NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 498

ตอนที่ 498

บทที่498 การไต่สวนของลู่หลุ่ย

สำหรับหลี่ฝางแล้ว แต่งงานคือเรื่องที่ไม่อาจรับรู้ได้ ยังไงตอนนี้ก็เพิ่งเข้าปีหนึ่ง เรื่องแต่งงาน อย่างน้อยก็ต้องอีกสามสี่ปีข้างหน้าไหม?

ใครจะไปรู้ว่าอีกสามสี่ปีข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น?

แต่ถ้าลู่หลุ่ยยอม หลี่ฝางก็จะจัดงานแต่งกับเธอทันที อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

“แน่นอนสิ”

หลี่ฝางพยักหน้า มองลู่หลุ่ยแล้วพูด:“เพื่อคุณ อะไรผมก็ทำให้ได้ทั้งนั้น”

ถ้าพูดกันก็คือหลี่ฝางยังไม่กล้ามั่นใจนัก แต่ถ้าบอกว่ารักหรือไม่ หลี่ฝางก็แน่ใจมาก

หลี่ฝางรักลู่หลุ่ยแทบจะตายอยู่แล้ว

“อือ ฉันเชื่อคุณ ฉันรู้สึกได้ถึงความรักของคุณ”

ลู่หลุ่ย พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม แต่จากนั้นที่ใบหน้าก็ปรากฏความเศร้าขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นน้ำเสียงก็เปลี่ยนไป:“ก็แค่……”

“ก็แค่อะไร?”ในใจของหลี่ฝางเต้นตึกตัก

หลี่ฝางไม่ได้โง่ หัวข้อต่อไปของลู่หลุ่ย จะต้องเป็นเรื่องไม่ดีหน่อยๆแน่

ความอยู่เป็นของหลี่ฝางนั้นแข็งแกร่งมาก

“คุณกับฉินวี่เฟยเป็นอะไรกันเหรอ?คุณก็รักเธอเหรอ?”ลู่หลุ่ยหันหน้าไป มองไปที่ตาของหลี่ฝาง

หลี่ฝางก็ร้อนตัวหน่อยๆ เขาพยายามหลบสายตาของลู่หลุ่ย แล้วพูด:“ผมกับฉินวี่เฟย……”

“มองตาฉันแล้วพูด หลี่ฝาง”ลู่หลุ่ยจ้องแล้วหลี่ฝางพูด

หลี่ฝางลังเลไม่กี่วินาที แล้วหันหน้าไป:“ผมกับฉินวี่เฟยไม่ใช่อย่างที่คุณคิดจริงๆ”

“ลู่หลุ่ย คุณฟังผมพูดโอเคไหม ก่อนหน้านี้ฉินวี่เฟยมีการหมั้นหมายไว้ แต่ผู้ชายคือคนสารเลว ฉินวี่เฟยไม่อยากแต่งกับเขา จึงมาให้ผมช่วย อยากจะใช้ผมให้ไปเล่นละครกับเธอ แบบนี้ เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับ ไอ้คนสารเลวนั่นแล้ว”

“ไอ้คนสารเลวนั่นคุณก็รู้จัก ตอนที่ผมสอบเอนทรานซ์โดนแทงใช่ไหมล่ะ?ก็ไอ้สารเลวนั่นแหละ มู่เสี่ยวไป๋ คุณว่าถ้าให้ฉินวี่เฟยแต่งงานกับมู่เสี่ยวไป๋ ผมจะตอบตกลงไหม?”

“แล้วทำไมคุณตอบตกลงไม่ได้ล่ะ?”

ลู่หลุ่ยจ้องหลี่ฝาง น้ำเสียงมาพร้อมกับความโมโห:“หรือว่าคุณชอบเธอ?”

“หลี่ฝาง คุณกับฉินวี่เฟยรู้จักกันแค่กี่วัน ทำไมถึงดีกับเธอขนาดนั้น?ดีจนแม้แต่เรื่องใหญ่อย่างแต่งงานของเธอก็ยังไปแทรกแซงได้ คุณลืมแล้วเหรอว่า คุณคือคนที่มีแฟนแล้ว คุณเคยนึกถึงความรู้สึกฉันไหม?คุณเคยถามความเห็นฉันไหม?กระทั่งว่า ก่อนที่พวกเราเลิกกัน คุณเคยพูดกับฉันเรื่องนี้ไหม?”

“เหมิงเหมิงบอกฉันว่า คุณกับฉินวี่เฟยเคยนอนด้วยกันแล้ว ถึงแม้ฉัน แม้ว่าฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องคุณ แต่ในใจของฉัน ที่จริงก็สั่นคลอน ฉันอยากถามคุณว่า คุณกับฉินวี่เฟย เคยนอนด้วยกันแล้วจริงๆเหรอ?”

พอลู่หลุ่ยถามจบ ก็กังวลเล็กน้อย

ที่จริงแล้วในใจของลู่หลุ่ย กลัวจะรู้คำตอบนี้มาก เธอยังไม่กล้าถามคำถามนี้มาโดยตลอด

ก็แค่ ลู่หลุ่ยแปลกใจมากๆนั่นเอง

ลู่หลุ่ยรู้สึกว่า ถ้าตัวเองไม่ถามเรื่องนี้ให้ชัดเจน งั้นในใจของตัวเอง ก็จะมีปมไปตลอด

หลี่ฝางไม่คิดอะไรเลย ก็พูดออกมา:“แน่นอนว่าไม่ นั่นยังต้องถามด้วยเหรอ?”

ถึงแม้ในใจของหลี่ฝางประหม่าอย่างมาก แต่ที่ใบหน้ากลับแสดงความมีเหตุผลเพียงพอที่จะพูดอย่างเต็มที่

“จริงเหรอ?”

ลู่หลุ่ยสงสัยหน่อยๆ แต่ทันใดนั้นที่ใบหน้าก็ดูดีขึ้นเยอะ:“หลี่ฝาง คุณพูดความจริงมาเถอะ ฉันไม่ว่าคุณหรอก”

หลี่ฝางไม่เชื่อคำพูดของลู่หลุ่ยนี้ เรื่องแบบนี้ถ้าไม่ว่า งั้นหัวใจของลู่หลุ่ย ก็ต้องใจกว้างมากแค่ไหน

ถ้าตัวเองเอาเรื่องนี้พูดออกมา หลี่ฝางคิดว่า เป็นไปได้ที่ลู่หลุ่ยจะเลิกกับตัวเอง

ดังนั้นหลี่ฝางจึงส่ายหน้า:“ไม่มีจริงๆ แต่ผมเคยมีความคิดนี้ แต่พอคิดถึงคุณ ผมก็สลัดเอาความคิดนี้ออกไปทันที”

ลู่หลุ่ยยื่นมือออกไป หยิกไปที่ช่วงเอวของหลี่ฝาง หลี่ฝางเจ็บจนร้องออกมา

“มีความคิดก็ไม่ได้ รู้ไหม?”ลู่หลุ่ยจ้องหลี่ฝางเขม็ง พูดเตือน

“รู้แล้ว รู้แล้ว”

หลี่ฝางรีบพยักหน้า ขอให้ลู่หลุ่ยไว้ชีวิต

“หวังว่าที่คุณพูดจะเป็นจริงนะ เหมิงเหมิงบอกว่าฉินวี่เฟยไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว”ลู่หลุ่ยพูดเบาๆ

“เธอรู้ได้ยังไง?”หลี่ฝางถามตาม

“คุณไม่เห็นกระทู้ของมหาวิทยาลัยพวกเราเหรอ?ฉินวี่เฟยคือคนมีชื่อเสียงของสุ่ยมู่มาตลอด ทุกการกระทำของเธอ ก็อยู่ในความสนใจของทุกคนอยู่แล้ว ตอนที่ฝึกทหาร ทุกคนยังบอกว่า ฉินวี่เฟยคือสาวบริสุทธิ์ แต่หลังจากหยุดยาวกลับมา ฉินวี่เฟยก็ไม่ใช่อีกแล้ว”

“คนที่โพสต์ลงยังจงใจอัปโหลดท่าเดินของฉินวี่เฟยด้วย ว่าไม่เหมือนเดิม”

“ดูๆแล้วคนนั้นน่าจะมีประสบการณ์มาก ไม่เหมือนกับโกหก”ลู่หลุ่ยยิ่งพูด ที่หน้าก็ยิ่งกังวล

หลังจากฝึกทหารเสร็จ ฉินวี่เฟยก็อยู่กับหลี่ฝางมาตลอด

ที่สำคัญคือ เหมิงเหมิงยังเจอหลี่ฝางกับฉินวี่เฟยจูงมืออยู่ด้วยกันกลางดึกด้วย

ดังนั้น ในใจของลู่หลุ่ยจึงกังวลมาก

“โพสต์นั่นอยู่ไหน ผมดูหน่อยสิ นี่มันต้องเป็นเรื่องเหลวไหลแน่ แค่ท่าเดิน ก็ตัดสินได้เหรอว่าบริสุทธิ์หรือไม่ นี่ไม่เป็นตามหลักการทางวิทยาศาสตร์เลย?ไม่แน่ฝึกทหารอาจจะเหนื่อยก็ได้ หรือว่าอาจจะเป็นการฉีกขาก็ได้ ผมได้ยินฉินวี่เฟยบอกว่า เธอมีเรียนเต้น”หลี่ฝางพูดด้วยใจที่ประหม่า

“ถูกคนลบทิ้งไปแล้ว ฉินวี่เฟยเป็นถึงคุณหนูแห่งตระกูลฉิน หลังจากข้อมูลนี้ถูกเปิดเผยไป ใครจะไปกล้าพูดเรื่องไม่ดีของเธอมั่วๆล่ะ”ลู่หลุ่ยพูดเบาๆ

“หลี่ฝาง ฉันเชื่อว่าคุณกับฉินวี่เฟยไม่ได้มีอะไรกัน งั้นฉันถามคุณอีกครั้ง คุณขอบเธอไหม?”ลู่หลุ่ยไต่สวนต่อไป

“ไม่ชอบ”หลี่ฝางรีบส่ายหน้า

“ไม่ชอบแล้วทำไมคุณต้องช่วยเธอ?ไม่ชอบแล้วทำไมคุณต้องจับมือเธอ?”ลู่หลุ่ยถามเป็นชุด

“ผมแค่เห็นเธอน่าสงสารเท่านั้นแหละ”หลี่ฝางพูด:“คุณอย่ามองว่าเธอคือคุณหนูตระกูลฉิน แต่ที่จริงเธอไม่มีอิสระอะไรเลย”

“งั้นฉันล่ะ?”ลู่หลุ่ยขมวดคิ้ว:“ฉันเป็นแฟนที่มีตัวตนของคุณ คุณลับหลังฉันไปอยู่กับผู้หญิงน่าสงสารอีกคน คุณเคยคิดถึงความรู้สึกฉันไหม?ตอนที่พวกคุณจุงมือกันเดินเล่นกลางดึก ……”

จู่ๆหลี่ฝางก็โมโห:“ลู่หลุ่ย นี่คุณทำอะไรเนี่ย เราสองคนเพิ่งคืนดีกัน จำเป็นต้องรื้อฟื้นเรื่องเก่าไหม?งั้นผมถามคุณนะ คุณกับ เฉียนเฟิงอยู่เที่ยวด้วยกันสองวัน ทำอะไรบ้าง?”

“พวกเราไม่ได้ทำอะไรเลย”ลู่หลุ่ยพูด

“งั้นพวกเราก็ไม่ได้ทำอะไร”หลี่ฝางก็พูดตาม

“พื้นฐานการคบกันของคนสองคน ก็คือความเชื่อใจกัน ก่อนหน้านี้ที่พวกเราเลิกกัน ก็เพราะว่าไม่เชื่อใจอีกฝ่าย ตอนนี้คืนดีกันแล้ว ยังจะสงสัยกันอีก แล้วก็ไต่สวน……”หลี่ฝางขมวดคิ้ว:“ผมไม่อยากทะเลาะกับคุณ แต่อย่าพูดถึงเรื่องเมื่อก่อนได้ไหม เรื่องเมื่อก่อน ก็ผ่านไปแล้ว”

“โอเค ถ้าครั้งหน้าฉันเห็นคุณจับมือของฉินวี่เฟยอีกจะทำไงล่ะ?”ลู่หลุ่ยถาม

“ไม่มีทางแน่นอน”

หลี่ฝางส่ายหน้าพูด:“พวกเราสองคนคืนดีกันแล้ว ผมจะไปจับมือผู้หญิงคนอื่นได้ไงล่ะ”

หลี่ฝางรับประกันเสร็จ ลู่หลุ่ยก็ไม่พูดถึงเรื่องเมื่อก่อนแล้ว ที่จริงลู่หลุ่ยยังอยากถามหลินชิงชิงอยู่ แต่มองที่เมื่อกี๊เกือบจะทะเลาะขึ้นมา ก็พอเลย

ไม่ได้นอนคืนหนึ่ง ฟ้าก็สว่างขึ้นมาแล้ว

เดิมทีหลี่ฝางยังอยากทำอีกครั้ง แต่ถูกปฏิเสธเนื่องจากปวดท้องลู่หลุ่ย

หลี่ฝางไม่ใช่แค่รู้สึกผิดหวัง กลับกันนั้นยังภูมิใจหน่อยๆด้วย เขาไม่รู้ว่าตัวเองภูมิใจอะไร ทั้งสองไปอาบน้ำ แล้วสวมเสื้อผ้า จากนั้นก็กินข้าวเช้าธรรมดาๆ

โทรหาส้าวส้วย จากนั้นส้าวส้วยก็มารอที่หน้าโรงแรม

หลี่ฝางจะออกไป โก่เอ๋อก็ตามเข้ามา

“หลี่ฝาง คุณบอกแล้วว่าจะพาฉันไปด้วย”

โก่เอ๋อคว้าแขนของหลี่ฝาง แล้วพูด:“อีกอย่าง คุณยังบอกอีกว่าวันนี้จะให้ฉันยืมเงิน”

เห็นโก่เอ๋อแบบนี้ หลี่ฝางก็รีบมองลู่หลุ่ย กลัวเธอหึงแล้วไม่พอใจ

“เธอกำลังลำบาก ในฐานะเพื่อน เลยช่วยเธอหน่อย”หลี่ฝางพูดเสียงเบา พูดที่ข้างหูของลู่หลุ่ย

“โอเค ช่วยเถอะ แต่ระวังคำพูดและการกระทำด้วย”ลู่หลุ่ยพูดไป สายตาก็มองไปที่แขนของหลี่ฝาง

“คุณปล่อยผมก่อนค่อยว่ากัน”หลี่ฝางเข้าใจความหมายของลู่หลุ่ย แล้วรีบพูดกับโก่เอ๋อ

“คุณเอาเงินมาให้ฉันก่อน”โก่เอ๋อไม่ปล่อยมือ ทำตัวเหมือนคนเหลือขอ

“ขอร้องล่ะ ผมให้คุณยืมเงินด้วยความหวังดี ทำไมทำเหมือนผมติดเงินคุณล่ะ คุณปล่อยมือ ผมจะไปเอาเงินให้คุณ”หลี่ฝางหมดคำพูด

“ช่างเถอะ ขึ้นรถมากับผมสิ คุณไม่ได้เรียนที่สุ่ยมู่เหมือนกันเหรอ?ไปด้วยกันพอดี”หลี่ฝางพูด

เข้ามาในรถ หลี่ฝางก็หยิบเงินสองหมื่นหยวน จากข้างในรถ โยนใส่โก่เอ๋อ:“ต่อไปก็ค่อยๆตัดจากเงินเดือนคุณ okไหม?”

“ขอบคุณค่ะเจ้านาย”โก่เอ๋อจูบลงไปที่เงิน ที่มุมปากยิ้มเหมือนกับดอกไม้

“ขับรถเถอะ”หลังจากหลี่ฝางเห็น ก็ส่ายหน้าหัวเราะเหอะเหอะ แล้วพูดกับส้าวส้วย

ส้าวส้วยมองโก่เอ๋อ แล้วบ่นพึมพำเบาๆ:“อีกเดี๋ยวก็จะมีปัญหาอีกแล้ว”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท