NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – ตอนที่ 505

ตอนที่ 505

บทที่ 505 ดวงดาวของส้าวส้วย

เมื่อมองตามสายตาของโหจื่อไป หลี่ฝางก็มองเห็นผู้หญิงสวมกระโปรงแดงคนนึง

สีแดงของกระโปรงผู้หญิงคนนั้น เหมือนกับสีแดงของเลือดมากกว่า

เธอยืนอยู่ด้านหน้ารถAston Martinสีแดง มันทำให้ภาพพื้นหลังที่เห็นดูงดงาม

สายตาของเธอจ้องไปที่ส้าวส้วยอย่างร้อนแรง ส้าวส้วยเห็นเธอ กลับตื่นตระหนกและร้อนตัว

“ไอ้โง่ ทำไมถึงพาเธอมาล่ะ?” ส้าวส้วยมองโหจื่ออย่างไม่สบอารมณ์ แล้วด่าเขาไปเสียงเบา

“อาจารย์ ถ้าจะด่าไปด่าลุงเฉียนโน่น เป็นลุงเฉียนที่โทรหาแม่มด ให้เธอมาที่นี่” โหจื่อพูดอย่างน้อยอกน้อยใจ: “ผมทำแค่ นำทางเธอมาที่นี่ พาเธอมาหาอาจารย์แค่นั้น”

“อาจารย์ก็รู้ความสามารถของแม่มด ถึงแม้ผมจะไม่นำมา เธอก็หาอาจารย์เจอ นอกจากอาจารย์จะหนีออกนอกประเทศ”

โหจื่อหัวเราะฮี่ฮี่: “ไปและ”

โหจื่อพูดจบ ก็วิ่งขึ้นรถBugatti Veyron แล้วขับหนีไป

ส้าวส้วยถอนหายใจ แล้วเดินเข้าไปทางผู้หญิงสวมกระโปรงแดง

หลังจากโหจื่อไปแล้ว รถหรูที่จอดเต็มถนน ก็ตามเขาไป

จึงเหลือแค่ผู้หญิงสวมกระโปรงแดงและรถAston Martinคันนั้น

“นายไม่หนีแล้วเหรอ?”

ส้าวส้วยมองผู้หญิงสวมกระโปรงแดง พลางพูด: “หรือว่าไม่กลัวพวกเขาจะตามมาหาถึงที่หรือไง?”

“ไม่กลัว”

หญิงสวมกระโปรงแดงยิ้มเจ้าเล่ห์: “ฉันจะบอกนายให้ ฉันไปพบกับหลอซ่ามาแล้ว ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป พวกเราถือว่าเป็นคนองค์กรเดียวกันแล้ว”

“ดังนั้น นายต้องรักษาความปลอดภัยของฉันให้ดี นี่คือคำสั่งของหลอซ่า”

ส้าวส้วยขมวดคิ้วจนหน้าย่น: “นี่มันเรื่องตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ทำไมฉันถึงไม่รู้?”

หญิงสวมกระโปรงแดงยังคงยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์: “เมื่อครู่นี้……”

“ฉันเพิ่งมาถึงเมืองเอก มาถึงเมื่อตอนหกโมงเช้า แต่งหน้าแต่งตัวอยู่ครู่ ก็ออกมาเจอนายทันที”

หญิงสวมกระโปรงแดงมองส้าวส้วยพลางถาม: “ปลื้มมากใช่มั้ย?”

“ไม่ได้รู้สึกอะไรสักนิด กลับกันฉันกลัวนิดหน่อย”

ส้าวส้วยไม่ได้โกหก มันจริง ตั้งแต่เขาเจอหญิงสวมกระโปรงแดงครั้งแรก บนหน้าเขาไม่เคยแสดงให้เห็นถึงความดีใจหรือผ่อนคลายเลย

“เมื่อเทียบกับพวกเราทั้งหมดเธอเป็นตัวสร้างปัญหากว่าเยอะ”

ส้าวส้วยมองหญิงสวมกระโปรงแดงอย่างไม่เข้าใจ: “ทำไมลูกพี่ใหญ่ถึงได้รับตัวสร้างปัญหาอย่างเธอไว้นะ?”

“นั่นไม่ได้เป็นเพราะนายเหรอ?”

“ได้ยินมาว่านายอกหัก ดังนั้นฉันจึงมาปลอบโยนดวงใจที่เจ็บช้ำของนายไง”

“ครั้งนี้ที่พี่สาวมา ก็เพื่อมารักษาแผลใจของนาย”

หญิงสวมกระโปรงแดงพูด: “ตอนนั้นนายไม่ยอมตกลงคบกับฉัน ก็เพราะในใจของนายปล่อยวางผู้หญิงคนนั้นไม่ได้ แต่วันนี้ผู้หญิงคนนั้น ไม่ใช่แค่มีผู้ชายที่ชอบแล้ว แถมยังมีลูกอีกด้วย ครั้งนี้นายปล่อยวางได้แล้วใช่มั้ย?”

“ทำไม อยากเป็นชายที่ไร้หัวใจ?”

“นายอย่าลืมล่ะ ฉันเคยเป็นคนที่ท้องลูกของนายนะ” หญิงสวมกระโปรงแดงยู่ปาก

“เธออย่าพูดมั่วๆ ……เธอท้องลูกของฉันตอนไหน?” บนหน้าของส้าวส้วย เปลี่ยนเป็นเอือมระอาทันที

“พวกเราเคยนอนด้วยกันแค่ครั้งเดียวเอง ทำไมถึงบังเอิญขนาดนั้น?” น้ำเสียงของส้าวส้วย ยิ่งพูดยิ่งต่ำ ความมั่นใจ ยิ่งพูดยิ่งเยอะ

“มันก็บังเอิญอย่างนั้นแหละ” หญิงสวมกระโปรงแดงยื่นมือไปช้อนคอของส้าวส้วยขึ้น ไม่รู้ว่าส้าวส้วยตื่นเต้นเกินไป หรือว่าอะไร เขากลับไม่หลบ

“ใช่แล้ว นั่นเหมือนจะเป็นครั้งแรกของนายนี่”

หญิงสวมกระโปรงแดงยิ้มอย่างพอใจ และเป่าลมเบาๆ ที่ข้างหูของส้าวส้วย

“ไม่เลว ใจแข็งขึ้นเยอะเลยนี่ ก่อนหน้านี้นายทนการยั่วยวนแบบนี้ไม่ไหวนี่” หญิงสวมกระโปรงแดงมองส้าวส้วยอย่างโมโหเล็กน้อย: “นายมั่วผู้หญิงแล้ว?”

“เปล่า” ส้าวส้วยส่ายหน้า: “ฉันแค่ผ่านการฝึกฝนพิเศษมาแค่นั้น”

“ฝึกพิเศษ?” หญิงสวมกระโปรงแดงถามอย่างสงสัย: “มันคืออะไร?”

ส้าวส้วยไม่พูด แต่หลี่ฝางรู้อยู่นิดหน่อย

ครั้งก่อนที่สุ่ยหยุนเทียน ส้าวส้วยเรียกผู้หญิงที่หน้าอกใหญ่ที่สุดมา แต่ไม่ทำอะไรเลย แค่เรียกให้เธอเต้นต่อหน้าเขา

ตอนนั้นส้าวส้วยบอกว่าเขากำลังฝึกความอดทนอยู่ ตอนนั้นหลี่ฝางคิดว่าส้าวส้วยบ้าไปแล้ว

ที่แท้ ส้าวส้วยทำเพื่อจะต่อต้านหญิงสวมกระโปรงแดงนี่เอง

“งั้นก็ดี”

หญิงสวมกระโปรงแดงยิ้ม แล้วพูด: “ใครกล้าแตะต้องผู้ชายของฉัน ฉันจะเชือดมันโยนให้หมากิน”

“เธอเกลียดหมาที่สุดไม่ใช่ไง?” ส้าวส้วยหัวเราะหึ

“แต่ฉันเกลียดผู้หญิงที่แตะต้องนายมากกว่า” หญิงสวมกระโปรงแดงพูด

“งั้นเธอล่ะ? เธอก็เคยแตะต้องฉัน” ส้าวส้วยพูดต่อ

หญิงสวมกระโปรงแดงชะงักอยู่ครู่ แล้วยิ้ม: “มีใครที่ไหนเกลียดตัวเองกัน”

“มีตั้งหลายคน” ส้าวส้วยพูด

“แต่ฉันไม่” หญิงสวมกระโปรงแดงพูดต่อส้าวส้วย

“เธอไม่ควรมาที่นี่ ฉันไม่สามารถปกป้องเธอได้ตลอด24ชม.ถ้าคนของสำนักหยิ่งซา รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ ต้องมาหาเธอแน่ๆ” ส้าวส้วยมองหญิงสวมกระโปรงแดงพลางพูด

“เสี่ยวส้วยส้วยของฉัน นายเป็นห่วงฉันเหรอ?” ร่างของหญิงสวมกระโปรงแดงยิ่งชิดเข้าไปอีก พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อนยิ่งขึ้น

“ไม่ใช่ ฉันแค่ไม่อยากให้เธอสร้างปัญหาให้ฉันแค่นั้น” ส้าวส้วยพูดปฏิเสธ

“เห้อ พวกผู้ชายนี่นะ ปากไม่ตรงกับใจ”

หญิงสวมกระโปรงแดงส่ายหน้า แล้วพูดอย่างไม่แฮปปี้: “ไม่ว่านายจะพูดยังไง ฉันก็มาแล้ว ไม่ไปแล้ว”

“ฉันโทรหาหลิงหลงแล้ว อีกแป๊บนึง ฉันจะไปทำงานที่ร้านกาแฟของเธอ”

หญิงสวมกระโปรงแดงพูดจบ ก็มองไปทางหลี่ฝาง และเดินเข้าไปหาเขา

“นี่คือคุณชายน้อยเหรอ? หน้าตาเหมือนลูกพี่ใหญ่เลยจริงๆ” หญิงสวมกระโปรงแดงลูบหน้าของหลี่ฝาง ตอนนั้น หน้าของหลี่ฝาง กลับแดงขึ้นมาทันที

“น่ารักจริงๆ”

หลี่ฝางเงยหน้าถาม: “พี่สาว พี่เป็นอะไรกับส้าวส้วยเหรอ เห็นพวกพี่สองคน ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดาเลย”

“พี่เป็นผู้หญิงของเขา เขาเป็นผู้ชายของพี่”

หญิงสวมกระโปรงแดงแนะนำตัวเอง: “ฉันชื่อฉีฉี นายเรียกฉันว่าพี่ฉีฉีก็ได้”

“พี่ฉีฉี?”

“ใช่แล้ว ชื่อจีนของฉันชื่อว่ากู่หยุ่งฉี แปลว่าเชียร์ให้มีความกล้าเต็มเปี่ยม” หญิงสวมกระโปรงแดงพูด

ส้าวส้วยเดินเข้ามา: “อย่าพูดมั่วๆนะ ยัยแม่มด พวกเราเป็นแค่เพื่อนธรรมดาแค่นั้น”

“เพื่อนธรรมดา? ถ้าเป็นแค่เพื่อนกันเฉยๆ ทำไมตอนกลางคืนนายต้องถอดเสื้อผ้าฉัน?” หญิงสวมกระโปรงแดงถามกลับ

“คืนนั้นเธอบาดเจ็บ” ส้าวส้วยพูด พลางทำหน้าเข้ม

“ถึงจะบาดเจ็บนายก็ฉวยโอกาสไม่ได้นี่”

หญิงสวมกระโปรงแดงพูดจบ ยังหันไปถามหลี่ฝาง: “คุณชายน้อย ว่าจริงมั้ย?”

“ใช่” หลี่ฝางพยักหน้า

ส้าวส้วยจ้องหลี่ฝางเขม็ง: “เจ้านาย พวกเรากลับกันเถอะ ต้องเข้าเรียนแล้ว”

“ไม่รีบ พวกนายคุยกันเยอะๆ หน่อยก็ได้” หลี่ฝางพูดอย่างไม่รีบ

หญิงสวมกระโปรงแดงพูด: “ใช่มัย คุณชายน้อย ไปร้านกาแฟมั้ย พี่สาวเลี้ยงกาแฟพวกนายเอง?”

“ผมไม่ไปดีกว่า ส้าวส้วย นายไปเป็นเพื่อนพี่ฉีฉีเถอะ”

หลี่ฝางยิ้ม แล้วพูด: “พี่ฉีฉี บ๊ายบาย”

“ใช่แล้ว ผมชื่อเสี่ยวฝางอย่าเรียกผมว่าคุณชายน้อยอะไรนั่นเลย มันดูแต๋วไป” หลี่ฝางพูดกับพี่ฉีฉี

“เสี่ยวฝาง”

พี่ฉีฉียิ้มอ่อน แล้วพูดด้วยสีหน้าขอบคุณ: “ขอบคุณนะ”

ส่วนส้าวส้วย กลับมองไปที่หลี่ฝางอย่างขื่นขม

หญิงสวมกระโปรงแดงเข้าไปควงแขนของส้าวส้วย แล้วเดินไปทางร้านกาแฟที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ส่วนหลี่ฝางก็ไปกับโก่เอ๋อและลู่หลุ่ย เข้าไปในมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่

ขณะที่หลี่ฝางจอดรถเสร็จ ขณะกำลังจะเตรียมออกจากลานจอดรถ ชายสวมแว่นดำก็โผล่มา

“พี่ ทำไมถึงทำตัวเป็นผีเลย ตามติดแจเลย” เมื่อเห็นชายสวมแว่นดำ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของโก่เอ๋อ ถูกเปลี่ยนเป็นหม่นหมอง ในชั่วพริบตา

“มานี่เลย มาคุยกันหน่อย”

ชายสวมแว่นดำพูดจบ ก็ดึงเธอออกไปอย่างไม่ทน

“เรื่องนี้ เกรงว่าจะยุ่งยากแล้ว ฉันตรวจสอบมาชัดเจนแล้ว ซือถูเฟยนั่นมีพูดหญิงชื่อว่าชิงฮัวอยู่จริงๆ แถมยังมีลูกด้วยกันแล้ว เมื่อตรวจสอบเรื่องนี้ได้ ฉันก็โทรหาคุณปู่ทันที เธอลองเดาว่าผลลัพธ์เป็นยังไง?” ชายสวมแว่นดำถามโก่เอ๋อ

“อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องกลั้นไว้ และก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีเรื่องอะไร” โก่เอ๋อมองชายสวมแว่นดำ แล้วพูดอย่างไม่สบอารมณ์

ชายสวมแว่นดำยู่ปาก ก็ไม่ได้มีประสบการณ์เหมือนกันโก่เอ๋อ ถึงยังไงเธอก็คือน้องสาวแท้ๆ ของเขา

“คุณปู่รู้เรื่องนี้นานแล้ว แต่ว่าความหมายของคุณปู่คือ ไม่ต้องไปติดตามแล้ว” ชายสวมแว่นดำทำหน้าเข้มพลางพูด: “ถึงแม้ฉันจะไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ตระกูลซือถู เหมือนกับว่ามีของที่คุณปู่อยากได้อยู่”

“หมายความว่าไง? ความหมายของพี่คือ คุณปู่ของพวกเรา ขอร้องครอบครัวซือถูไม่สำเร็จ? ฉันจำได้ ตอนที่ท่านยังหนุ่มตระกูลซือถูเคยอ้อนวอนขอชีวิตคุณปู่ครั้งนึง เพื่อเป็นการตอบแทน คุณปู่จึงตัดสินใจแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์นี่” โก่เอ๋อขมวดคิ้วพลางพูด

ชายสวมแว่นหัวเราะเหอะๆ : “นี่เธอก็เชื่อเหรอ คุณปู่ของพวกเราเป็นคนยังไง เธอยังไม่รู้เหรอ? เขาเป็นคนไร้ความรู้สึกขนาดไหน”

“ถึงยังไง เรื่องของเธอ พี่ก็ช่วยไม่ได้แล้ว เธอช่วยพี่เรื่องนึงสิ น้องสาวที่น่ารักของพี่” ชายสวมแว่นมองโก่เอ๋ออย่างประจบสอพลอ

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท