NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่ 509 พี่ใหญ่ในร้านอาหารเล็กๆ

บทที่ 509 พี่ใหญ่ในร้านอาหารเล็กๆ

บทที่ 509 พี่ใหญ่ในร้านอาหารเล็กๆ

เลี่ยวข่าย หลี่ฝาง หลี่ซ่วยซ่วยทั้งสามคน ไม่นานก็มาถึงหน้าประตูมหาลัย และก็เห็นรถปอร์เช่พานาเมร่าสีขาวอยู่คันนึง

ไห่เย่นนั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับในรถปอร์เช่พานาเมร่าคันนั้น แล้วกวักมือเรียกมาทางหลี่ซ่วยซ่วย

เมื่อเห็นหลี่ฝาง หยิ่นเหล่ยที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ ก็ลงมาจากรถทันที และเดินเข้ามา

“คุณชายหลี่ พวกเราเจอกันอีกแล้ว” หยิ่นเหล่ยยื่นมือ ด้วยสีหน้าเป็นกันเอง

แต่ว่าหลี่ฝางกับทำหน้านิ่ง ไม่ได้จับมือทักทายกับหยิ่นเหล่ย: “แต่ฉันไม่อยากเจอนาย”

หยิ่นเหล่ยไม่ได้โกรธ แค่พูดว่า: “คุณชายหลี่ ผมจองห้องส่วนตัวที่โรงแรมว่างโก๋ไว้ ตอนนี้พวกเราไปกันเถอะ”

ทันใดนั้นสีหน้าของหลี่ซ่วยซ่วยก็เข้มขึ้น แล้วพูด: “หยิ่นเหล่ย พวกเราจองห้องไว้แล้ว ที่ร้านอาหารเล็กๆ ด้านหน้า”

“ไห่เย่น เธอไม่ได้บอกเขาเหรอ?” หลี่ซ่วยซ่วยมองไห่เย่น แล้วถาม

ไห่เย่นยิ้มอยู่ครู่ แล้วพูดกับหลี่ซ่วยซ่วย: “ที่รักคะ ร้านอาหารเล็กๆ ฝั่งตรงข้าม เฉลี่ยตกคนละไม่ถึงห้าสิบ สุขลักษณะอนามัย ก็ไม่ได้เอามากๆ ที่รักจะให้คุณชายหลี่กับคุณชายเหล่ย ไปกินข้าวที่ร้านอาหารเล็กๆ ได้ยังไง? ใครจะรู้อาหารที่ทำ อาจจะเอาน้ำมันข้างทาง มาทำอาหารก็ได้”

ไห่เย่นพูดจบ หน้าของหลี่ซ่วยซ่วย ก็ดูลำบากใจขึ้นมาทันที

ถึงแม้ไห่เย่นพูดได้สละสลวยมากๆ แต่ความหมายในนั้น เต็มไปด้วยการดูถูก

“เธอหมายความว่าไง!” เลี่ยวข่ายขมวดคิ้ว พลางมองไห่เย่นกับหยิ่นเหล่ย: “ดูถูกร้านที่พวกพ้องฉันจองไว้ใช่มั้ย?”

“ไม่ได้ดูถูก แค่รู้สึกว่ามันไม่เหมาะ”

“ร้านอาหารฝั่งตรงข้าม แม้หนึ่งดาวยังไม่ได้เลย พูดตามตรง อย่างมากก็คู่ควรเป็นได้แค่โรงอาหาร เรียกว่าร้านอาหารไม่ได้หรอก” หยิ่นเหล่ยยิ้มอย่างไม่เป็นมิตร

หลี่ฝางเดินเข้าไปหาหยิ่นเหล่ย แล้วถาม: “คุณชายท่านนี้ จองห้องส่วนตัวที่โรงแรมว่างโก๋ไว้แล้วใช่มั้ย?”

“ครับๆๆ คุณชายหลี่ ท่านอย่าเรียกผมว่าคุณชายเลยครับ ต่อหน้าท่าน ผมจะไปกล้าถูกเรียกว่าคุณชายอะไรนั่นได้ยังไง ท่านเรียกผมว่าพี่เหล่ยก็ได้ครับ เป็นกันเองดี”

หยิ่นเหล่ยมาข้างหน้าหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยท่าทีถ่อมตัว

“ฉันเรียกนายว่าคุณชายเหล่ยดีกว่า ยังไงพวกเราก็ไม่ได้สนิทกัน”

หลี่ฝางหึ แล้วพูด: “คุณชายเหล่ยท่านนี้ ถึงยังไงนายก็จองห้องส่วนตัวไว้ที่โรงแรมว่างโก๋แล้ว งั้นก็จะสิ้นเปลืองไม่ได้ สิ้นเปลืองมันไม่ดี”

พูดจบ หลี่ฝางก็ยิ้มอย่างร้ายๆ

“ใช่มั้ยล่ะ คุณชายหลี่ พวกเราไปโรงแรมว่างโก๋กันเถอะ ไปกินอะไรดีๆ กัน” หยิ่นเหล่ยพูดจบ ก็ยังมองไปทางหลี่ซ่วยซ่วยอย่างจงใจ

ส่วนสีหน้า ของหลี่ซ่วยซ่วย ก็กลายเป็นลำบากใจมากขึ้นไปอีก

เลี่ยวข่ายเดินขึ้นหน้ามา มองหลี่ฝางแล้วถาม: “หลี่ฝาง นายจะไปโรงแรมว่างโก๋เหรอ? ถ้าหากไป ฉันไม่ไปนะ”

“คนแบบฉัน เหมาะกับการกินน้ำมันข้างทาง” เลี่ยวข่ายพูดอย่างโมโหเล็กน้อย

“ฉันบอกตอนไหนว่าจะไปกินที่โรงแรมว่างโก๋? วันนี้หลี่ซ่วยซ่วยเลี้ยงไม่ใช่เหรอ? ซ่วยซ่วย ร้านที่นายจองไว้ รีบนำทางไปเถอะ ฉันหิวแล้ว” หลี่ฝางตบไปที่บ่าของหลี่ซ่วยซ่วย แล้วพูดขึ้น

พูดจบ หลี่ฝางยิ้มให้หยิ่นเหล่ยอีกครั้ง: “คุณชายเหล่ย นายรีบไปโรงแรมว่างโก๋เถอะ”

สีหน้าของหยิ่นเหล่ย กระอักกระอ่วนในทันที

หลี่ฝาง เลี่ยวข่าย หลี่ซ่วยซ่วย เดินไปทางร้านอาหารเล็กๆ ฝั่งตรงข้าม

ไห่เย่นเดินมาข้างหน้าหยิ่นเหล่ย แล้วถามเสียงเบา: “เอายังไงดี?”

“ยังจะเอายังไงได้อีก? หน้าด้านไปด้วยไง วันนี้พวกเขากินอะไรก็กินอันนั้น” หยิ่นเหล่ยหน้าเขียว พลางพูด

“ถึงยังไงพวกเราต้องขอร้องเขา” หยิ่นเหล่ยพูดอย่างหมดหนทาง

“อืม เซ็นสัญญาก่อนค่อยว่ากัน รอได้สัญญาก่อน ฉันค่อยหาโอกาสทิ้งไอ้เห่ยนั่น พูดตามตรง ไม่กี่วันมานี้ต้องสวีทกับเขา ฉันขยะแขยงจะตายอยู่แล้ว”

ไห่เย่นพูดอย่างรังเกียจสุดๆ : “คุณชายเหล่ย คุณสัญญากับฉันแล้วนะ ว่าถ้าฉันช่วยทำงานนี้ให้สำเร็จ คุณจะซื้อรถBMWให้ฉันคันนึง”

“วางใจ ไม่มีปัญหา”

หยิ่นเหล่ยพยักหน้า

รถBMWธรรมดาคันนึง อย่างถูกเกรงว่าจะไม่ถึงสามแสนก็ซื้อได้แล้ว

แต่ถ้าได้เซ็นสัญญาระยะยาว เกรงว่าปีนึงก็สามารถทำเงินได้ห้าล้าน

หยิ่นเหล่ยแค่คิดก็ดีใจ

ถึงแม้ต้าหัวกรุ๊ปจะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายพันล้าน แต่ที่หยิ่นเหล่ยได้รับก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าหากเขาทำโครงการนี้ได้สำเร็จ ไม่ใช่แค่เงินในกระเป๋าเขาจะเต็มขึ้นมา ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถชนะพ่อของตนได้อีก

ทุกครั้งพ่อเขาชอบด่าเขาว่าเป็นคนไร้ประโยชน์

ไม่นาน หยิ่นเหล่ยกับไห่เย่นก็ตามมา

“พี่ชายหน้าตาดีคนนี้ มาแล้วเหรอครับ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ ห้องส่วนตัวทั้งสองห้องของเราถูกจองไปหมดแล้วครับ ไม่ทราบว่าท่านสามารถนั่งทานด้านนอกได้มั้ยครับ?” เจ้าของร้านอาหารมองหลี่ซ่วยซ่วยพลางถาม

หลี่ซ่วยซ่วยขมวดคิ้ว: “บอกไว้แล้วว่าเหลือไว้ให้ฉันห้องนึงไม่ใช่เหรอ?”

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ อย่างแรกคุณไม่ได้วางเงินมัดจำ อย่างที่สองคุณไม่ใช่ลูกค้าประจำ แล้วนี่ก็เที่ยงกว่าแล้ว คุณยังไม่มา พอดีมีคนมา พวกเขาคนเยอะ ดังนั้นผมจึงยกห้องส่วนตัวให้พวกเขาไปแล้ว”

“ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะครับ”

เจ้าของร้านมองหลี่ซ่วยซ่วยด้วยสีหน้ารู้สึกผิด

หลี่ฝางไม่ได้โวยวายอะไร แค่พูดว่า: “หาสักโต๊ะ นั่งกินก็โอเคแล้ว ไม่จำเป็นต้องเป็นห้องส่วนตัว”

“จะทำแบบนั้นได้ยังไง พวกเรามาคุยธุรกิจหลายสิบล้านนะ คุยกันด้านนอก ไม่เหมาะมั้ง” หยิ่นเหล่ยเข้ามา และได้เห็นพอดี

“หลี่ซ่วยซ่วย นายทำอะไรให้มันเพิ่งได้หน่อยได้มั้ย เรื่องแค่นี้ยังทำไม่ดี เสียดายที่ฉันคิดว่าถ้านายเรียนจบแล้วจะให้มาทำงานในต้าหัวกรุ๊ปนะ”

“เจ้าของร้าน นายไปบอกลูกค้าในห้องหน่อย ให้พวกเขาไปกินร้านอื่น ให้พวกเขาเอาห้องส่วนตัวให้เรา”

หยิ่นเหล่ยควักเงินสองพันออกมาจากกระเป๋าแล้วให้เจ้าของร้าน: “นี่สองพัน ถือว่าชดเชยให้พวกเขา”

“ได้ ผมจะไปกล่อมพวกเขา” เจ้าของร้านเห็นเงินเยอะ เลยกระดี๊กระด๊าทันที

ร้านอาหารเล็กๆ แบบนี้ ปกติก็มีแต่นักศึกษาจนๆ มากิน

ราคาไม่ถึงห้าสิบเหรียญต่อหัว ตามจริงก็คือประมาณสามสิบเหรียญเอง

พวกนักศึกษาที่ฐานะไม่ค่อยดี ชอบมารวมตัวกันกินข้าว สั่งอาหารสองสามอย่าง กินเหล้าสองขวด ก็รู้สึกสบายมากๆ แล้ว

พวกเขาไม่เหมือนหยิ่นเหล่ย ที่ชินกับการไปกินข้าวที่ภัตตาคารห้าดาว มื้อนึงอย่างน้อยก็ต้องพันสองพัน

ไม่นาน ลูกค้าในห้องส่วนตัว ก็เอาเงินแล้วก็ไป

“คุณชายหลี่ เชิญคุณก่อน” หยิ่นเหล่ยมองหลี่ซ่วยซ่วยด้วยสีหน้าภูมิใจ แล้วทำมือเชิญหลี่ฝาง

แต่หลี่ฝางกับยกเก้าอี้ขึ้นมา แล้วนั่งลง: “ช่างเถอะ ในห้องนั่นอึดอัด พวกเรานั่งกินตรงนี้เถอะ”

“หนุ่มหล่อท่านนี้ ในห้องส่วนตัวมีหน้าต่าง และก็มีแอร์ ไม่อึดอัดเลยครับ แต่ตรงนี้ มีแค่พัดลมเก่าๆ สองตัว” เจ้าของร้านมองหลี่ฝาง แล้วพูดด้วยเจตนาดี

แต่หลี่ฝางกลับยิ้มอ่อน: “เจ้าของร้าน เอาเมนูมาเถอะ”

“ไม่มีเมนูครับ ทุกท่านต้องไปที่หลังครัว แล้วดูว่าในครัวมีอะไรกิน จากนี้ก็บอกผมว่าอยากกินอะไร อาหารปกติ ผมสามารถทำได้หมดครับ” เจ้าของร้านยิ้มฮี่ๆ แล้วพูด

“ไปเถอะ”

หลี่ฝางลุกขึ้นยืน และเดินเข้าไปหลังครัวคนแรก

สีหน้าของหยิ่นเหล่ย เข้มลงอีกครั้ง หลี่ฝางคนนี้ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ทำให้เขาขายหน้า

หยิ่นเหล่ยอดกลั้นน้ำโหไว้ แล้วตามคนอื่นๆ ไปที่หลังครัว

หลังจากที่หลี่ฝางเข้ามาที่หลังครัว ก็รู้สึกคุ้นเคยสุดๆ ก่อนหน้านี้ เขากับโจวหยาง ก็เคยมากินข้าวที่ร้านอาหารแบบนี้อยู่หลายครั้ง

“ขอเนื้อผัดพริกที่นึง เจ้าของร้าน พริกนี่เผ็ดมั้ย?” หลี่ฝางถามอย่างแฮปปี้

“เผ็ด รับรองว่าเผ็ดจนนายเหงื่อแตกแน่”

“โอเค ใส่พริกเยอะๆ หน่อยนะครับ” หลี่ฝางพยักหน้า จากนั้นก็พูดว่า: “เอาก๋วยเตี๋ยวเย็นที่นึง แล้วก็มะเขือเทศผัดไข่……”

“หลี่ซ่วยซ่วย นายสั่งอีกสักสองอย่างเถอะ” หลี่ฝางตบไปที่บ่าของหลี่ซ่วยซ่วย แล้วพูด

“เอาเครื่องในต้ม แล้วก็ไก่ผัดที่นึงครับ” หลี่ซ่วยซ่วยเลือกสั่งอาหารที่ราคาแพงขึ้นหน่อย

เลี่ยวข่ายสั่งซุปข้าวโพดใส่ไข่ไปที่นึง

จากนั้น หลี่ซ่วยซ่วยก็มองไห่เย่น แล้วพูด: “ฉันรู้ว่าเธอชอบกินปลา ฉันให้เจ้าของร้านนึ่งให้เธอที่นึง”

“ไม่ต้องหรอก ซ่วยซ่วย ช่วงนี้ฉันลดน้ำหนัก” ไห่เย่นมองสภาพแวดล้อมที่นี่ ทำให้ไปอยากกิน

ส่วนหยิ่นเหล่ยหลังจากที่เข้าไป ก็ขมวดคิ้วอย่างรังเกียจ: “โห นี่ใช่ที่ที่คนกินข้าวกันเหรอ? ดูนี่สิสกปรก ในห้องยังมีแมลงวันด้วยอีกตัว สุขลักษณะของพวกนาย ผ่านเกณฑ์มั้ยเหนี่ย?”

“น้องชาย หากคุณไม่อยากกิน ก็เดินออกไป เลี้ยวซ้ายไปห้าสิบเมตร มีร้านอาหารร้านใหญ่อยู่ ที่นี่ ต้อนรับแค่บางคนเท่านั้น ไม่ต้อนรับพระเจ้า” เจ้าของร้านมองหยิ่นเหล่ย แล้วพูดหึ

ถึงแม้หยิ่นเหล่ยจะมีเงิน แต่หยิ่นเหล่ยพูดแบบนี้ เจ้าของร้านก็ต้องโมโหอยู่แล้ว

“นายทำไมพูดแบบนี้ ฉันเป็นลูกค้า เป็นพระเจ้า เข้าใจมั้ย?” หยิ่นเหล่ยพูดจบ ก็ถูกหลี่ฝางตบแสกหน้าไปหนึ่งที

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน