NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 474

ตอนที่ 474

บทที่474 ไม่ใช่สี่ตระกูลใหญ่ พวกเขาก็ไม่ตาย

เดิมที หลี่ฝางแค่รู้สึกว่าท่านซุนนี้ คือคนแก่ธรรมดาๆคนหนึ่ง

ทำให้พ่อตัวเองให้ความสำคัญแบบนี้ได้ เห็นได้ชัดว่า ตัวตนของคุณท่านนี่ ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็น

ประมาณสิบกว่านาทีต่อไป รถก็ขับไปที่หน้าประตูบ้านของท่านซุน

ประตูใหญ่ของบ้านท่านซุน เปิดอยู่

“ดึกขนาดนี้แล้ว ยังเปิดประตูอยู่อีก?หรือกำลังรอพวกเรา?”หลี่ฝางถามอย่างตกใจ

“เขาไม่ใช่เทวดานะ จะรู้ได้ไงว่าพวกเราจะมาน่ะ?”

หลี่ต๋าคางยิ้ม แล้วพูด:“ลงจากรถเถอะ”

เพิ่งลงจากรถ หลี่ฝางก็เห็นท่านซุน เขานั่งหน้าหมากรุกคนเดียว ในมือถือชาร้อนแก้วหนึ่ง

“พวกคุณสองพ่อลูกมาแล้วสักทีนะ”

ท่านซุนก็เงยหน้าขึ้น ได้ยินเสียงฝีเท้า ก็ยิ้มไปพูดไป:“ผมรอพวกคุณตั้งหลายวัน”

“บ้านของท่านซุน ดูเหมือนน้อยมากที่จะมีคนมาเยี่ยมเยียน”

หลี่ต๋าคางกวาดมองไปรอบๆ แล้วหัวเราะเบาๆ:“เงียบเชียบ ยิ่งกว่าเมื่อสามปีก่อนมากเลย”

“หลังจากคุณไป ที่ของผมนี้ก็เงียบสงบเยอะเลย”

“แต่ในเมื่อคุณกลับมาแล้ว งั้นคิดๆแล้ว วันที่ผมจะเงียบสงบก็ไม่กี่วันเอง”

ท่านซุนส่ายหน้า แล้วพูด:“สามปีก่อน ผมแพ้ให้คุณตาหนึ่ง วันนี้มาลองสักตาไหมล่ะ”

“ท่านซุน ทำไมต้องเล่นหมากรุกล่ะ คุณก็รู้อยู่แล้วนี่ ที่คุณไม่ชำนาญมากที่สุด นั่นก็คือหมากรุก”หลี่ต๋าคางส่ายหน้า แล้วพูด

“ท่านครับ ผมแข่งศิลปะการต่อสู้กับคุณได้ไหม?”

ท่านซุนเงยหน้าขึ้น ตาทั้งคู่จ้องมองที่หลี่ต๋าคาง

ถึงแม้ท่านซุนจะอายุมากแล้ว แต่ดวงตาของเขา คมกริบมากๆ ภายใต้ริ้วรอยที่เต็มหน้า ก็เต็มไปด้วยความองอาจผ่าเผย

“เล่นหมากรุกนั่นแหละ”

“หลายวันก่อน ส้าวส้วยมาหาผม ผมเล่นกับเขาไปสองตา แก่แล้ว แก่แล้ว ไร้ประโยชน์จริงๆ ถ้าไม่ใช่ส้าวส้วยจงใจยอมอ่อนให้ผม ก็เกรงว่ากระดูกแก่ๆของผมนี้ คงไปอยู่ในเงื้อมมือของไอ้หมอนี่แล้ว”

ท่านซุนถอนหายใจแล้วพูด

“สองสามปีนี้ ส้าวส้วยก้าวหน้าอย่างรวดเร็วดีจริงๆ พูดตรงๆนะ ผมไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย”

หลี่ต๋าคางหัวเราะ แล้วพูด:“นั่นไม่ใช่พื้นฐานที่แข็งแกร่งของส้าวส้วยเหรอ?”

“พูดถึงแล้ว ล้วนแต่เป็นเพราะคุณงามความดีของท่านซุน”

อาจารย์คนแรกของส้าวส้วย ก็คือท่านซุน

พอโตขึ้น จึงไปติดตามหลี่ต๋าคาง

“เหอะเหอะ ถ้ารู้ว่าส้าวส้วยจะกลายเป็นอย่างวันนี้ ผมยอมเห็นเขาหิวตายข้างถนนกับตาดีกว่า”ท่านซุนพูดอย่างเย็นชา

“ท่านซุนเป็นคนใจบุญ จะไปทนมองส้าวส้วยหิวตายได้ไง?”

หลี่ต๋าคางส่ายหน้า นั่งข้างๆของท่านซุน

เวลานี้ หลี่ต๋าคางก็โบกมือให้หลี่ฝาง เรียกเขาเข้ามา

ที่นั่งที่เหลืออยู่ ก็คือตรงข้ามของท่านซุน

หลี่ฝางยืนขึ้น ไม่กล้านั่งลง:“พ่อ ผมนั่งนี่เหรอ?”

“ใช่ไง ลูกไม่ได้รับปากว่าจะเล่นหมากรุกกับท่านซุนเหรอ?”หลี่ต๋าคางมองที่หลี่ฝางแล้วถาม

หลี่ฝางพยักหน้า กลับมีเรื่องอย่างนี้ด้วย

“งั้นที่ตรงนี้ ลูกก็ควรนั่ง”หลี่ต๋าคางพูด

หลี่ฝางลังเลเล็กน้อย มองไปที่ท่านซุน ค่อยๆนั่งลง

“หลอซ่า คุณจะให้ลูกชายคุณเล่นหมากรุกกับผมจริงๆเหรอ?”สีหน้าของท่านซุน หม่นลงเล็กน้อย

“มีอะไรไม่ได้เหรอ?”

หลี่ต๋าคางหัวเราะไปก็พูดไปว่า:“ตอนเล็กๆ ผมก็สอนเขาเล่นหมากรุก”

คิ้วของท่านซุนขมวดหน่อยๆ:“เดิมพันกับอะไร?”

“กฎเดิม”หลี่ต๋าคางพูด:“เมื่อก่อนเดิมพันอะไร ตอนนี้ก็เดิมพันต่อ”

“โอเค”

ท่านซุนพยักหน้า จากนั้นก็จัดเกมหมากรุก

หลี่ฝางก็ไม่เกรงใจ เดินหน้าก่อน

หลี่ฝางไม่แน่ใจว่าชนะเท่าไหร่นัก ตอนนั้นที่เล่นกับพ่อตัวเอง ตอนที่แพ้ก็ค่อนข้างมากกว่าหน่อย

และท่านซุนตรงหน้านี้ ก็คือเพื่อนเล่นหมากรุกของพ่อตัวเอง

ดังนั้นหลี่ฝางต้องระมัดระวัง

ยังไง นี่ก็ไม่ใช่เล่นหมากรุกทั่วๆไป มีการเดิมพันอยู่

ถึงแม้หลี่ฝางไม่รู้ว่าเดิมพันอะไร แต่หลี่ต๋าคางไม่พูด หลี่ฝางก็ไม่กล้าถาม

ถ้าเดิมพันชิ้นใหญ่ ก็มีแต่สร้างความกดดันในใจของตัวเองมากขึ้น

“ใช่สิ ท่านซุน หลายปีมานี้ คนของสี่ตระกูลใหญ่มาบ้างไหม?”หลี่ต๋าคางถามอยู่ข้างๆ

“ปีแรก เหมือนว่าจะมาทุกวัน ปีที่สอง ทุกสัปดาห์จะมีคนมา จนถึงปีนี้ มาเดือนละครั้ง”

ท่านซุนหัวเราะ พูดว่า:“แต่ ต่างถูกผมปฏิเสธหมด”

“เรื่องที่ผมเคยรับปากคุณไว้ ก็ไม่มีทางเปลี่ยนหรอก”

ท่านซุนหัวเราะไปพูดไป:“พูดอีกอย่าง คุณไม่อยู่ พวกเขาก็ไม่มีเรื่องน่าปวดหัว”

“ผมเองก็ไม่มีดีอะไรที่จะไปแก้ปัญหาแทนพวกเขา”

“คำพูดของท่านซุนนี้ คือคิดจะจัดการผม?”หลี่ต๋าคางยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ที่มือคุณแปดเปื้อนไปด้วยเลือด มีชีวิตอยู่ไป ก็มีแต่จะทำให้แปดเปื้อนเลือดมากขึ้น บางทีกำจัดคุณทิ้ง ก็จะเป็นการอุทิศที่ใหญ่ที่สุดต่อเมืองเอก”ท่านซุนพูด

“ฟังดูแล้วเหมือนท่านซุนกำลังปราบปรามคนร้ายเพื่อประชาชนเลยนะ”หลี่ต๋าคางหัวเราะนิ่งๆ

“ตอนนี้ สี่ตระกูลใหญ่แอบควบคุมอำนาจใหญ่ของเมืองเอก ไม่ดีตรงไหน?ทำไมคุณจะต้องทำลายความสมดุลนี้ให้ได้ด้วย คุณรู้ไหม ทำลายความสมดุลนี้ไป จะเสียเลือดเนื้อมากแค่ไหน?”

ท่านซุนบีบหมากในมือ หันไปมองหลี่ต๋าคาง

“ความหมายของท่านซุนคือ ให้สี่ตระกูลใหญ่อยู่ต่อไปอย่างนิรันดร์เหรอ?”

หลี่ต๋าคางทำเสียงฮึดฮัด พูดว่า:“มีสิทธิ์อะไร?กษัตริย์ อำมาตย์ ขุนพล เป็นกันเพราะชาติกำเนิดหรือไง ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้มันสมัยไหนแล้ว พวกเขายังจะอยากเป็นจักรพรรดิของแผ่นดินอีกเหรอ?นี่มันตลกจริงๆ”

“จวนก็ไม่ใช่ว่าอยากเป็นจักรพรรดิของแผ่นดินเหรอไง?”ท่านซุนพูดตอบโต้

“จวนไม่เคยควบคุมใคร แต่สี่ตระกูลใหญ่ไม่เหมือนกัน เผด็จการชัดๆใครเชื่อฟังก็อยู่ต่อพัฒนาต่อไปได้ส่วนใครเป็นปฏิปักษ์ก็จะทำให้พินาศ แล้วก็เอาตัวเองเป็นพระเจ้า”

ที่ใบหน้าของหลี่ต๋าคาง จู่ๆก็โมโหมากขึ้น:“ใต้ฟ้านี้ ไม่มีเหตุผลเลย”

“เห้อ”

ท่านซุนถอนหายใจไป ก็ใช้หมากโจมตีหมากหนึ่งตัวของหลี่ฝางไป

“คุณกลับมาครั้งนี้ คิดจะฆ่าล้างให้หมดใช่ไหม?”

“ผมได้ยินว่า คนที่คุณพาไป ตอนที่หลบหนีก็ตายไปเยอะ”

ท่านซุนรู้ คนพวกนั้นที่หนีไปตามหลี่ต๋าคาง ก็คือญาติมิตรคนสนิทของหลี่ต๋าคาง

ตายไปสักคน หลี่ต๋าคางก็จะบ้าตาย

หลี่ต๋าคางส่ายหน้า พูดว่า:“ไม่ใช่”

ท่านซุนถอนหายใจ:“งั้นก็ยังดี”

“ผมไม่ลงมือกับเด็กแน่”ไม่กี่วินาทีจากนั้น หลี่ต๋าคางพูดเสริม

ทันใดนั้น มือของท่านซุน ก็สั่นทันที

ความหมายของหลี่ต๋าคางคือ นอกจากเด็ก ก็จะฆ่าให้หมด

ท่านซุนกลืนน้ำลาย ส่ายหน้าพูดว่า:“พวกเขาก็แค่ขอเงินเท่านั้น”

“เพื่อเงิน พวกเขาทำเรื่องผิดศีลธรรมไปไม่น้อย”

หลี่ต๋าคางพูดเสียงทุ้ม:“สี่ตระกูลใหญ่ทั้งหมด ไม่ควรมีอยู่เลยด้วยซ้ำ”

“ถึงผมจะประนีประนอม วันข้างหน้า ก็ต้องมีคนหนึ่งยืนออกมาต่อต้าน สี่ตระกูลใหญ่ไม่มีทางอยู่ต่อไปได้ตลอด ท่านซุน คุณน่าจะเข้าใจเหตุผลนี้ดี”หลี่ต๋าคางพูด

ท่านซุนไม่พูด เล่นหมากรุกต่อไป

“สี่ตระกูลใหญ่ไม่ธรรมดาอย่างที่คุณคิด อยากจะล้มพวกเขา ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลย”

ท่านซุนส่ายหน้า พูดเบาๆ:“ผมได้ยินว่า พวกคุณใช้ชีวิตที่ดูไบอย่างดีมาก”

“ทำไมถึงกลับเข้ามามีปัญหาล่ะ?”

ท่านซุนพูด:“เมืองเอกที่เล็กๆ เทียบกับดูไบได้เหรอ?”

“และถึงคุณเอาไปทั้งเมืองเอกได้ แล้วจะยังไงล่ะ?ที่สี่ตระกูลใหญ่อยู่ที่นี่ ก็เพราะว่าตัวตนของพวกเขาค่อนข้างพิเศษ ไม่มีอะไรมากไปกว่าลอยหน้าลอยตา ขยายให้กว้างขวางขึ้น”

“ถ้าไม่ใช่สาเหตุของตัวตน พวกเขาก็ไม่หลบอยู่เบื้องหลัง”

“บางทีพวกเขาอาจจะเข้าไปสู่จุดมุ่งหมายในเมือง หรือไปทางตอนใต้ ไปเติบโตยังสถานที่ที่มีอนาคตมากกว่านี้”

“หลอซ่า ตอนนี้ปีกของคุณแข็งแกร่งแล้ว พวกคุณสามารถบินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าที่ใหญ่กว่านี้ได้ ทำไมต้องแก้แค้นเมื่อสามปีก่อน ไปสู้กับพวกคนไม่กี่คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดให้ได้?”

“ถึงสู้ชนะ แล้วมีอะไรให้คุ้มค่าเหรอ”

ท่านซุนมองหลี่ต๋าคาง พูดโน้มน้าว:“จำเป็นเหรอ?”

หลี่ต๋าคางมีสีหน้าหม่นลง:“เสว่ฉิน ไป๋เฟิ่ง……ช่ายยิง เสี่ยวเฟิง อาเฟย อะเหยา”

หลี่ต๋าคางพูดกับตัวเอง พูดสิบกว่าชื่อ

ตอนหลี่ต๋าคางไม่พูดชื่อหนึ่งออกมา มุมปากของเขาก็สั่นหน่อยๆ และความพร้อมฆ่าที่ใบหน้า ก็เพิ่มขึ้นหน่อยๆ

ส่วนท่านซุนที่เล่นหมากรุกนั้น ตอนที่ได้ยินชื่อพวกนี้ ก็ใจสั่นตามขึ้นมา

แม้แต่ความคิดที่จะเล่นหมากรุก ก็ไม่มีแล้ว

ทันใดนั้น อารมณ์ของท่านซุนก็วุ่นวาย ส่วนหลี่ฝางก็ถือโอกาสจากช่องว่างนี้ แอบกระจายตัวหมาก

หลังจากหลี่ต๋าคางอ่านชื่อพวกนี้เสร็จ ก็ถามท่านซุน:“ชื่อพวกนี้ ท่านซุนรู้สึกคุ้นไหม?”

“มีสองสามคนที่ไม่เคยได้ยิน”ท่านซุนตอบไปด้วยเสียงทุ้ม

“ชื่อพวกนี้ ก่อนที่ผมจะนอนทุกคืน ก็จะท่องเงียบๆหนึ่งรอบ”

หลี่ต๋าคางพูดด้วยเสียงเย็นชา:“ถ้าไม่ใช่สี่ตระกูลใหญ่ พวกเขาก็ไม่ตาย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท