NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 508 หวังว่าจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด

บทที่ 508 หวังว่าจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด

บทที่ 508 หวังว่าจะเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด

“สวย ใจกว้าง ฉลาด บ้านรวย……”

หลี่ฝางยังไม่ทันพูดจบ ฉินวี่เฟยก็แทรกขึ้นมา: “งั้นนายล่ะ? นายก็อดใจไหวไม่ใช่เหรอ? จากที่ฟังนายพูด นายก็ไม่ใช่คนปกตินี่?”

“ฉันก็เกือบ เกือบไปแล้ว ฉันเป็นคนที่มีแฟนอยู่แล้ว แต่ดันไปตกหลุมเธอ” หลี่ฝางยิ้มแห้งๆ

“ถ้ารู้แบบนี้ ฉันพยายามอีกหน่อยก็คงจะดี” ฉินวี่เฟยพูดเองตอบเอง

หลี่ฝางได้ยินประโยคนี้ ในใจอยู่ๆ ก็ทรมาน เขาอยากจะคว้าฉินวี่เฟยเข้ามา กอดเอาไว้ในอ้อมแขน

แต่สติสัมปชัญญะของหลี่ฝางบอกไว้ ว่าตนไม่สามารถทำแบบนั้นได้

หลี่ฝางรีบเปลี่ยนประเด็น แล้วถามขึ้น: “ใช่แล้ว ด้านฉินเสี่ยวหู่มีข่าวคราวบ้างหรือยัง?”

ฉินวี่เฟยส่ายหน้า แล้วพูด: “เมื่อคืนฉินเสี่ยวหู่แอบกลับบ้านมารอบนึง ให้ฉันเอาตำแหน่งประธานของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป ยกให้พ่อของเขา แถมยังขู่ฉัน ถ้าหากฉันไม่ยอม ก็จะไม่ให้ฝังคุณปู่”

หลี่ฝางได้ฟังก็ขมวดคิ้ว: “เขาบ้าไปแล้วเหรอ? ถึงกับขู่เธอเรื่องนี้”

“หรือว่าเขาไม่ใช่หลานของนายท่านฉินเหรอ?” หลี่ฝางถามฉินวี่เฟยอยากผิดคาด

ถ้าหากเป็นหลาน ทำไมถึงใช้เรื่องนี้มาข่มขู่

ไม่ให้ฝังคุณปู่ตัวเอง ไอ้สวะฉินเสี่ยวหู่นี่ ไม่เลวไปหน่อยเหรอ?

“แน่นอนว่าเขาเป็น แต่แค่ เขาคิดว่าคุณปู่ลำเอียงรักพวกเรามากกว่า แล้วทำไม่ดีกับพ่อของเขา” ฉินวี่เฟยถอนหายใจ: “ลุงสองก็ด่าเขา แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ก่อนที่คุณปู่จะเสีย ท่านก็ด่าฉินเสี่ยวหู่ไว้ไม่น้อย ถ้าหากไม่เป็นเพราะทุกคนห้ามไว้ อยู่หลายหน คุณปู่คงจะอยากตัดชื่อฉินเสี่ยวหู่ออก”

ฉินวี่เฟยพูด พลางถอนหายใจ แล้วพูด: “ฉินเสี่ยวหู่ทำไปได้”

“แล้วยังไง?”

หลี่ฝางพูดอย่างดูถูก: “วันพิธีงานศพบอกฉัน ถ้าหากฉินเสี่ยวหู่กล้าเสนอหน้ามา ให้ฉันจัดการเอง”

“เห้อ ทำได้แต่แบบนั้นแล้ว ฉินเสี่ยวหู่เป็นคนไม่มีเหตุผล พวกเราใครก็จนปัญญา แม้แต่ลุงสองก็เอาเขาไม่อยู่”

“พรุ่งนี้ตอนเช้า ก็จะนำร่างของคุณปู่ไปฝังแล้ว”

“ถ้าหากทำพิธีเลยฤกษ์ จะมีผลกระทบเป็นอย่างมาก” ฉินวี่เฟยพูดอย่างจนปัญญา

คนมีเงิน ยิ่งเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์

หลี่ฝางพยักหน้า แล้วพูด: “พรุ่งนี้ฉันจะส่งคนไปจัดการ”

“โอเค รบกวนนายแล้ว” ฉินวี่เฟยพูดอย่างขอบคุณ

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ แล้วพูด: “ทำเป็นคนอื่นคนไกลไปได้ ความสัมพันธ์ของพวกเรา มีอะไรที่รบกวนไม่ได้ นี่ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเอง”

“ฉันไปก่อนนะ หลี่ฝาง” ถึงแม้ฉินวี่เฟยจะไม่อยากจากไป แต่ยังคงต้องเดินจากไป

เมื่อเดินมาถึงบริเวณสวนของมหาวิทยาลัยสุ่ยมู่ ตาสองข้างของฉินวี่เฟย ก็มีน้ำตาไหลออกมา

ออกมาจากมหาลัย เข้าสู่แวดวงธุรกิจ ถึงแม้จะไม่ได้ขีดเส้นแบ่งฝ่ายชัดเจนกับหลี่ฝาง แต่มันก็ห่างออกไปมากอยู่ดี

“พ่อ” ฉินวี่เฟยมองชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่หน้าประตูมหาลัย แล้วเรียกเขา

“ทำใจจากเพื่อนสนิทพวกนั้นของลูกไม่ได้เหรอ?” ฉินเพ่ยถามขึ้น จากนั้นก็ถอนหายใจ แล้วพูด: “ไม่เป็นไร รอให้เรื่องที่บริษัทสงบลงหน่อย ลูกก็ไม่ค่อยยุ่งแล้ว ถึงเวลานั้นลูกค่อยกลับมาที่มหาลัยหาพวกเขา หรือจะเรียกพวกเขาไปเที่ยวเล่นที่บ้านก็ได้นะ”

“หนูยังไม่ได้บอกกับพวกเพื่อนสนิทหนู”

ฉินวี่เฟยพูด

ฉินวี่เฟยบอกเรื่องที่ตัวเองพักการเรียน กับหลี่ฝางแค่คนเดียว

“งั้นลูกร้องไห้ทำไม?” ฉินเพ่ยมองลูกสาวของตนอย่างไม่เข้าใจ

“พ่อ ไปบริษัทเถอะ”

“พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ หนูจะสายไม่ได้” ฉินวี่เฟยเช็ดน้ำตา แล้วพูดขึ้น

ต่อมาฉินวี่เฟยก็ไปที่บริษัท ประชุมกับบอร์ดผู้บริหาร

ในวันนี้ ฉินวี่เฟยคือผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฉินซื่อกรุ๊ป อีกไม่นาน เธอก็จะเป็นประธานบริษัทแล้ว

จากนักศึกษามหาวิทยาลัยคนนึง กลายมาเป็นประธานบริษัทชั่วพริบตา

ไม่พูดก็ไม่ได้ การก้าวกระโดดนี้ เหมือนจะใหญ่ไปหน่อย

หลี่ฝางมองฉินวี่เฟยจากไป ในใจของเขา การรู้สึกไม่อยากจากจริงๆ

หลี่ฝางคิดอยู่ในใจ ถ้าหากเขาเกิดในสมัยก่อนก็คงจะดี แบบนั้น ตนสามารถมีภรรยาสามสี่คนได้เลย

พูดตามตรง ไม่ว่าจะเป็นฉินวี่เฟย หรือว่าลู่หลุ่ย หลี่ฝางไม่อยากปล่อยใครไปเลย

แต่ลู่หลุ่ยขี้น้อยใจ บอกอย่างชัดเจนเลยว่าไม่สามารถรับการมีอยู่ของฉินวี่เฟยได้

เมื่อเลิกเรียน เหยนเสี่ยวน่าก็มาหาหลี่ฝางที่หน้าห้อง แล้วเรียกหลี่ฝางออกไป

“หลี่ฝาง เมื่อกี้อาจารย์บอกกับพวกเรา ว่าฉินวี่เฟยพักการเรียน โห เมื่อเช้านางยังดีๆ อยู่เลย แค่ออกไปข้างนอกรอบเดียว ก็ไม่กลับมาแล้ว ฉันรู้สึกแปลกๆ จึงไปถามอาจารย์ที่ปรึกษา อาจารย์ที่ปรึกษาจึงบอกฉันว่า ฉินวี่เฟยยื่นเรื่องขอพักการเรียนแล้ว”

“เรื่องนี้ นายรู้มั้ย?” เหยนเสี่ยวน่ามองหลี่ฝางอย่างสงสัย

หลี่ฝางมองเหยนเสี่ยวน่า: “ทำไมถึงต้องถ่อมาถามฉันด้วย?”

“ก่อนที่ฉินวี่เฟยจะไป มาหานายรอบนึงใช่มั้ย? อย่ามาปฏิเสธ ฉันมั่นใจว่านางต้องมาหานายแล้ว นางชอบนาย คนตาบอดยังดูออกเลย”

“ฉันถามนาย พวกนายสองคนสรุปแล้วมีคมสัมพันธ์อะไรกัน? คบกันแล้วเหรอ? ตอนที่อยู่ที่บ้านพักตากอากาศ ฉันเคยถามฉินวี่เฟย นางไม่ยอมตอบฉันตามตรง แต่หน้านี่แดงก่ำ” เหยนเสี่ยวน่าส่งสายตาถามลองเชิงใส่หลี่ฝาง

“พวกฉันเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดาแค่นั้น” หลี่ฝางตอบปฏิเสธ

“ไปหลอกผีไปนาย ถ้าพวกนายสองคนเป็นแค่เพื่อนกัน ตอนที่แช่น้ำพุร้อน ทำไมถึงต้องไปแช่กันแค่สองคนด้วย? แล้วก็ตอนกลางคืน ฉินวี่เฟยไม่ได้กลับห้องมานอน ฉันรอนางอยู่หน้าห้องทั้งคืน คืนนั้น พวกนายไปนอนด้วยกันใช่มั้ย?”

หลังจากที่เหยนเสี่ยวน่ายิงคำถามใส่จบ น้ำเสียงก็เย็นชาลง: “หมายความว่าไงห้ะ หลี่ฝาง คุณชายอย่างนาย คิดว่าฉินวี่เฟยไม่คู่ควรอย่างนั้นเหรอ?”

“ถ้าเป็นแบบนั้น งั้นต่อไปพวกเราก็ไม่ต้องเป็นเพื่อนกันแล้ว แม้แต่ฉินวี่เฟยยังไม่คู่ควร พวกเราก็ไม่คู่ควร”

เหยนเสี่ยวน่าพูดอย่างไม่สบอารมณ์

หลี่ฝางส่ายหน้า แล้วขมวดคิ้วพลางพูด: “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น”

“งั้นนายหมายความว่าไง?”

“นายเลิกกับลู่หลุ่ยแล้วไม่ใช่เหรอ? งั้นพอดีเลย พวกนายก็พอกันซะเลย” เหยนเสี่ยวน่ายิ้ม แล้วพูดแซว: “พวกนายสองคนอย่างกับกิ่งทองใบหยก เหมาะสมกันจะตาย”

“ฉันคืนดีกับลู่หลุ่ยแล้ว” หลี่ฝางพูดขึ้น

ประโยคนี้ ทำเอารอยยิ้มบนหน้าของเหยนเสี่ยวน่าหายไปทันที

เหยนเสี่ยวน่ายู่ปาก แล้วถาม: “หลี่ฝาง นายไม่ชอบฉินวี่เฟยจริงๆ เหรอ?”

“ฉันมองออกนะ ว่าฉินวี่เฟยชอบนายด้วยใจจริง อีกอย่างฉันก็มองออก ตอนที่พวกนายสองคนอยู่ด้วยกัน พวกนายสองคนมีความสุขมาก ฉินวี่เฟยเหมาะกับนายมากกว่าลู่หลุ่ย ไม่ว่าจะเป็นนิสัย หรือว่าพื้นเพฐานะ” เหยนเสี่ยวน่าพูดเตือนสติ

หลี่ฝางหัวเราะเหอะๆ : “แค่คบเป็นแฟนไม่ได้แต่งงานสักหน่อย ทำไมถึงต้องคิดให้เยอะว่าจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมด้วย ฉันรู้จักกับลู่หลุ่ยก่อน ความรู้สึกจึงได้แน่นแฟ้นกว่า”

“พูดตามตรง ถ้าหากฉันไม่ได้คืนดีกับลู่หลุ่ย บางทีฉันก็อาจจะคิดทบทวนเรื่องฉินวี่เฟย แต่วันนี้……” หลี่ฝางส่ายหน้า

เหยนเสี่ยวน่าถอนหายใจ: “พูดแบบนี้ ฉินวี่เฟยก็หมดโอกาสแล้วสินะ ใช่มั้ย?”

“เหอๆ คิดไม่ถึงจริงๆ แม้แต่ฉินวี่เฟยยังโดนปฏิเสธ” เหยนเสี่ยวน่ายู่ปาก แล้วฝืนยิ้ม

ในตอนนี้ หลี่ซ่วยซ่วยก็วิ่งเข้ามา แล้วพูดกับหลี่ฝาง: “ที่แท้อยู่นี่เอง ฉันหานายตั้งครึ่งค่อนวัน ไห่เย่นมาแล้ว”

หลี่ฝางพยักหน้าให้หลี่ซ่วยซ่วย จากนั้นก็หันไปถามเหยนเสี่ยวน่า: “เสี่ยวน่า ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ”

“ไม่ละ ฉันไปหาอะไรกินกับรูมเมทก็โอเคแล้ว” เหยนเสี่ยวน่าส่ายหน้า แล้วบอกลา และขอตัวไป

ถึงแม้ว่าเหยนเสี่ยวน่ายังคงพูดจาเหมือนก่อนหน้านี้ แต่ว่าหลี่ฝางก็พอสังเกตได้

ตอนที่เหยนเสี่ยวน่าเอ่ยถึงฉินวี่เฟย นั้นเรียกชื่อเต็ม เมื่อก่อน เธอเรียกหล่อนแค่วี่เฟย เรียกอย่างสนิท

หรือว่าจะรู้ว่าฉินวี่เฟยคือคุณหนูใหญ่ฉิน จึงไม่กล้าแล้วมั้ง?

หลี่ฝางพอเข้าใจอยู่บ้าง ถึงยังไงเมื่อก่อนเหยนเสี่ยวน่าคิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูแสนสวย แต่ใครจะรู้ เมื่อเทียบกับเพื่อนสนิทของตน ที่แท้ก็เทียบไม่ติดเลย

มีความรู้สึกสูญเสีย ระยะห่าง จึงมีออกมามากขึ้น

แต่มีสิ่งนึงที่ไม่เปลี่ยน นั่นก็คือความรู้สึกที่เหยนเสี่ยวน่ามีต่อฉินวี่เฟย

“เรียกพวกหวางเสี่ยวโก๋มาเถอะ” หลี่ฝางมองหลี่ซ่วยซ่วย แล้วพูด

หลี่ซ่วยซ่วยพยักหน้า: “เลี่ยวข่ายรออยู่ หวางเสี่ยวโก๋ให้ตายก็ไม่ไป เห้อ……เหมือนกับว่าเขายังเข้าใจผิดไห่เย่นอยู่”

“อืม หวังว่าหวางเสี่ยวโก๋จะเข้าใจแฟนนายผิดไปจริงๆ” หลี่ฝางพูดเสียงเบา

หลี่ซ่วยซ่วยยู่ปาก แล้วพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ: “หลี่ฝาง ไห่เย่นไม่มีทางหลอกฉันหรอก เมื่อกี้เธอคุยกับฉันเรื่องแต่งงานด้วย”

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท