บทที่474 ไม่ใช่สี่ตระกูลใหญ่ พวกเขาก็ไม่ตาย
เดิมที หลี่ฝางแค่รู้สึกว่าท่านซุนนี้ คือคนแก่ธรรมดาๆคนหนึ่ง
ทำให้พ่อตัวเองให้ความสำคัญแบบนี้ได้ เห็นได้ชัดว่า ตัวตนของคุณท่านนี่ ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น
ประมาณสิบกว่านาทีต่อไป รถก็ขับไปที่หน้าประตูบ้านของท่านซุน
ประตูใหญ่ของบ้านท่านซุน เปิดอยู่
“ดึกขนาดนี้แล้ว ยังเปิดประตูอยู่อีก?หรือกำลังรอพวกเรา?”หลี่ฝางถามอย่างตกใจ
“เขาไม่ใช่เทวดานะ จะรู้ได้ไงว่าพวกเราจะมาน่ะ?”
หลี่ต๋าคางยิ้ม แล้วพูด:“ลงจากรถเถอะ”
เพิ่งลงจากรถ หลี่ฝางก็เห็นท่านซุน เขานั่งหน้าหมากรุกคนเดียว ในมือถือชาร้อนแก้วหนึ่ง
“พวกคุณสองพ่อลูกมาแล้วสักทีนะ”
ท่านซุนก็เงยหน้าขึ้น ได้ยินเสียงฝีเท้า ก็ยิ้มไปพูดไป:“ผมรอพวกคุณตั้งหลายวัน”
“บ้านของท่านซุน ดูเหมือนน้อยมากที่จะมีคนมาเยี่ยมเยียน”
หลี่ต๋าคางกวาดมองไปรอบๆ แล้วหัวเราะเบาๆ:“เงียบเชียบ ยิ่งกว่าเมื่อสามปีก่อนมากเลย”
“หลังจากคุณไป ที่ของผมนี้ก็เงียบสงบเยอะเลย”
“แต่ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว งั้นคิดๆแล้ว วันที่ผมจะเงียบสงบก็ไม่กี่วันเอง”
ท่านซุนส่ายหน้า แล้วพูด:“สามปีก่อน ผมแพ้ให้คุณตาหนึ่ง วันนี้มาลองสักตาไหมล่ะ”
“ท่านซุน ทำไมต้องเล่นหมากรุกล่ะ คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ ที่คุณไม่ชำนาญมากที่สุด นั่นก็คือหมากรุก”หลี่ต๋าคางส่ายหน้า แล้วพูด
“ท่านครับ ผมแข่งศิลปะการต่อสู้กับคุณได้ไหม?”
ท่านซุนเงยหน้าขึ้น ตาทั้งคู่จ้องมองที่หลี่ต๋าคาง
ถึงแม้ท่านซุนจะอายุมากแล้ว แต่ดวงตาของเขา คมกริบมากๆ ภายใต้ริ้วรอยที่เต็มหน้า ก็เต็มไปด้วยความองอาจผ่าเผย
“เล่นหมากรุกนั่นแหละ”
“หลายวันก่อน ส้าวส้วยมาหาผม ผมเล่นกับเขาไปสองตา แก่แล้ว แก่แล้ว ไร้ประโยชน์จริงๆ ถ้าไม่ใช่ส้าวส้วยจงใจยอมอ่อนให้ผม ก็เกรงว่ากระดูกแก่ๆของผมนี้ คงไปอยู่ในเงื้อมมือของไอ้หมอนี่แล้ว”
ท่านซุนถอนหายใจแล้วพูด
“สองสามปีนี้ ส้าวส้วยก้าวหน้าอย่างรวดเร็วดีจริงๆ พูดตรงๆนะ ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย”
หลี่ต๋าคางหัวเราะ แล้วพูด:“นั่นไม่ใช่พื้นฐานที่แข็งแกร่งของส้าวส้วยเหรอ?”
“พูดถึงแล้ว ล้วนแต่เป็นเพราะคุณงามความดีของท่านซุน”
อาจารย์คนแรกของส้าวส้วย ก็คือท่านซุน
พอโตขึ้น จึงไปติดตามหลี่ต๋าคาง
“เหอะเหอะ ถ้ารู้ว่าส้าวส้วยจะกลายเป็นอย่างวันนี้ ผมยอมเห็นเขาหิวตายข้างถนนกับตาดีกว่า”ท่านซุนพูดอย่างเย็นชา
“ท่านซุนเป็นคนใจบุญ จะไปทนมองส้าวส้วยหิวตายได้ไง?”
หลี่ต๋าคางส่ายหน้า นั่งข้างๆของท่านซุน
เวลานี้ หลี่ต๋าคางก็โบกมือให้หลี่ฝาง เรียกเขาเข้ามา
ที่นั่งที่เหลืออยู่ ก็คือตรงข้ามของท่านซุน
หลี่ฝางยืนขึ้น ไม่กล้านั่งลง:“พ่อ ผมนั่งนี่เหรอ?”
“ใช่ไง ลูกไม่ได้รับปากว่าจะเล่นหมากรุกกับท่านซุนเหรอ?”หลี่ต๋าคางมองที่หลี่ฝางแล้วถาม
หลี่ฝางพยักหน้า กลับมีเรื่องอย่างนี้ด้วย
“งั้นที่ตรงนี้ ลูกก็ควรนั่ง”หลี่ต๋าคางพูด
หลี่ฝางลังเลเล็กน้อย มองไปที่ท่านซุน ค่อยๆนั่งลง
“หลอซ่า คุณจะให้ลูกชายคุณเล่นหมากรุกกับผมจริงๆเหรอ?”สีหน้าของท่านซุน หม่นลงเล็กน้อย
“มีอะไรไม่ได้เหรอ?”
หลี่ต๋าคางหัวเราะไปก็พูดไปว่า:“ตอนเล็กๆ ผมก็สอนเขาเล่นหมากรุก”
คิ้วของท่านซุนขมวดหน่อยๆ:“เดิมพันกับอะไร?”
“กฎเดิม”หลี่ต๋าคางพูด:“เมื่อก่อนเดิมพันอะไร ตอนนี้ก็เดิมพันต่อ”
“โอเค”
ท่านซุนพยักหน้า จากนั้นก็จัดเกมหมากรุก
หลี่ฝางก็ไม่เกรงใจ เดินหน้าก่อน
หลี่ฝางไม่แน่ใจว่าชนะเท่าไหร่นัก ตอนนั้นที่เล่นกับพ่อตัวเอง ตอนที่แพ้ก็ค่อนข้างมากกว่าหน่อย
และท่านซุนตรงหน้านี้ ก็คือเพื่อนเล่นหมากรุกของพ่อตัวเอง
ดังนั้นหลี่ฝางต้องระมัดระวัง
ยังไง นี่ก็ไม่ใช่เล่นหมากรุกทั่วๆไป มีการเดิมพันอยู่
ถึงแม้หลี่ฝางไม่รู้ว่าเดิมพันอะไร แต่หลี่ต๋าคางไม่พูด หลี่ฝางก็ไม่กล้าถาม
ถ้าเดิมพันชิ้นใหญ่ ก็มีแต่สร้างความกดดันในใจของตัวเองมากขึ้น
“ใช่สิ ท่านซุน หลายปีมานี้ คนของสี่ตระกูลใหญ่มาบ้างไหม?”หลี่ต๋าคางถามอยู่ข้างๆ
“ปีแรก เหมือนว่าจะมาทุกวัน ปีที่สอง ทุกสัปดาห์จะมีคนมา จนถึงปีนี้ มาเดือนละครั้ง”
ท่านซุนหัวเราะ พูดว่า:“แต่ ต่างถูกผมปฏิเสธหมด”
“เรื่องที่ผมเคยรับปากคุณไว้ ก็ไม่มีทางเปลี่ยนหรอก”
ท่านซุนหัวเราะไปพูดไป:“พูดอีกอย่าง คุณไม่อยู่ พวกเขาก็ไม่มีเรื่องน่าปวดหัว”
“ผมเองก็ไม่มีดีอะไรที่จะไปแก้ปัญหาแทนพวกเขา”
“คำพูดของท่านซุนนี้ คือคิดจะจัดการผม?”หลี่ต๋าคางยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ที่มือคุณแปดเปื้อนไปด้วยเลือด มีชีวิตอยู่ไป ก็มีแต่จะทำให้แปดเปื้อนเลือดมากขึ้น บางทีกำจัดคุณทิ้ง ก็จะเป็นการอุทิศที่ใหญ่ที่สุดต่อเมืองเอก”ท่านซุนพูด
“ฟังดูแล้วเหมือนท่านซุนกำลังปราบปรามคนร้ายเพื่อประชาชนเลยนะ”หลี่ต๋าคางหัวเราะนิ่งๆ
“ตอนนี้ สี่ตระกูลใหญ่แอบควบคุมอำนาจใหญ่ของเมืองเอก ไม่ดีตรงไหน?ทำไมคุณจะต้องทำลายความสมดุลนี้ให้ได้ด้วย คุณรู้ไหม ทำลายความสมดุลนี้ไป จะเสียเลือดเนื้อมากแค่ไหน?”
ท่านซุนบีบหมากในมือ หันไปมองหลี่ต๋าคาง
“ความหมายของท่านซุนคือ ให้สี่ตระกูลใหญ่อยู่ต่อไปอย่างนิรันดร์เหรอ?”
หลี่ต๋าคางทำเสียงฮึดฮัด พูดว่า:“มีสิทธิ์อะไร?กษัตริย์ อำมาตย์ ขุนพล เป็นกันเพราะชาติกำเนิดหรือไง ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มันสมัยไหนแล้ว พวกเขายังจะอยากเป็นจักรพรรดิของแผ่นดินอีกเหรอ?นี่มันตลกจริงๆ”
“จวนก็ไม่ใช่ว่าอยากเป็นจักรพรรดิของแผ่นดินเหรอไง?”ท่านซุนพูดตอบโต้
“จวนไม่เคยควบคุมใคร แต่สี่ตระกูลใหญ่ไม่เหมือนกัน เผด็จการชัดๆใครเชื่อฟังก็อยู่ต่อพัฒนาต่อไปได้ส่วนใครเป็นปฏิปักษ์ก็จะทำให้พินาศ แล้วก็เอาตัวเองเป็นพระเจ้า”
ที่ใบหน้าของหลี่ต๋าคาง จู่ๆก็โมโหมากขึ้น:“ใต้ฟ้านี้ ไม่มีเหตุผลเลย”
“เห้อ”
ท่านซุนถอนหายใจไป ก็ใช้หมากโจมตีหมากหนึ่งตัวของหลี่ฝางไป
“คุณกลับมาครั้งนี้ คิดจะฆ่าล้างให้หมดใช่ไหม?”
“ผมได้ยินว่า คนที่คุณพาไป ตอนที่หลบหนีก็ตายไปเยอะ”
ท่านซุนรู้ คนพวกนั้นที่หนีไปตามหลี่ต๋าคาง ก็คือญาติมิตรคนสนิทของหลี่ต๋าคาง
ตายไปสักคน หลี่ต๋าคางก็จะบ้าตาย
หลี่ต๋าคางส่ายหน้า พูดว่า:“ไม่ใช่”
ท่านซุนถอนหายใจ:“งั้นก็ยังดี”
“ผมไม่ลงมือกับเด็กแน่”ไม่กี่วินาทีจากนั้น หลี่ต๋าคางพูดเสริม
ทันใดนั้น มือของท่านซุน ก็สั่นทันที
ความหมายของหลี่ต๋าคางคือ นอกจากเด็ก ก็จะฆ่าให้หมด
ท่านซุนกลืนน้ำลาย ส่ายหน้าพูดว่า:“พวกเขาก็แค่ขอเงินเท่านั้น”
“เพื่อเงิน พวกเขาทำเรื่องผิดศีลธรรมไปไม่น้อย”
หลี่ต๋าคางพูดเสียงทุ้ม:“สี่ตระกูลใหญ่ทั้งหมด ไม่ควรมีอยู่เลยด้วยซ้ำ”
“ถึงผมจะประนีประนอม วันข้างหน้า ก็ต้องมีคนหนึ่งยืนออกมาต่อต้าน สี่ตระกูลใหญ่ไม่มีทางอยู่ต่อไปได้ตลอด ท่านซุน คุณน่าจะเข้าใจเหตุผลนี้ดี”หลี่ต๋าคางพูด
ท่านซุนไม่พูด เล่นหมากรุกต่อไป
“สี่ตระกูลใหญ่ไม่ธรรมดาอย่างที่คุณคิด อยากจะล้มพวกเขา ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย”
ท่านซุนส่ายหน้า พูดเบาๆ:“ผมได้ยินว่า พวกคุณใช้ชีวิตที่ดูไบอย่างดีมาก”
“ทำไมถึงกลับเข้ามามีปัญหาล่ะ?”
ท่านซุนพูด:“เมืองเอกที่เล็กๆ เทียบกับดูไบได้เหรอ?”
“และถึงคุณเอาไปทั้งเมืองเอกได้ แล้วจะยังไงล่ะ?ที่สี่ตระกูลใหญ่อยู่ที่นี่ ก็เพราะว่าตัวตนของพวกเขาค่อนข้างพิเศษ ไม่มีอะไรมากไปกว่าลอยหน้าลอยตา ขยายให้กว้างขวางขึ้น”
“ถ้าไม่ใช่สาเหตุของตัวตน พวกเขาก็ไม่หลบอยู่เบื้องหลัง”
“บางทีพวกเขาอาจจะเข้าไปสู่จุดมุ่งหมายในเมือง หรือไปทางตอนใต้ ไปเติบโตยังสถานที่ที่มีอนาคตมากกว่านี้”
“หลอซ่า ตอนนี้ปีกของคุณแข็งแกร่งแล้ว พวกคุณสามารถบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ใหญ่กว่านี้ได้ ทำไมต้องแก้แค้นเมื่อสามปีก่อน ไปสู้กับพวกคนไม่กี่คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดให้ได้?”
“ถึงสู้ชนะ แล้วมีอะไรให้คุ้มค่าเหรอ”
ท่านซุนมองหลี่ต๋าคาง พูดโน้มน้าว:“จำเป็นเหรอ?”
หลี่ต๋าคางมีสีหน้าหม่นลง:“เสว่ฉิน ไป๋เฟิ่ง……ช่ายยิง เสี่ยวเฟิง อาเฟย อะเหยา”
หลี่ต๋าคางพูดกับตัวเอง พูดสิบกว่าชื่อ
ตอนหลี่ต๋าคางไม่พูดชื่อหนึ่งออกมา มุมปากของเขาก็สั่นหน่อยๆ และความพร้อมฆ่าที่ใบหน้า ก็เพิ่มขึ้นหน่อยๆ
ส่วนท่านซุนที่เล่นหมากรุกนั้น ตอนที่ได้ยินชื่อพวกนี้ ก็ใจสั่นตามขึ้นมา
แม้แต่ความคิดที่จะเล่นหมากรุก ก็ไม่มีแล้ว
ทันใดนั้น อารมณ์ของท่านซุนก็วุ่นวาย ส่วนหลี่ฝางก็ถือโอกาสจากช่องว่างนี้ แอบกระจายตัวหมาก
หลังจากหลี่ต๋าคางอ่านชื่อพวกนี้เสร็จ ก็ถามท่านซุน:“ชื่อพวกนี้ ท่านซุนรู้สึกคุ้นไหม?”
“มีสองสามคนที่ไม่เคยได้ยิน”ท่านซุนตอบไปด้วยเสียงทุ้ม
“ชื่อพวกนี้ ก่อนที่ผมจะนอนทุกคืน ก็จะท่องเงียบๆหนึ่งรอบ”
หลี่ต๋าคางพูดด้วยเสียงเย็นชา:“ถ้าไม่ใช่สี่ตระกูลใหญ่ พวกเขาก็ไม่ตาย”