NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 459

ตอนที่ 459

บทที่ 459 ต้องเสียสละ ถึงจะได้รับ

“หมายความว่ายังไงครับ?” ส้าวส้วยมองหลี่ต๋าคาง อย่างไม่ค่อยเข้าใจ

“เฮ้อ เด็กคนนี้ ปกติก็ฉลาดนี่ ทำไมเจอชิงฮัวแล้ว ถึงได้กลายเป็นคนโง่ได้ขนาดนี้นะ?” หลี่ต๋าคางถอนหายใจ คำพูดไม่สำคัญเท่าการกระทำ เมื่อก่อน ส้าวส้วยเคยชอบชิงฮัวจริงๆ

แม้กระทั่งตอนนี้ก็ยังคงชอบอยู่

สีหน้าของส้าวส้วยเปลี่ยนเป็นซับซ้อน นอกจากจะกระอักกระอ่วนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความหมดหนทางและเจ็บปวดอยู่ด้วย

“จื๋อป๋าย……ไม่ได้ทรยศจริงๆ เหรอ?” ส้าวส้วยพูดอย่างไม่ค่อยเชื่อ

หลี่ต๋าคางส่ายหน้า: “เขาไม่มีทางทรยศฉัน”

“ลูกพี่ใหญ่ พบกับจื๋อป๋ายแล้วเหรอครับ?” ส้าวส้วยยิงคำถามต่อ

หลี่ต๋าคางส่ายหน้า: “เปล่า”

“จื๋อป๋ายเคยติดต่อหาลูกพี่ใหญ่?” ส้าวส้วยถามต่ออีกครั้ง

หลี่ต๋าคางยังคงส่ายหน้า: “ก็เปล่า”

ทันใดนั้น หน้าของส้าวส้วย ก็มีความโมโหเกิดขึ้น

“ลูกพี่ใหญ่ ท่านไม่เคยพบจื๋อป๋าย แล้วก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากมัน ทำไมท่านถึงยังกัดฟันพูด ว่าจื๋อป๋ายไม่ได้ทรยศท่านอีก?”

ส้าวส้วยมองหลี่ต๋าคางพลางตั้งคำถาม: “ลูกพี่ใหญ่ ชิงฮัวถูกพิษ ผมเห็นมากับตา เมื่อก่อนเธอก็เคยเรียนการต่อสู้กับผมอยู่ช่วงนึง ร่างกายเธอแข็งแรงขนาดนั้น แต่มาวันนี้ กับอ่อนแอมากๆ เกรงว่าถ้ามีลม ก็จะถูกลมพัดปลิวล้มได้เลย”

“ผมแอบจับชีพจรของเธอ สถานการณ์ของเธอไม่สู้ดี เกรงว่าอีกไม่นาน เธอก็จะไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว”

ส้าวส้วยพูดอย่างร้อนรน: “เธอบอกกับผมเอง ว่าจื๋อป๋ายแฉพวกเธอ”

“นอกจากชิงฮัว คนอื่นตายกันหมด”

ส้าวส้วยพูด พลางทำสีหน้าอาฆาตแค้นสุดๆ : “จื๋อป๋ายทำร้ายจนคนอื่นต้องตายไปตั้งเยอะ นี่ยังไม่เรียกว่าทรยศอีกเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำพูดพวกนั้น ใบหน้าของหลี่ต๋าคาง ก็แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัด

แบบไม่ปกติ นั่นคือรู้สึกผิด โทษตัวเอง แล้วเจ็บปวด……

“เฮ้อ”

ในตอนนั้น หลี่ต๋าคางก็ถอนหายใจ

“ส้าวส้วย เวลานี้ ฉันพูดกับนายตอนนี้นายก็ไม่เข้าใจ แต่ว่าหากมีวันไหนที่นายต้องเจอกับจื๋อป๋ายขึ้นมาจริงๆ ก็ไว้ชีวิตเขาเถอะ”

หลี่ต๋าคางพูดอย่างหนักแน่น: “นายแค่จำไว้ว่า ในใจของเขามีความยากลำบากอยู่ก็พอแล้ว”

“ลูกพี่ใหญ่ จื๋อป๋ายทำร้ายคนจนตายไปตั้งเยอะ ทำไมท่านถึงยังปกป้องมันด้วย?”

“ผมรู้ว่าท่านเลี้ยงเขาโตมากับมือ แต่ไม่เจอกันสามปี คนก็เปลี่ยนกันได้” ส้าวส้วยพูดอย่างร้อนรน

หลี่ต๋าคางเงยหน้า แล้วมองส้าวส้วยด้วยสายตาที่เหมือนไฟช็อต: “ถ้าหากพวกเราไม่เจอกันสามปี นายจะทรยศฉัน? จะเป็นศัตรูกับฉันเหรอ?”

ส้าวส้วยตอบในทันที: “แน่นอนว่าไม่”

“จื๋อป๋ายก็เหมือนกับนาย เขาก็ไม่ทำ” หลี่ต๋าคางพูด

ส้าวส้วยริมฝีปากสั่น อยากจะพูด แต่ก็กลั้นเอาไว้

ส้าวส้วยติดตามหลี่ต๋าคางมาหลายปี เขาจึงรู้จักหลี่ต๋าคางดี

สิ่งที่หลี่ต๋าคางตัดสินใจแล้ว ไม่ใช่ส่งที่คนอื่นจะมาพูดคำสองคำ ก็ทำให้เขาเปลี่ยนใจได้

หลี่ต๋าคางตัดสินแล้วว่าจื๋อป๋ายไม่ได้ทรยศ……

ส้าวส้วยก็ไม่รู้จะพูดยังไง: “ลูกพี่ใหญ่ ชิงฮัวอยากพบท่านสักครั้ง”

“อืม” หลี่ต๋าคางพยักหน้า แล้วพูด: “ฉันรู้แล้ว”

“นายออกไปก่อนเถอะ ฉันยังมีเรื่องจะคุยกับท่านจวน” หลี่ต๋าคางปัดมือ พลางพูด

ส้าวส้วยถาม: “ลูกพี่ใหญ่ ท่านไม่ถามถึงที่อยู่ของชิงฮัวเหรอครับ?”

“ฉันรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน และก็รู้ว่าในอนาคตเธอจะไปที่ไหน ฉันจะไปพบเธอ แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้……ยังไม่ถึงเวลา” หลี่ต๋าคางพูดอย่างนิ่งๆ

หลังจากนั้นไม่กี่สิบวินาที หลี่ต๋าคางก็พูดเสริม: “รอให้พวกเราหาพวกสี่ตระกูลใหญ่ให้เจอก่อน ฉันค่อยไปพบเธอ”

“แต่……แต่เธอมีข่าวสารจะรายงานท่าน” ส้าวส้วยพูด

“ฉันรู้ แต่ข่าวสารที่ชิงฮัวมี มีแต่เรื่องที่ไม่เป็นผลดีกับเรา”

หลี่ต๋าคางหัวเราะเหอะๆ มองส้าวส้วยพลางพูด: “ส้าวส้วย ถ้าในมือชิงฮัว มีข่าวสารสำคัญของตระกูลซือถูจริงๆ นายคิดว่า ตระกูลซือถูจะปล่อยให้เธอมีชีวิตรอดมาเจอฉันงั้นเหรอ?”

ส้าวส้วยชะงักไปทันที

ใช่แล้ว ในมือชิงฮัว ถ้ามีความลับสำคัญของตระกูลซือถูจริงๆ พวกนั้นคงจะเก็บเธอไปนานแล้ว

ถึงยังไงเรื่องที่ชิงฮัวยังมีชีวิต ตระกูลซือถูก็รู้อยู่

“ลูกพี่ใหญ่หมายความว่าตระกูลซือถูอยากใช้ประโยชน์ชิงฮัว มาส่งข่าวปลอมให้พวกเรางั้นเหรอครับ?” ส้าวส้วยพูดอย่างเข้าใจขึ้นมา

หลี่ต๋าคางพยักหน้า: “ไม่ใช่แค่นั้น ถ้าฉันไปเจอชิงฮัว พวกตระกูลซือถูต้องลงมือกับชิงฮัวแน่ๆ ”

“สำหรับตระกูลซือถูแล้ว เธอก็มีค่าให้ใช้ประโยชน์แค่นี้แหละ”

“รอให้หมดค่าก่อน เธอก็จะถูกกำจัดทิ้ง ถึงยังไงซือถูเฟยนั่น ยังคงมีสัญญาหมั้นหมายกับยัยเด็กที่เมืองหลวงอยู่ นายคิดว่าตระกูลซือถูจะยอมให้ชิงฮัวมามีผลกระทบต่อการดองญาติของพวกเขาเหรอ?”

หลี่ต๋าคางส่ายหน้า และพูด: “ที่จริงที่ฉันพูดมา ด้วยความฉลาดของนาย ก็สามารถคิดได้ แต่ว่า จุดอ่อนของนายอยู่ที่ชิงฮัว”

“คำถามทั้งหมด เมื่อมาอยู่ที่ตัวชิงฮัวแล้ว นายก็กลายเป็นคนไม่มีปัญญา ไม่ฉลาด และโง่มากๆ เพราะงั้นหลังจากนี้เรื่องที่เกี่ยวกับชิงฮัวทั้งหมด นายไม่ต้องยุ่งแล้ว”

หลี่ต๋าคางพูด พลางชักสีหน้า

ส้าวส้วยไม่ได้พูดอะไร

หลี่ต๋าคางปัดมือ ให้ส้าวส้วยออกไปอีกครั้ง แต่เมื่อส้าวส้วยเดินไปถึงหน้าประตู หลี่ต๋าคางก็พูดกับส้าวส้วยหนึ่งประโยค: “ลืมชิงฮัวเถอะ คิดซะว่าเธอเป็นเพื่อนเก่าของนายคนนึง”

“แล้วก็ คำสัญญาที่ให้กับเพื่อนเก่าคนนี้ ไม่จำเป็นต้องใส่ใจ ซือถูเฟยนั่น เห็นได้ชัดว่าเอาชิงฮัวมาเป็นร่มกำบังตัวเองเท่านั้น เขากำลังหลอกใช้ชิงฮัว คนแบบนี้……”

ขณะที่พูด นัยน์ตาของหลี่ต๋าคางก็ราวกับมีแสงเย็นยะเยือกพุ่งออกมา: “ไม่จำเป็นต้องให้มันมีชีวิตอยู่”

คำนี้ของหลี่ต๋าคาง เป็นคำสั่งฆ่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ส้าวส้วยทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเดินออกจากห้องไปเลย

ในตอนนั้น ท่านจวนก็มองหลี่ต๋าคาง และพูดพลางถอนหายใจ: “ทำไมนายไม่บอกความจริงส้าวส้วยไปล่ะ?”

“ฉันเชื่อว่าเขาจะเข้าใจได้ด้วยตัวเอง” หลี่ต๋าคางพูดอย่างนิ่งๆ

“ถ้าแม้แต่จุดประสงค์ของจื๋อป๋ายเขายังมองไม่ออก จากนี้ เขาก็เป็นได้แค่มีดเล่มนึงเท่านั้น” หลี่ต๋าคางพูด

ขณะที่หลี่ฝางออกมา ก็ได้ยินประโยคนี้เข้าพอดี

แต่หลี่ฝางก็ไม่บอกกับส้าวส้วย

แต่หลี่ฝางก็เข้าใจได้ ว่าคนที่ชื่อจื๋อป๋ายนั่น น่าจะไม่ได้หักหลัง

ขณะที่เดินออกมา ส้าวส้วยก็เห็นลุงเฉียน

ลุงเฉียนมองส้าวส้วย แล้วส่ายหน้า: “คืนนี้เรื่องที่นายออกไปเจอชิงฮัว พวกฉันรู้แล้ว”

“พวกลุงจับตาดูชิงฮัวอู่ตลอด?” ส้าวส้วยมองลุงเฉียนอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่แล้ว พวกเราหาชิงฮัวเจอนานแล้ว แต่ว่าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น และยิ่งไม่กล้าบอกกับนาย เพราะว่าตอนนี้ชิงฮัว รักซือถูเฟยแล้ว แถมยังมีลูกกับเขาด้วย”

“จื๋อป๋ายคนนั้น……สรุปแล้วเขาหักหลังหรือเปล่า?”

“ในตอนนี้ไม่กล้าตัดสิน ทั้งหมดล้วนเป็นแค่เรื่องที่พวกเราคาดเดากันเอง” ลุงเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงไม่ชัดเจน

“แต่นายยังจำได้มั้ย ตอนที่พวกนายยังเล็กๆ จื๋อป๋ายเพื่อที่จะชนะเกมที่ไม่สำคัญอะไร ก็ตัดสินใจตัดนิ้วของตัวเองข้างนึงทิ้งทันที”

“ตอนนั้นนายตกใจแทบแย่ แต่เขาก็หัวเราะพลางพูดว่า ‘เขาชนะแล้ว’ ”

ลุงเฉียนพูดจบ ส้าวส้วยก็พยักหน้าตอบ: “แน่นอนว่าจำได้ ตอนนั้นลูกพี่ใหญ่ยังด่าเขาอยู่เลย”

“ใช่แล้ว จื๋อป๋ายเขาก็คือคนที่เพื่อเป้าหมายของตัวเองแล้ว จะไม่ลังเลที่จะแลกด้วยอะไรทั้งหมด เขากล้าที่จะเสียสละตนเอง และก็กล้าที่จะสละคนอื่น ในตัวของเขามีความยอมเสียสละอยู่ ซึ่งพวกนายไม่มี”

“ตั้งแต่เล็กจนโต จื๋อป๋ายก็เป็นแบบนี้ ในหน่วยมืด เขาคือคนที่เก่งที่สุด และก็เป็นคนที่บ้าระห่ำที่สุด”

“ในตอนนั้นคนที่ส่งเข้าตระกูลซือถูไป ล้วนแต่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของจื๋อป๋าย ไม่ว่าจะเป็นชิงฮัว อะซิง หรือว่าอะเหยา”

“ใช่แล้ว ส้าวส้วย นาก็รู้ว่าอะเหยาเก่งเรื่องอะไรใช่มั้ย?” ลุงเฉียนมองส้าวส้วยพลางถาม

“อะเหยาเกิดในครอบครัวแพทย์แผนจีน ตั้งแต่เล็กก็ช่วยคนในครอบครัวเก็บยาหายา……ความสามารถที่ดีที่สุดของเขา นั่นก็คือใช้จมูกของตัวเอง ดมแค่นิดเดียวก็สามารถบอกชื่อยาทั้งหมดได้”

“อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นพืช ยาจีน มีพิษหรือไม่มีพิษ เขาสามารถดมออกหมด” ส้าวส้วยตอบ

“ใช่แล้ว ถ้าหากในอาหารมีพิษ อะเหยาไม่มีทางไม่รู้” ลุงเฉียนพยักหน้า แล้วพูด

“แล้วก็อะเหยากับจื๋อป๋าย ก็เข้ามาร่วมกับพวกเราพร้อมกัน ความเป็นเพื่อนของพวกเขา ไม่ได้น้อยไปกว่านายกับโหจื่อเลย”

ลุงเฉียนส่ายหน้า แล้วถอนหายใจพลางพูด: “เฮ้อ เสียดายเด็กคนนี้จริงๆ ”

“นั่นก็ไม่ใช่เพราะจื๋อป๋ายฆ่าเขาเหรอ?”

“ฉันพูดมาขนาดนี้แล้ว หรือว่านายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?” ลุงเฉียนมองส้าวส้วยอย่างผิดหวังเล็กน้อย

“ถ้าอะเหยาไม่อยากตาย นายคิดว่า เขาจะกินอาหารที่มีพิษพวกนั้นเหรอ?”

ลุงเฉียนขมวดคิ้ว: “เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการตาย เขาอยากจะใช้การตายของเขา ช่วยให้จื๋อป๋ายสมหวัง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท