจะเข้าไปอยู่ภายในตระกูลซือถู” ลุงเฉียนถอนหายใจ แล้วพูด

“ไม่ว่าจะเป็นจื๋อป๋าย หรือว่าชิงฮัว พวกเขาเข้าไปสอดแนมตระกูลซือถูนานขนาดนั้น ข่าวสารสักนิดยังไม่มี แม้แต่คนที่เข้าไปในตระกูลมู่หรงพวกนั้น ก็เห็นได้ไม่กี่คน พวกเขาลึกลับกันมาก”

“เพราะงั้น จื๋อป๋ายจึงใช้วิธีนี้”

ลุงเฉียนพูด: “ความคิดสุดโต่งแบบนี้ ถ้าหากเป็นคนอื่น คงจะทำไม่ได้แน่ แต่จื๋อป๋าย เขาทำได้”

“ตั้งแต่เล็กจนโต จื๋อป๋ายเป็นคนประเภทเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของตน ก็ไม่เลือกวิธีการ ดูๆ ไป ความคิดของเขาเหมือนจะเป็นอันตรายไปหน่อย แต่ว่า ลูกพี่ใหญ่สำหรับเขาแล้ว กลับจงรักภักดีเข้ากระดูกดำ เขาสามารถหักหลังคนอื่นได้ แต่ไม่มีทางหักหลังลูกพี่ใหญ่”

“หลังจากที่พวกเรากลับมา พวกเราก็ได้รับข่าวสารบางอย่างของสี่ตระกูลใหญ่มา ถึงแม้คนผู้นั้นจะไม่ได้เปิดเผยฐานะของตัวเอง แต่พวกเราก็พอเดาได้ ว่าเขาคือจื๋อป๋าย”

“เมื่อเทียบกับคนที่ตายไปแล้ว จื๋อป๋ายที่มีชีวิตอยู่ น่าจะทรมานยิ่งกว่า”

ลุงเฉียนพูดอย่างช่วยไม่ได้: “ตอนที่ฉันกับลูกพี่ใหญ่คาดการณ์ความจริงได้ พวกเราเสียใจด้วยซ้ำที่ส่งจื๋อป๋ายเข้าไปในหน่วยมืดไปเป็นสายลับ ถ้าไม่อย่างนั้น อะเหยาและคนอื่นๆ ก็คงไม่ตาย”

หลังจากที่ลุงเฉียนพูดไปทั้งหมด ก็ทำได้แค่ส่ายหน้าไปมาไม่หยุด

การตายของอะเหยาและคนอื่นๆ ในใจของลุงเฉียนนั้นเจ็บปวดอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เพราะว่าคนพวกนี้ ล้วนแต่เป็นคนที่ลุงเฉียนชุบเลี้ยงมากับมือ

“สี่ตระกูลใหญ่ไม่มีค่าพอให้พวกเราพลีชีพ”

ส้าวส้วยกัดฟันแล้วพูด: “ไอ้พวกเลว”

“สำหรับพวกเรานี้ตอนนี้ อาจจะไม่มีค่าพอ แต่ว่าเมื่อก่อนล่ะ? ส้าวส้วย อย่าลืมนะ เมื่อก่อนสี่ตระกูลใหญ่ทำจนพวกเราแพ้ยับเยิน”

“อย่าดูแคลนพวกเขา พวกเขาทำเอาพวกเราต้องหนีออกจากประเทศเลย”

“อำนาจของพวกเขา ใหญ่โตมากๆ ”

“หรือว่าจะยิ่งใหญ่กว่าสำนักหยิ่งซาอีกเหรอ?” ส้าวส้วยขมวดคิ้ว

“ไม่ขนาดนั้น” ลุงเฉียนส่ายหน้า: “แต่ว่าถึงยังไงที่นี่อยู่ในประเทศ หรือว่านายคิดจะฆ่าคนจริงๆ ?”

“เรื่องที่นายปล่อยมู่หรงฉางเฟิงไป นั้นทำถูกแล้ว” ลุงเฉียนพูด

หลี่ฝางได้ยินแบบนี้ ก็ตกใจเล็กน้อย

ด้านลุงเฉียน หูตากว้างไกล เรื่องอะไรก็รู้ไปหมด

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่มู่หรงฉางเฟิงลอบทำร้ายตน แล้วถูกส้าวส้วยปล่อยไป……

หรือว่าจะเป็นเรื่องของชิงฮัวเมื่อครู่

“จื๋อป๋าย…..ผมไม่ฆ่าแล้ว” ส้าวส้วยถอนหายใจเฮือกใหญ่ยาวๆ แล้วพูด

หน้าของลุงเฉียน ในที่สุดก็แสดงให้เห็นถึงความโล่งใจ

ก่อนที่ลุงเฉียนจะพูดให้ส้าวส้วยเข้าใจ ในใจของส้าวส้วย ก็ตัดสินใจจะฆ่าจื๋อป๋ายไปแล้ว

ภายในใจของทุกคน จะมีคนๆ นึงอยู่ในนั้น

ถ้าหากคนในดวงใจนั้นได้รับบาดเจ็บ ทุกคนล้วนแต่จะกลายเป็นปีศาจที่ไร้เหตุและผล

ชิงฮัวคือคนในดวงใจของส้าวส้วย

เมื่อเห็นชิงฮัวได้รับพิษ แล้วกลายเป็นอย่างในตอนนี้ ส้าวส้วยก็ได้สูญเสียความสามารถคิดวิเคราะห์ไปในทันที

ส้าวส้วยยิ้มอย่างลำบากใจ แล้วพูด: “ที่จริงผมควรจะคิดได้นานแล้ว”

“จื๋อป๋ายคือคนที่ลูกพี่ใหญ่ช่วยมา บนโลกนี้ เขาไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนแล้ว เขาไม่ได้สนใจเงินทอง ไม่สนใจตำแหน่ง และก็ไม่ได้สนใจผู้หญิง ทำไมเขาถึงจะต้องหักหลังด้วยล่ะ?”

“แต่แค่……”

ส้าวส้วยสูดหายใจเข้าลึก

จื๋อป๋ายทำเรื่องแบบนี้ ไม่ใช่แค่หลี่ต๋าคางกับลุงเฉียน แม้แต่ส้าวส้วย ในใจก็พวกเขาก็มีแต่ความรู้สึกซับซ้อน

จื๋อป๋ายฆ่าคนของตัวเองตาย แต่กลับสามารถทำหน้าที่ได้สำเร็จ

จะพูดว่าไม่โกรธ เมื่อเห็นคนของตนพูดจื๋อป๋ายฆ่าตาย ใครจะไม่โกรธกัน?

หลี่ต๋าคางแทบอยากจะตบจื๋อป๋ายให้เดี้ยงไปเลย……

แต่ลุงเฉียนกลับพูด เรื่องนี้ คนที่เจ็บที่สุด ที่จริงแล้วคือจื๋อป๋าย

คนบางคน มีชีวิตอยู่ทรมานกว่าคนที่ตายอีก

เห็นทีสามปีที่ผ่านมา จื๋อป๋ายใช้วิธีขายพวกตัวเอง เพื่อให้ได้ความก้าวหน้า แต่ภายในใจเขานั้นทุกข์ทรมาน จนคนอื่นไม่สามารถจินตนาการได้

“ใช่แล้ว เสี่ยวฝาง ยัยเด็กโก่เอ๋อนั่น นายก็รักษาความสัมพันธ์กับหล่อนไว้นะ จะสามารถกำจัดตระกูลซือถูได้หรือไม่ ประเด็นสำคัญก็อยู่ที่เธอแล้ว”

จู่ๆ ลุงเฉียนก็หันกลับมา แล้วพูดกับหลี่ฝาง

“ยัยผู้หญิงคนนั้นเป็นตัวแปรสำคัญ?” หลี่ฝางตกตะลึง

“ใช่แล้ว ตระกูลซือถูรู้ว่าพวกเรากลับมาแล้ว ดังนั้นจึงอยากจะเชื่อมความสัมพันธ์กับคนในเมืองหลวง และทางที่ดีที่สุด ก็คือแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ ถ้าหากโก่เอ๋อแต่งงานกับซือถูเฟย ละก็……”

ลุงเฉียนเงียบอยู่ครู่ แล้วพูด: “ก็เท่ากับว่าตระกูลซือถูก็จะมียันต์ป้องกันตัวเพิ่มขึ้นมาอีก อยากจะต่อกรกับเขา เกรงว่าจะต้องใช้วิธีอ้อมกันหน่อยแล้ว”

“หึ เป็นคนฝั่งเมืองหลวงแล้วยังไง? ตระกูลซือถู ผมจะไม่ปล่อยมันไปสักคน” ส้าวส้วยส่งสายตาเย็นยะเยือกออกมา พูดพร้อมทำสีหน้าเย็นชา

“ส้าวส้วย อย่าใจร้อน จำไว้ ที่นี่คือบ้านของพวกเรา บ้านนี้ ก็มีกฎของบ้าน จะทำอะไรตามอำเภอใจไม่ได้ เข้าใจมั้ย?”

ลุงเฉียนมองส้าวส้วยอย่างโมโหเล็กน้อย: “หรือว่านายอยากจะให้พวกเราห่างบ้านไปเหรอ?”

“ห่างไกลบ้านเกิดก็ใช่ว่าจะไม่ดี ถึงยังไงที่ดูไบ พวกเราก็ตั้งหลักกันได้แล้ว” ส้าวส้วยพูดอย่างไม่พอใจ

“นายอยากจะล้างแค้นให้ชิงฮัวสินะ……เอาไปลงที่จื๋อป๋ายไม่ได้ ก็เลยเอาความแค้นทั้งหมด ไปลงที่ตระกูลซือถู ถึงแม้ตระกูลซือถูสมควรตาย แต่ก็จะฆ่าอย่างเปิดเผยไม่ได้ เข้าใจมั้ย?” ลุงเฉียนมองส้าวส้วย แล้วพูด: “คำพูดเมื่อกี้ ถ้าหากลูกพี่ใหญ่รู้เข้า ลูกพี่ใหญ่คงจะคุมขังนายแน่”

“เอาล่ะ นายกลับไปอยู่บนรถก่อน ฉันมีเรื่อง ต้องคุยกับเสี่ยวฝางเป็นการส่วนตัว” ลุงเฉียนมองบนใส่ส้าวส้วย

ส้าวส้วยพยักหน้า และไม่ได้พูดอะไร

เห็นได้ชัด ว่าชิงฮัวมีผลกระทบต่อส้าวส้วย เป็นอย่างมาก

หนึ่งชิงฮัวชอบซือถูเฟย แถมยังมีลูกกับเขาแล้ว

สองชิงฮัวถูกพิษ และอาจจะอยู่อีกได้ไม่นาน

ถูกตีสองครั้งในคืนเดียว ส้าวส้วยจึงกลายเป็นหุนหันพลันแล่นและไม่มีเหตุผล

หลังจากที่ส้าวส้วยเดินหลบไป ลุงเฉียนก็โอบไหล่หลี่ฝาง แล้วพาไปอีกฝั่งนึง

“ส้าวส้วยคนนั้นอ่านปากได้ พวกเราคุยกัน ให้เขารู้ไม่ได้” ลุงเฉียนพูด

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ พลางมองลุงเฉียน: “ลุงเฉียน ลุงจะคุยอะไรกับผมเหรอ ถึงต้องมาคุยลับหลังส้าวส้วย?”

“ที่จริงก็ไม่มีอะไร ฉันแค่อยากให้นายแนะนำแฟนให้ส้าวส้วยสักคน……หลายปีที่ผ่านมา ในใจของส้าวส้วยมีแต่ชิงฮัวมาตลอด แต่ว่าชิงฮัว เฮ้อ”

ลุงเฉียนพูด พลางถอนหายใจ: “ฉันหวังจริงๆ ว่าซือถูเฟยนั่นไม่ได้หลอกเด็กคนนั้น ถ้าไม่อย่างนั้น เด็กคนนั้นคงนอนตายตาไม่หลับ”

หลี่ฝางไม่ได้พูดอะไร หัวใจมนุษย์เป็นสิ่งที่เข้าใจยากมากที่สุดในโลก

ใครก็ไม่สามารถมองได้ทะลุ

ไม่ว่าจะเป็นลุงเฉียน หรือว่าส้าวส้วย ล้วนแต่กังวลเรื่องแผนของซือถูเฟย

ในทางตรงกันข้ามหลี่ต๋าคาง ให้ส้าวส้วยหาโอกาส กำจัดซือถูเฟยทิ้ง

แต่ว่ากำจัดซือถูเฟยแล้วมีประโยชน์อะไร ถ้าหากซือถูเฟยถูกส้าวส้วยฆ่า ชิงฮัวไม่ใช่แค่เสียใจ แถมยังจะโกรธแค้นส้าวส้วยด้วยใช่มั้ย?

แน่นอน ที่จริงแล้วหลี่ต๋าคางให้ส้าวส้วยไปกำจัดซือถูเฟยทิ้ง ยังมีอีกความหมาย

นั่นก็คือการยับยั้งการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์

ยับยั้งไม่ให้ซือถูเฟยกับโก่เอ๋อคบกัน ยับยั้งไม่ใช่ตระกูลซือถูเกาะตระกูลของโก่เอ๋อ

“ใช่แล้ว ลุงเฉียน ยัยโก่เอ๋อนั่นเป็นใครมาจากไหน ผมได้ยินส้าวส้วยพูด ว่าแม้แต่พวกเรายังสืบไม่ได้เลย” หลี่ฝางถามอย่างสงสัย

“สืบได้ความแล้ว พื้นเพนั้นใหญ่มาก นายก็น่าจะรู้ว่าน้ำให้เมืองหลวงลึกแค่ไหน มีบุคคลเก่งกาจมากมาย ไปก่อความวุ่นวายในเมืองหลวง ก็มีจุดจบที่น่ากลัว”

“แต่โก่เอ๋อคนนั้น ก็คือคนที่จะทำอะไรก็ได้ในเมืองหลวง” ลุงเฉียนพูด

“คนที่จะทำอะไรก็ได้ในเมืองหลวง?”

หลี่ฝางกลืนน้ำลาย จู่ๆ ก็รู้สึกตกใจสุดๆ

จะทำอะไรก็ได้ในเมืองหลวง สามารถบอกได้ว่าเขาจะทำอะไรก็ได้ในประเทศนี้

“แต่ถึงยังไง คุณปู่ของโก่เอ๋อมีฐานะที่สูงส่งมากๆ แต่เขาก็แก่แล้ว อาจจะอยู่ได้อีกไม่กี่ปี แต่ว่า ขอแค่คุณท่านคนนั้นมีชีวิตอยู่อีกวัน โก่เอ๋อคนนั้น จะทำอะไรก็ได้ที่ต้องการ”

“ยัยเด็กโก่เอ๋อคนนั้น ไม่รู้ว่าฝังศพคุณชายในเมืองหลวงไปกี่คนแล้ว”

“สี่คุณชายแห่งเมืองหลวงอะไรนั่น ก็แค่ตระกูลที่มีเงินแค่นั้น คนที่มีเบื้องหลังจริงๆ อย่างโก่เอ๋อ ล้วนแต่มีชื่อแต่ไม่แสดงความสามารถ ปีที่แล้วโก่เอ๋อถูกคุณชายคนนึงลวนลามอยู่ในบาร์แห่งนึง คุณชายคนนั้นรู้จักกับเจ้าของบาร์ และเป็นเจ้าของร่วมของบาร์นั้น เขารังแกเจ้านายของโก่เอ๋อไปที”

“นายลองเดาดูสุดท้ายแล้วเป็นยังไง?”

หลี่ฝางคิดในใจ ตนจะไปรู้ได้ยังไง?

แต่ว่าหลี่ฝางก็ลองเดาดู แล้วพูด: “โก่เอ๋อพาคนบุกไปพังบาร์นั้นทิ้ง?”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท