NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง – บทที่520 ส่งมาเถอะ ตาแก่

บทที่520 ส่งมาเถอะ ตาแก่

บทที่520 ส่งมาเถอะ ตาแก่

“งั้นก็รบกวนตำรวจหูแล้ว”ไอ้หัวล้านพูดอย่างเกรงใจไป จากนั้นก็วางสาย

ไอ้หัวล้านมาหน้าห้องนอนของหลิวเหล่าซาน เอาหูแนบไปที่ประตูห้อง แล้วแอบฟัง

หลังจากได้ยินเสียงครางของผู้หญิง ไอ้หัวล้านก็เบะปาก บ่นอย่างไม่พอใจ:“เห้อ ไม่ช้าก็เร็วพี่หลิวจะตายในเงื้อมมือของผู้หญิง”

ไอ้หัวล้านเข้าใจสันดานของหลิวเหล่าซานดี พวกสื่อลามก การพนัน ยาเสพติดนี้ โดยพื้นฐานแล้วเขาแตะต้องหมด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องผู้หญิง หลิวเหล่าซานรักมากที่สุด

โจวเสี่ยวชิงผู้หญิงคนนี้ พาความวุ่นวายมาอย่างเห็นได้ชัด นี่ถ้าหากว่าเป็นคนอื่น ไล่เธอไปนานแล้ว

ยังไงมาเป็นนักเลง มั่งคั่งก็สำคัญกว่าสิ่งใด แต่หลิวเหล่าซานกลับรับผู้หญิงคนนี้ไว้ เท่ากับว่านำความเดือดร้อนมาให้

ไอ้หัวล้านกังวลหน่อยๆ เดินไปตรงหน้าหน้าต่าง แล้วมอง

ไอ้หัวล้านมองอยู่แวบหนึ่ง แล้วตัวเองก็ตื่นตระหนกไป

ในเวลาไม่ถึงสองนาที คนของตัวเอง ล้มกันเป็นระนาบ

เฉินฝูเซิงนี้มีอิทธิพลมาก เขาตามรอยกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือผู้เป็นพ่ออย่างอิสระ เรียกได้ว่าเรียนกังฟูมาเยอะ ถึงแม้สู้ส้าวส้วยไม่ได้ แต่สู้กับนักเลงทั่วๆไปแล้ว เรียกได้ว่าธรรมดา

ในมือเฉินฝูเซิงถือไม้ตะบอง เขานำพวก เข้าไปฆ่าในห้องหมากรุก อย่างไม่มีใครหยุดมันได้

คนที่อยู่ด้านหลังของเฉินฝูเซิง ไม่มีสักคนที่ขี้ขลาด ถึงจะบอกว่าคนเดียวสู้กับสิบคนไม่ได้ แต่คนเดียวก็สู้กับอีกสามคนได้ ไม่มีปัญหาอะไร

หลี่ฝางมองเห็นฉากนี้ ก็หัวเราะอย่างพอใจ

ถึงแม้เฉินฝูเซิงจะเป็นลูกชายของกษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่ในเมื่อเขาอยากตั้งหลักที่เมืองเอก งั้นก็ต้องสร้างขึ้นมาด้วยลำแข้งของตัวเอง

ถ้าหวังพึ่งแค่ชื่อ ก็ไม่มีใครกลัวเฉินฝูเซิงมากนัก

เสเพลอยู่ในแวดวงนี้ ทุกคนสามารถไว้หน้ากษัตริย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ แต่ไม่ให้คุณไปกระตุกหนวดเสือได้

ดังนั้นเฉินฝูเซิงอยากจะยืนขึ้นมาได้ ตัวเองก็ต้องสร้างชื่อเสียงของตัวเองออกมา

“ห่า คนไร้ความสามารถอย่างพวกคุณ ยังจะกล้ามาอยู่ในสังคมมืดอีกนะ!”

“ผมแนะนำให้พวกคุณกลับบ้านไปทำนานเหอะไป”

หลังจากจัดการคนกลุ่มนี้ล้มลงไป เฉินฝูเซิงก็ถ่มน้ำลายลงพื้น พูดด้วยสีหน้าดูถูก:“ของสวะแบบนี้น่ะเหรอ ที่ดูถูกพวกเรา”

เฉินฝูเซิงหัวเราะ จากนั้นก็สะบัดกระบองไปวางไว้ที่คอของตัวเอง เดินเข้าไปที่ห้องหมากรุก

ไอ้หัวล้านนั่นเห็นฉากนี้ ก็ตกใจจนใจเต้นแรง

“แม่เอ๊ย คราวนี้ถือว่าไปแตะต้องพวกมือดีเข้าให้แล้ว”หลังจากไอ้หัวล้านบ่นอุบอิบ ก็วิ่งขึ้นไปที่ห้องทำงานของหลิวเหล่าซาน

ปังปังปัง!

ไอ้หัวล้านกำหมัดแน่น แล้วเคาะประตู

หลังจากหลิวเหล่าซานที่อยู่ข้างในได้ยิน ก็ด่าไปโดยตรง:“อยากตายเหรอไงแม่เอ๊ย ผมกำลังทำเรื่องดีๆอยู่ ถ้าคุณเคาะอีก ผมจะตัดมือคุณแน่!”

“ลูกพี่ แย่แล้ว พวกเขาบุกเข้ามาแล้ว”ไอ้หัวล้านตะโกนไปอย่างประหม่า

“อะไร!”

หลิวเหล่าซานหยุดกิจกรรมทันที จากนั้นก็ชักสีหน้าถาม:“คุณพูดอะไร?”

“ตอนนี้พวกเขากำลังขึ้นมา ลูกพี่ ทำไงดี?”ไอ้หัวล้านพูดอีกครั้ง

หลิวเหล่าซานลงมาจากตัวของโจวเสี่ยวชิง จากนั้นก็สวมกางเกง:“แม่เอ๊ย!”

หลังจากด่าออกไป หลิวเหล่าซานก็เปิดประตู ถามไอ้หัวล้าน:“คนของพวกเราล่ะ?หลับกันอยู่หรือไง?แค่คนไม่เอาไหนสิบกว่าคน กำจัดพวกคุณทั้งหมดได้หรือไง?”

ตอนที่หลิวเหล่าซานพูดคำนี้ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่เชื่อ

ทำไมหลายปีมานี้ห้องหมากรุกของหลิวเหล่าซานไม่มีใครมาก่อเรื่อง ก็เพราะว่าลูกน้องกลุ่มนี้ของเขาโหดมาก

ทุกคนต่างฝีมือดี หลิวเหล่าซานพึ่งพาลูกน้องกลุ่มนี้ ถึงยืนขึ้นมาที่เมืองเอก และยืนหยัดได้

แต่ตอนนี้ ถูกสิบกว่าคนโจมตี เขาหลิวเหล่าซานไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่ ลูกพี่ คนพวกนี้ไม่ใช่คนหนุ่มที่รับมือได้เลย แค่มองก็รู้เป็นคนช่ำชองยุทธภพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กคนนั้นที่นำทีมมา ดูเหมือนอายุไม่มาก แต่กลับโหดเหมือนเสือ ไม่อาจต้านทานได้”

หลังจากไอ้หัวล้านพูดจบ หลิวเหล่าซานก็ขมวดคิ้ว:“เด็กคนนั้นเหรอ?ไม่ใช่หลี่ฝางสินะ”

“ไม่ใช่ เป็นผู้ช่วยที่หลี่ฝางพามา”ไอ้หัวล้านพูด

“ไม่เคยเห็นเหรอ?”หลิวเหล่าซานขมวดคิ้ว มองไอ้หัวล้าน

“ไม่เคยครับ คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นคนหน้าใหม่ ฉันเสเพลมานาน ถือได้ว่ารู้จักคนทั้งใหญ่โตธรรมดามาหมด แต่ผู้ชายคนนี้ ผมกลับไม่เคยเห็น”

“แน่นอนว่า พวกเขาก็ไม่เคยเห็นผม”

ไอ้หัวล้านพูด:“และก็ไม่รู้ว่าคือคนจากไหน คงไม่ใช่มาจากตงไห่”

“หลังจากลูกพี่หลี่ตาย ตงไห่ก็เหลือลูกพี่หลินคนเดียว พวกลูกน้องของลูกพี่หลิน ไม่มีตัวละครที่โหดๆวัยรุ่นๆแล้ว มีแค่จางกงหมิง”หลิวเหล่าซานสงสัยไป ก็ปรากฏความหวาดกลัวขึ้นมา

ตอนนี้จางกงหมิงมีชื่อเสียงมาก หลิวเหล่าซานขัดใจไม่ได้เลย

“ไม่ใช่จางกงหมิง ถ้าจางกงหมิง ผมรู้จักแน่”ไอ้หัวล้านพยักหน้า แล้วพูด

“งั้นก็ดี ออกไป เจอพวกเขาซะ”

มองไปที่ไอ้หัวล้าน หลิวเหล่าซานถามอีกครั้ง:“ใช่สิ คุณโทรหาตำรวจยัง?”

“ผมโทรหาหูเฟยแล้ว หูเฟยพูดแล้วว่า จะพาคนมาทันที”ไอ้หัวล้านพูด

หลิวเหล่าซานตอบอืม ถือว่าโล่งอกหน่อย

“งั้นก็ไม่มีปัญหาแล้ว”หลิวเหล่าซานหัวเราะ พูดว่า:“ตอนนี้เป็นสังคมมีกฎหมายแล้ว”

“ผู้หญิงคนนี้เอาไง?”

ไอ้หัวล้านมองไปที่เตียง โจวเสี่ยวชิงเอาผ้าห่มคลุมตัวเองไว้ จากนั้นก็แอบสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว

ก็แค่ โจวเสี่ยวชิงในตอนนี้ผมกระเซิงไปหมด มองไปแล้วเหมือนผู้หญิงบ้าคนหนึ่ง

“คุณรออยู่นี่ก่อนละกัน”

หลิวเหล่าซานมองโจวเสี่ยวชิงอย่างเสียใจหน่อยๆ:“วางใจเถอะ ผมจะปกป้องคุณทุกอย่าง”

“ขอบคุณค่ะ คุณอาซาน”โจวเสี่ยวชิงมองหลิวเหล่าซานด้วยใบหน้ารู้สึกขอบคุณ

ในตอนนี้หลิวเหล่าซานคือคนที่ทำการใหญ่แล้วไม่อาจล้มเลิกกลางคันได้ เขารับปากโจวเสี่ยวชิงแล้ว และยังขัดใจหลี่ฝาง

อยู่ในจุดที่ใช้สงครามในการแก้ปัญหา เขาไม่สามารถส่งโจวเสี่ยวชิงไปได้อีกแล้ว

เพราะถ้าแบบนั้น คนในแวดวงนี้ ก็จะคิดว่าหลิวเหล่าซานกลัวโจวเสี่ยวชิง

นักเลงที่อายุสี่สิบกว่าปีนี้ เป็นนักเลงที่มีหน้ามีตา ถ้าถูกหักหน้าแล้ว จะเป็นนักเลงอะไรได้อีก

แม้แต่พวกไอ้หัวล้าน ก็จะทยอยกันจากไป

ติดตามลูกพี่แบบนี้ เดินไปที่ไหน ก็เหมือนกับติดตามคนหน้าไม่อายไป

ดังนั้นหลิวเหล่าซานได้แต่ฝืนปกป้องโจวเสี่ยวชิงไป

แน่นอนว่า หลิวเหล่าซานก็มีความเห็นแก่ตัว ตอนหนุ่มๆที่ทำงานอยู่นั้น เขารู้จักโจวปู้ถงพ่อของโจวเสี่ยวชิง

ตอนนั้นโจวปู้ถงให้หลิวเหล่าซานดูรูปแต่งงานของตัวเอง จากนั้นก็ชอบแม่ของโจวเสี่ยวชิง

ตอนนั้นหลิวเหล่าซานมีความคิดชั่วร้าย อยู่ใกล้ชิดโจวปู้ถง ก็เพื่อเป็นชู้โจวปู้ถง มีความสัมพันธ์กับแม่ของโจวเสี่ยวชิง

ตอนนั้น แม่ของโจวเสี่ยวชิง ถือว่าเป็นสาวในฝันของหลิวเหล่าซาน

หลิวเหล่าซานแอบส่งสัญญาณลับอยู่หลายครั้ง แต่ถูกแม่ของโจวเสี่ยวชิงด่าไปชุดใหญ่ จากนั้น หลิวเหล่าซานจึงย้ายที่ทำงาน มาที่เมืองเอก

หลิวเหล่าซานใช้ความมานะบากบั่นของตัวเอง เปิดโรงเล่นไพ่นกกระจอกเล็กๆ

ต่อมา ก็เปิดเป็นกาสิโน มาถึงจุดนี้ในวันนี้ได้

เฉินฝูเซิงในตอนนี้ วิ่งมาตลอดทาง มาที่ถนน

เฉินฝูเซิงชูไม้ขึ้นมา ทุบโต๊ะไพ่นกกระจอกที่อยู่ข้างๆจนแตกออก

“วันนี้ปิดเร็วล่วงหน้า ถ้าไม่อยากโดนลูกหลง ก็รีบกลับบ้านไปนอนกอดภรรยาคนรักละกัน”

เฉินฝูเซิงพูดจบ คนจำนวนมากที่เล่นไพ่นกกระจอก เล่นไพ่ ก็รีบลุกขึ้นทันที

หลังจากเก็บชิปไป พวกเขาก็เริ่มหนีไปข้างนอก

และตอนนี้เอง หลิวเหล่าซานก็นำไอ้หัวล้านเดินเข้ามา

“น้องชาย ผมหลิวเหล่าซานไปทำอะไรขัดใจคุณเหรอ ถึงได้มาเล็งที่ผมแบบนี้ คุณรู้ไหมลูกค้ากลุ่มนี้ที่หนีไป ผมต้องขาดทุนไปเท่าไหร่?”

“คุณทำร้ายคนของผม ทุบตีโต๊ะไพ่นกกระจอกของผม เงินค่ารักษาพยาบาลกับค่าโต๊ะไพ่นกกระจอกผมไม่เอากับคุณแล้ว แต่สถานที่นี้ของผมถูกคุณทำยุ่งเหยิงไปหมด จะทิ้งปมไว้ในใจของลูกค้าน่ะสิ”

“พวกคนที่หนีเมื่อกี๊ ล้วนแต่เป็นลูกค้าประจำของผม”

“ถ้าครั้งหน้าพวกเขาไม่มาแล้ว ร้านของผม ก็ถูกคุณทำเจ๊งหมดเลย”

“น้องชาย คุณดูสิถ้าร้านผมเจ๊งแล้ว คุณจะชดใช้ให้เท่าไหร่?”หลิวเหล่าซานหรี่ตาลง มองเฉินฝูเซิง

ถึงแม้เฉินฝูเซิงจะเป็นคนหนุ่มที่ไม่กลัวคนสูงวัยกว่า พละกำลังก็มาก แต่หลิวเหล่าซานเป็นนักเลงมาหลายปีนี้ มีคอนเนคชั่นและความสัมพันธ์กับคนไม่น้อยในแวดวงนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวอะไรนัก

ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ใช่ว่าหูเฟยใกล้จะมาแล้วเหรอ?

หรือว่าเด็กตรงหน้านี้ จะกล้าแทงตัวเองโดยตรง

เฉินฝูเซิงเบะปากแล้วหัวเราะ พูดว่า:“ชดใช้เท่าไหร่ผมไม่สน ผมสนแค่จะเอาผู้หญิงกับคุณเท่านั้น”

“ส่งมาเถอะ ตาแก่

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

ยามค่ำคืนดึกๆ ในหอพักแห่งหนึ่งที่ตงไห่

“หลี่ฝาง รีบเอาน้ำล้างเท้ามาให้ฉันเร็วๆ ”

ได้ยินเสียงตะโกนเรียก หลี่ฝางไม่รีรอเลยสักนิด รีบไปยกน้ำล้างเท้าของเจ้าอ้วนมาให้

“รอเดี๋ยว ถุงเท้าก็ช่วยซักด้วยเลย ไม่ซักมาหลายวันแล้ว เหม็นตายห่า” หลี่ฝางยกกะละมังล้างเท้าขึ้นมา เจ้าอ้วนก็พูดขึ้นมาอีกทันที

หยิบถุงเท้าที่เหม็นเน่าของเจ้าอ้วนแล้ว หลี่ฝางก็เดินเข้าไปในห้องน้ำของหอพัก จากนั้นเริ่มยุ่งๆ

เขาไม่เพียงแค่ซักถุงเท้าของเจ้าอ้วน ยังต้องซักเสื้อนักเรียนของเพื่อนร่วมห้องคนอื่นอีกด้วย รองเท้า กางเกงใน……

“เกาเสิ้ง ช่วงนี้นายยิ่งอยู่ยิ่งเกินไปแล้วนะ นายเห็นหลี่ฝางเป็นอะไร เขาเป็นเพื่อนร่วมห้องของนาย ไม่ใช่คนใช้นะ”

หัวหน้าห้องโจวหยางทนดูต่อไปไม่ไหว จึงว่าเจ้าอ้วนสองสามคำ

“หัวหน้า ผมกำลังช่วยเขา เขาขาดเงินไม่ใช่เหรอ? ผมจ่ายเงินให้เขาอยู่” เจ้าอ้วนยิ้มๆ ไม่สนใจ

“ใช่ไหม หลี่ฝาง? ” เจ้าอ้วนตะโกนถามหลี่ฝางไปทางห้องน้ำ

“ใช่ ขอบใจนายที่ช่วยอุดหนุนธุรกิจของผม เกาเสิ้ง” หลี่ฝางหันหน้ามายิ้ม ตอบหนึ่งคำด้วยความทราบซึ้งน้ำใจ

เห็นเป็นเช่นนี้ โจวหยางได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ

หลังจากที่พ่อแม่หายตัวไป หลี่ฝางได้แค่พึ่งการซักเสื้อผ้าให้คนอื่น ทำการบ้าน ช่วยวิ่งซื้อของเป็นต้น เพื่อหารายได้มาเป็นค่าใช้จ่ายและจ่ายค่าเทอม

ไม่นาน โจวหยางเดินเข้าไปในห้องน้ำ: “หลี่ฝาง ถ้านายไม่มีเงินจริงๆ ผมยืมให้นายได้”

“ไม่ต้องหรอกครับ ขอบคุณนะ” หลี่ฝางไม่อยากใช้ชีวิตด้วยการพึ่งพาความช่วยเหลือจากคนอื่น อีกอย่าง เงินที่ยืมมา สุดท้ายก็ต้องคืนอยู่ดีไม่ใช่หรือ?

โจวหยางมองความคิดของหลี่ฝางออก: “ไม่เป็นไร ไม่ต้องรียคืนครับ รอให้นายเรียนจบก่อนค่อยคืนก็ได้ครับ”

หลี่ฝางหัวเราะขมขื่น: “หัวหน้า อีกนานกว่าจะเรียนจบเลยนะ”

โจวหยางส่ายหัวอีกครั้ง แล้วกลับไปบนที่นอนของตนเอง

“ผมว่านะ หัวหน้าอย่ากังวลไปเลย ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหลี่ฝางตอนนี้มีสถานการณ์อย่างไร นายช่วยไหวเหรอ? ” จางเสี่ยวเฟิงคนที่อายุโตกว่าทุกคนในห้องยิ้มและพูด

“ใช่ ถ้าไม่มีพวกเรา เรื่องกินของเขายังมีปัญหาเลย” เกาเสิ้งพูดด้วยความภูมิใจ

พอหลี่ฝางทำงานเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว กำลังเตรียมจะเข้านอน จางเสี่ยวเฟิงก็พูดขึ้นมา: “หลี่ฝาง อาการอยากสูบบุหรี่กำเริบอีกแล้ว นายไปซื้อให้ฉันซองหนึ่งสิ เหมือนเดิม”

สีหน้าของหลี่ฝางรู้สึกลำบากใจ: “ตอนนี้ก็ห้าทุ่มแล้วนะ ประตูมหาวิทยาลัยก็ปิดแล้ว”

“อย่าพูดมาก กูเพิ่มเงินให้นายสิบหยวน ไปไม่ไป? ” จางเสี่ยวเฟิงโยนเงินลงบนพื้น พูดด้วยความโมโห

“งั้นผมปีนกำแพงออกไปซื้อให้”

หลี่ฝางเก็บเงินบนพื้นขึ้นมา แล้วเดินออกจากหอ

“หลี่ฝางคนนี้นี่ ขอแค่ให้เงินเท่านั้น แม้แต่ขี้ก็ยอมกิน” เพิ่งเดินออกจากห้อง หลี่ฝางก็ได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของเกาเสิ้ง

“ก็นั่นสิ? ถ้าผมเป็นเขา ไปตายเสียดีกว่า จะอยู่ให้อายคนอีกทำไม” จางเสี่ยวเฟิงก็พูดเห็นด้วย

หลี่ฝางได้ยินแล้วกำมือแน่นๆ ด้วยความโมโหอย่างมาก

แต่หลังจากนั้นสักพัก หลี่ฝางก็ค่อยๆ ปล่อยวาง คนอื่นเค้าก็พูดไม่ผิดอะไรนี่ ตนเองก็เป็นแค่คนจนๆ ที่ไม่มีศักดิ์ศรีอยู่แล้ว

ปีนกำแพงไปถึงซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งหนึ่งที่เปิดตลอด24ชั่วโมง หลี่ฝางซื้อบุหรี่เสร็จและเตรียมตัวจะกลับหอ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาในซูเปอร์มาร์เก็ต

หญิงคนนี้เหลือบไปมองหน้าหลี่ฝางหนึ่งครั้ง สายตาเหมือนมีอะไรบางอย่าง ลำคอของเธอขยับ จากนั้นก็หันหน้าไปอีกข้าง แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นหลี่ฝางอย่างนั้น

ผู้หญิงคนนี้ชื่อเซี่ยลู่ เป็นเพื่อนบ้านของหลี่ฝาง ยังเป็นหนึ่งในดาวในโรงเรียนอีกด้วย

เมื่อก่อนสถานะทางบ้านของหลี่ฝางรวยมาก การเรียนก็ดี ตอนนั้นเซี่ยลู่วันๆ คอยตามหลังของเขาอยู่ทุกวัน ทั้งสองตระกูลเป็นมิตรที่ดีต่อกัน ยังมีการสัญญาหมั้นให้ทั้งสองคนตั้งแต่เด็กอีกด้วย

ส่วนชายที่อยู่ข้างๆ เซี่ยลู่ คือเพื่อนนักเรียนในห้องของหลี่ฝาง ชื่อตู้เฟย เป็นลูกเศรษฐี หน้าประตูซูเปอร์มาร์เก็ตมีรถBMWจอดอยู่ นั่นก็คือรถของเขา

“เถ้าแก่ เอาถุงยางให้ผมหนึ่งกล่อง” ตู้เฟยตะโกนบอก

เซี่ยลู่หน้าแดงขึ้นมาทันที ต่อหน้าหลี่ฝางมีความรู้สึกอาย: “พี่เฟย ท้องของฉันไม่ค่อยสบายหน่อย เราเอาไว้วันหลังละกันนะ”

“วันหลังห่าอะไร เป็นเพราะนายคนนี้ใช่ไหม? ” ตู้เฟยหันหน้าไปชี้หลี่ฝางแล้วถาม

“อย่าคิดว่าผมไม่รู้เรื่องระหว่างเธอสองคนนะ แต่นั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว” ตู้เฟยสีหน้าเข้มขรึม ซักถามเซี่ยลู่ตรงๆ : “ทำไม คุณยังไม่ลืมเขาเหรอ? ”

เซี่ยลู่ส่ายหัวและรีบปฏิเสธ: “หนุ่มจนๆ แบบนี้ ฉันจะลืมเขาไม่ลงได้ไง? ”

“ฉันไม่สบายท้องจริงๆ ”

“พูดแล้วก็น่าแปลกใจ เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ คงจะเป็นเพราะเจอใครบางคน ท้องถึงได้สะอิดสะเอียน” เพื่อที่จะเอาใจตู้เฟย เซี่ยลู่พูดอย่างโหดร้าย

“ฮาฮา ผมเห็นเขาแล้วก็รู้สึกอยากอ้วกเหมือนกัน”

ตู้เฟยหัวเราะดังๆ ยื่นมือไปตบหน้าหลี่ฝางหนึ่งที: “ยังไม่รีบไสหัวไปอีก ไม่ได้ยินเหรอ? ว่าแฟนฉันเห็นแกแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน? ”

หลี่ฝางกัดฟันแน่นๆ จ้องหน้าตู้เฟยอย่างเย็นชา

สีหน้าของตู้เฟยตะลึงสักพัก จากนั้นก็ถีบที่ท้องของหลี่ฝางอีกครั้ง: “ยังกล้าจ้องฉันอีกเหรอ? แกไม่พอใจอะไร? ”

“พี่เฟย อย่าตีอีกเลย” เซี่ยลู่เข้าไปห้าม

“ทำไม? เห็นอกเห็นใจมัน? ”

“ไม่หรอก? ฉันแค่รู้สึกว่าเราไม่ควรไปถือสาและยุ่งเกี่ยวกับคนจนๆ แบบนี้หรอก” เซี่ยลู่รีบส่ายหัว

ตู้เฟยทำเสียงฮึ่ม แล้วยื่นมือไปรับกล่องถุงยางจากเถ้าแก่ร้าน และพูดว่า: “เซี่ยลู่ คืนนี้ฉันไม่สนว่าเธอจะประจำเดือนมาหรือว่าปวดท้อง แต่ว่าเธอปลุกไฟราคะของฉัน อย่าคิดหนีนะ? ”

“หลี่ฝาง แกจำไว้ หลังจากวันนี้อยู่ห่างๆ เซี่ยลู่ไว้ ไม่อย่างนั้นเห็นนายครั้งหนึ่ง เตะครั้งหนึ่ง” ก่อนจะไป ตู้เฟยเตือนหลี่ฝางด้วยถ้อยคำที่โหดเหี้ยม

เช็ดๆ รอยเท้าบนเสื้อ หลี่ฝางปีนกำแพงกลับไปถึงหอพัก

หลี่ฝางกลับมาดึกเกิน ยังถูกจางเสี่ยวเฟิงด่าอีกชุดใหญ่

หลี่ฝางทนไม่ไหว กัดฟันและแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มทั้งคืน

เช้าวันถัดมาตื่นมา หมอนของหลี่ฝางยังเปียกชื้นอยู่เลย ขณะนั้น เขาสังเกตเห็นในมือถือมีสายที่ไม่ได้รับสามสิบกว่าสาย

“ทำไมเป็นสายจากต่างประเทศทั้งหมดเลย? ”

หลี่ฝางเปิดดูสักพัก สงสัยว่าเป็นพวกนักต้มตุ๋นมืออาชีพโทรมา

“ยังมีข้อความ เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 1,000,000.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,325.00 หยวน” หลี่ฝางอ่านหนึ่งรอบ คิดว่าต้องเจอพวกนักต้มตุ๋นแน่ๆ

ในตอนนี้ หลี่ฝางรีบถอนเงินในวีแชทที่ได้ออกมา

มือถือดังขึ้นตึ้ดหนึ่งเสียง หลี่ฝางรู้สึกมึนงง

“ธนาคารABC วันที่ 12 เดือน 11 ปี x เวลา 07:14 น. เลขที่บัญชีลงท้ายด้วย 911มีเงินโอนเข้าจำนวน 300.00 หยวน ยอดเงินคงเหลือ 1,000,625.00 หยวน”

ข้อความที่มีเงินโอนเข้าหนึ่งล้าน กับข้อความที่มีเงินโอนเข้าสามร้อย เลขเหมือนกัน?

ถ้าเป็นนักต้มตุ๋น เขาจะรู้ยอดเงินคงเหลือของหลี่ฝางได้ไง

นั่นก็คือ เงินหนึ่งล้านที่โอนเข้ามานี้เป็นเรื่องจริง

นึกถึงตรงนี้แล้ว หลี่ฝางรีบลุกขึ้นมาเหมือนคนบ้าและวิ่งออกจากโรงเรียน

ไปถึงตู้เอทีเอ็มของธนาคารแห่งหนึ่ง หลี่ฝางใส่บัตรเอทีเอ็มของตนเองเข้าไป นิ้วมือกดรหัสเอทีเอ็ม

“ผมกำลังฝันไปแน่ๆ ” เห็นมียอดเงินในบัญชีหนึ่งล้านกว่า หลี่ฝางส่ายหัว เขาไม่กล้าเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

เบอร์โทรแปลกๆ นั่นโทรมาอีกครั้ง ครั้งนี้หลี่ฝางไม่ลังเลเลยสักนิด รีบรับสายโทรศัพท์นั้น

“เสี่ยวฝาง……” ในสายโทรศัพท์ทางโน้นเป็นเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นมา

“พ่อ? ใช่พ่อ…..ใช่พ่อไหม? ” สองมือของหลี่ฝางสั่นแรงขึ้น

“ใช่ พ่อเอง ฉันกับแม่แกไม่อยู่ หลายปีมานี้แกสบายดีไหม? ต้องลำบากมากแน่ๆ ใช่ไหม? เมื่อกี้พ่อโอนเงินหนึ่งล้านเข้าบัญชีให้แล้ว ใช้ไปก่อนนะ ถ้าไม่พอพ่อจะโอนให้อีก ใช่สิ ไม่ได้เจอกันมาหลายปี แกคงคิดถึงพวกเรามากใช่ไหม? ” พ่อของหลี่ฝางถามไถ่ติดกันหลายประโยค

หลี่ฝางแน่ใจว่าเขาคือพ่อตนเองแล้ว น้ำตาก็ไหลและนั่งร้องไห้ลงกับพื้นทันที เขาพิงตู้เอทีเอ็มไว้ มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ มืออีกข้างก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“ผม……คิดถึง…..พวกท่านจะตายอยู่แล้ว”

“ดี ดีแล้วลูก หลายปีมานี้ลำบากแกมากพอแล้ว แต่ว่าอย่าเกลียดพ่อนะ ถ้าจะเกลียด ก็ไปเกลียดปู่ของแกโน่น เขาเป็นคนวางแผน……”

หลี่ฝางพูดแทรกขึ้นมา: “เดี๋ยว ปู่ของผมตายไปตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอครับ? ”

“ตายที่ไหน ตาเฒ่านั่น พ่อก็อยากให้ตายตั้งนานแล้ว พ่อแค่หลอกแกมาสามปี ตาเฒ่านั่นหลอกพ่อมานานสิบกว่าปี……สามปีก่อนตาเฒ่ามารับพ่อกลับบ้าน แล้วมาบอกพ่อว่าเขายังไม่ตาย ยังบอกกับพ่อว่าเขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด แกว่าตาเฒ่าบ้านี่ยังมีคุณธรรมอยู่รึเปล่า หลอกว่าตัวเองตายแบบนี้ยังทำออกมาได้”

“มหาเศรษฐีที่รวยที่สุด? ”

“ไอ้ลูกอกตัญญู ว่าใครตาเฒ่า เดี๋ยวตีให้ตายเลย” ในโทรศัพท์ทางนั้นมีเสียงสั่นตะโกนมา แต่เสียงในนั้น หลี่ฝางได้ยินพ่อตนเองพูดคุยอยู่: หลี่เจียเฉิน ถ้าท่านยังกล้าตีผมอีก ผมจะตัดขาดความเป็นพ่อลูกกับท่าน

หลี่เจียเฉิน? เขาเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในภูมิภาคเอเชียไม่ใช่เหรอ?

เดี๋ยว! ปู่ของผมเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุด

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท